Sunday, 24 September 2023
NEWS

ช่อง 3 นำนักแสดงร่วมงานแถลงข่าว “24 กันยายน “วันมหิดล” ศิลปินรวมใจช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาส รพ.ศิริราช” น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” และร่วมกัน “ให้” ชีวิตใหม่แก่ผู้ด้อยโอกาส รพ.ศิริราช

ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ในฐานะรองประธานกรรมการจัดงานหารายได้  และประธานกรรมการฝ่ายจัดรายการโทรทัศน์ประจำปี 2566   เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว “24 กันยายน “วันมหิดล” ศิลปินรวมใจช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาส รพ.ศิริราช” ร่วมกับ ศ.คลินิก นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ในฐานะประธานกรรมการขอรับบริจาคเนื่องในวันมหิดล รศ. พญ.นันทกร ทองแตง รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและองค์กรสัมพันธ์ ในฐานะคณะกรรมการจัดงานหารายได้เนื่องในวันมหิดล คุณลาวัลย์ กันชาติ ประธานกรรมการ บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด คุณบงกช อักษรดี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตรายการ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก คุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองกรรมการผู้อำนวยการสำนักกิจการและสื่อสารองค์กร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) คุณวรวรรณ ติณสูลานนท์ ผู้จัดการบริหารประชาสัมพันธ์ สำนักกิจการและสื่อสารองค์กร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด พร้อมสองนักแสดงจากช่อง 3 พทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด จากละคร เกมรักทรยศและน้ำหวาน-ภูริต า สุปินชุมภู จากละคร สืบลับหมอระบาด  คุณสมพันธ์ จารุมิลินท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด คุณณฐนนท์ ดนัยพิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายออกอากาศ บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด(มหาชน)  คุณพลพล พลกองเส็ง ผู้แทนจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม  แกรมมี่ จำกัด  (มหาชน) คุณรงวไล หมื่นสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมงาน

วันที่ 24 กันยายนของทุกปี ถือเป็นวันมหิดล และเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หรือพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย โดยตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา และพระราชทานพระราชทรัพย์ ในการวางรากฐานพัฒนาการแพทย์และสาธารณสุขไทยให้เจริญก้าวหน้า เพื่อให้พสกนิกรไทยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยไม่เลือกยากดีมีจน ทรงอุทิศพระองค์เป็นแบบอย่างในการ “ให้” อย่างแท้จริง

ในทุกปีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ถือวันมหิดลเป็นประเพณีปฏิบัติในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศิริราชให้เจริญก้าวหน้ามาถึงปัจจุบัน พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมเป็นผู้ให้ ด้วยการบริจาคเงินตามรอยพระบาทช่วยผู้ป่วยด้อยโอกาส รพ.ศิริราช โดยคณะฯ ได้รับพระกรุณาธิคุณจากศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเป็นประธานจัดงานหารายได้ เนื่องในวันมหิดลเสมอมา นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่คณะกรรมการจัดงาน และผู้ป่วยของ รพ.ศิริราช

กิจกรรมการรับบริจาคเงินพร้อมมอบธงวันมหิดลเป็นที่ระลึก ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2503 จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นปีที่ 63 โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นมา นักศึกษาวิทยาเขตบางกอกน้อยได้ขอรับบริจาค ตามสถานที่ต่าง ๆ ในปีนี้ คณะฯ กำหนดวันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 เป็นวันขอรับบริจาคครั้งใหญ่ ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล และพิเศษสุดกับการเดินสายขอรับบริจาคที่อาคารมาลีนนท์ ร่วมกับศิลปิน นักแสดง ที่กรุณาสละเวลามาช่วยรับบริจาค นำเงินช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาส รพ.ศิริราช โดยผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป จะได้รับธงแขวนเป็นที่ระลึกและตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป จะได้รับธงพร้อมเสาเป็นที่ระลึก สำหรับธงในปีนี้จะเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดง เนื่องจากวันที่ 24 กันยายน ตรงกับวันอาทิตย์ พร้อมสกรีนพระรูปสมเด็จพระบรมราชชนกประทับพระเก้าอี้อยู่กลางผืนผ้า และข้อความ “ที่ระลึกวันมหิดล วันที่ ๒๔ กันยายน โรงพยาบาลศิริราช ๒๕๖๖”

อีกหนึ่งกิจกรรม นั่นคือ การจัดรายการพิเศษเนื่องในวันมหิดล ปี 2566 ภายใต้แนวคิดศิริราชกับคุณภาพชีวิตผู้พิการในประเทศไทย เนื่องจากสถานการณ์ของผู้พิการในแต่ละปียังคงมีความน่าเป็นห่วงซึ่งมีมากกว่า 2 ล้านคน แบ่งเป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหวมากถึง 50% หรือประมาณ 1 ล้านคน ต่างรอคอยการเข้าถึงกายอุปกรณ์ที่เหมาะสม แต่ทุกวันนี้โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร มีกำลังการผลิตอุปกรณ์เพียง 4,000 ชิ้นต่อปีเท่านั้น ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานสัมภาษณ์ประเด็น “คุณภาพชีวิตผู้พิการในประเทศไทย” ตลอดจนพระราชทานคำแนะนำการดูแลใจและกายไปยังพสกนิกรที่ในครอบครัวมีผู้พิการหรือทุพพลภาพ นอกจากนี้ ในรายการพิเศษเนื่องในวันมหิดลปีนี้ ยังมีสาระความบันเทิงที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้พิการทางการเคลื่อนไหว อาทิ รายการเจาะใจ ตอนพิเศษ ประเด็น “ศิริราชกับกายอุปกรณ์สำหรับผู้พิการ และผู้มีความผิดปกติทางการเคลื่อนไหว” ร่วมสัมภาษณ์ ศ. นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ. พญ.กุลภา ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร และ VTR สุด Exclusive ส่งต่อเรื่องราวดีๆ พลิกชีวิตจากผู้ที่มีความบกพร่อง เปลี่ยนสู่ผู้ที่มีร่างกายสมบูรณ์ พร้อมส่งต่อรอยยิ้มอันแสนสุขที่มาจากหัวใจ

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก อาจารย์ธนธัช จรัสรุ่งโอฬาร รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร พาเปิดบ้านเยี่ยมชมภารกิจการผลิตนักกายอุปกรณ์และนวัตกรรรมที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้พิการ โดยผู้ที่มีข้อสงสัยหรือสนใจปรึกษาปัญหาสุขภาพเพิ่มเติมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อได้ที่หมายเลข 02 270 2555 จำนวน 20 คู่สาย และในปีนี้ได้รับเกียรติจากคุณสัญญา คุณากร (ดู๋) พ.ท.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข (ทิพย์) คุณสุวิกรม อัมระนันทน์ (เปอร์) คุณอรชพร ชลาดล (มิ้นท์) และ นศพ.อิทธิพัฒน์ อารยะการกุล (พีท) ร่วมเป็นพิธีกร

สามารถรับชมและร่วมบริจาคผ่านหมายเลข 02 270 2222 จำนวน 60 คู่สาย ในวันเสาร์ที่ 16 กันยายนนี้ เวลา 16.00 – 18.00 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ. 5) และรับชมได้พร้อมกันทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี (ช่อง 32) และทางสถานีโทรทัศน์ TNN 2 (True Visions ช่อง 784) ตลอดจนถ่ายทอดสดผ่านทาง Page Facebook sirirajpr, TV5HD Online, TNN2 True Vision784 และช่องทาง Youtube TNN2 True Vision784 รวมถึงรับชมออนไลน์ผ่านทาง TrueID Application TNN2 True Vision784 และ TrueID TV Box TNN2 True Vision784 อีกช่องทาง

