Sunday, 5 May 2024
NEWS

‘ธนาธร’ อวยหนัก ‘อวยชัย จาตุรพันธ์’ ชิงเก้าอี้ ‘นายก-อบจ.’ เชื่อเสียสละ – มุ่งมั่น เข้ามาทำการเมืองเพื่อเปลี่ยน ‘สมุทรสาคร’ หลัง 10 ปีตลาดงานหด ธุรกิจประมงพังจากกฎรัฐตู่ที่เข้มงวดเกินเหตุ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินหน้าหาเสียงให้ ‘อวยชัย จาตุรพันธ์’ ผู้สมัครในถิ่นสมุทรสาคร โดยระบุว่า “เราตั้งใจมาเขย่าการเมืองท้องถิ่น พวกเราตั้งใจทำและเชื่อว่า จ.สมุทรสาครดีกว่านี้ได้ ทั้งนี้ 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวสมุทรสาคร ไม่เคยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเลย  ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีการสร้างงานให้กับคนสมุทรสาครเลย โดยเฉพาะธุรกิจประมงที่พังไม่เป็นท่าจากการออกกฎหมายที่เข้มงวดเกินไปของรัฐบาลชุดนี้

“นอกจากนี้ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดยังอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งเมื่อตนไปที่ไหนก็มีแต่คนบอกว่ากระเป๋าหนักขึ้น เหตุเพราะแบงก์ไม่เหลือแล้ว ในกระเป๋ามีแต่เหรียญ โดยวิสัยทัศน์ของคุณอวยชัย จาตุรพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ. สมุทรสาคร มีหลายเรื่องที่ตนชอบมาก หนึ่งในนั้นคือ นโยบายที่จะมีการเชื่อมโยงคมนาคมขนส่งสาธารณะทั่วถึงทั้งจังหวัด และการสร้างเส้นทางสัญจรทางน้ำในคลองภาษีเจริญ แก้ปัญหา ลดอุบัติเหตุ

“ทั้งนี้คุณอวยชัย ยังมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก เพราะมีผู้สมัครกี่คนที่ไม่เคยทำงานการเมืองจริงๆ แต่เสียสละเข้ามาลงแข่งขัน ซึ่งค่าตอบแทนของนายก อบจ. นั้นไม่ได้สามารถทำให้ใครรวยขึ้นได้ โดนภาษีสังคม งานแต่ง งานศพ งานบวชไปก็หมดแล้ว นักบริหารรุ่นใหม่ที่เข้าใจเทคโนโลยี เข้าใจโลกโลกาภิวัตน์อย่างคุณอวยชัย หากเขาดำเนินธุรกิจ เขาสามารถมีความมั่นคงกว่าการเป็นนายก อบจ.หลายเท่า แต่เขากล้าหาญและอาสาเข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

"นอกจากนี้ การที่อวยชัยโดนกดดันจากกลุ่มอิทธิพล แต่เขากล้าหาญขนาดนี้ พี่น้องประชาชนชาวสมุทรสาครจะไม่สนับสนุนเขาหรือ และถึงแม้อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ของจังหวัดสมุทรสาครคนหนึ่งจะเป็นงูเห่า แต่อวยชัยเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น แน่วแน่ และไม่มีทางสยบยอมต่ออำนาจเผด็จการอย่างแน่นอน และหากพี่น้องประชาชนเลือกคุณอวยชัยเข้าไปบริหาร หนึ่งเสียงของท่านกำหนดสมุทรสาครได้ ขึ้นอยู่กับการกระทำของทุกท่านเป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้กับคณะก้าวหน้าหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะได้สมุทรสาครที่น่าอยู่แล้ว จะเป็นการส่งเสียงของท่านกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

“การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทำได้โดยการออกไปเลือกตั้ง เริ่มได้ในวันที่20 ธันวาคมนี้ แล้วเลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าให้ถล่มทลาย ผมขอโอกาสจากทุกท่าน เลือกคุณอวยชัยเข้าไปบริหารสมุทรสาคร เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของทุกท่าน 20 ธันวาคม นี้ ออกไปกำหนดอนาคตของท่านเอง" ธนาธร กล่าว

สิ้น ‘ไชยา สะสมทรัพย์’ อดีต รมว.พาณิชย์/นักการเมืองดัง หลังไตวายเฉียบพลันในวัย 68 ปี

วันนี้ ไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้เสียชีวิตลงในวัย 68 ปี ด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน หลังจากป่วยด้วยโรคหลายโรคมานานหลายปี โดยทางญาติจะทำการจัดพิธีรดน้ำศพ ไชยา สะสมทรัพย์ ที่ศาลาใหญ่ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครปฐม

