Sunday, 3 December 2023
NEWS

'เจ๊จุก' ดักคอ!! 'หยก-บุ้งทะลุวัง' คงไม่ป่วนกีฬาสีเตรียมพัฒน์ฯ ด้าน 'ดร.อานนท์' สมทบ!! "น้องหยกจะทนกลับไปเรียนได้หรือ?"

เมื่อวานนี้ (17 พ.ย. 66) ทวิตเตอร์ (X) ของเจ๊จุก คลองสาม โพสต์รูปและข้อความกรณีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ จัดงานกีฬาสีภายในซึ่งบรรยากาศงานเต็มไปด้วยความสามัคคีสนุกสนาน โดยสแตนด์เชียร์ขึ้นป้าย 'รักชาติ ผดุงศาสน์ เทิดกษัตริย์' ว่า...

"วันนี้โรงเรียนเตรียมพัฒน์ มีจัดงานกีฬาสีภายใน บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน สามัคคี รื่นเริง น่ารัก สมวัย

พรุ่งนี้มีแข่งอีก 1 วัน ได้แต่หวังว่า สมยศโมเดลลิ่ง บุ้งและหยก #ทะลุวัง และ #นักเรียนเลว คงจะไม่พากันไปเxือกเรื่องของโรงเรียนเขาอีกนะคะ"

และล่าสุด วันที่ 18 พ.ย. 66 ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุข้อความว่า...

"น้องหยกจะทนกลับไปเรียนได้หรือ????"

‘2 ดีเจ’ แห่ง NAVYTIME เกาะกระแส!! เรียกรอยยิ้มยามเช้า สลัดลุคเป็นนางงามมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ทำคลื่นแตกของจริง

เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.66) 2 นักจัดรายการวิทยุแห่งบ้าน NAVYTIME เรื่องดีๆ ประเทศไทยยามเช้า เรียกเรตติงวิทยุ ผ่านทางคลื่น FM 93 ส.ทร.วังนันทอุทยาน กทม. ด้วยการแต่งกายเลียนแบบอดีตนางงามมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ที่กำลังเข้าร่วมการแข่งขัน ณ ประเทศเอลซัลวาดอร์

โดยดีเจไอยรา อัลราวีย์ แต่งเป็นน้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ และดีเจศร แต่งเป็นฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น โดยดีเจทั้ง 2 ต่างไม่ยอมกันและกัน จัดหนักจัดเต็ม จนทำให้ผู้ฟังรายการและผู้ชม ต่างพากันชื่นชม และเรียกรอยยิ้มได้อย่างล้นหลาม 

ซึ่งการประกวดนางงามในประเทศไทย ถือเป็น soft power อีกด้านหนึ่ง ที่รัฐบาลกำลังผลักดัน และเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยทั้งประเทศจะร่วมกันส่งกำลังใจให้ตัวแทนสาวไทย ในการแข่งขัน Miss Universe 2024 ที่กำลังแข่งขัน

ต้องคอยติดตามว่า 2 ดีเจ จะแต่งตัวเป็นอะไรอีก ห้ามพลาดทุกการติดตาม แล้วรอเรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้เสมอมา 

‘สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย’ ติด 1 ใน 6 ชาติ ชิงรางวัล ‘สหพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งปี’ ของกรีฑาโลก

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.66 กรีฑาโลก World Athletics ได้ประกาศสหพันธ์กรีฑาของ 6 ชาติ ที่เข้าชิงรางวัลสมาชิกยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 ปรากฏว่าสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีชื่อเข้าชิงรางวัลนี้ด้วย ซึ่งสำหรับอีก 5 ชาติที่เข้าชิงรางวัลนี้ ประกอบด้วย กรีฑาแห่งออสเตรเลีย, สมาคมกรีฑาแห่งบอตสวานา, สหพันธ์กรีฑาแห่งชิลี, สหพันธ์กรีฑาแห่งสเปน และกรีฑาแห่งสหรัฐอเมริกา

ในปี 2566 สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชียครั้งที่ 25 ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อีกทั้งยังได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของสมาคมกรีฑาแห่งเอเชียอีกด้วย 

ที่ผ่านมาสมาคมกีฬากรีฑาฯ ได้ช่วยเหลือสมาคมกรีฑาแห่งเอเชีย ในการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั่วทั้งประเทศ และมีแนวโน้มในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก และศูนย์ฝึกกรีฑาที่ทันสมัยในอนาคต 