‘เจ้าของบ้าน’ เข่าแทบทรุด หลังไฟไหม้วอดทั้งบ้าน เหตุเปลี่ยนถังแก๊สแล้วขันไม่แน่น ทำระเบิดบึ้มสนั่น

(10 ก.ย. 66) เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา สถานีตำรวจภูธรลานสัก ได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้บริเวณบ้านเลขที่ 2 หมู่ 1 บ้านทุ่งนางาม ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี

หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจทุ่งนางาม พร้อมนายก อบต.ทุ่งนางาม รีบรุดประสานไปยังรถน้ำดับเพลิง อบต.ทุ่งนางาม อบต.เขากวางทอง อบต.ทุ่งโพ อบต.ประดู่ยืน มายังที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้หลังใหญ่ไฟไหม้กำลังลุกโหมอย่างแรง เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเร่งช่วยกันดับไฟ ใช้เวลาโดยประมาณ 1-2 ชั่วโมง กว่าไฟจะค่อยสงบลง ในที่เกิดเหตุพบชาวบ้านได้ช่วยเหลือนำภรรยาของเจ้าของบ้าน นำส่งรพ.ลานสักเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากอยู่ในสภาวะตกใจ อิดโรยเป็นลมทั้งยืน

เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง พบข้าวของภายในบ้านหลายอย่างถูกไฟไหม้จนหมดเกลี้ยง เนื่องจากไฟได้ไหม้ลุกโหมอย่างแรง จนเอาไม่อยู่ พร้อมกับพรุ่งนี้เช้าทางเจ้าของบ้านจะประเมินค่าเสียหายภายในบ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะมาช่วยเหลือเจ้าของบ้านในเบื้องต้น

ทราบต่อมาเจ้าของบ้านชื่อนายสำเนา อินสละ อายุ 68 ปี ได้เปิดเผยว่า ขณะนั้นช่วงประมาณ 2 ทุ่ม ตนเองได้ใช้ให้หลานมาเปลี่ยนถังแก๊สหุงต้มที่บ้านหลังเกิดเหตุให้ คาดว่าหลานน่าจะขันหัวแก๊สไม่แน่น หลังจากนั้นตนเองไปดูพร้อมกับไปขันใหม่ให้แน่น แล้วก็มาลองเปิดถังแก๊ส แล้วสักพักก็บึ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตนเองก็ได้ใช้ผ้าชุบน้ำมาโป๊ะถังแก๊สที่ไฟกำลังลุกไหม้ แต่เอาไม่อยู่ ไฟได้ไหม้ลามอย่างรวดเร็ว ตนเองพร้อมภรรยาได้วิ่งหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ

‘การบินไทย’ อยู่ระหว่างเจรจาจัดหาเครื่องบินใหม่กว่า 95 ลำ หวังขยายขีดความสามารถการให้บริการในอนาคต

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.66 การบินไทยกำลังเจรจากับทั้ง Boeing และ Airbus เพื่อสั่งซื้อเครื่องบินใหม่มากกว่า 95 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ 15 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 80 ลำ ทั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามการดำเนินการปรับโครงสร้างใหม่และเตรียมพร้อมรับตลาดการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การบินไทยได้ประกาศว่ากำลังจัดหาเครื่องบิน A321neo จำนวน 10 ลำ และ A350-900 เพิ่มเติมอีก 11 ลำ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงกลางของการฟื้นฟูกิจการ แต่สายการบินก็ต้องการเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้น

แหล่งข่าวรายงานว่า ในเบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเครื่องบินใหม่ทั้ง 95 ลำนี้จะเป็นรุ่นใดบ้าง แต่คาดว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีนี้ หากเป็นไปตามแผน เครื่องบินใหม่จะทยอยรับมอบในช่วงทศวรรษหลังจากการสั่งซื้อ และนี่จะเป็นคำสั่งซื้อขนาดใหญ่อีกหนึ่งรายการของสายการบินจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

Boeing และ Airbus ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

จากข้อมูลของ planespotters.net ปัจจุบัน ฝูงบินของการบินไทยมีจำนวน 52 ลำ ประกอบด้วย A320-200 จำนวน 4 ลำ A330-300 จำนวน 3 ลำ A350-900 จำนวน 14 ลำ Boeing 777-200ER จำนวน 6 ลำ Boeing 777-300ER จำนวน 17 ลำ Boeing 787-8 จำนวน 6 ลำ และ Boeing 787-9 จำนวน 2 ลำ

ทั้งนี้ สายการบินกำลังอยู่ในระหว่างการควบรวมกิจการของสายการบินในกลุ่ม Thai Smile เข้าดำเนินการภายใต้การบินไทย และรับโอนย้ายเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่เหลืออีก 16 ลำ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

‘ถนนพระราม 2’ ตำนาน 50 ปี ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ แต่ 'แลนด์ลอร์ด' เพียบ รอวันเส้นทางลงสู่ใต้ เปลี่ยนแปลง!!

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.66 จากผู้ใช้เฟซบุ๊กเพจ Property Expert Live ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ถนนพระราม 2 กับตำนาน 50 ปี ที่ก่อสร้างไม่เสร็จ แต่แลนด์ลอร์ดเพียบ เส้นทางลงสู่ภาคใต้กำลังรอการเปลี่ยนแปลง!!

- ถนนพระราม 2 ก่อสร้างกว่า 50 ปียังไม่เสร็จ
- ถนนพระราม 2 เป็นเส้นทางหลักการใช้สัญจรของประชาชนฝั่งธนบุรีมายังพระนคร และเป็นเส้นทางลงสู่ภาคใต้ แต่ละวันมีปริมาณรถมาก กว่า 150,000 คันต่อวัน
- ทำให้ต้องมีการขยายถนนและก่อสร้างไม่สิ้นสุด ไม่ต่ำกว่า 50 ปี จนถูกขนานนามว่า ‘ถนนเจ็ดชั่วโคตร’
- การก่อสร้างถนนพระรามเริ่มก่อสร้างครั้งที่แรก เมื่อปี 2513-2516 มีการก่อสร้างถนน 2 เลน สวนทางกัน
- ซึ่งแล้วเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2516 ซึ่งสามารถย่นระยะเวลาการเดินทางมากกว่า ถนนเพชรเกษม เส้นทางหลักสู่ภาคใต้เดิม ได้มากถึง 40 กม.
- นำพาความเจริญจากกรุงเทพฯ มาสู่พื้นที่ ‘สองสมุทร’ ได้แก่ สมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม แบบก้าวกระโดด

- ปี พ.ศ. 2531 ‘วันชาติ ลิ้มเจริญ’ นักพัฒนาที่ดินยุคบุกเบิก นำที่ดิน 500 ไร่ บริเวณสี่แยกเอกชัย พัฒนาเป็น ‘โครงการมหาชัยเมืองใหม่’
- ปี พ.ศ. 2532 นักลงทุนก่อตั้ง ‘โรงพยาบาลมหาชัย’ อาคารสูง 6 ชั้น บนที่ดิน 2.5 ไร่ บริเวณสี่แยกมหาชัย
- ปี พ.ศ. 2533 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก่อตั้ง ‘นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร’ บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน กลายเป็นทำเลทองเพราะใกล้ท่าเรือคลองเตย ปัจจุบันมีโรงงานเข้ามาตั้ง 116 แห่ง
- ความเจริญที่เข้ามาแบบก้าวกระโดด สวนทางกับสภาพถนนที่มีเพียงแค่สองเลน คับแคบและชำรุด ในที่สุดเมื่อปี พ.ศ. 2532 จึงได้เริ่มขยายถนนออกเป็น 4 ช่องจราจร ตลอดสาย 84 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 3,504.70 ล้านบาท
- ครั้งที่ 2 ปี 2532-2537 มีการขยายถนนจาก 2 เลนเป็น 4 เลน พร้อมก่อสร้างทางแยกต่างระดับ 4 แห่ง ได้แก่ บางขุนเทียน สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และวังมะนาว
- ปี พ.ศ. 2539 กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ก่อตั้งเมืองใหม่ ‘สารินซิตี้’ ขนาด 5,935 ไร่ ทุ่มโฆษณาทั้งโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์มหาศาล