สำหรับ ไชยา สะสมทรัพย์ เกิดวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2495 ประวัติการเมืองเคยเป็น อดีต ส.ส.นครปฐม มาหลายสมัย และยังเคยเดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย พ.ศ.2542-2544, ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช พ.ศ. 2551 และ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551เริ่มทำงานการเมืองจากการเมืองท้องถิ่น แล้วเข้ามาเป็น ส.ส. สังกัดพรรคเอกภาพ เมื่อ พ.ศ.2538-2539 ก่อนย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ.2544 และ พ.ศ.2548 และพรรคพลังประชาชน พ.ศ.2551

โดยไชยา มีพี่น้องที่เล่นการเมือง ทั้ง เผดิมชัย สะสมทรัพย์, ไชยยศ สะสมทรัพย์ และอนุชา สะสมทรัพย์ ซึ่งตระกูลสะสมทรัพย์ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ค้าวัสดุก่อสร้าง ทำธุรกิจรับเหมาขนขยะจากโรงงานกำจัดขยะ รวมถึงธุรกิจอีกหลายอย่าง และถูกยกให้เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนครปฐมมาอย่างยาวนาน

‘ป๋าเต็ด’ ขอโทษแฟน ปมยุติคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น หลังโดนร้องมาตรการคุม COVID-19 ไม่เข้ม ฟาก ‘ผู้ว่าฯ โคราช’ ไม่ทนสั่งฟันผู้จัดงานฐานฝ่าฝืน ย้ำไม่ใช่เรื่องการเมือง

จากกรณี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ได้เกิดวิพากวิจารณ์การจัดงานคอนเสิร์ต ‘บิ๊กเมาน์เท่น’ (Big Mountain Music Festival) โดย วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประชุมร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สั่งให้ยุติการจัดงานคอนเสิร์ตดังกล่าวที่เขาใหญ่ทันที หลังพบข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับมาตรการควบคุม COVID-19 ที่ไม่สามารถจำกัดจำนวนคน และควบคุมการสวมหน้ากาก รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ ล่าสุดได้มีการสั่งยุติการจัดงานภายในเวลา 22.00 น.

ล่าสุด ทางด้าน ยุทธนา บุญอ้อม หรือ ป๋าเต็ด ได้ออกมาขอโทษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุข้อความสั้นๆ ว่า “ขอโทษที่ทำได้แค่นี้ครับ” พร้อมทั้งได้แชร์ลิงค์ของเพจ บิ๊ก เมาท์เท่น รายละเอียดของการขอคืนตั๋ว

อย่างไรก็ตามด้านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น โดยเบื้องต้นทางผู้ว่าฯ วิเชียร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้จัดคอนเสิร์ตที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการลงโทษ

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยทางจังหวัดนครราชสีมายังเปิดให้มีการจัดแสดงคอนเสิร์ต และงานบันเทิงรื่นเริงต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ขออนุญาตได้ตามปกติ แต่ทุกงานที่จัดต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบควบคุมอย่างใกล้ชิด หากพบว่างานใดมีมาตรการบกพร่องก็จะมีคำสั่งให้ยุติเช่นเดียวกัน

“ตูน บอดี้สแลม” แอดมิดที่รพ.พระมงกุฏ จากอาการกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้แขนและนิ้วมือด้านซ้ายชา

คืนวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา “ตูน บอดี้สแลม” หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องคนดัง ได้เข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ หลังมีอาการกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ทำให้แขนซ้ายมีอาการชา และนิ้วมือด้านซ้ายบังคับไม่ได้เป็นบางนิ้ว ทั้งนี้ คณะแพทย์ของ รพ.พระมงกุฏ จะได้ทำการแถลงข่าวชี้แจงอาการของนักร้องคนดัง ในเวลา 16.00 น. ต่อไป

กสิกรไทย โชว์เหนือ เพิ่มพลัง ‘ตู้อัตโนมัติ’ เปิดบัญชีเงินฝากเคแบงก์ด่วน ณ ‘ตู้บุญเติม’ คิกออฟ!! เดินเครื่องขยายจุดบริการยืนยันตัวตน 1,312 ตู้

ธนาคารกสิกรไทย เดินหน้าขยายจุดบริการยืนยันตัวตน (K CHECK ID) เข้าถึงชุมชนมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ (K-eSavings) บนแอป K PLUS โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ตู้บุญเติมทั่วประเทศ จำนวน 1,312 ตู้ ที่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ตลอด 24 ชั่วโมง และจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 2,000 ตู้

.

