Tuesday, 16 April 2024
NEWS

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี “สงกรานต์ช่วงเทศกาลปลอดภัย เที่ยวพัทยาอุ่นใจ”

วานนี้ (3 เม.ย. 67) เวลา 19.00 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2567 ของตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ภายใต้ยุทธการ “สงกรานต์ปลอดภัย เที่ยวพัทยาอุ่นใจ“ ณ ลานแยกชายหาดพัทยา (นิภาลอดจ์) เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมี พล.ต.ท. สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , นายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี , นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา , นายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง และข้าราชการตำรวจ  ทหาร ฝ่ายปกครองและอาสาสมัคร เข้าร่วมพิธี

พล.ต.ท.อัคราเดช ฯ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรม  ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 นั้น เพื่อให้การดำเนินการตามแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการรักษาความสงบในพื้นที่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีจึงกำหนดให้มีพิธีปล่อยแถว ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ประจำปี 2567 “สงกรานต์ปลอดภัย เที่ยวพัทยาอุ่นใจ ” โดยบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน 

จากนั้น พล.ต.ท.อัคราเดช ฯ พร้อมคณะ ได้เดินแจกโบรชัวร์การเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน “PATTAYA SAFETY” เพื่อบริการประชาชนและนักท่องเที่ยวในเรื่องการแจ้งเหตุ แจ้งเบาะแสออนไลน์ 24 ชั่วโมง โดยสามารถติดตามสถานการณ์การแจ้งเหตุด้วยปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน พูดคุยผ่านแชทสดกับเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งรองรับสองภาษาคือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ด้วยฟีเจอร์ที่โดดเด่น ทันสมัย ใช้งานง่าย

'อ.เจษฎา' แจง!! งานนี้ไม่ใช่บอลประเพณี แต่ผู้ใหญ่ 2 มหาลัยเห็นชอบรูปแบบ แนะ!! หากใครอาสาแบกเสลี่ยง 'อัญเชิญพระเกี้ยว' รีบสมัครล่วงหน้าได้เลย

(4 เม.ย.67) จากกรณีดรามา ‘นิสิตจุฬาฯ’ ใช้รถกอล์ฟอัญเชิญ ‘พระเกี้ยว’ ในงานฟุตบอลสานสัมพันธ์ ‘จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์’ ปีนี้ สร้างเสียงวิจารณ์กระหน่ำ มีทั้งผู้เห็นด้วยและคิดต่าง กระทั่งคณะผู้จัดงาน ฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ CU-TU Unity Football Match 2024 ออกมาชี้แจงความหมายของขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ที่ตั้งใจคัดสรรสัญลักษณ์ ตัวแทนองค์ความรู้แขนงต่าง ๆ มา

นอกจากนี้ กรณี พ.อ.รศ.นพ.วิภู กำเหนิดดี แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู เชี่ยวชาญในการรักษาโรคปวดเรื้อรัง ระบุทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ต้อนรับแพทย์ใช้ทุนที่จบจากที่นี่ เนื่องจากไม่ชอบ ทำให้ต้นสังกัดอย่าง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ร่อนคำชี้แจง พร้อมขออภัยบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ตลอดจนให้แพทย์รายดังกล่าวลบโพสต์ไปจากโซเชียลแล้วนั้น

เรื่องราวทั้งหมดนี้ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ออกมากล่าวทางเฟซบุ๊กในมุมที่อาจมีผู้เข้าใจผิดว่า งานบอลที่เพิ่งจัดไปไม่ใช่งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

รศ.ดร.เจษฎาระบุว่า ทราบกันหรือไม่ว่า “งานบอลที่เพิ่งจัดไป..ไม่ใช่งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ครับ” เห็นเป็นประเด็นดรามากันมาหลายวันแล้ว เกี่ยวกับงานฟุตบอล ที่จัดแข่งกันไประหว่างนิสิตจุฬาฯ และศึกษาธรรมศาสตร์…แต่ถ้าผมจะอธิบายให้เข้าใจชัดว่า “มันเป็นคนละงานกัน” กับการฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ที่ผ่าน ๆ มา ไม่รู้ว่าจะช่วยลดดรามาให้น้อยลงได้หรือเปล่านะครับ 

[ #สรุป (เผื่อใครขี้เกียจอ่านยาว) พูดง่าย ๆ คือสมาคมศิษย์เก่าของทั้ง 2 สถาบัน ไม่จัดงานบอลประเพณีจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ซักที…เด็ก ๆ นิสิตนักศึกษา ก็เลยจัดงานเตะบอลสานสัมพันธ์กันเอง..งานมันก็เลยออกมาสเกลเล็ก ๆ แค่นี้แหละครับ ]

คือจริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่งานฟุตบอลประเพณี ที่จัดกันมากว่า 90 ปีแล้ว (ซึ่งครั้งล่าสุด คือครั้งที่ 74 เมื่อปี พ.ศ.2563)…แต่มันมีชื่อว่า “งานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 1” ต่างหากครับ

งานฟุตบอลประเพณีที่ผ่านมา ดำเนินการจัดโดย ‘สมาคมศิษย์เก่า’ ของทั้งจุฬาฯ และธรรมศาสตร์ ผลัดกันเป็นเจ้าภาพมาตลอด…ขณะที่งานฟุตบอลสานสัมพันธ์ ที่พึ่งริเริ่มจัดในปีนี้นั้น จัดโดยองค์การบริหารสโมสรของนิสิตจุฬาฯ และของนักศึกษาธรรมศาสตร์