นอกจากนี้สมาคมกีฬากรีฑาฯ ยังได้จัดการแข่งขันกีฬายุวชน เยาวชน มุ่งสู่โอลิมปิก และยังได้ทำงานเพื่อพัฒนาการแข่งขันกรีฑาในระดับท้องถิ่นอีกด้วย

‘ศ.เกริกเกียรติ’ อดีตอธิการฯ มธ. ถึงแก่อนิจกรรม ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว สิริอายุรวม 86 ปี

เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.66) เฟซบุ๊ก Thammasat University Library ได้โพสต์อาลัย ศาสตราจารย์เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม ราชบัณฑิต อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2531-2534

และวันเดียวกัน เฟซบุ๊ก ดร.อภิชาติ ดำดี ได้โพสต์ข้อความว่า ศาสตราจารย์เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม ราชบัณฑิต อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน พระราชทานเพลิง เวลา 13.00 น. วันอาทิตย์ที่ 26 พ.ย.2566

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2480 เป็นราชบัณฑิต และนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก, อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

>> สำหรับประวัติการทำงาน ศ.เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม

- นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
- ประธานคณะกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย Thai PBS (2 สิงหาคม พ.ศ.2551-2 สิงหาคม พ.ศ.2553)
- คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) (พ.ศ.2542-2546)
- อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (พ.ศ.2536-2542)
- อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (พ.ศ.2531-2534)
- คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (27 พฤษภาคม พ.ศ.2525-31 พฤษภาคม พ.ศ.2527)
- นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ (พ.ศ.2521-2523)
- ประธานสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (พ.ศ.2521-2524)
- กรรมการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (พ.ศ.2536)
- กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ (พ.ศ.2525)
- กรรมการสภาการศึกษาแห่งชาติ
- ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พ.ศ.2519 และ พ.ศ.2529)
- สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (พ.ศ.2534)
- สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) (พ.ศ.2539)
- กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (พ.ศ.2549)
- รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) (พ.ศ.2550)

>> ประวัติการศึกษา

- ปี 2507 ปริญญาบัญชีบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ปี 2507 ปริญญาพาณิชยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ปี 2508 ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สมาคมผู้สอบบัญชี
- ปี 2512 ปริญญาโท M.A. University of the Philippines ฟิลิปปินส์
- ปี 2515 ปริญญาโท M.S. University of Illinois สหรัฐอเมริกา
- ปี 2532 ปริญญาบัตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
- ปี 2551 ปริญญาเศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
- ปี 2552 ปริญญาเศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งมอบไออุ่นผู้มีจิตศรัทธา ยกทัพผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท.. สู่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร 4 ภาค รวม 43 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 17 ธันวาคม 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงแผนกสาธารณภัย แผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ลพบุรี เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร มุกดาหาร นครพนม บึงกาฬ และสกลนคร รวม 43 จังหวัด 

รวมผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 50,500 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 31 ล้านบาท โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี นอกจากนี้ มูลนิธิฯ  ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และอำเภอสามชัย จังหวัดกาฬสินธุ์

โดยวานนี้ (วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566)  นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่ อ.พาน อ.แม่จัน อ.ดอยหลวง อ.เวียงเชียงรุ้ง  จ.เชียงราย มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า รวม 900 ชุด  โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ รวมทั้ง อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ และนางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ ร่วมในพิธี รวมทั้ง หน่วยงาน สมาคม /มูลนิธิประจำจังหวัดแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

'ดร.หิมาลัย' เอือม!! ก๊วนการเมือง 'ตีรวน-มุ่งทำลาย' ประเพณีดีงามนับร้อยปี ยก 'จตุรมิตรสามัคคี' สายใยแห่งความรักของคนต่างโรงเรียนที่ไม่มีวันขาด

(17 พ.ย. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 'จตุรมิตรสามัคคี สายใยแห่งความรัก สวนกุหลาบต้องไว้ลาย' ความว่า...