- ส่วนหนึ่งแบ่งพื้นที่ให้กลุ่มเจริญอักษร ก่อตั้ง ‘นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สินสาคร’ บนพื้นที่ 991 ไร่ ถือเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมการพิมพ์แห่งแรกในประเทศไทย
- ครั้งที่ 3 ปี 2539-2543 ถือเป็นงานก่อสร้างครั้งใหญ่ ขยายถนนช่วงสามแยกบางปะแก้วถึงทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน เป็น 14 เลน แบ่งออกเป็นทางหลัก 8 เลน และทางขนานข้างละ 3 เลน
- ครั้งที่ 4 ปี 2544-2546 ขยายช่องจราจรจาก 4 เลน เป็น 8 และ 10 เลนตามลำดับ ระหว่างทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน - นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ความยาวรวมประมาณ 22 กม.
- พ.ศ. 2545 กลุ่มเซ็นทรัลก่อตั้ง ‘ห้างเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2’ พื้นที่ 210,000 ตารางเมตร โดยเช่าที่ดินระยะยาว 96 ไร่ จากกลุ่มโรงพยาบาลบางปะกอก
- ครั้งที่ 5 ก่อสร้างระหว่างปี 2549-2552 เพื่อเป็นการรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และเทศกาล จึงมีการก่อสร้างโครงการส่วนต่อขยายจนถึงทางแยกต่างระดับวังมะนาว จากเดิม 4 เลน เป็น 6 - 8 เลน
- โรงเรียนอัสสัมชัญ ก่อตั้ง ‘อัสสัมชัญ แคมปัส พระราม 2’ บนพื้นที่ 230 ไร่ ริมคลองโคกขาม ใช้งบลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท เปิดการเรียนการสอนเมื่อปี พ.ศ. 2555

- ครั้งที่ 6 ปี 2561-2563 โครงการการขยายถนนพระรามที่ 2 ระหว่างแยกต่างระดับบางขุนเทียน - แยกเอกชัย จาก 10 เลน เป็น 14 เลน
- ความเจริญของถนนพระราม 2 ที่มียานพาหนะสัญจรเฉลี่ยแต่ละวันมีปริมาณรถมากกว่า 150,000 คันต่อวัน
- นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างอื่น ๆ ที่คาบเกี่ยวกับถนนเส้นนี้อีกหลาย เช่น ทางยกระดับบางขุนเทียน - มหาชัย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 - ปี 2565
- นอกจากนั้น ทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกตะวันตก ที่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2563 ไปจนถึงปี 2566
- และในอนาคตจะมีการก่อสร้าง มอเตอร์เวย์ หมายเลข 8 (นครปฐม - ปากท่อ / ปากท่อ - ชะอำ) ซึ่งยังไม่นับรวมงานซ่อมแซมพื้นผิว ก่อสร้างสะพานกลับรถ

“หมอเดว” ชี้ผู้นำยุคใหม่ ต้องมีจิตสำนึก-มีคุณธรรม จะทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ที่ห้องเรียน วปอ.121 พลเอก นรินทร์ แทบประสิทธิ์ ประธานมูลนิธิคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม รวมถึง กรรมการมูลนิธิฯ ให้การต้อนรับ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ได้รับเชิญจาก มูลนิธิคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม ร่วมกับ กองบัญชาการกองทัพไทย บรรยายพิเศษภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมคุณธรรมอย่างยั่งยืนตามรอยพระราชา” ในการอบรมหลักสูตรผู้นำพอเพียงเพื่อความมั่นคง (นพม.) รุ่นที่ 16 

รศ.นพ.สุริยเดว ได้เน้นย้ำ บ้านเมืองใดที่ผู้คนมี “จิตสำนึก” ถึงไม่มีกฎหมาย ก็สามารถอยู่เย็นเป็นสุข ทั้งนี้ คุณธรรม เป็นเรื่องของความละเมียดละไมของจิตใจ เป็นเรื่องที่ติดตัวเราจนกลายเป็นพฤตินิสัยที่ดี (Individual Characteristic)

สำหรับหลักสูตรผู้นำพอเพียงเพื่อความมั่นคง เพื่อให้ข้าราชการทหาร ข้าราชการพลเรือน / รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
ร่วมกันสานต่อ พระราชปณิธานองค์พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมราชบพิตร และเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีและมั่นคงยั่งยืน เสริมทักษะการเรียนรู้ในการเป็นผู้นำพอเพียง ภายใต้หลักคุณธรรม จริยธรรม 

ในส่วนของการดำเนินการหลักสูตร ประกอบด้วย การบรรยาย การสัมมนากลุ่ม การแสดงผลงานวิชาการกลุ่ม การศึกษาดูงานหน่วยความมั่นคง โรงเรียนผู้นำ องค์กรภาคเอกชน และหน่วยงานการเกษตรพอเพียง 

นอกจากนี้ช่วงบ่าย นางพรพิมล มฤคทัต Senlor Assoclate Director -CSR for SD Enterprise Brand Management Office,SCG" ได้บรรยายการขับเคลื่อนชุมชนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"อีกด้วย 

เชียงใหม่-สายบุญ สายอาร์ต ห้ามพลาด !”WUALAI WEEK 2023 มหัศจรรย์วัวลาย The Silver Shine of Chiang Mai"

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ วัดศรีสุพรรณ ชวนเปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยววัดยามค่ำคืน ชวนตื่นตากับสีสันมหัศจรรย์แห่งแสงสี 3D Mapping อุโบสถเงินแห่งเดียวในโลก ในงาน "WUALAI WEEK 2023 มหัศจรรย์วัวลาย The Silver Shine of Chiang Mai" วันที่ 8 - 16 กันยายน 2566 ณ วัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่ โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน

WUALAI WEEK 2023 จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นและพลิกฟื้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ในช่วง Low Season ด้วยการสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ เที่ยวได้ทั้งปี ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สอดรับกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ในการต่อยอดการท่องเที่ยวผ่านแนวคิด “From SPOT (Soft Power Of Thailand) to TRIP” อันจะนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและเสริมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวอันทรงคุณค่าและความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญในการจัดงานครั้งนี้ว่า “WUA LAI WEEK 2023 เป็นการริเริ่มกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุน โดยมีแนวคิดในการการยกระดับการท่องเที่ยวในชุมชนของเมืองเชียงใหม่ ผ่านการศึกษา และวิเคราะห์จนสามารถนำจุดเด่นด้านศิลปวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น มาต่อยอดให้เกิดความร่วมสมัย และน่าสนใจอย่างมีเอกภาพ ด้วยการออกแบบกิจกรรมที่สร้างความดึงดูด เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการมาเยือนในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ คือ ศิลปหัตถกรรม อาหาร และแสงสี โดยคำนึงถึงหลักการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม”