สาเหตุที่เกิดงานนี้ก็คือ การที่งานฟุตบอลประเพณีจุฬาธรรมศาสตร์ครั้งที่ 75 (ซึ่งควรจะได้จัดไปเมื่อปี 2564) ทางด้านของสมาคมศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ที่เป็นเจ้าภาพนั้นได้เลื่อนจัดมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดขึ้น จนมาถึงปีนี้ ก็ยังหากำหนดวันที่เหมาะสมร่วมกันกับทางสมาคมศิษย์เก่าจุฬาฯไม่ได้ แล้วต้องทำให้เลื่อนไปอีกปีนึง

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ทางองค์การบริหารสโมสรของทั้ง 2 สถาบัน จึงได้ขอจัดงานฟุตบอลสานสัมพันธ์ขึ้นเอง แม้ว่าเวลาจะกระชั้นชิดมาก และมีงบประมาณน้อยมากก็ตาม โดยจัดในแบบที่กระชับขึ้น เรียบง่ายขึ้น งบน้อยลง ใช้กำลังคนให้น้อยลง..และที่สำคัญคือมีรูปแบบงานในแบบที่นิสิตนักศึกษาอยากจัดกัน (ไม่ได้จำเป็นอยู่ในกรอบแนวทาง ของที่สมาคมศิษย์เก่าของทั้งสองสถาบัน เคยวางแนวไว้)

ตัวอย่างเช่น การแปรอักษรด้วยป้าย LED ก็เป็นการแก้ปัญหาเรื่องการระดมหาคนขึ้นสแตนด์ ในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนี้..หรือแม้แต่การอัญเชิญธรรมจักรและพระเกี้ยวที่เรียบง่ายขึ้น ใช้กำลังคนน้อยลงเช่นนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาได้ดีเช่นเดียวกัน..ซึ่งถ้ามองถึงผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจกันไว้ (แม้ว่าจะไม่อลังการเท่าเดิม ทั้ง stand แปรอักษรและขบวนอัญเชิญ)

ยังไงก็ตาม การจัดงานบอลสานสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่นิสิตนักศึกษาที่จัดกันเอง แต่ผู้บริหารของทั้งสองมหาวิทยาลัยก็เข้ามาช่วยสนับสนุนเช่นกัน..ดังนั้น รูปแบบวิธีการที่เปลี่ยนไปนี้ จึงถือว่าผ่านความเห็นชอบจากผู้หลักผู้ใหญ่ของมหาวิทยาลัยทั้งสองแล้วนะครับ

ดังนั้น ผู้ที่กังวลว่างานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ จะดูด้อยลง ลดความสวยงามอลังการลงจากเดิม ก็คงจะต้องรอดูในปีหน้า ๆ ถัดไป ว่างานฟุตบอลประเพณีครั้งที่ 75 นั้น จะจัดออกมาในรูปแบบไหน? จะสวยงามยิ่งใหญ่เท่าสมัยปี 2563 หรือเปล่า?

หรือจะเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ ไปตามสมัยนิยม ที่ลดเรื่องพิธีรีตอง และเน้นคุณค่าของตัวงาน ตามวัตถุประสงค์มากขึ้น..ซึ่งก็ต้องรอฟังทางสมาคมศิษย์เก่าของสองสถาบันนำเสนอชี้แจงกันต่อไป

แต่ไม่ใช่ มาดู ‘งานบอลสานสัมพันธ์ของนิสิตนักศึกษา’ ปีนี้ แล้วจะมารีบด่วนตัดสินว่า หลาย ๆ อย่าง (เช่น เสลี่ยงอัญเชิญพระเกี้ยว) ถูกยกเลิกไปแล้วอย่างที่ข่าวไปกระพือกันนะครับ…เน้นย้ำ ให้มองว่า มันเป็นคนละงานกันครับ!

ป.ล.ส่วนใครปวารณาตัว อยากจะมาช่วยยกเสลี่ยงอัญเชิญพระเกี้ยวให้ ในปีหน้า ๆ ต่อไป ก็เป็นเรื่องน่ายินดีนะครับ รีบมาสมัครล่วงหน้าได้เลย 

มุกดาหาร​ -กอ.รมน.ภาค 2 ร่วมประชุมและตรวจพื้นที่ กอ.รมน.มุกดาหาร​ ร่วมกับคณะชุดประเมินผลฯของ ศปป.4 กอ.รมน. ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 67 เวลา 10.00 น.​ที่ผ่านมา ณ​ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร และห้องประชุมสำนักงานอุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว พ.อ.ชาติชาย ศรีสุราช​ หน.ปท.ศปม.กอ.รมน.ภาค 2 เป็นผู้แทน กอ.รมน.ภาค 2 ร่วมประชุมและตรวจพื้นที่  กอ.รมน.จังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับคณะชุดประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พ.ศ.2557 และการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ของ ศปป.4 กอ.รมน. โดยประเด็นที่สำคัญ การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เสนอแนะต่อ หน.อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานงานกับกองทัพ บูรณาการจัดชุดลาดตระเวนป่า เพื่อการป้องกัน สกัดกั้นไฟป่า และเพื่อการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจงดการเผา ต่อชุมชนและประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบผืนป่า ประเด็นการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์(สุกร) ขอให้เข้มงวดการตรวจตามช่องทางแนวชายแดน และโรงชำแหละ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาอาหารภายในประเทศไทย

'บิ๊กโจ๊ก' ผุด โครงการ 'พาพี่น้องกลับใต้' สงกรานต์ เที่ยวแรก 10 เม.ย. 'บิ๊กโจ๊ก' อาสาส่งขึ้นรถด้วยตัวเอง

(4 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์’ โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ได้โพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์โครงการช่วงสงกรานต์ ระบุว่า…

“โครงการดี ๆ พาพี่น้องกลับใต้ สงกรานต์ สามารถไปขึ้นรถได้ที่ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ตามตารางเดินรถ ไม่มีจองคิวล่วงหน้า ไปถึงก่อนขึ้นรับอาหาร เครื่องดื่ม วันที่ 10 เที่ยวแรกที่ออกเดินทาง ท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ท่านจะมาส่งท่านขึ้นรถด้วยตัวเอง ท่านใดสนใจขอเชิญ”

ทั้งนี้ รถที่นำมาบริการในช่วงสงกรานต์มีจำนวน 12 คัน ผู้ที่สนใจใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 095-014-2921 และ 095-695-9428

ตำรวจภาค 4 รวบขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 22 กก. ขณะส่งพัสดุ ก่อนส่งต่อไปยังประเทศที่สาม

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.67 ที่ ภ.จว.หนองคาย :  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาย, นายสมภพ สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย, นายคุ้มชน ธารีเกษ จนท.ประสานงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สาธารณรัฐเกาหลี, ผู้แทนจาก ป.ป.ส. และหน่วยร่วมบูรณาการ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 22 กก. ขณะกำลังส่งพัสดุไปให้ ผู้ร่วมขบวนการในกรุงเทพฯ ก่อนจะส่งไปประเทศที่สาม โดยซุกซ่อนในกล่องพัสดุเครื่องสำอางค์

ตำรวจภาค 4 โดยชุดสืบสวนของ ภ.จว.หนองคาย ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ที่ส่งยาเสพติดไปยังสาธารณรัฐเกาหลี พบว่ามีต้นทางมาจาก จ.หนองคาย เกี่ยวเนื่องกับกรุงเทพฯ  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาย ได้อำนวยการสั่งการให้ชุดสืบสวนของ ภ.จว.หนองคาย และ สภ.ท่าบ่อ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ อาทิเช่น ป.ป.ส.ภาค 4, ฝ่ายปกครอง, ผู้จัดการร้านแฟลชโฮม สาขาท่าบ่อ เพื่อสืบสวนหาข่าว และวางแผนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติดังกล่าว

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ได้สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ตามแนวชายแดน จะมีการส่งยาเสพติดทางพัสดุไปให้ผู้ร่วมขบวนการในกรุงเทพฯ เพื่อจะส่งต่อไปยังประเทศที่สาม จึงเฝ้าติดตามจับกุม  ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เม.ย.67  เวลาประมาณ 12.40 น. ตำรวจชุดจับกุมได้  พบว่า นายสมพงษ์ อายุ 70 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) กำลังติดต่อขอส่งพัสดุที่ร้านแฟลชโฮม อ.ท่าบ่อ โดยระบุปลายทางพัสดุที่กรุงเทพฯ ตรงตามข้อมูลที่ได้จากการสืบสวน จึงแสดงตัวและขอตรวจสอบพัสดุ พบว่า เป็นเฮโรอีนบรรจุในกล่องครีมกันแดดสีเหลือง จำนวน 111 กล่อง และเฮโรอีนบรรจุในกล่องครีมกันแดดกล่องสีเขียว จำนวน 102 กล่อง น้ำหนักรวมทั้งสิ้นประมาณ 22 กิโลกรัม ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ยาเสพติดโทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า รับจ้างมาจากบุคคลที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ในราคา 4,000 บาท ให้ส่งพัสดุไปกรุงเทพฯ ตามที่อยู่ที่ผู้จ้างให้ไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผล ดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการต่อไป

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดตามแนวชายแดนและในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตำรวจภาค 4 ได้กวาดล้างจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้สืบสวนขยายผลกวาดล้างจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุกคน และนับจากนี้ จะเพิ่มความเด็ดขาดในการกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในภาคอีสานเหนือ โดยผู้ค้ายาเสพติด จะต้องไม่มีที่ยืนอีกต่อไป  พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด

นราธิวาส-ผู้ช่วยเลขาฯ ศอ.บต. ให้กำลังใจ 2 ผู้บาดเจ็บเหตุระเบิด อ.ศรีสาคร พร้อมย้ำจะดูแลสิทธิการเยียวยาอย่างดีที่สุด

โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายรอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมการปกครอง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เยียวยา ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวนลอบวางระเบิดรถยนต์ฟอร์ด หมายเลขทะเบียน กต 4211 ยะลา เหตุเกิดบนถนนหมายเลข 4213 บ้านไอร์กือเนาะ หมู่ที่ 5 ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส จึงทำให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย 1. นายฟาริด เฮาะมะสะเอะ อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุแรงระเบิด มีอาการปวดบริเวณเอวและต้นคอ มีแผลฉีกขาดวริเวณต้นคอด้านขวา ข้อเท้าขวาบวม หน้าอกมีรอยช้ำแดง และ 2. นายอาซอรี มามะ อายุ 44 ปี ได้รับบาดเจ็บ มีอาการปวดบั้นเอว และแน่นหน้าอก ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 คนได้รับการรักษาอย่างปลอดภัยแล้ว 