ในช่วงนี้ เป็นช่วงเวลาของการแข่งขัน ฟุตบอล จตุรมิตร ซึ่งเป็นกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ของ รร.มัธยมชายล้วนทั้ง 4 คือ สวนกุหลาบวิทยาลัย, เทพศิรินทร์, กรุงเทพคริสเตียน และ อัสสัมชัญ กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ดีมาก เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ ความสามัคคี ความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้อง ไม่ได้จำกัดแค่ในโรงเรียนเดียวกันเท่านั้น แต่ยังขยายเครือข่ายไปในกลุ่มจตุรมิตรด้วย

ในการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรนั้น มีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันคือ กองเชียร์และการแปรอักษรประชันกัน ซึ่งแต่ละโรงเรียน ไม่มีใครยอมแพ้ใคร ต่างคนต่างปล่อยฝีไม้ลายมือกันเต็มที่ ภาพที่ปรากฏออกมาแต่ละครั้งจึงสวยงามสมกับการรอคอย เบื้องหลังความสำเร็จที่น่าทึ่ง คือ ผลงานเหล่านี้ เกิดจากการสร้างสรรค์ของเยาวชนอายุประมาณ 11-17 ปีเท่านั้น 

ในปีนี้ มีข่าวขึ้นมาว่ามีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่มีความเข้าใจในกิจกรรมดังกล่าว ได้มีการรณรงค์ชักชวนให้ยกเลิกการแปรอักษร ถึงขนาดไปถือโทรโข่งประกาศโฆษณาชวนเชื่อให้น้อง ๆ และผู้ปกครอง ต่อต้านกิจกรรมดังกล่าว ดูถ้อยคำกล่าวอ้าง กริยาที่ไปแสดงออกตามคลิปที่มีผู้ส่งให้ผมดูแล้ว ดูครั้งแรกก็โมโหแต่พอระลึกถึง สุภาษิตคติพจน์ประจำโรงเรียนสวนกุหลาบที่ว่า “สุวิชา โน ภวํ โหติ อ่านว่า สุ-วิ-ชา โน พะ-วัง โห-ติ แปลความว่า ผู้รู้ดี เป็น ผู้เจริญ“ ก็ให้อภัยถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจของบุคคลเหล่านี้

ย้อนไปในวัยเด็ก การได้ปักอักษร ส.ก. บนหน้าอกเสื้อนักเรียนนั้นเป็นความภาคภูมิใจของผม (สวนฯ103) และน้องชาย (สวนฯ106) เป็นอย่างมาก ที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนหลวงสวนกุหลาบ ซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 องค์ผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนแห่งนี้ ดังมีพระราชดำรัสที่สำคัญของพระองค์ท่าน เมื่อครั้งพระราชทานรางวัลนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ พ.ศ.2427 มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า "เจ้านายตั้งแต่ราชตระกูล ตั้งแต่ลูกฉันเป็นต้นลงไป ตลอดถึงราษฎรที่ต่ำที่สุด จะได้มีโอกาสเล่าเรียนเสมอกัน"

ดังนั้น โรงเรียนสวนกุหลาบ จึงมีนักเรียนที่หลากหลาย มีตั้งแต่ลูกรัฐมนตรียันลูกภารโรง ลูกนักธุรกิจพันล้านจนถึงลูกคนกวาดถนน ลูกตำรวจ ทหาร จนถึงลูกผู้ต้องหา เมื่อพวกเราได้สวมเสื้อ ปักอักษร ส.ก. บนหน้าอกแล้ว พวกเราเท่าเทียมกัน พวกเรารักและผูกพันเหมือนเป็นพี่น้องคลานตามกันมา เราทะเลาะ เราหัวเราะ เราร้องไห้ ชกต่อย ปลอบโยน ให้กำลังใจกัน อย่างบริสุทธิ์ใจ ทุก ๆ อย่าง เกิดจากการหล่อหลอม จากการเรียน จากการทำกิจกรรม และใช้ชีวิตร่วมกัน