นับเป็นครั้งแรกของบริการยืนยันตัวตนที่ตู้อัตโนมัติ จากเดิมที่เคยยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากได้ ณ จุดบริการยืนยันตัวตน K CHECK ID ที่แบงกิ้งเอเย่นต์ในร้านค้า และศูนย์บริการต่างๆ ที่มีอยู่กว่า 18,000 จุดทั่วประเทศ ทั้ง 7-Eleven บิ๊กซี ศรีสวัสดิ์ ซีเจซูเปอร์มาร์เก็ต จิฟฟี่ ศูนย์บริการดีแทค ไปรษณีย์ไทย เคอร์รี่ และโกลบอลเฮ้าส์ ซึ่งการเพิ่มจุดบริการยืนยันตัวตนจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารได้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น

.

6 ขั้นตอนง่ายๆ ยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ K-eSavings ที่ตู้บุญเติม

1.)ลูกค้าที่ต้องการเปิดบัญชีเงินฝาก ให้ดาวน์โหลดแอป K PLUS และทำรายการ “เปิดบัญชีเงินฝาก K-eSavings” บนแอป พร้อมกรอกข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ เลือกยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน

2.)นำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตนที่ตู้บุญเติม ที่มีสัญลักษณ์ “ยืนยันตัวตนได้ที่ตู้นี่” เลือกเมนู “ยืนยันตัวตน”  แล้วเลือกเมนู “ยืนยันตัวตนธนาคารกสิกรไทย”

3.)เสียบบัตรประชาชนที่ตู้บุญเติม เพื่อตรวจสอบข้อมูลจากบัตรประชาชนแบบเรียลไทม์

4.)รับบัตรประชาชนคืน ระบบแจ้งตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว

5.)ลูกค้าเข้าแอป K PLUS ถ่ายภาพใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนและเปรียบเทียบใบหน้าของผู้ใช้บริการด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition

6.)กดตกลงเพื่อยืนยันข้อมูล และเงื่อนไขการเปิดบัญชีเงินฝาก เมื่อจบขั้นตอน สามารถเริ่มต้นทำธุรกรรมต่างๆ ได้ทันทีผ่านแอป K PLUS หรือฝากและโอนเงินได้ที่ตู้บุญเติม ใกล้บ้าน ตลอด 24 ชั่วโมง

.

สำหรับบริการKBank Serviceผ่านตู้บุญเติม สามารถยืนยันตัวตนเปิดบัญชีเงินฝากที่ตู้บุญเติมที่มีสัญลักษณ์ “ยืนยันตัวตนได้ที่ตู้นี่” โดยสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์บน K PLUS ไม่ต้องไปสาขาธนาคาร

  • ใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนที่ตู้บุญเติม
  • ไม่มีกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชีเงินฝาก K-eSavings
  • ฝาก/โอนเงินที่ตู้บุญเติม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อรายการ มีค่าธรรมเนียม 30-70 บาทต่อรายการ

.

สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ (K-eSavings) เป็นบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์แบบไม่มีสมุดบัญชี เปิดบัญชีออนไลน์ผ่านแอป K PLUS สะดวกไม่ต้องมาสาขาธนาคาร ยืนยันตัวได้จุดบริการ K CHECK ID สามารถเปิดบัญชีเงินฝากใหม่ได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (14 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 28 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,237 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 17 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,940 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 237 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 28 ราย เป็นคนไทย 24 ราย สัญชาติอังกฤษ 1 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย สวีเดน 1 ราย จอร์แดน 1 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 359 ราย รักษาหายแล้ว 307 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.12 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.01 แสน เสียชีวิต 18,653 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 33 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 82,246 ราย รักษาหายแล้ว 68,084 ราย เสียชีวิต 411 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.07 แสน ราย รักษาหายแล้ว 85,406 ราย เสียชีวิต 2,245 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.48 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.09 แสน ราย เสียชีวิต 8,730 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,313ราย รักษาหายแล้ว 58,197 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,395 ราย รักษาหายแล้ว1,238ราย เสียชีวิต 35 ราย

‘ถ้าฝุ่นเยอะ’ ประชาชนควรมีสิทธิ์ลา ทำงานอยู่บ้าน รัฐควรมีบทบัญญัติที่ชัดเจน เพื่อ ‘สุขอนามัย’ ของประชาชนได้แล้วหรือยัง?