ในการนี้ นายรอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุยให้กำลังใจ และนำความห่วงใยจากเลขาธิการ ศอ.บต. และมอบกระเช้าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า รัฐบาล โดย ศอ.บต. พร้อมดูแลผู้ที่รับผลกระทบ รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ประสบเหตุฯอย่างดีที่สุด พร้อมจะเยียวยาตามหลักกฎหมาย และอยากให้ทั้ง 2 คน พักรักษาตัวให้หาย เพื่อกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุขต่อไป
ข่าว.แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

‘ป้าปูนา’ เดินหน้าฟ้อง ‘จั๊กกะบุ๋ม’ หลังเบี้ยวหนี้-ไร้ท่าทีสำนึก ย้ำ!! หากมาขอโทษก็สายไป พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมา

(3 เม.ย.67) นางรชต คำรอด อายุ 45 ปี หรือป้าปูนา เจ้าของธุรกิจปูนาฟ้าใส พระราม 2 เปิดใจถึงกรณีที่ถูกดาราตลกชื่อดัง จั๊กกะบุ๋ม เบี้ยวหนี้ ไม่ยอมจ่ายค่าปูนากว่า 300,000 บาท

โดย ป้าปูนา กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานและจบรายการโหนกระแสแล้ว อีกฝ่ายไม่มีท่าทีอยากจะขอโทษเราจากใจจริงเลย ไม่มีท่าทีที่สำนึกผิด เมื่อกลับมาที่บ้านก็ปรึกษากับครอบครัวและทนายความส่วนตัวที่เข้ามาช่วยเหลือ มีความเห็นตรงกันว่าจะฟ้องร้องแน่นอน ถึงแม้ว่าหากหลังจากนี้อีกฝ่ายจะมาขอโทษและขอโอกาส มองว่ามันสายเกินไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เราให้โอกาสคุณตลอด

“วินาทีที่เราพูดในรายการโหนกระแสว่าจะยกหนี้เกือบ 300,000 ให้นั้น เชื่อว่าคนที่ดูรายการอยู่ตอนนั้น คงรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะว่าอีกฝ่ายประดิดประดอยคำพูดตลอด พยายามพูดให้ตัวเขาไม่ผิด และสถานการณ์ในตรงนั้นกดดันมาก ๆ จึงพูดแบบนั้นออกไป

“คุณให้สัมภาษณ์ว่าจ่ายหนี้รายวัน วันละ 40,000 บาท ทำไมถึงไปให้ความสำคัญกับเจ้าหนี้ขนาดนั้น ถ้าเขาเรียงลำดับความสำคัญให้ดี 40,000 ที่จ่ายรายวันไป ก็สามารถลดทอนมาเจ้าละ 500 บาทก็ได้ ซึ่งทยอยนำเงินมาให้แม่บ้างก็ได้ เพราะว่าความเดือดร้อนของแต่ละคนต่างกัน อย่างของแม่ ตอนที่ไม่มีก็ไม่มีเงินซื้อขนม 1 ห่อให้ลูกที่บ้านเลย อย่าเอาภาระของคุณไปโยนให้กับเจ้าหนี้ เพราะเจ้าหนี้บางคนภูมิต้านทานไม่เท่ากัน กรณีแม่ยังมีครอบครัว แต่บางคนอาจจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือเป็นคนที่โดดเดี่ยว อาจจะรับความกดดันนี้ไม่ไหว อีกฝ่ายจะยังสำนึกผิดอยู่ไหม” นางรชต กล่าว

ป้าปูนา กล่าวว่า ไม่อยากฝากบอกอะไรถึงอีกฝ่ายแล้ว เพราะขั้นตอนต่อไปอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว เรายืนยันว่าจะฟ้องร้องแน่นอน พร้อมพูดถึงอีกฝ่ายว่า ขอให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตไม่ให้แย่ลงไปมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามา ทำให้เหมือนเสียชีวิตที่ก่อนหน้านี้หรือกำลังจะจมน้ำ ตอนนี้สามารถหายใจขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนสัญญาว่าหากกลับมายืนได้อย่างมั่นคงแล้ว จะส่งต่อสิ่งดี ๆ พวกนี้ให้กับคนที่ไม่ได้รับโอกาสนั้น

‘เว็บไซต์อาหารดัง’ เปิดอันดับ ‘เมนูยอดแย่’ ของโลก อึ้ง!! ‘แกงไตปลา’ ของไทย โผล่ที่ 1 จาก 100 เมนู

(3 เม.ย. 67) กลายเป็นกระแสในหมู่อาหารไทย เมื่อเว็บไซต์ TasteAtlas เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลอาหารจากทั่วโลก ครอบคลุมประเภทอาหาร ส่วนผสม และร้านอาหาร รวมถึงเครื่องดื่มกว่าหลายรายการ

โดยเว็บดังกล่าวได้เปิดเผยอาหารยอดแย่ที่สุดในโลกได้แก่ ‘แกงไตปลา’ ของประเทศไทย ซึ่งติดอันดับที่ 1 จาก 100 เมนูยอดแย่ของโลก