ด้าน นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบสร้างสรรค์ที่มีส่วนผลักดันให้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเชียงใหม่มีความโดเด่นและแตกต่างเกิดความยั่งยืน สร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกันยังคำนึงถึงผู้คนในท้องถิ่นชุมชนในพื้นที่ และมีความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่อาจจะตามมา ไม่ว่าจะเป็นแง่ทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมเป็นการท่องเที่ยวที่ทุกฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ร่วมกัน

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “เทศกาลวัวลายวีค 2023” ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จดังความมุ่งหมายของทุกฝ่าย ที่มีความตั้งใจอยากเปิดมิติใหม่ๆให้กับการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่นำมาซึ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัด”      
 
สำหรับไฮไลต์ภายในงาน WUA LAI WEEK 2023 ชวนตื่นตาตื่นใจกับงานแสดงศิลปะ ปลุกชีวิตให้พื้นที่ในแหล่งวัฒนธรรมบริเวณชุมชนวัวลาย และวัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่ ประกอบไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่
 
1. Light & Live จัดแสดงงานศิลปะในรูปแบบแสงสี  3D Mapping และจุดถ่ายรูปจุดเช็กอินสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้เช็กอินผ่านสื่อ Social Media ภาพใต้รูปแบบศิลปะ Night & Nice @ วัดศรีสุพรรณ สอดรับกับสถาปัตยกรรมอุโบสถเงินแห่งแรกของโลก โดยเชื่อมโยงเรื่องราวของวิถีแห่งล้านนา วิถีแห่งหัตถกรรมท้องถิ่น สีสันของดนตรี ในรูปแบบ Sound Therapy สร้างสรรค์บรรยากาศไปพร้อมกับ การสร้างสรรค์ภาพประกอบเคลื่อนไหวปรากฎบนอุโบสถเงิน พร้อมภาษาเล่าเรื่อง 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และจีน
 
2. จัดกิจกรรมส่วนพื้นที่ศิลปะ ART SPACE  กับการโชว์สาธิตวิถีสล่าเครื่องเงินแห่งชุมชนวัวลาย พร้อมจัดช่วงเวลาเวิร์คชอป การแกะดุนลาย และการทำของที่ระลึกเครื่องเงิน เป็นของฝากกลับบ้าน พร้อมโชว์ผลงานการแกะสลักเครื่องเงินที่ได้กลายเป็นสินค้าที่ระลึกในระดับสากล From Local to Global  โดยจัดแสดงผลงานการแกะสลักของศิลปินสล่าเครื่องเงินในชุมชนวัวลายที่มีชื่อเสียง
 
3. Food from Local อาหารพื้นถิ่น ซุ้มอาหารชุมชน ในบรรยากาศกาดยามค่ำ นำเสนออาหารพื้นถิ่น ซุ้มอาหารชุมชน คัดเลือกร้านค้า ร้านอาหารจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม โดยสนับสนุนคนในท้องถิ่น
 
4. นำเสนอโซนสินค้าโอทอป และสินค้าชุมชน เพื่อเกิดการจับจ่ายซื้อหา ภายในบริเวณโดยรอบชุมชน  
 
5.กิจกรรมเสริมดวงชะตา บูชาเทียนออนไลน์มหามงคลแบบปราศจากมลพิษ และพิธีถวายน้ำสักการะพระพุทธปาฏิหารย์พระเจ้าเจ็ดตื้อ ในยามค่ำคืน

สายบุญ – สายอาร์ต ห้ามพลาด !‘WUALAI WEEK 2023 มหัศจรรย์วัวลายThe Silver Shine of Chiang Mai’ มิติใหม่การเที่ยววัดยามค่ำคืน
สุดอลังการกับแสงสี 3D Mapping อุโบสถเงินหลังแรกของโลก
เพิ่มมุมมองการท่องเที่ยววัดยามค่ำคืนแนวใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8-16 กันยายน 2566 ณ วัดศรีสุพรรณ จังหวัดเชียงใหม่

วิภาดา/เชียงใหม่

‘ไบรท์ ชินวัตร’ อดีตแกนนำม็อบ 3 นิ้ว กลับใจมาเปิดร้านอาหาร พร้อมขอบคุณ ‘พีระพันธุ์’ ผู้ใหญ่ที่คอยชี้แนะแนวทางจนมีชีวิตใหม่

(9 ก.ย. 66) นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ‘ไบรท์’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตแกนนำม็อบราษฎร ก่อนย้ายข้ามขั้วมาเป็นแนวร่วมกลุ่มปกป้องสถาบัน ปัจจุบันได้เปิดร้านอาหารชื่อ ‘แซ่บไบรท์’ โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณ ‘นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

โดยนายชินวัตร ระบุว่า ขอบคุณท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่มีส่วนร่วมทำให้ผมมีวันนี้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถืออย่างมากที่คอยให้คำชี้แนะและแนะแนวทางให้กับผมเสมอมา

วันนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว ขอพี่น้องทุกท่านร่วมแสดงความยินดีกับท่านไปโพสต์ร่วมกันครับ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ที่ร้านแซ่บไบรท์ ร้านอาหารของนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง ได้รวมตัวจัดกิจกรรมสลายเสื้อสีในชื่อ ‘ปาร์ตี้นัดกระชับมิตร เหลือง & แดง บังเกิดแล้ว’

นายนพดล พรหมภาสิต แกนนำกลุ่มปกป้องสถาบัน เปิดเผยถึงความเป็นมาของร้าน ‘แซ่บไบรท์’ ว่า ไบรท์ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง อดีตแกนนำเสื้อแดงนนทบุรีและแนวร่วมพรรคอนาคตใหม่ ได้บรรลุดวงตาเห็นธรรมว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาในแนวทางของพรรคสีส้มนั้น เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันฯ ยิ่งต่อสู้ในแนวทางที่ผิดๆ ชีวิตไบรท์ ก็ยิ่งถลำตกต่ำ มีแต่คดีความติดตัวเป็นหางว่าว ไปสมัครงานที่ไหนใครเขาก็ไม่รับ ปากกัดตีนถีบทำงานรับจ้างทุกอย่างชีวิตก็ไม่ดีขึ้น เมียก็ต้องเลี้ยงลูกที่ยังเล็ก วิธีที่จะให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ คือการแปะบัญชีเปิดรับบริจาค มุดแชทไปขอยืมเงินทุกคนที่รู้จัก จนมีฉายาว่า ‘ไอ้ไบรท์ขอทานออนไลน์’

การดึงคนที่หลงผิดให้กลับมาเดินบนเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ตามครรลองนั้นไม่ใช่เรื่อง่าย การมีพี่เลี้ยงคอยประคับประคองจึงเป็นเรื่องจำเป็น ‘มูลนิธิเอื้อมถึง’ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย การช่วยครั้งนี้เพื่อให้โอกาสคนหมดที่พึ่งสามารถยืนได้ด้วยสัมมาอาชีวะของตัวเอง และสัมมาทิฎฐิที่ถูกต้อง การช่วยที่ยั่งยืนคือการให้โอกาส ทำให้คนพึ่งตนเองได้จากการทำงานที่สุจริตจากความรู้ความสามารถพรสวรรค์ที่ตนเองมี เฉกเช่นเมียไบรท์ ที่มีฝีมือในการทำอาหารอีสาน ร้านส้มตำแซ่บไบรท์ จึงเป็นคำตอบ