วันนี้หน้าฟีดเฟซบุ๊กของทุกคน มีแต่เรื่องของ 'ฝุ่น' รายงานจากข้อมูลแอปพลิเคชั่น Air Visual ระบุว่า สภาพอากาศโดยทั่วไปของกรุงเทพมหานคร ตามมาตรฐาน US AQI อยู่ที่ 165 (PM 2.5 อยู่ที่ 57.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ติดอันดับที่ 7 เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก

จากสถิติดังกล่าว ดูไม่น่าเป็นที่สบายใจ โดยเฉพาะกับประชาชนที่ต้องออกไปใช้ชีวิตภายนอกเคหะสถาน เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตฐาน ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน ที่ผ่านมา มีข้อแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ออกมาโดยตลอด อาทิ ลดกิจกรรมการแจ้ง หรือให้ใส่หน้ากากอนามัย

แต่เอาเข้าจริง การต้องออกไปเผชิญกับฝุ่นปริมาณสูงเช่นนี้ อย่างไรก็ไม่เป็นการปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เรื่องนี้จึงควรเป็น 'วาระแห่งชาติ' ภาครัฐจำเป็นต้องหารือกันอย่างจริงจัง แม้ว่าที่ผ่านมา มีความพยายามแก้ปัญหาที่ต้นตอของการเกิดฝุ่นต่าง ๆ อยู่แล้ว

แต่ในส่วนของวิถีชีวิตประชาชน ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคนยังต้องเผชิญกับฝุ่น จึงมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีบทบัญญัติในเรื่องของการปกป้องสุขภาพของประชาชน อาทิ การลางาน ลาหยุดในวันที่ค่า PM 2.5 ปริมาณสูงจัด โดยไม่เสียสิทธิ์วันลา หรือรัฐสามารถประกาศให้เป็นวาระเร่งด่วน สั่งหยุดงาน หยุดเรียนได้ในทันที ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ จะช่วยบรรเทาสภาวะการเผชิญหน้ากับฝุ่นลงไปได้ ตราบใดที่ปัญหาเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ไม่หายไปไหน ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องวางมาตรการให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไป

“ผู้ว่าฯโคราช” ถกด่วน ฟันผู้จัด บิ๊กเมาท์เท่น ฝ่าฝืนคำสั่ง โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ต Big Mountain Music Festival เมื่อคืนที่ผ่านมา

เบื้องต้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้จัดคอนเสิร์ตที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการลงโทษ

โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้การแสดงคอนเสิร์ต และงานบันเทิงรื่นเริงต่างๆ ในพื้นที่ที่ขออนุญาตแล้ว ยังคงจัดขึ้นได้ตามปกติ แต่ทุกงานที่จัดต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบว่างานใดมีมาตรการบกพร่องก็จะมีคำสั่งให้ยุติเช่นเดียวกัน

เยอรมันสกัดไม่อยู่! ประกาศล็อกดาวน์เข้มทั้งประเทศ หลังโควิด-19 ระบาดเพิ่มมากกว่า 21,000 ต่อวัน

ล่าสุด อังเกลา มาร์เคิล ผู้นำเยอรมัน ได้ประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์เข้มงวดอีกครั้งทั่วประเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบโดยพร้อมเพรียงจากผู้ว่าการรัฐทั้ง 16 เขต เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของ Covid - 19 ในช่วงนี้

ตัวเลขล่าสุดของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเยอรมันพุ่งสูง มากกว่า 21,000 คนต่อวันตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เยอรมันมียอดผู้ติดเชื้อรายวันมากเป็นอันดับสองในยุโรป เป็นรองเพียงรัสเซียที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 27,000 ในสัปดาห์นี้

จึงทำให้เยอรมันตัดสินใจกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศใหม่อีกครั้ง เริ่มต้นตั้งแต่วันพุธที่ 16 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ยิงยาวข้ามคริสต์มาส และปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2564 ปีหน้า หรือจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

โรงเรียนทั่วประเทศจะต้องหยุดเรียนทั้งหมดตั้งแต่วันพุธนี้ และใช้วิธีการเรียนออนไลน์ที่บ้านแทน กิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็น ต้องปิดชั่วคราว ร้านอาหารยังคงเปิดได้ แต่เฉพาะห่อกลับบ้านเท่านั้น และแน่นอนว่าไนท์คลับ บาร์ สถานบันเทิงต้องหยุดกิจการอีกครั้ง