กิจกรรมในโรงเรียนสวนกุหลาบ ในสมัยของผม มีหลากหลาย แต่ละกิจกรรม ล้วนสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนและประเทศชาติ เช่น การเข้าค่ายนักเรียนใหม่ เหมือนการให้กำเนิดพวกเราอีกครั้งในสายเลือดชมพูฟ้า ชมรมดนตรีไทย มีการแสดงโขนหน้าพระที่นั่ง ชมรมดุริยางค์และวงโยธวาทิต มีการประกวดและได้รับรางวัลอยู่เสมอ กองร้อยลูกเสือเกียรติยศ เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียน ได้มีโอกาสไปร่วมรักษาความปลอดภัยของงานกิจกรรมต่างๆของกระทรวงศึกษาธิการอยู่เนือง ๆ ชมรมวิชาการต่าง ๆ ที่มักมีการส่งนักเรียนของเราออกไปกวาดรางวัลการแข่งขันทางวิชาการอยู่ตลอดเวลา และในหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่หล่อหลอมให้พวกเรามีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือ การแปรอักษรในงานจตุรมิตรสามัคคี ยังจำความตื่นเต้นในตอนนั้นได้ พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้ถึงเวลาของงานนี้ ดีใจที่จะได้เป็นส่วนร่วมสำคัญของประวัติศาสตร์ในยุคของเรา มีความรู้สึกเหมือนว่า ถ้าผ่านงานนี้ไป เราจะได้เป็นลูกสวนเต็มตัว เป็นที่ยอมรับของพี่ ๆ เราต้องเริ่มต้นตั้งแต่เข้าหอประชุม ซ้อมร้องเพลงเชียร์ต่าง ๆ ของโรงเรียน หลายครั้งก็ซ้อมที่สนามฟุตบอล หรือสนามไพศาล เราไม่เคยมีความรู้สึกว่าร้อนหรือเหนื่อย เราไม่เคยรู้สึกว่าโดนทรมานหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน หลังจากนั้นเราก็ต้องมาเรียนรู้และจดจำโค้ดหรือรหัสในการแปรอักษร ซึ่งสอนและควบคุมโดยรุ่นพี่ ม.4, ม.5 เท่านั้น พี่ ๆ ม.6 ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำ เชื่อไหมครับ กิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศนี้ การจัดแบ่งหน้าที่ ประสานงานและควบคุมการปฏิบัติต่าง ๆ เป็นการทำงานร่วมกันของเด็กนักเรียนชั้น ม.1 - ม.5 เท่านั้น มันน่าทึ่งไหมครับ

แล้วเวลาแห่งความภาคภูมิใจก็มาถึง พวกเราได้ร่วมกันแสดงออกถึงความรักความสามัคคีในหมู่คณะ การอดทนท่านกลางอากาศร้อนหรือบางครั้งก็ฝนตก การช่วยเหลือกันในหมู่เพื่อนฝูง การเอื้ออาทรดูแลกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง เสียงเชียร์เสียงตบมือให้กำลังใจจากพี่ ๆ ตั้งแต่รุ่นพ่อจนถึงรุ่นหนุ่มน้อยที่เพิ่งจบ บรรยากาศแบบนี้ มันเป็นความประทับใจครับ ผมถึงนึกภาพไม่ออกว่าคนที่พยายามมาต่อต้านหรือมายุยงปลุกปั่นน้อง ๆ ให้ต่อต้านกิจกรรมนี้ เอาอวัยวะส่วนไหนคิด หลังเลิกงาน ไม่ว่ากีฬาจะแพ้หรือชนะ สิ่งที่ได้คือ ความภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมสำคัญในจิตวิญญาณของความเป็นสวนกุหลาบ หยาดเหงื่อที่เสียไป ทำให้พวกเรารู้สึกดีใจที่ได้เสียสละให้กับสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ผมว่าความรู้สึกนี้ น่าจะเป็นเหมือนกันทุกโรงเรียนครับ 

สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า "ไปเล่นการเมืองที่อื่นเถอะครับ อย่ามาทำลายความรัก ความภาคภูมิใจของพวกเรา ที่สืบต่อกันมาอย่างบริสุทธิ์ใจเป็นร้อยปีเลย ผมไม่โกรธ และให้อภัยพวกคุณครับ เพราะพวกคุณไม่รู้และไม่ใช่เรา จึงไม่มีวันเข้าใจ"

"กุหลาบสวย หนามแหลมคม เปลี่ยนกระถาง ไม่จางสี"

#ดรหิมาลัยผิวพรรณ #drhimalai #ยามเฝ้าแผ่นดินไทย #ไตรรงค์ผิวพรรณ #จตุมิตร #สวนกุหลาบ #osk103 #osk106

แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึก ร.5 พัน 2 และพบปะให้โอวาทแก่ กองกำลังป้องกันชายแดน ในพื้นที่ จ.สตูล

วันนี้ 17 พฤศจิกายน 2566 พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4, พันเอกทวีพร คณะทอง เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 5, พ.อ.ชัยวุฒิ  พรมทอง ผบ.ร.5 พัน.2 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ จ.สตูล,และคณะเดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึก ร.5 พัน 2 และเดินทางไปยังชุดเฝ้าตรวจชายแดน4301 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล เพื่อพบปะกำลังพล และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ซึ่งจุดดังกล่าวมีกำลังตชด.436 จำนวน  22 นาย ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าตรวจแนวชายแดน และพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 เดินทางไปสักการะ กรมหลวงชุมพร ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล หลังจากนั้นเดินทางไปยัง มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.5021 อ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และมอบแนวทางการสกัดกั้นและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายบริเวณแนวชายแดน พร้อมทั้งได้มอบของบำรุงขวัญแก่กำลังพลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน 