ฝั่งชังชาติมีทุนสีเทา มีกองทุน มีท่อน้ำเลี้ยงคอยสนับสนุนเส้นทางการเงิน ให้กับคนที่ก่อความไม่สงบสุขในบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ฝ่ายคอยปกป้อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หน่วยงานหรือองค์กรใดมาให้ความช่วยเหลือ ภาคประชาชนต้องช่วยกันเองตามมีตามเกิด ‘แซ่บไบรท์’ เป็นมากกว่าร้านอาหาร ร้านนี้แฝงไปด้วยสัจธรรม และความจริงของชีวิต การให้โอกาสคนที่หลงผิดมีชีวิตใหม่คือทานที่ยิ่งใหญ่ การมีแล้วแบ่งปันคือการทำให้สังคมน่าอยู่

แผนสกัด ‘แอน JKN’ ปลุกเฟกนิวส์ ยกเลิกประกวด MU กลยุทธ์แห่งเกมธุรกิจ ต้องเอาคนแพ้ให้ถึงขั้นไม่มีที่ยืน

(9 ก.ย. 66) ดูเหมือนว่าในช่วงสัปดาห์นี้ หนทางสู่ ‘จักรวาล’ ของ ‘แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์’ CEO ข้ามเพศพันล้านของ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอลกรุ๊ป (JKN) ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการที่ถาโถมใส่แบบรัวๆ เลยทีเดียว

คือถ้าใจไม่นิ่ง หรือหนักแน่นพอ อาจจะมีสิทธิ์ได้จิตตกกันบ้าง แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘แอน จักรพงษ์’ อย่างแน่นอน!!

นับตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับที่เป็น Talk of The Town กับกรณีที่ทาง JKN แจ้งเรื่องผิดนัดชำระหุ้นกู้ ‘JKN239A’ รวมเงินต้นและดอกเบี้ยกว่า 600 ล้านบาท โดยมีการชำระคืนเงินต้นเพียงบางส่วน พร้อมทั้งดอกเบี้ยรวมกว่า 150 ล้านบาท

ต่อจากนั้น ก็กลายเป็นว่า JKN ต้องออกมาสู้รบปรบมือกับสารพัดข่าวลือข่าวลวง ที่ประเดประดังเข้ามาตลอดทั้งสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยกเลิกการประกวด Miss Universe เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน

ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

การจัดประกวด Miss Universe 2023 ที่ แอน ถือลิขสิทธิ์อยู่ในมือนั้น ยังคงดำเนินการตามปกติ โดยจะจัดขึ้นใน วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ภายใต้การรับหน้าที่เจ้าภาพของ รัฐบาลเอลซัลวาดอร์

งานนี้ทำเอาจักรวาลสะเทือนถึงขนาดที่จะมีการฟ้องร้องผู้ที่เจตนาปล่อย Fake News นี้

ยังไม่พอ ยังมีการขยี้ย้ำหวังจะซ้ำให้จมดิน ด้วยข่าวการเทขายหุ้น JKN ซึ่งถ้ามองแต่พาดหัวข่าว อาจจะแฝงเจตนาที่ชวนให้คิดว่า คงไปต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงขนาดต้องเทหุ้นออกมาขายแบบนี้

ขณะที่ในความเป็นจริงแล้ว ความผันผวนของตัวเลขหุ้น JKN ในมือของ แอน นั้น มีการเปลี่ยนแปลงจริง แต่ก็เป็นกลไกปกติของตลาดอยู่แล้ว มีขึ้น มีลง มีได้มา มีขายไป

สรุปความก็คือ แอน ขายหุ้นในส่วนของตัวเอง จำนวน 92 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 116 ล้านบาท!!

แต่ก็มีการได้รับโอนหุ้นเพิ่มเติมเช้ามาอีก 77 ล้านหุ้น ซึ่งระบุว่า “เป็นการได้มา ‘โดยเสน่หา’”

เมื่อนำมาหักลบกันแล้ว ก็เท่ากับว่า ณ ปัจจุบัน แอน มีหุ้น JKN อยู่ในมือ จำนวน 392,287,682 หุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 38 %

นั่นหมายถึงว่า แอน ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ JKN อยู่ ทำให้อำนาจการบริหารยังคงไม่ถูกเปลี่ยนมือ

“ดิฉันยืนยันว่า ดิฉันยังยืดหยัดบริหาร JKN และยังถือครองหุ้น JKN กว่า 38% ส่วนเรื่องหุ้นกู้นั้น บริษัทฯ JKN มีแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว โดยได้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมายและบริษัทผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย”

ท่ามกลางข่าวลือ ข่าวลวงที่เกิดขึ้น ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการดิสเครดิตครั้งยิ่งใหญ่ ที่ JKN กำลังเผชิญ โดยไม่รู้ว่าเป็นน้ำมือของใคร!?!

เพราะเพียงแค่ความเพลี่ยงพล้ำในครั้งแรกนั้น กลับนำพามาสู่การเจตนาทำร้ายล้าง ราวกับตั้งใจจะสกัดหนทางของ แอน ไม่ให้ – เจิดจรัสจักรวาล - อย่างที่ประกาศกร้าวไว้ ซึ่งแน่นอนว่าข่าวในเชิงลบที่ถูกปล่อยออกมาแปบรัวๆ อย่างนี้ ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท ความเชื่อมั่นในตัวของผู้บริหาร และแน่นอนว่า ย่อมส่งผลไปถึงการพิจารณาของบรรดาคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรทั้งรายใหญ่ รายย่อย หรือแม้กระทั่งสปอนเซอร์ โดยเฉพาะเป็นเรื่องของการขายงานระดับจักรวาลแบบนี้ด้วย

คำถามก็คือ ใครอยู่ ‘เบื้องหลัง’ งานนี้?

แน่นอนว่าในทุกแวดวง ย่อมต้องมีคู่แข่งทางธุรกิจที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อชัยชนะ ยิ่งการต่อสู้เข้มข้นเท่าไหร่? วิธีการ และกลยุทธ์ต่างๆ ก็จะยิ่งถูกงัดออกมาใช้มากขึ้นเท่านั้น

เพราะในเกมธุรกิจ ไม่มีที่ยืนสำหรับคนแพ้!!

ก็ต้องมาดูว่าใครที่ได้ผลประโยชน์จากข่าวคราวในเชิงลบของ แอน และ JKN !?!?

ผลสำรวจ ชี้!! ผู้หญิงดูหนังโป๊บนมือถือมากกว่าผู้ชาย เผย สาวไทยติดโผอันดับต้นๆ ของโลก แถมเพิ่มขึ้นทุกปี

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 66 มีรายงานจากเว็บต่างประเทศชื่อดังอย่าง ‘independent’ ออกมาว่าผลจากการสำรวจว่า ผู้ชายหรือผู้หญิง เข้าดูหนังผู้ใหญ่ผ่านสมาร์ทโฟนมากกว่ากัน ทำให้เราถึงกับร้อง

โดยเว็บโป๊ดังชี้ว่ ผู้หญิงดูหนังโป๊บนสมาร์ทโฟนมากกว่าผู้ชาย แถมสาวไทยติดโผอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ มีการบันทึกไว้อย่างดีว่าสัดส่วนของผู้หญิงที่ดูสื่อลามกนั้นมีเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี

ทั้งนี้ จากผลการวิจัยจาก Pornhub ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วเข้าเสพความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ด้วยช่องทางไหน?

ซึ่งปรากฎว่าผู้หญิง 80 เปอร์เซ็นต์เข้าถึง Pornhub จากอุปกรณ์มือถือ เทียบกับผู้ชาย 69 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้หญิง 71 เปอร์เซ็นต์มาจากสมาร์ทโฟน และอีก 9 เปอร์เซ็นต์มาจากแท็บเล็ต ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นใช้งานคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปน้อยกว่าผู้ชายถึง 34 เปอร์เซ็นต์ (ทำไมน้า?)