เมื่อมีมาตรการล็อคดาวน์ออกมาในช่วงนี้ คาบเกี่ยวไปจนถึงต้นปีหน้า นั่นก็หมายความว่างานฉลองเทศกาลคริสต์มาส และเคาท์ดาวน์ปีใหม่ต้องงดจัดไปโดยปริยาย และชาวเยอรมันต้องฉลองกันเองในครอบครัว อาจจะเซ็งๆ เหงา ๆ อยู่บ้าง แต่ก็จำเป็นในช่วงวิกฤติ Covid -19 เพื่อความปลอดภัย

แต่การประท้วงเรื่องมาตรการล็อคดาวน์ในเยอรมันก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มที่เรียกว่า Querdenker ที่ออกมาเดินขบวนต่อต้านมาตรการปิดเมืองของรัฐบาลนับหมื่นคน โดยอ้างว่าขัดหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน บางเมืองประท้วงหนักมากจนปะทะกับเจ้าหน้าที่อยู่เนือง ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาล

นับเป็นปีที่ไม่พึงประสงค์ของชาวโลก ที่ต้องเผชิญกับวิกฤติ Covid-19 ยาวนานมาตลอดทั้งปี ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จนกว่าวัคซีนจะกระจายสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง และได้ผลดี ถึงจะพอเห็นทางออกจากมหันตภัยโรคระบาดในครั้งนี้ได้


แหล่งข่าว

https://www.theguardian.com/…/germany-national-lockdown-cov…

https://www.lbc.co.uk/…/germany-new-national-lockdown-chri…/

https://www.bbc.com/news/world-europe-55292614

https://www.euronews.com/…/germany-announces-covid-19-lockd…

https://m.dw.com/…/germany-notes-violent-potenti…/a-55891587

‘บิ๊กเมาน์เท่น’ เปิดต่อ! ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายไหนต้องรับผิดชอบบ้าง?

ปิด ๆ เปิด ๆ ประเด็นร้อนตอนนี้ที่หลายฝ่ายต้องจับตามอง คือการเปิดให้มีการจัดงาน "บิ๊กเมาน์เท่น" กันต่อไป

หลังจากที่ฝ่ายราชการ นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกคำสั่งให้ "ยุติการจัดงาน" โดยอาศัยอำนาจตามพรก.ฉุกเฉิน แต่ทางผู้จัดงาน นำโดย นายยุทธนา บุญอ้อม ได้พยายามยื่นอุทธรณ์ และนับถึงเวลานี้ งานก็ยังคงดำเนินต่อไป

ใครผิด ใครถูก ดราม่าครั้งนี้ คงต้องไปว่ากันหลังทุกอย่างจบลง แต่สิ่งที่หลายฝ่ายเป็นกังวล นั่นคือ หากว่าคอนเสิร์ต "บิ๊กเมาน์เท่น" ทำให้เกิดการระบาดของโควิด 19 ระลอกที่ 2 ขึ้นมาจริง ๆ ใครต้องรับผิดชอบบ้าง

1.) ศบค. และรัฐบาล?

2.) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะผู้มีอำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน?

3.) ผู้จัดงานและเจ้าของสถานที่?

และ 4.) พวกเราทุกคน!!!??

อยากเล่นต่อไปไหม ถามใจเธอดูว์?

"ผู้ว่าฯโคราช" สั่งยกเลิกคอนเสิร์ต "บิ๊กเมาน์เท่น" เหตุเสี่ยงสูง สธ.ยันไม่มีคนติดโควิด-19 ร่วมงาน ด้านทีมงานคอนเสิร์ตยังปฏิบัติงานต่อ รอผลสรุปสุดท้ายเย็นนี้

สืบเนื่องจากกระแสข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น (Big Mountain) ครั้งที่ 11 ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า หญิงรายหนึ่งอายุ 43 ปี เดินทางมาจากเชียงใหม่พร้อมเพื่อนอีก 7 คน โดยการนั่งเครื่องบินลงที่สนามบินดอนเมือง และต่อรถตู้ไปยัง จ.นครราชสีมา เพื่อร่วมชมคอนเสิร์ต มีโรคประจำตัวคือกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการที่กระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เมื่อมาถึงปากช่องก็มีอาการ แต่หลังจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หญิงรายนี้ พร้อมเพื่อนและคนขับรถตู้แล้วพบว่า มีผลเป็นลบทั้งหมด ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของคอนเสิร์ตเมื่อคืนวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา พบว่ามีข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับมาตรการควบคุม COVID-19 ที่ไม่สามารถจำกัดจำนวนคน และควบคุมการสวมหน้ากาก รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้