นอกจากนี้พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 ท่านเดินทางมาที่จังหวัดสตูล บ่อยครั้ง และท่านพร้อมคณะเข้าไปกราบไหว้สักการะ กรมหลวงชุมพร ที่จัดตั้งศาลาให้ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ มากราบไหว้ขอพร บางคนมาบ่นบานสานกล่าวไว้ และพบร่องรอยประทัดกองเต็มไปหมด เป็นสิ่งที่ศักดิ์ที่ทุกคนมาบูชากราบไหว้ ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 มาจังหวัดสตูล ครั้งใดก็จะมาสักการะกราบไหว้ ขอพร และจุดประทัน 10,000 นัดอีกด้วย

‘ดร.เอ้’ แนะ!! กทม.สำรวจ-ประเมินตึกสูงนับหมื่นแห่ง หวั่น!! แผ่นดินไหวส่งผลกระทบ ชี้!! ความเสียหายจะหนักหนา

(17 พ.ย. 66) ศาสตราจารย์ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เอ้ สุชัชวีร์’ ระบุว่า…

ภัยแผ่นดินไหว อันตรายจริง กทม.มีความเสี่ยง!!

แผ่นดินไหวที่เมียนมา สะเทือนถึงกรุงเทพ ตึกเก่าหลายหมื่น เสี่ยงจริง กทม.ต้องมีมาตราการสำรวจ และประเมินความแข็งแรงของอาคารในกรุงเทพ อย่างจริงจัง

อย่าทำเป็นเล่น หากอาคารถล่ม ความสูญเสีย ประเมินค่ามิได้ เป็นห่วงครับ
#แผ่นดินไหว

กฟผ. ทช. เมืองพัทยา สานพลังร่วมฟื้นฟูอ่าวไทย พร้อมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการประมง สร้างรายได้กระตุ้นเศษฐกิจ

วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2566) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ เมืองพัทยา จัดกิจกรรมจัดวางฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า โครงการบ้านปลา กฟผ. โดยมี นางจินตนา บำรุง ผู้แทนปลัดเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ทช.)  นางสาวสุมิตรา กาญจนมิตร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง กฟผ. หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชลบุรี ชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำแบบเดินใต้ทะเล (Sea Walker) นักดำน้ำอาสาสมัคร เข้าร่วมกิจกรรมนำฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า กฟผ. กว่า 230 ชุด ไปวางบริเวณแนวปะการังพื้นที่เกาะสาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นางจินตนา บำรุง ผู้แทนปลัดเมืองพัทยา เผยว่า ทช. และ กฟผ. ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองพัทยา เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นของประเทศไทย โดยฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าจะเป็นแหล่งยึดเกาะปะการัง เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศใต้ทะเลได้รับการฟื้นฟูกลับมาอุดมสมบูรณ์ ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและการประมงที่จะช่วยสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจของ จ.ชลบุรี ต่อไป  

นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ทช.) กล่าวว่า ทช. และ กฟผ. ได้ร่วมมือกันในการฟื้นฟูท้องทะเลไทยทั่วประเทศให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แก่สิ่งมีชีวิตบริเวณแนวปะการังในโครงการบ้านปลา กฟผ. โดย กฟผ. ได้ให้การสนับสนุนลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าที่ครบอายุการใช้งานมาทำเป็นฐานลงเกาะปะการังและนำไปวางในท้องทะเล เพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ทะเล และเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ในหลายพื้นที่ของ จ.ชลบุรี