ทั้งนี้ TasteAtlas ได้บรรยายรสชาติของแกงไตปลาไว้ว่า เป็นแกงปลาเนื้อหนา กลิ่นหอม ซึ่งต้นกำเนิดมาจากภาคใต้ของประเทศไทย ประกอบด้วย เครื่องในปลาหมักแบบไตปลาและเครื่องแกงรสเผ็ดที่ประกอบด้วยพริก ข่า กะปิ ขมิ้น หอมแดง และตะไคร้

อาหารเครื่องเคียง ประกอบด้วยปลาแห้ง มะเขือยาวหั่นเต๋า หน่อไม้ ถั่วฝักยาว หรือผักอื่น ๆ เนื่องจากความเข้มข้นและกลิ่นหอมฉุน แกงไตปลาจึงรับประทานคู่กับข้าวสวยเป็นเครื่องเคียงได้ดีที่สุด แต่เดิมแกงไทยนี้ปรุงด้วยปลาเท่านั้น และแกงส่วนใหญ่ไม่ใช้กะทิ

สำหรับ 20 อันดับแรก ที่เว็บไซต์ TasteAtlas ทำการจัดอันดับ ได้แก่…

อันดับ 1 แกงไตปลา จากประเทศไทย
อันดับ 2 Hákarl (ฮาคาร์ล) จากไอซ์แลนด์
อันดับ 3 Fesikh (เฟสซิก) จากอียิปต์
อันดับ 4  Yerushalmi Kugel (เยรูชาลมี คูเกล) จากอิสราเอล
อันดับ 5  Luther Burger (ลูเธอร์ เบอร์เกอร์) จากสหรัฐอเมริกา
อันดับ 6  Pani ca meusa (ปานี กา มูซา) จากอิตาลี
อันดับ 7 Jellied Eels (เจลลี่ อีล-ปลาไหลเยลลี่) จากอังกฤษ
อันดับ 8 Calskrove (คาลสโกรฟ) จากสวีเดน
อันดับ 9 Peladillas (เพลลา ดิลลาส) จากสเปน
อันดับ 10 Smalahove (สมาลาโฮฟ) จากนอร์เวย์
อันดับ 11 Beyin salatasi (เบยิน ซาลาตาซี) จากเตอร์กิเย
อันดับ 12 Chapalele (ชาปาเลเล่) เกาะชิโลเอ จากชิลี
อันดับ 13 Sneem Black Pudding (สนีม พุดดิ้งดำ) จากไอร์แลนด์
อันดับ 14 Marmite and Chip Sandwich (แซนด์วิชมาร์ไมต์และชิป) จากนิวซีแลนด์
อันดับ 15 Fried spider (A-ping) (แมงมุมทอดอาปิง) จากกัมพูชา
อันดับ 16 Gazpacho de mango (คาสปาโช่ เดอ แมงโก้) จากสเปน
อันดับ 17 Bocadillo de carne de caballo (โบคาดิลโล่ เด การ์เน่ เด กาบัลโล) จากสเปน
อันดับ 18  Tinutuan (ตินูตวน) จากอินโดนีเซีย
อันดับ 19  Oil Down จากเกรเนดา
อันดับ 20  Lutefisk (ลูเตฟิสก์) จากนอร์เวย์

‘ดร.อานนท์’ โต้ ‘รศ.วิทยากร’ ปม รัชกาลที่ 5 ไม่ได้สร้าง ‘จุฬาฯ’ เผย!! ทรงสร้างโรงเรียนข้าราชการพลเรือน ที่ต่อมาคือ ‘จุฬาฯ’

(3 เม.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก ‘Witayakorn Chiengkul’ โดย รองศาสตราจารย์ วิทยากร เชียงกูล ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

“ประวัติการสร้างจุฬาฯ มหาวิทยาลัยแห่งแรก ที่ผมเคยอ่านพบคือ ร.๕ ไม่ได้สร้าง มีฝรั่งที่ปรึกษาและปัญญาชน อย่าง ‘ครูเทพ’ เคยเสนอแนะให้สร้างตั้งแต่ยุคนั้น แต่ไม่เกิดผล หลัง ร.๕ สวรรคต รัฐบาลยุค ร.๖ เรี่ยไรเงินจากประชาชนก่อสร้างอนุสาวรีย์ ร.๕ ทรงม้าที่ลานพระรูป แล้วยังมีเงินเหลือ รัฐบาลจึงได้นำไปสร้างจุฬาฯ คงต้องใช้เงินรัฐบาลสมทบด้วย แต่งบรัฐบาลก็มาจากภาษีประชาชนอยู่นั่นเอง”

หลังจากข้อความดังกล่าวปรากฏ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ก็ได้อธิบายความเพื่อตอบโต้โพสต์ดังกล่าว ไว้ว่า…

“กราบเรียนว่า ข้อมูลอาจารย์ไม่ถูกต้องทั้งหมดครับ...

1. รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างโรงเรียนข้าราชการพลเรือน ซึ่งต่อมาคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ ดังนั้นจึงมีความต่อเนื่อง 

2. พระบรมรูปทรงม้า สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ครับ ไม่ได้สร้างหลัง ร.5 เสด็จสวรรคตครับ แต่สร้างคราวเสด็จนิวัติพระนครหลังจากเสด็จไกลบ้านครั้งที่ 2 ครับ รัฐบาลไม่ได้เรี่ยไรครับ ประชาชนรวมเงินกันถวายสร้างพระบรมรูปทรงม้า ได้เงินมามากเกินกว่าที่จะสร้างพระบรมรูปทรงม้า 6-7 เท่า แต่ก็เก็บเงินไว้เฉย ๆ 

3. ครูเทพ ท่านกราบบังคมทูลให้สร้างมหาวิทยาลัยจริงครับ แต่เป็นในสมัย รัชกาลที่ 6 

4.ในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงดำริตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

‘รัดเกล้า’ เผย ‘โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1’ แล้วเสร็จ ‘การเคหะฯ’ เตรียมส่งมอบให้ผู้อยู่อาศัย เดือนพ.ค.นี้ ย้ายของเข้าอยู่ได้

(3 เม.ย. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เตรียมส่งมอบโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 ให้กับผู้อยู่อาศัยโครงการเคหะชุมชนดินแดง 1 อาคารแฟลตที่ 23-32 ซึ่งได้มีการจับสลากเลือกห้องพักอาศัยไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 

ทั้งนี้การเคหะแห่งชาติได้จัดปฐมนิเทศและเปิดให้ชาวชุมชนดินแดงจับสลากโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยเดิมอาคารแฟลตที่ 23-32 โดยมีผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาจับสลากเลือกห้องพักอาศัย จำนวน 363 ราย ได้สิทธิครอบครัวขยาย จำนวน 32 หน่วย และผู้ไม่ประสงค์เข้าอยู่อาศัยในอาคาร D1 จำนวน 139 ราย จะได้รับเงินชดเชยรายละ 400,000 บาท ซึ่งการจับสลากเลือกห้องพักอาศัยฯ ถือเป็นกระบวนการที่โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ และผู้อยู่อาศัยในชุมชนดินแดงเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 จัดสร้างเป็นอาคารพักอาศัยสูง 35 ชั้น ขนาด 33 ตารางเมตร จำนวนรวม 612 หน่วย แบ่งออกเป็น ชั้นที่ 3-16 เป็นห้องพักอาศัยสำหรับกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และคนพิการ จำนวน 274 หน่วย ชั้นที่ 16-35 จำนวน 338 หน่วย เป็นห้องพักอาศัยสำหรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยทั่วไป มีที่จอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จำนวน 498 คัน (คิดเป็น 81.37%) และมีพื้นที่สวนและพื้นที่สีเขียวบริเวณชั้นล่างของอาคาร ชั้นที่ 7 ชั้นที่ 24 และชั้นดาดฟ้า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่บริการชุมชน และพื้นที่สำนักงานอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การเคหะแห่งชาติได้นำเรื่องการออกแบบเพื่อคนทั้งมวลหรืออารยสถาปัตย์ (Universal Design) มาเป็นแนวคิดในการออกแบบเพื่อให้คนทุกเพศ ทุกวัย และทุกสภาพร่างกายสามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และให้ทุกคนสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ (Housing for All)

นางรัดเกล้า ยังกล่าวว่า โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 มีความคืบหน้าการก่อสร้าง 100% แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจรับงานงวดสุดท้ายโดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ พร้อมทั้งทีมสถาปนิก และวิศวกรของการเคหะแห่งชาติที่ได้ร่วมกันตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องพักอาศัยก่อนส่งมอบให้กับผู้อยู่อาศัย จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการขนย้ายจากอาคารเก่ามาอาคารใหม่ในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม 2567 โดยการเคหะแห่งชาติได้สนับสนุนค่าขนย้ายให้รายละ 10,000 บาท ส่วนผู้ไม่ประสงค์เข้าอยู่อาศัยในอาคาร D1 จำนวน 139 ราย จะได้รับเงินชดเชยรายละ 400,000 บาท

ชมรมเชียร์และแปรอักษรจุฬาฯ ออกประกาศ!! "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ งานบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์"

(3 เม.ย.67) เฟซบุ๊ก CU Cheer Club ของชมรมเชียร์และแปรอักษร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกประกาศว่า งานบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 2024 ชมรมฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แม้กระทั่งการแปรอักษรในงาน แถลงการณ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2567 (ก่อนวันงาน) เพราะฉะนั้น สามารถฝากคำติชมได้ที่เพจ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ผู้จัดงานนี้) 

อนึ่ง ก่อนหน้านี้การจัดงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 2024 ซึ่งจัดขึ้นเฉพาะองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ถูกวิจารณ์หลายเรื่อง ทั้งการนำรถกอล์ฟอัญเชิญพระเกี้ยว และการแปรอักษรโดยใช้จอ LED ระบุข้อความว่า "สวัสดี, ฉันคือจอ LED มีหน้าที่แปรอักษร รับ UV แทนเพื่อนมนุษย์ทุกคน #ไม่ได้บังคับใครขึ้นแปรแกอย่าพึ่งร้อนตัว" ซึ่งมีโลโก้กลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่ด้านมุมขวาบนของจอ

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จัดกิจกรรม “ต่อลมหายใจเพื่อนมนุษย์” บริจาคโลหิต เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 72 พรรษา