โดยเรื่องนี้ ทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจัดงานเมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา จากการส่งเจ้าหน้าที่ติดตาม กำกับ พบว่า มีผู้คนหนาแน่น และแออัด โดยเฉพาะจุดเสี่ยงคือหน้าเวที บางคนไม่สวมหน้ากาก ทางสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จึงเข้าไปตักเตือน ขอให้แก้ไข เนื่องจากการมีผู้คนแออัดหนาแน่นเช่นนี้มีความเสี่ยงสูง ต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ภายหลังจากการตักเตือนแล้ว แต่พบว่าไม่มีการแก้ไข ลดความแออัดแต่อย่างใด ทำให้สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาแล้ว พิจารณาว่า ต้องสั่งยุติคอนเสิร์ตดังกล่าว โดยจะออกประกาศ ให้ยกเลิกการจัดคอนเสิร์ตบิ๊กเม้าท์เท่น ที่จะมีอีกในคืนนี้ เนื่องจาก มีความเสี่ยงสูง

ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น (Big Mountain) ครั้งที่ 11 ก่อนจะมีผลสรุปออกมาว่า “ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อมีมติเอกฉันท์ สั่งปิดคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น ครั้งที่ 11 หลังพบปัญหาร้องเรียนไม่มีมาตรการควบคุมโควิด-19” ผวจ.นครราชสีมา กล่าว

ภายหลังที่มีการประกาศ และเผยแพร่ข่าวออกไป ขณะนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจนจากทีมงานผู้จัดคอนเสิร์ตว่าได้รับทราบในข้อคำสั่งครั้งนี้หรือไม่ เนื่องจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการจัดงานแจ้งว่า ทีมงานคอนเสิร์ตก็ยังเตรียมงานสำหรับค่ำคืนนี้ตามปกติต่อไป

ด้าน ‘ป๋าเต็ด’ หรือนายยุทธนา บุญอ้อม หัวเรือใหญ่ของการจัดงานบิ๊กเมาน์เท่น ก็ยังไม่มีทีท่าใด ๆ จากคำสั่งที่ออกมา ซึ่งขณะนี้นักข่าวได้พยายามโทรศัพท์เข้าไปสอบถาม แต่เจ้าตัวปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่สามารถติดต่อได้ จึงต้องรอผลสรุปสุดท้ายว่า ทีมงานผู้จัดงานจะสรุปเรื่องราวออกมาอย่างไรภายในเย็นวันนี้

ดร.กนก เน้นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม​ ยกระดับเกษตรกรชุมชนเป็นเถ้าแก่ท้องถิ่น

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำเสนอรูปแบบแนวทางในการปรับเปลี่ยน "เกษตรกร" ไปสู่ "การเป็นผู้ประกอบการ" ผ่านโครงการที่มีชื่อว่า "สมุทรปราการโมเดล" ในการลงพื้นที่ร่วมไปกับคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายนายอัครวัฒน์ อัศวเหม ประธานคณะ กมธ. ชุดนี้ และดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเดินทางไปด้วย

รองประธานคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม คนที่หนึ่ง กล่าวว่า “กว่า 40 ปี พื้นที่สมุทรปราการถูกปรับเปลี่ยนจากการเป็นชนบท มีรายได้จากการปลูกข้าว ปลูกผักผลไม้ และเลี้ยงปลาสลิด ไปสู่การเป็นพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท และการทำธุรกิจค้าปลีกในด้านต่างๆ ซึ่งทิศทางของเศรษฐกิจอันขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมดังกล่าวนั้น สร้างรายได้มหาศาลผ่านการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศ

“แต่ที่น่าเสียดายก็คือ จำนวนรายได้ที่เกิดขึ้นอยู่ในสัดส่วนของนักธุรกิจจำนวนหนึ่งเท่านั้น ส่งผลให้เกษตรกรที่ถูกผลักเข้าไปอยู่ในภาคแรงงานตามโรงงานหรือร้านค้าต่างๆ ด้วยความจำเป็นจากการถูกแทนที่ด้วยภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของรายได้ ที่เป็นส่วนแบ่งอันน้อยนิดจากเจ้าของธุรกิจ ในสถานการณ์ที่ความเจริญได้ยกระดับค่าครองชีพในพื้นที่ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผม และคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการในเขตอำเภอเมือง และอำเภอบางบ่อ เพื่อไปช่วยกันค้นหาทางออกจากความยากจนของชาวสมุทรปราการ ว่าควรมีแนวทางอย่างไร”

ด้วยเหตุผลเบื้องต้น อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีท่านนี้ จึงสรุปแนวทางในการบริหารจัดการการพลิกฟื้นเกษตรกรในจังหวัดสมุทรปราการผ่านรูปแบบแผนงานที่มีชื่อว่า “จังหวัดโมเดล” ดังนี้