นางสาวสุมิตรา กาญจนมิตร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง กฟผ. เปิดเผยว่า ลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าเป็นหนึ่งอุปกรณ์สำคัญในการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า ในแต่ละปีจะมีลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าที่ครบอายุการใช้งานเป็นจำนวนมาก กฟผ. ได้พิจารณาหาวิธีนำอุปกรณ์นี้มาใช้ประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงนำมาทำเป็นฐานลงเกาะของตัวอ่อนปะการังเพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล พร้อมประสานกับหน่วยงานทางทะเล และสถาบันการศึกษา เพื่อยืนยันลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ทั้งยังเกิดปะการังตามธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา กฟผ. ร่วมกับ เครือข่ายพันธมิตร นำปะการังธรรมชาติจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า ไปวางไว้ใต้ทะเลไทยทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2554 โดยวางครั้งแรกที่ ต.แสมสาร  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต รวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 ชุด พร้อมเดินหน้าโครงการร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ได้แก่  ทช. กองทัพเรือ และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 โดยร่วมกันพิจารณาเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อนำลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้ามาสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยและอนุบาลสัตว์ทะเล เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ทะเลตามแนวชายฝั่งให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน

รองผบช.ภาค6 ปล่อยแถวตำรวจ ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงเทศกาลลอยกระทง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00น. วันที่15 พย. 2566 ที่บริเวณหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย พล.ต.ต. อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผบช.ภาค 6 เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2566  ระหว่างวันที่ 18 พย.-27 พ.ย. โดยมี พ.ต.อ.ประมวล ยิ้มจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุโขทัย พร้อมข้าราชการตำรวจในสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมในพิธีดังกล่าว

พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผบช.ภาค6 . กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดให้ทุกหน่วยงาน ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงก่อนเทศกาลลอยกระทง พร้อมกันทั่วประเทศ จังหวัดสุโขทัยถือว่าเป็นต้นกำเนิดของงานประเพณีลอยกระทง จึงต้องมีมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในทุกประเภท พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เนื่องจากจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในจังหวัดสุโขทัยเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดปัญหาและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยในวันนี้ เป็นการสนธิกำลังจากหลายหน่วยงาน อาทิเช่น ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง,ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจทางหลวง, กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดสุโขทัย, ป้องกันภัยจังหวัดสุโขทัย, อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดสุโขทัย ,อาสาสมัครตำรวจบ้าน และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ใช้ความระมัดระวังในการปฎิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของจังหวัดสุโขทัย

‘รถไฟสายใต้’ กรุงเทพ-ชุมพร ลดเวลาได้กว่า 2 ชม. พร้อมขยายการให้บริการอีก 4 เท่าตัว เริ่ม 15 ธ.ค. นี้

(17 พ.ย. 66) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับรถไฟสายใต้ ระบุว่า…

รถไฟสายใต้เริ่มให้ผล กรุงเทพ-ชุมพร ลดเวลาได้กว่า 2 ชม.

พร้อมขยายศักยภาพการให้บริการ กว่า 4 เท่าตัว เริ่มต้น 15 ธันวาคม 2566 นี้!!!

ออกแบบ รองรับความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ในอนาคตสามารถเร็วได้มากกว่านี้อีก!!! ถ้ามีดีเซลราง ชุดใหม่….

วันนี้เอาข่าวการเปลี่ยนแปลงตารางการเดินรถไฟสายใต้ ทั้ง!!! จากการเปิดใช้ทางคู่สายใต้ ช่วง นครปฐม-ชุมพร

โดยจะสามารถ ลดระยะเวลารอหลีกได้ ทำให้การให้บริการเป็นไปได้แบบรวดเร็ว และต่อเนื่องได้อย่างเต็มที่ ตลอดเส้นทางสายใต้ ไปจนถึงชุมพร 

ซึ่งการเปิดให้บริการในช่วงนี้ จะสามารถลดระยะการเดินทางได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง (ขึ้นกับ จำนวนสถานีทีศักดิ์จอด และ ศักดิ์ของรถ) โดยรถไฟที่เห็นได้ชัดเจนที่ี่สุดคือ รถไฟด่วนพิเศษดีเซลราง 
ซึ่งช่วงกรุงเทพ-ชุมพร สามารถลดเวลา จาก 8:16 ชั่วโมง เหลือเพียง 6:20 ชั่วโมง เท่านั้น!!! ไม่ต่างกับการเดินทางด้วยรถยนต์ 

แต่!!! ทางคู่ที่เรากำลังสร้างกันทั่วประเทศ ไม่ได้มีแค่การลดเวลารอทางหลีก 

แต่มันรองรับการเพิ่มความเร็วการให้บริการ ในอนาคตสูงสุดถึง 160 กิโลเมตร / ชั่วโมง พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการของทางรถไฟ จากเดิม ขึ้นอีก 4 เท่า!!! คู่ขนานกับการเพิ่มความปลอดภัย ด้วยจากการยกระดับระบบอาณัติสัญญาณ เป็นระบบ ETCS Level 1 