ทั้งนี้ การใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อเข้าถึงสื่อลามกได้เติบโตขึ้นสำหรับทั้งสองเพศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 72 ของการเข้าชมทั่วโลก แต่สัดส่วนของผู้หญิงที่ทำเช่นนั้นกลับสูงกว่าผู้ชายอย่างต่อเนื่อง (แม้บ้านเราจะทำการบล้อก Pornhub แต่ก็มีวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้สามารถเข้าดูหนังผู้ใหญ่ได้เหมือนกัน)

และนั้นจึงไม่ทำให้แปลกใจเลยที่คน Gen Y จะเป็นผู้นำในการเข้าถึงสื่อลามกบนมือถือ โดยผู้หญิงร้อยละ 78 ที่ใช้สมาร์ทโฟนดูหนังสำหรับผู้หญ่รวมไปถึงสื่อลามกมีอายุระหว่าง 18 ถึง 34 ปี และยิ่งผู้หญิงอายุมากเท่าไร ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะใช้แท็บเล็ตหรือเดสก์ท็อปมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็เช่นเดียวกันสำหรับผู้ชาย

ซึ่งจากการสำรวจของ Pornhub พบว่าสหราชอาณาจักรมีสัดส่วนการใช้โทรศัพท์มือถือมากเป็นอันดับสามของผู้หญิงที่ร้อยละ 86 รองจากแอฟริกาใต้เท่านั้น (ร้อยละ 91) และสหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 89) ส่วนสาวไทยคิดเป็นร้อยละ 79 และดูเหมือนจะเติบโตขึ้นในทุกๆ ปี

ทั้งนี้ นั้นเหตุผลที่ผู้หญิงชอบดูสื่อลามกบนสมาร์ทโฟนยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

ทีม ‘Alacritas Dart’ 6 เยาวชนอัจฉริยะ ตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งใช้ความรู้-ทักษะด้าน STEM สร้างรถแข่งขัน ที่สิงคโปร์

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 66 6 เยาวชนไทย จากทีม ‘Alacritas Dart’ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเเทนทีมประเทศไทยที่จะไปเเข่งในงาน F1 in School World Final 2023 ณ ประเทศสิงคโปร์ ในระหว่างวันที่ 8-15 กันยายน 2566 ประชันกับทีมเข้าแข่งขันกว่า 68 ทีม จากตัวแทนทั่วโลก

โดยการแข่งขันรายการนี้ จะให้ผู้เข้าแข่งขันใช้ความรู้และทักษะด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและคณิตศาสตร์ (STEM) ในการสร้างรถแข่งขัน (ขนาดเล็ก) แข่งบนทางยาว 20 เมตร ภายใต้ข้อกำหนดของคณะกรรมการ ซึ่งจะมีรางวัล 18 ด้านต่างให้กับผู้เข้าแข่งขัน เช่น ด้านความเร็ว การนำเสนอ ความสวยงาม เป็นต้น

Here we go! ✈️ Our team is at the airport, buzzing with excitement as we're about to take off for the competition. Singapore, here we come!! 🏆😄

‘อ.เทพมนตรี’ เตือนสติ ‘พวกปากแจ๋ว-นักแจวคีย์บอร์ด’ อย่าคิดง่ายๆ หากเลือกหมิ่น 112 แล้วลงท้ายด้วยกระเช้าราคาถูก

(9 ก.ย.66) อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Thepmontri Limpaphayorm’ ระบุว่า...

คำเตือน

สังคมไทยเป็นสังคมนินทาว่าร้าย ถนัดฟังแต่เรื่องร้ายคนอื่น ส่วนเรื่องตนปกปิดซ่อนเร้นความโกหกตอแหล

จึงไม่เหนือความคาดหมายว่า พระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ก็มิได้ว่างเว้นต่อสิ่งเหล่านี้ หวังพึ่งพิงใครได้ คนพูดด้วยปากเวลาแก้ไขต้องใช้สติปัญญา มันจึงยุ่งยากที่จะทำความเข้าใจ อธิบายสิ่งใดถ้ามีอคติ ความไม่ชอบแล้วไซร้ก็ป่วยการ

เอาเป็นอย่างว่าที่มีมาตรา 112 ก็เหตุที่ว่าด้วยคนมิได้ใช้ปัญญาฟังอะไรใครมาจึงตัดสินแบบนั้น ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยน คนอ่านหนังสือน้อย ฟัง สนใจโลกออนไลน์เยอะ เวลาคนหมู่มากเชื่ออะไรแชร์อะไรก็คิดว่าผ่านการกลั่นกรองพิจารณามาแล้ว เวลาโดนฟ้องจึงเที่ยวโอดครวญว่าถูกกลั่นแกล้ง เข้าใจผิด ขอขมาด้วยกระเช้าราคาถูกหวังว่าเขาจะยกโทษให้ คุกสิพี่จึงจะดีที่สุด เรียกเงินกันเป็นแสนเป็นล้าน

ฟังอะไรใครมาควรใช้วิจารณญาณอย่างแรกมันเป็นเรื่องคนอื่น อย่างที่สองคุ้มกันไหมเมื่อต้องคดี อย่างที่สามมันเป็นบาปติดตัวใจเศร้าหมอง

ถ้าอยากเสือกกันนักตั้งแต่เรื่องพระเจ้าแผ่นดินยันมาถึงประชาขนอย่างเรา การแสวงหาความจริงคือสิ่งที่ดีที่สุด

‘กทม.’ ผนึก ‘มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย-ทิพยประกันภัย’ จัด ‘TIP SPIRIT’ หนุนเยาวชนเสริมทักษะกีฬา-พัฒนาตนเอง ปูทางสู่นักกีฬาอาชีพ

(9 ก.ย. 66) ‘กรุงเทพมหานคร–มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย-ทิพยประกันภัย’ ร่วมจัดโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ให้เยาวชนไทยทั่วกรุงเทพฯ ได้เรียนรู้ทักษะกับโค้ชระดับตํานานฟุตบอล-วอลเลย์บอล ตั้งแต่ กันยายน-พฤศจิกายน 2566

ดร.ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ร่วมแถลงข่าวโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้องบอลรูม สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ

สำหรับ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ เป็นโครงการที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นบนแนวคิดที่ต้องการเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่มุ่งเน้นหลักธรรมาภิบาล ต้องการให้ประชาชนทุกคนได้รับการดูแล และร่วมสร้างสรรค์สังคมปลอดภัย เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางตามกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG โดยคำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ภายใต้การบริหารงานอย่างมืออาชีพ

อีกทั้งในปี พ.ศ. 2566 นี้ ยังถือเป็นโอกาสพิเศษที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 72 อยู่เคียงข้างคนไทยและสังคมไทย จึงได้มีการริเริ่มโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ขึ้นมา โดยร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ผ่านโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์ฝึกกีฬาของกรุงเทพมหานครและ มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 8-17 ปี ได้เรียนรู้ประสบการณ์การเล่นกีฬา และทักษะขั้นพื้นฐานในการเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล และวอลเลย์บอลได้อย่างถูกต้อง เพื่อมุ่งหวังให้เยาวชนไทยใช้การเล่นกีฬาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาศักยภาพตนเอง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ตลอดจนเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยในอนาคต

โครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ยังได้รับการตอบรับจากโค้ชและอดีตตำนานนักกีฬาไทยที่ให้เกียรติเข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยฝึกฝนทักษะ และแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเยาวชนไทย อาทิ น.อ. ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, สะสม พบประเสริฐ, วรวุธ ศรีมะฆะ, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย, ก้องภพ สรงกระสินธ์ คุณพ่อของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย, พ.ต. ภาณุพงศ์ ผิวอ่อน โค้ชฟุตบอลโปรไลน์เซนส์, วีระยุทธ สวัสดี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และโค้ชมากฝีมืออดีตทีมชาติไทยอีกมากมาย รวมไปถึงตำนานวอลเลย์บอลหญิงไทย ทั้งปลื้มจิตร์ ถินขาว, มลิกา กันทอง, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ และปิยะนุช แป้นน้อย และโค้ชวอลเลย์บอลจากสโมสร สุพรีม ทิพย ชลบุรี- อี.เทค

นอกจากนี้ ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ยังได้มอบกรมธรรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ ทุนประกันภัยรวม 150,000 บาท ให้กับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และสร้างความสุขให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยมี สมรักษ์ คำสิงห์, มนัส บุญจำนงค์, ปวีณา ทองสุก, วรพจน์ เพชรขุ้ม และ เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาทีมชาติไทย ผู้สร้างตำนานคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ รวมถึง สืบศักดิ์ ผันสืบ เป็นตัวแทนรับมอบให้กับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทยในกีฬาประเภทต่างๆ จำนวนกว่า 300 คน

โครงการ TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง จะจัดทั้งหมด 6 สนาม ดังนี้
- สนามที่ 1 วันที่ 16-17 กันยายน 2566 ​​ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (ฟุตบอล)
- สนามที่ 2 วันที่ 30 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566 ​ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ มีนบุรี (ฟุตบอล)
- สนามที่ 3 วันที่ 14-15 ตุลาคม 2566 ​​ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ บางมด (วอลเลย์บอล)
- สนามที่ 4 วันที่ 28-29 ตุลาคม 2566 ​​ณ ศูนย์กีฬาบางบอน (ฟุตบอล)
- สนามที่ 5 วันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2566 ​ณ โรงเรียนนนทรีวิทยา เขตยานนาวา (ฟุตบอล)
- สนามที่ 6 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ​​ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (ฟุตบอล) Final Match

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมสมัคร
1.) เยาวชนไทยที่มีอายุระหว่าง 8-17 ปีบริบูรณ์
2.) ต้องมีสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคประจำตัว ร่างกายพร้อมรับการอบรม
3.) สามารถเดินทางเข้าร่วมโครงการตามสถานที่ต่างๆ ที่ลงทะเบียนได้

‘โครงการกีฬาฟุตบอล’ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นำโดยทีมโค้ชมืออาชีพ จะมีการคัดเลือกนักกีฬาสนามละ 8 คน 4 สนาม รวม 32 คน (ยกเว้นสนามที่ 3 ซึ่งจะสอนวอลเลย์บอล) เป็นตัวแทนไปร่วมคัดเลือกเป็นสุดยอดนักกีฬา TIP SPIRIT ในโครงการสนามสุดท้าย วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 โดยจะมีการเรียนรู้ทักษะขั้นสูง และร่วมแสดงความสามารถ จากนั้นจะคัดเลือกนักกีฬาเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจำนวน 11 คน เพื่อรับรางวัลพิเศษจากโครงการ และขึ้นทะเบียนเป็นนักกีฬาของทิพยประกันภัย โดยจะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 1 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการของทิพยประกันภัยในซีซั่นต่อไป ส่วนอีก 21 คน จะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 5 แสนบาท

‘โครงการกีฬาวอลเลย์บอล’ จัดขึ้นเพื่อให้น้องๆ ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ ทั้งการฝึกซ้อมฐานต่างๆ และได้ลงทีมเพื่อแสดงความสามารถอย่างรอบด้าน ผ่านการดูแลและคำแนะนำจากโค้ชและนักกีฬาทีมชาติของสโมสร สุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค โดยจะมีการคัดเลือกนักกีฬาเยาวชน จำนวน 6 คน เพื่อรับรางวัลสุดยอดนักกีฬา TIP SPIRIT และได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 1 ล้านบาท พร้อมรับรางวัลพิเศษจากโครงการในโครงการวันสุดท้าย

‘ดาวหางนิชิมูระ’ เตรียมเฉียดโลก 12 ก.ย.นี้ หลังถูกค้นพบเดือนก่อน สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากพลาดชมต้องรออีกไป 400 ปี!!

วันที่ 8 กันยายน เพจเฟซบุ๊ก ‘NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ’ โพสต์ข้อความชวนชม ‘ดาวหางนิชิมูระ’ ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กำลังจะโคจรเข้าใกล้โลกในเดือนกันยายนนี้ โดยระบุว่า…

ลุ้นชม ‘ดาวหางนิชิมูระ’ เดือนกันยายน นี้

โดยระบุว่าดาวหาง C/2023 P1 (Nishimura) ที่ถูกค้นพบเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ กำลังจะโคจรเฉียดโลกในวันที่ 12 กันยายนนี้ และจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในวันที่ 17 กันยายน ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีความสว่างมากที่สุด และยังมีมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากเพียงพอ อาจสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าในช่วงหัวค่ำของวันดังกล่าว

‘ดาวหางนิชิมูระ’ ค้นพบครั้งแรกโดย ‘ฮิเดโอะ นิชิมูระ (Hideo Nishimura)’ นักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ.2023 โดยเขาใช้กล้องโทรทรรศน์ถ่ายภาพท้องฟ้าในช่วงรุ่งเช้า แล้วพบว่ามีวัตถุท้องฟ้าบางอย่างที่ไม่สามารถระบุได้บริเวณกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini) ติดมาในภาพ และเมื่อกลับไปตรวจสอบภาพถ่ายในวันก่อนหน้า ก็พบวัตถุเดียวกันนี้ แต่มีการเปลี่ยนตำแหน่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย จึงคาดว่าน่าจะเป็นดาวหางดวงใหม่ที่ไม่เคยมีใครค้นพบ

ฮิเดโอะ นิชิมูระ ได้ส่งข้อมูลไปยัง ‘Minor Planet Center’ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จะช่วยตรวจสอบและยืนยันการค้นพบวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะอย่างเป็นทางการ และได้รับการยืนยันในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.2023 จึงกำหนดชื่อดาวหางดวงนี้อย่างเป็นทางการว่า “C/2023 P1 (Nishimura)” จัดเป็นดาวหางคาบยาวที่มีแหล่งที่มาจากเมฆออร์ต (Oort Cloud) มีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 437 ปี โดยขณะนี้กำลังโคจรเข้าใกล้โลกและดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ และจะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.2023

#ต้องดูดาวหางนิชิมูระตอนไหน?
ในช่วงรุ่งเช้าทางทิศตะวันออกก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ของวันที่ 8 กันยายน 2023 ดาวหางจะมีตำแหน่งปรากฏอยู่บริเวณกลุ่มดาวสิงโต (Leo) บริเวณใกล้กับดาวเรกูลัส (Regulus) ซึ่งอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นมุมประมาณ 20 องศา ทำให้มีระยะเวลาสังเกตการณ์ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น และจากข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ขณะนี้ดาวหางมีค่าความสว่างปรากฏ 5.2 สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าในพื้นที่ที่ไร้มลภาวะทางแสง

ในช่วงวันถัดมาหลังจากนี้ แม้ดาวหางจะโคจรเข้ามาใกล้โลกและดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันดาวหางก็จะมีตำแหน่งปรากฏบนท้องฟ้าเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้ยิ่งมีเวลาในการสังเกตการณ์น้อยลงเรื่อยๆ และในวันที่ 12 กันยายน 2023 จะเป็นวันที่ดาวหางโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด ด้วยระยะห่าง 125 ล้านกิโลเมตร แต่ก็เป็นช่วงที่ดาวหางมีตำแหน่งปรากฏบนท้องฟ้าอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มาก ทำให้ยากต่อการสังเกตการณ์