วันนี้ 3 เม.ย.67 ช่วงเช้าที่ผ่านมา - เวลา 12.00 น. นำโดย พล.ต.ต.พลัฏฐ์  วิเศษสิงห์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 ร่วมกับข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และลูกจ้างในสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จัดกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิต เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 72 พรรษา ที่จะมาถึงนี้ ณ ห้องประชุมห้องพรหมนอก ชั้น 2 บช.ปส. โดยได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ต่าง ๆ มาให้บริการ ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 

เพื่อนำโลหิตที่ได้ไปช่วยเหลือผู้ป่วย หรือส่งต่อให้กับผู้ที่ต้องการโลหิต ทั่วประเทศได้มีโลหิตใช้ในการผ่าตัดและการรักษาพยาบาลอย่างเพียงพอต่อไป ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้  มีเหล่าข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และลูกจ้างในสังกัด เข้าร่วมบริจาคโลหิต จำนวน 58 คน ได้จำนวนโลหิต 51 ยูนิต จำนวน 22,950 ซีซี ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 4 เดือน เพื่อรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้กับข้าราชการตำรวจ ครอบครัว ได้บำเพ็ญตนให้เป็นผู้มีจิตอาสา รู้จักการเสียสละมีเมตตา ต่อเพื่อนมนุษย์ และปฏิบัติตนเพื่อสาธารณประโยชน์ และเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อีกทั้งยังเป็นการสำรองโลหิตให้มีปริมาณเพียงพอ และทันต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วประเทศอีกด้วย

ตม. ยัน 5 มาตรการสนามบินรับคลื่นท่องเที่ยวสงกรานต์ คาดยอดพุ่งแสนสองต่อวัน

​ตามนโยบายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศให้สนามบินไทยเป็น Aviation Hub หรือ ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และประกาศ free visa ให้กับประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย เพื่อมุ่งหวังกระตุ้น
การท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนนี้

​วันนี้ ( 3 เม.ย.2567) เวลา 09.00 น. พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และโฆษก สตม.ได้เปิดเผยว่า พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม.ติดตามความพร้อม การเปิด" แผนอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยด้านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ " หรือ "แผนน่านฟ้า/เทศกาล67" ตั้งแต่ 28 มี.ค.- 30 เม.ย.2567 ของ บก.ตม.2 ซึ่งคุมงาน ตม.สนามบิน 5 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้เชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายการบินต่างๆ ร่วมรับฟังด้วย

​โดยทาง บก.ตม.2 ได้ชี้แจงว่า ได้มีมาตรการหลักตามแผน เพื่อรองรับการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวภายใต้หลักความมั่นคง ทั้งหมด 5 มาตรการ  เพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น ได้แก่
​1. มาตรการด้านกำลังพล ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังพล โดยระดมกำลังพลของ ตม.สนามบิน และ พล.ต.ท.อิทธิพลฯ ได้สั่งสนับสนุนกำลังพลจากด่าน ตม.ต่างๆกว่า 100 นาย มาทำหน้าที่ตรวจ
หนังสือเดินทางเข้าและออกที่สุวรรณภูมิและสนามบินหลักเช่น ภูเก็ต นอกจากนั้น ยังขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการงดขาดลาพักผ่อน เพื่อช่วยกันเร่งระบายการตรวจผู้โดยสารอย่างเต็มที่
​2. มาตรการการลดขั้นตอน โดยได้รับรายงานว่า ทาง บก.ตม.2 ได้ปรับลดขั้นตอนการปฏิบัติที่ไม่จำเป็น
เช่น การงดสแกนใบหน้า นิ้วมือคนไทย งดสแกนบัตรที่นั่ง งดการประทับตราคนต่างชาติที่ใช้เครื่อง Automatic Channel ขาออก และลดขั้นตอนของ จนท.บางส่วนออกไป ซึ่งสามารถลดเวลาจากการตรวจต่อคน 45 วินาที เหลือคนละ 20 วินาที
​3. มาตรการด้านเทคโนโลยี โดยให้เจ้าหน้าที่วิชาการจากศูนย์เทคโนโลยี สตม. เข้าเวรเพื่อ monitor ระบบ ตม.ไม่ให้เกิดข้อขัดข้อง
​4. มาตรการด้านความมั่นคง โดยมอบหมายงานสืบสวน บก.ตม.2 ประสานงานข่าวกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อป้องกันการแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวของกลุ่มเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะมิจฉาชีพ เช่น แก๊งลักทรัพย์ชาวเวียดนาม โคลัมเบีย ฯลฯ รวมถึงกลุ่มชาติขัดแย้งที่อาจเข้ามาก่อเหตุในช่วงดังกล่าว
​5. มาตรการความร่วมมือกับหน่วยข้างเคียง โดยเฉพาะกลุ่มสายการบิน เพื่อแก้ปัญหาฉุกเฉินกรณีหากเกิดเครื่องบินขัดข้องออกเดินทางไม่ได้ โดยได้มีการกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารที่ต้องใช้ช่องทางเร่งด่วน หรือ priority ต่างๆ เช่น ผู้พิการ เด็กเล็ก เป็นต้น

​ซึ่ง พล.ต.ท.อิทธิพลฯ ได้กล่าวกำชับทาง ตม.2 ให้ช่วยกันปฏิบัติตามแผนและมาตรการดังกล่าว
ทั้ง 5 มาตรการโดยเคร่งครัด และให้ ผบก.ตม.2 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ช่วยกันควบคุมบริหารสถานการณ์โดยใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น ซึ่งคาดว่า ในเดือน เมษายน ช่วงสงกรานต์
จะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศเข้าออกวันละราว 1.2 แสนคน โดยมีเที่ยวบินสูงสุดต่อชั่วโมงราว 25 เที่ยวบิน
คิดเป็นการสะสมของผู้โดยสารต่อชั่วโมงราว 4,000-5,000 คน ต่อวัน