ทั้งหมดนี้ เราจะได้เห็นบนทางรถไฟทางคู่ทุกสายที่กำลังก่อสร้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถระบบรางของไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง Logistics ของภูมิภาคที่หวังไว้ซักที

*** ที่สำคัญ เมื่อมีขีดความสามารถเพิ่ม ก็ต้องหารถไฟมาเพิ่ม คู่กับการเปิดให้เอกชนมาร่วมให้บริการบนทางรถไฟเดียวกัน ทั่วประเทศ เพื่อให้ใช้ศักยภาพของระบบรางได้อย่างเต็มที่

สำหรับใครที่เดินทางหลังวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ควรจะเช็กตารางเดินรถไฟใหม่ ก่อนเดินทาง นะครับ!!!
สามารถตรวจเช็กตารางเวลาการเดินรถได้จากเว็บไซต์ https://dticket.railway.co.th

ไทยออยล์ มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบน้ำมันรั่วไหล 323 ราย เป็นเงินกว่า 5.8 ล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหล ในพื้นที่ ศรีราชา บางพระ อ่าวอุดมและแหลมฉบัง จำนวน 323 ราย เป็นเงิน 5,831,000 บาท พิธี

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ท่ผ่านมา โดยมี นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ  นายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ นายวรจักร สถาพรภิญโญ นายอำเภอศรีราชา ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมในพิธี

ตามที่ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ทางจังหวัดชลบุรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหล รวมถึงผู้บริหารของบริษัท ไทยออยล์ เพื่อติดตาม ขับเคลื่อน ประสาน และประชาสัมพันธ์ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทั่วถึง และไม่ซ้ำซ้อน โดยที่ผ่านมาคณะทำงานฯ ได้กำหนด หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วไหล อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง

โดยบริษัท ไทยออยล์ จํากัด(มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบด้านต่างๆในพื้นที่เทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลตำบลบางพระ บ้านอ่าวอุดม และบ้านแหลมฉบัง เป็นกลุ่มแรก ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จำนวน 323 ราย เป็นเงิน 5,831,000 บาท และ ในส่วนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการให้ความช่วยเหลือ ในครั้งต่อไป

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ยกย่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กล้าหาญ ลบประวัติอาชญากร คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พร้อมเสนอเป็นกฎหมาย

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมแถลงข่าว โครงการลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วัตถุประสงค์เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่เคยมีประวัติถูกฟ้องคดีอาญา แต่ศาลยกฟ้อง ซึ่งยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้อาจถูกตัดสิทธิ ไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

โดยบนเวที ทางด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่ากิจกรรมในวันนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราพูดเสมอว่า เราจะธำรงไว้ซึ่งความสูงสุดของรัฐธรรมนูญ หรือความศักดิสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด และที่สำคัญอย่างยิ่ง ก็คือ มนุษย์ทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญ และมีศักดิ์ศรี ในรัฐธรรมนูญได้บัญญัติว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ย่อมได้รับการคุ้มครอง วันนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อเรา ได้รับความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คือการบันทึกประวัติอาชญากร ซึ่งตนมองว่าถ้าเราทำนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินแล้วเป็นอาชญากร ก็คือการกระทำโดยไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ และทำลายศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ซึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด 

ซึ่งโครงการที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำขึ้น สมควรได้รับรางวัลที่สุดในด้านสิทธิมนุษยชน เราจนควรผลักดันให้ เป็นกฎหมาย และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มความเห็นของคนที่พ้นโทษ และนอกจากนี้กระทรวงยุติธรรม ได้จัดทำพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ซึ่งถือว่าเป็นพระราชบัญญัติ ที่จะส่งเสริม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีการเสนอไป ครม.แล้ว หนึ่งในจำนวนขจัดการเลือกปฏิบัติ ก็คือเลือกปฏิบัติต่อผู้พ้นโทษ ในวันนี้ผู้พ้นโทษ เมื่อได้ผลโทษมาแล้ว มีระเบียบ มีหน่วยงานต่างๆจำนวนมาก เข้ามาจำกัดในสิทธิเสรีภาพของผู้พ้นโทษ 