1.) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจากสมุทรปราการจะเข้าร่วมโครงการกับพวกเราจำนวน 25 แห่ง โดยจะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และศักยภาพของคู่แข่งขัน

เพื่อค้นหาเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึงด้วยการนำนวัตกรรมทางการผลิต และองค์ความรู้มาใช้ ผ่านผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันอาหารของกระทรวงอุตสาหกรรม เข้ามาช่วยกัน "พาทำ" ผ่านการสนับสนุนเครื่องมือจากหน่วยงานของรัฐ และความใส่ใจของชาวบ้านในชุมชน

2.) การเลี้ยงปลาสลิดสำหรับชาวบางบ่อ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 26 ราย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่ดินเอง (นอกเหนือจากการแบ่งขายไปบางส่วน) รวมๆ กันแล้วประมาณ 300 ไร่ ซึ่งต้องทำให้พวกเขามีรายได้พอที่จะไม่ต้องขายที่ดินทำกินเพื่อเลี้ยงครอบครัวอีกต่อไป ดังนั้น การยกระดับในด้านราคาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

โดยทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัย และสถาบันอาหาร จะเข้ามาเติมเต็มด้วยการสร้างความสมบูรณ์ของอาหารให้กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง อาทิ การทำปลาสลิดทอดกรอบให้ไม่มีกลิ่นหืนเมื่อเก็บไว้นาน จนถึงไม่มีน้ำมันตกค้างในปลาสลิดทอดกรอบ เป็นต้น รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันด้านการตลาด ที่มีแผนงานในการสร้างอัตลักษณ์ให้กับสินค้าที่มีความเฉพาะถิ่นเอาไว้แล้ว

"นี่คือแนวทางของสมุทรปราการโมเดล ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการพัฒนากระบวนการผลิตขั้นพื้นฐาน เหมือนกับสกลนครโมเดล กระบี่โมเดล และจันทบุรีโมเดล ที่ผมได้ดำเนินการไปแล้ว แต่เป็นการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มายกระดับเกษตรกรของชุมชน ให้กลายเป็น ผู้ประกอบการสำหรับท้องถิ่น

ซึ่งจะเป็นรากแก้วให้แก่ความยั่งยืนในแต่ละพื้นที่ชนบททั่วประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคม ตามความตั้งใจของผม และทีม กมธ.วิทย์ฯ ที่ได้ร่วมกันวางเจตนารมณ์เอาไว้" ศ.ดร.กนก กล่าวทิ้งท้าย

'หญิงหน่อย' ควง 'วิชัย สามิต' อ้อนพี่น้องหนองบัวฯ หนุนนั่ง นายกฯ อบจ. มั่นใจพร้อมดันนโยบายเกษตรปลอดภัย กำหนดราคาเอง ส่งขายทั่วประเทศ การันตี 1 ปี เกษตรกรหนี้ลด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูอีกครั้ง เพื่อพบปะประชาชน สอบถามถึงความทุกข์ยาก และความลำบากในการดำเนินชีวิต หลังต้องเผชิญปัญหาในหลายด้าน โดยเฉพาะคุณภาพชีวิตที่ลดลง จากผลกระทบ ที่มาจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ปราศรัยขอคะแนนสนับสนุน ให้นายวิชัย สามิต ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู หมายเลข 6 พรรคเพื่อไทย และทีมงานผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หนองบัวลำภู เข้าไปทำหน้าที่

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เกษตรกร เป็นอาชีพเดียวที่ไม่สามารถกําหนดราคา สินค้าเกษตรของตัวเองได้ พ่อค้าคนกลางกำหนดราคาเท่าใดก็ได้เท่านั้น แต่หลังจากนี้เราจะมาร่วมกันปลดแอก โดยใช้กลไก อบจ.เดินหน้าสนับสนุนนโยบายเกษตรปลอดภัยสร้างแหล่งน้ำ

เพื่อเปิดทางให้เกษตรกร กำหนดราคาขายด้วยตนเอง พร้อมส่งสินค้าเกษตร ที่มีคุณภาพ จากจังหวัดหนองบัวลำภู ออกไปขายทั่วประเทศและทั่วโลก โดยมั่นใจว่า หนึ่งปีต่อจากนี้เกษตรกร หนี้สินลดลงอย่างแน่นอน

"ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของนายวิชัย ที่ได้พูดคุยกับตนเองและมีความตั้งใจอย่างที่สุดว่า จะแก้เจ็บแก้จน ให้พี่น้องประชาชนให้พี่น้องเกษตรกร มีความปลอดภัยไร้ โรค ดังนั้นนายวิชัย ซึ่งเป็นเกษตรกรเช่นกัน จึงมีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ จะขอโอกาสเข้ามาดูแลให้พี่น้องหายจน" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

รมว.ยุติธรรม ดันสินค้าฝีมือผู้ต้องขังขายออนไลน์ ปลื้มกระแสตอบรับดี

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฝีมือของผู้ต้องขังผ่านช่องทางออนไลน์ ว่า วัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าให้ตรงกับยุคสมัย

ประชาชนส่วนใหญ่ในขณะนี้มักจะนิยมซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะสะดวก เลือกซื้อและดูรูปแบบสินค้าได้โดยไม่ต้องเดินทางไปร้าน นอกจากนี้เรายังต้องการสร้างแบรนด์ใหม่ให้ทันสมัยในการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เป็นการสนับสนุนการกลับคืนสู่สังคมของผู้ที่ก้าวพลาด และยังเป็นการพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการกระบวนการด้านเทคโนโลยีของหน่วยงานด้วย โดยขณะนี้เราได้นำสินค้าขายบนตลาดออนไลน์แล้ว ผ่านทาง Shopee และ Lazada ในชื่อแบรนด์ "วันสุข" ตามคอนเซปต์ สุขที่ได้ให้โอกาส

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามีสินค้าจากงานฝีมือของผู้ต้องขังหลายรายการ ทั้งกระเป๋า รองเท้า ผ้าขาวม้า ผ้าทอ ผ้าถุง ซึ่งเรากำลังทยอยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้าไปเรื่อยๆ โดยตอนนี้ สินค้าที่ขายดีมาก คือ กระเป๋ายีนส์ปักลาย และกระเป๋าสายรุ้ง เป็นงานฝีมือของ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง โดยมีผู้ซื้อที่สนใจสินค้าในปริมาณมากด้วย บางครั้งแชทติดต่อเข้ามาสั่งซื้อ 20 - 30 ใบเลย ถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก

โดยยอดรวมของการผ่านทางออนไลน์ขายในช่วงที่ผ่านมาเรามียอดขายไปแล้ว 30 ชิ้นมูลค่าเกือบ 5,000 บาท ยอดขายเฉลี่ยต่อผู้ซื้ออยู่ที่ 500 กว่าบาท โดยรายได้ทั้งหมดนี้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วบริษัทที่ปรึกษาจะทำการโอนให้แก่กรมราชทัณฑ์เพื่อแบ่งให้กับผู้ต้องขังต่อไป

"สินค้าส่วนใหญ่ของกรมราชทัณฑ์เป็นงานฝีมือที่ราคาไม่แพง แต่ผมก็ได้เน้นย้ำว่าให้ทำสินค้าออกมาให้มีมาตรฐาน และรักษาคุณภาพงานฝีมือ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่สนใจและเป็นที่ยอมรับของประชาชน และผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนลองมาเลือกซื้อสินค้าของเราซึ่งมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ และเรากำลังทยอยอัพเดทเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ผมหวังว่าโครงการนี้จะช่วยพัฒนาศักยภาพฝีมือของผู้ต้องขัง เพิ่มโอกาสในการหางานทำและมีรายได้หลังการพ้นโทษ เพื่อให้พวกเขากลับคืนสังคมอย่างมีคุณภาพและไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก" นายสมศักดิ์ กล่าว

ส่งออกอัญมณีพลิกบวกครั้งแรก คาดคนซื้อเป็นของขวัญปลายปี

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยยอดการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเดือนตุลาคม พ.ศ.2563 ว่า ยอดการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยที่ไม่รวมทองคำกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องโดยพลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบหลายเดือน โดยมีมูลค่า 524.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 23.29%

เป็นผลมาจากผู้บริโภคในหลายประเทศเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น หลังจากอัดอั้นมานานในช่วงของการล็อกดาวน์ประเทศ และเลือกซื้อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลสำคัญปลายปี มีตลาดสำคัญที่ส่งออกเพิ่ม คือ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง เยอรมนี อินเดีย และออสเตรเลีย

ส่วนแนวโน้มการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ มองว่า จากมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

และมีการซื้อเพื่อนำไปใช้เป็นของขวัญในช่วงเทศกาลสำคัญปลายปี และสต๊อกเป็นสินค้าสำหรับจำหน่ายในปีหน้า ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้การส่งออกฟื้นตัวดีขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top