หลังจากวันที่ 15 กันยายน 2023 ดาวหางจะเปลี่ยนมาปรากฏทางทิศตะวันตกในช่วงหัวค่ำ และมีมุมปรากฏบนท้องฟ้าห่างออกจากดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเคลื่อนตำแหน่งออกจากกลุ่มดาวสิงโต (Leo) จนกระทั่งในวันที่ 17 กันยายน 2023 จะเป็นวันที่ดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดด้วยระยะห่าง 34 ล้านกิโลเมตร (ใกล้กว่าวงโคจรของดาวพุธประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์) และจะยิ่งมีความสว่างมากขึ้น โดยเว็บไซต์ Comet Observation database (COBS) คาดการณ์ว่า ดาวหางอาจมีค่าความสว่างปรากฏได้มากถึง 3.0 ซึ่งเป็นค่าความสว่างปรากฏที่สามารถสังเกตเห็นด้วยตาเปล่าได้ไม่ยากนัก

ในวันที่ 17 กันยายนนี้ จะสามารถสังเกตการณ์ดาวหางได้ในกลุ่มดาวหญิงสาว (Virgo) ทางทิศตะวันตกในช่วงหัวค่ำหลังดวงอาทิตย์ตก ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นมุมประมาณ 10 องศา มีเวลาสังเกตการณ์เกือบ 1 ชั่วโมงก่อนที่จะตกลับขอบฟ้าตามดวงอาทิตย์ไป ซึ่งหลังจากนี้ดาวหางจะค่อยๆ โคจรออกห่างจากดวงอาทิตย์ และมีความสว่างลดลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถสังเกตเห็นได้อีก และจะโคจรกลับเข้ามาเฉียดโลกและดวงอาทิตย์อีกครั้งในอีกกว่า 400 ปีข้างหน้า

‘รพ.ช้าง’ อัปเดตอาการ ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ พบข้อเสื่อม-ศอกอักเสบ ทำให้งอขาไม่ได้-กล้ามเนื้อหัวไหล่ฝ่อลีบ ล่าสุดเตรียมวางแผนรักษาแล้ว

(8 ก.ย.66) โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง เปิดเผยความคืบหน้าการรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ ว่า ทีมงานได้มีการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของขาหน้าซ้ายพลายศักดิ์สุรินทร์โดยละเอียด พบว่า การวัดและวิเคราะห์การก้าวย่าง ใช้ระบบวิเคราะห์การเดินของช้างเอเชีย

โดยวิธีการใช้หน่วยวัดแรงเฉื่อย (Inertial Measurement Unit : IMU) ซึ่งจะมีการติดเซนเซอร์ที่ตำแหน่งต่างๆ บนร่างกายช้าง ให้ช้างเดินบนทางราบเป็นระยะทางประมาณ 25 เมตร แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผล

พบว่าขาหน้าซ้ายมีจังหวะการก้าวย่างสั้นกว่าขาข้างอื่น และพบการเหยียดของขาหน้าซ้ายท่อนบนมากกว่าส่วนอื่น นอกจากนี้ยังพบว่า มีการใช้ขาหน้าขวา เพื่อชดเชยการทำงานของขาหน้าซ้าย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโครงสร้างผิดรูปได้ในอนาคต

จากการถ่ายภาพรังสี (x-ray) ขาหน้าซ้าย เพื่อดูความผิดปกติของกระดูก โดยเฉพาะในส่วนของข้อต่อ พบว่า บริเวณข้อศอกผิวกระดูกมีความขรุขระ และมีช่องว่างระหว่างข้อแคบกว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณของข้อเสื่อม (Osteoarthritis ; OA)

การตรวจกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonography) พบว่า เอ็นบริเวณข้อศอกด้านซ้ายมีการอักเสบเรื้อรัง เกิดเป็นพังผืด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ช้างไม่สามารถงอขาได้ และพบว่ากล้ามเนื้อหัวไหล่ด้านซ้ายมีการฝ่อลีบเนื่องมาจากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน

เมื่อทำการวินิจฉัยจนพบสาเหตุของความเจ็บป่วยแล้ว ทีมงานจึงได้วางแผนการรักษา ดังนี้

1. กำหนดให้ช้างเดินออกกำลังกายในทางราบโดยให้เดินข้ามสิ่งกีดขวางเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อขาหน้าซ้าย วันละ 30 นาที

2. ทำการนวดบริเวณข้อศอกซ้ายด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound therapy) เพื่อรักษาพังผืดในบริเวณดังกล่าว

3. กระตุ้น/เสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ด้านซ้ายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Peripheral Magnetic Stimulation ; PMS)

โดยจะมีการติดตามและประเมินผลการรักษาทุกๆ 30 วัน ทั้งนี้ขอขอบคุณคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Ams Cmu คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ร่วมตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาร่วมกันในครั้งนี้ และขอขอบคุณ BTL Medical Thailand (บริษัท บีทีแอล เมดิคอล เทคโนโลจีส์ จำกัด) สำหรับอุปกรณ์เครื่อง PMS

อุทาหรณ์!! ก้างปลาเก๋า 1.7 ซม.ทิ่มคอ ปล่อยทิ้ง 5 วัน โชคดี!! ยังไม่โดนกล่องเสียง หมอแนะอย่ากินไปคุยไป

(8 ก.ย.66) พญ.ลลิตา พระธานี แพทย์หูคอจมูก โรงพยาบาลธนบุรี 1 เปิดเผยว่า เพิ่งได้ผ่าตัดเคสคนไข้มารับบริการตรวจรักษา หลังพบความผิดปกติบริเวณคอ สอบถามเบื้องต้น ระบุว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากกินหัวปลาเก๋าหม้อไฟต้มเผือก เมื่อ 5 วันก่อน

แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะกลืนอาหาร และพูดคุยได้ปกติ แต่รู้สึกว่ามีอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต จนไปหาหมอและมีการเอกซเรย์บริเวณคอ และส่องกล้องระบบทางเดินอาหารก็ยังไม่พบสาเหตุ

พญ.ลลิตา กล่าวว่า เท่าที่สอบสวนคนไข้มีอาการระคายเคืองคอด้านขวา คล้ายกับมีของทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ตนจึงคลำเพื่อตรวจสอบบริเวณดังกล่าว จนพบรอยนูนเล็ก เมื่อส่งอัลตราซาวด์ พบชัดเจนว่ามีก้างปลายาว 1.70 ซม.ปักอยู่ เฉียดกล่องเสียงไปนิดเดียว

หลังพบสาเหตุที่เกิดจากก้างปลาตำคอ จึงผ่าตัดออกมาใช้เวลาเพียง 5 นาที และเปิดบาดแผลเพียง 3 ซม. โชคดีว่าก้างปลาที่มีแง่งอยู่ ไม่ได้มีส่วนใดไปในกล่องเสียง จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าหากพบสิ่งผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์ เพราะมีโอกาสติดเชื้อสูง

พญ.ลลิตา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้แนะนำว่าขณะรับประทานอาหาร ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน รวมทั้งไม่พูดคุยหัวเราะ รวมถึงลุ้นแข่งขันกีฬา ขณะมีอาหารอยู่ในกระพุ้งแก้ม แม้ว่าจะเป็นอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม ลูกชิ้น เต้าหู้ เพื่อป้องกันการสำลัก ติดคอ จนเกิดเหตุไม่คาดคิดได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top