​และจากมาตรการทั้ง 5 มาตรการ ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ 1 มี.ค.พบว่า สามารถเร่งระบายผู้โดยสารที่รอคิวในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น โดยจับเวลาจากคนท้ายคิว เดินมาถึงหน้าช่องตรวจ ใช้เวลารอคิวเพียง 15 นาที ก็ได้รับการตรวจจากเจ้าหน้าที่ ตม.แล้ว และมีเสียงชมจากผู้รับการตรวจทั้งคนไทยและต่างชาติว่า ตม.ประเทศไทย เร่งระบายการตรวจหนังสือเดินทางได้ดีกว่าหลายประเทศ ตนจึงขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของ ตม.ว่า มีความพร้อมที่จะเป็นประตูบ้านของประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาสร้างรายได้ให้กับบ้านเราในช่วงสงกรานต์อย่างเต็มที่ต่อไป

‘ดร.เสรี’ เฉลย!! 8 เม.ย.นี้ ‘ร้อนสุด’ ก่อนเล่นสงกรานต์ พร้อมชี้เป้า ‘สุโขทัย’ จะเป็นจังหวัดที่ร้อนที่สุดในประเทศ

(3 เม.ย.67) ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ประธานกรรมการบริหาร Futuretales LAB, MQDC ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานฯ ที่มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ระหว่างวันที่ 2-9 เมษายนนี้ อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ และคาดว่า วันที่ 8 เมษายนนี้ จะเป็นวันที่ร้อนที่สุดก่อนสงกรานต์ปีนี้ อุณหภูมิช่วงสงกรานต์จะลดลงมาเล็กน้อย และอาจจะเพิ่มขึ้นหลังสงกรานต์ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป จะเห็นว่าพื้นที่จังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดในปัจจุบัน คือ จ.สุโขทัย และจะเป็นจังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดในอนาคตด้วย (ร้อนสุดขีดทั้งจังหวัด 49.01 องศาเซลเซียส อีก 60 ปีข้างหน้า) จากข้อมูลกรมอุตุฯ ในอดีต จ.สุโขทัย เคยมีอุณหภูมิสูงที่สุด (44.5 องศาเซลเซียส) เป็นลำดับที่ 3 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2559 และเป็นลำดับที่ 6 (44 องศาเซลเซียส) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2559

สำหรับจังหวัดที่จะมีอุณหภูมิสูงสุดในอนาคตรองลงมาตามลำดับในภาคกลาง คือ จ.พิจิตร (48.74 องศาเซลเซียส) จ.ชัยนาท (48.48 องศาเซลเซียส) จ.นครสวรรค์ (48.08 องศาเซลเซียส)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จ.มหาสารคาม (47.85 องศาเซลเซียส) จ.ขอนแก่น (47.58 องศาเซลเซียส) จ.ร้อยเอ็ด (47.56 องศาเซลเซียส) จ.นครราชสีมา (46.19 องศาเซลเซียส)

และในภาคเหนือ คือ จ.ลำปาง (47.19 องศาเซลเซียส) จ.ลำพูน (47.13 องศาเซลเซียส)

ส่วนพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จะมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 44.90 องศาเซลเซียส ผลกระทบที่จะตามมาคือภัยคุกคามที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับได้ คลื่นความร้อน-ภัยแล้ง-ฝนตกหนัก-น้ำท่วม-น้ำทะเลหนุนสูง ทุกภาคส่วนธุรกิจ สังคมเมือง และชนบทจะได้รับผลกระทบมากน้อย ในช่วงเวลาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมโดยไม่ประมาท 

‘อ.ไชยยันต์’ เทียบ ‘ขบวนพระเกี้ยว-ขบวนธรรมจักร’  ชี้!! แตกต่างกันชัดเจน สะท้อนความตั้งใจของคนทำ 

จากกรณี ‘นิสิตจุฬาฯ’ ใช้รถกอล์ฟอัญเชิญ ‘พระเกี้ยว’ ในงานฟุตบอลสานสัมพันธ์ประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ CU-TU Unity Football Match 2024 ซึ่งขบวนอัญเชิญ ‘พระเกี้ยว’ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ใช้รถกอล์ฟ EV อัญเชิญพระเกี้ยว ทำให้เป็นประเด็นร้อน สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้

ล่าสุด (3 เม.ย. 67) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปรียบเทียบขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวกับขบวนธรรมจักรของธรรมศาสตร์ ในงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความว่า.. 

“ตั้งใจทำให้ดูเป็นแบบนี้ ก็มีความหมายแบบหนึ่ง ไม่ได้ตั้งใจทำให้ดูแบบนี้ แต่มันพลาด ก็จะมีความหมายอีกแบบหนึ่ง ยิ่งถ้าตั้งใจทำให้ขบวนพระเกี้ยวจุฬาฯ แตกต่างอย่างชัดเจนจากขบวนธรรมจักรของธรรมศาสตร์ โดยรู้ล่วงหน้าด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะมีความหมายอีกแบบหนึ่ง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top