ดังนั้นเราจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับหลักนิติธรรม ก็คือหลักที่กฎหมายเป็นใหญ่กว่าคน  และกฎหมายจะต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ กฎระเบียบต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นกฎระเบียบอะไรที่ไปขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้มีการพิจารณาด้วย  ซึ่งต้องขอขอบคุณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่ได้ปลดโซ่ตรวน ปลดความเป็นทาสของบุคคล ขอขอบคุณและขอชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กล้าหาญ เพราะไม่มีหน่วยงานไหน ที่จะกล้าทำ

เบตง ผบ.ฉก.ยะลา มอบบ้านตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน

เบตง ผบ.ฉก.ยะลา มอบบ้าน ตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน ที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 ก่อสร้าง ในพื้นที่ ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา

วันที่ 16 พ.ย.66 ที่บ้านเลขที่ 48/5 หมู่4 ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ ผบ.ฉก.ยะลา ได้เป็นประธานในพิธีส่งมอบบ้านให้กับ นางแยนะ เปาะมะ อายุ 46 ปี ตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน โดยมีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ โพธิ์ศรีมา ผบ.ฉก.ตชด.44 นายสมัคร นอระพา นายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน เข้าร่วม พร้อมทั้งมอบสิ่งของเครื่องใช้ มอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ครอบครัว นางแยนะ เปาะมะ

พ.ต.ท.อรรถพล จินตาคม รอง ผบ.ฉก.ตชด.44 กล่าวว่า ตามที่ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า มีดำริ ในการดำเนินการสร้างที่อยู่อาศัยสภาพเก่า ชำรุดทรุดโทรม มีฐานะยากจน แต่เป็นบุคคลที่มีจิตอาสา ซึ่งนางแยนะ เปาะมะ เป็นผู้ที่คณะกรรมการหมู่บ้าน จากสภาสันติสุขตำบล พิจารณาแล้วว่า เป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ที่จะได้รับการช่วยเหลือตามโครงการดังกล่าว โดยได้รับงบประมาณ ในการดำเนินงาน จากผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไตสมาสที่3 งบประมาณปี2566 หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 จึงได้จัดชุดช่างเข้าเริ่มทำการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 จนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก นายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมมือร่วมใจในโครงการดังกล่าวและได้ร่วมกันบริจาคเงินบางส่วนเพื่อสนับสนุนในการก่อสร้าง จนทำให้โครงการดังกล่าว สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ด้านนางนางแยนะ เปาะมะ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ซาบซึ้ง ตื้นตันใจ เป็นอย่างมาก ที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 มาสร้างบ้านให้ และต้องขอบคุณหน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่จัดทำโครงการดีๆแบบนี้ช่วยเหลือชาวบ้าน รวมถึงขอบคุณหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตน

นายอำเภอหญิง…นำส่วนราชการ ชาวบ้านลงแขกเกี่ยวข้าว นำไปสร้างปราสาทรวงข้าว หนึ่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ด

(16 พฤศจิกายน 2566) เวลา 09.00 น. ณ ทุ่งนาเกษตรวัฒนธรรมวัดราชวารีบ้านโคกล่าม อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ร.ต.อ.หญิงอรุณี อินทรมณี นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน เปิดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าวสืบสานวัฒนธรรม พร้อมบวงสรวงแม่โพสพ เพื่อนำไปสร้างปราสาทรวงข้าว หนึ่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ,หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชน ร่วมกันเกี่ยวข้าว 

เนื่องด้วย วัดราชวารีบ้านโคกล่ามบ้านโคกล่าม จะมีการจัดงานประเพณีเทศกาลบุญประจำปี นมัสการพระธาตุหลวงเมืองพรหม เที่ยวชมปราสาทรวงข้าว ซึ่งที่ได้นำพี่น้องชาวบ้าน ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมดำนา ซึ่งขณะนี้ข้าวที่ปักดำไว้ถึงช่วงฤดูเก็บเกี่ยวสำหรับนำมาสร้างปราสาทรวงข้าว จึงได้มีการจัดงานสืบสาน วัฒนธรรมลงแขกเกี่ยวข้าว พร้อมบวงสรวงแม่โพสพ 

เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวตามประเพณีอีสานให้คงอยู่ ทั้งนี้ นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน ได้นำพี่น้องประชาชน ร่วมกันเกี่ยวข้าว ด้วยรอยยิ้มและรำวงอย่างสนุกสนาน ที่เป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ระหว่างชุมชนและส่วนราชการ ที่มอบให้กัน และนำข้าวที่ได้ไปสร้างปราสาทรวงข้าว หนึ่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top