Friday, 4 July 2025
NEWS

ทอ. ยันเครื่องบินเมียนมา ยังไม่ได้ล้ำแดนไทย เผยเขตเฝ้าระวัง 50 ไมล์ไม่ได้ตายตัวขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ เมียนมาร์-ไทย เป็นมิตรที่ดี /แจงดราม่าใช้เครื่องบินโปรยน้ำดับฝุ่นพีเอ็ม ยันพิจารณาทางเทคนิค อยุ่ในขั้นเตรียมพร้อมหากรัฐบาลสั่ง 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี  โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่การสู้รบบริเวณชายแดนเมียนมาร์ได้รับสัญญาณหรือการแจ้งเตือนการลุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยหรือไม่ว่า  ขณะนี้ยังไม่ได้พบว่ามีเครื่องบิน หรือ อากาศยานที่มีเจตนารมณ์หรือเป้าหมายเข้ามาในประเทศไทย ยังคงประสานงานกับหน่วยป้องกันเฝ้าระวังในพื้นที่ตามปกติ  ยืนยันว่า รายงานล่าสุดก็ยังไม่มีบินล้ำเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ ภารกิจทอ.มีภาระหน้าที่ในการตรวจระบบเฝ้าระวังภัยทางอากาศ ป้องกันภัยคุกคามทั้งหมดของปะเทศ มีสถานีเรด้าร์รายงาน11 แห่งทั่วประเทศ ในด้านตะวันตกนั้น ทอ.มีระบบเฝ้าตรวจ เฝ้าระวัง ค้นหาพิสูจน์ และดำเนินการตามกระบวนการตลอด 24 ชม.

“ระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศไทย มีความพร้อม และเราเห็นภาพที่ต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งการให้ข้อมูลในลักษณะที่เป็นภาพ ไม่สามารถให้ได้ เพราะจะเกิดผลกระทบทั้งสองฝ่าย จะเป็นการชี้เป้าไปในทางที่ไม่เกิดประโยชน์กับไทย เขาไม่มีเจตนาลุกล้ำเข้ามา  และเป็นเรื่องภายในประเทศเพื่อนของเรา เขาเป็นมิตรที่ดีกับเรา ทั้งนี้ได้มีการประสานงานกันตลอด ตัวเลขเขตเฝ้าระวังเข้มข้น50ไมล์นั้นก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัว เป็นเรื่องลักษณะทางภูมิประเทศ การเฝ้าระวังทางอากาศต้องดูเจตนาว่าเราตั้งใจที่จะพุ่งเข้ามาสู่เป้าหมายอะไรหรือไม่อย่างไร เราก็พิสูจน์ฝ่าย หากเครื่องบินนั้นมีการส่งแผนการบินที่ชัดเจนเราก็เฝ้าระวังและเฝ้าดูไม่ให้กระทบต่อแนวชายแดยของไทย เขาก็ปฏิบัติภารกิจในแนวชายแดนของเขา”พล.อ.ต.ประภาส กล่าว 

“เหล่าทัพ-ตร.”เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนช่วงปีใหม่ แนะกำลังพลเข้มงวดตัวเองเฉลิมฉลอง-ท่องเที่ยว ป้องกัน “คลัสเตอร์ทหาร” ทอ.วางกฎ 4 ข้อ คัดกรองเข้มข้น-เวิร์คฟอร์มโฮม50เปอร์เซ็นต์ 1 เดือนเต็ม หวั่นช่วง “โอมิครอน”ขาขึ้น

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ พล.ต. ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เน้นย้ำ เหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายรัฐบาล และกลาโหมด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทเ เสียสละเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชนและ สถาบัยพระมหากษัตริย์ พร้อมให้ทุกหน่วยให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาวในช่วงฤดูหนาว พร้อมให้ตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่

ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติของแต่ละหน่วยดังนี้ โดย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพไทยเพื่อให้สามารถตอบโต้ต่อภัยคุกคามในทุกรูปแบบได้อย่างทันท่วงที และมีความพร้อมในการเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชน กองทัพบก ได้รายงานผลการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของกองกำลังป้องกันชายแดนในห้วงที่ผ่านมา โดยมีการลาดตระเวน เฝ้าตรวจพื้นที่ล่อแหลม การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตลอดจนการดำเนินงานด้านการข่าวเชิงรุกในแต่ละพื้นที่

กองทัพเรือ ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถด้านสงครามไซเบอร์ของกองทัพเรือ โดยได้นำแนวคิด People – Process – Technology มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างบุคลากร เทคโนโลยี และกระบวนการ กองทัพอากาศ ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังกองทัพอากาศตามแนวคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operation) และแนวคิดการปฏิบัติการหลายมิติ (Multi Domain Operation) ให้มีขีดความสามารถในมิติทางอากาศ มิติไซเบอร์ และมิติอวกาศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำเสนอนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการจัดทำโครงการที่สำคัญ จำนวน 3โครงการ ได้แก่ โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โครงการตำรวจประสานโรงเรียน (1ตำรวจ  โรงเรียน) และโครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน ทั้งยังมีการสร้างสถานบำบัดอย่างเป็นระบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาผู้เสพด้วยชุมชนบำบัดจนเกิดผลสำเร็จ ลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติดในสังคมไทย นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ “สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด” พร้อมกำชับกองทัพบกเน้นย้ำสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตั้งจุดตรวจ จุดสกัดและดำเนินการด้านการข่าวเชิงรุกในแต่ละพื้นที่อย่างเข้มงวด

พล.ต. ธีรพงศ์  กล่าวว่า ในส่วนของจุดตรวจ บริการเป็นโครงการของกระทรวงกลาโหม เติมความสุขให้คนไทยตามแนวทางวิถีชีวติใหม่จากใจทหาร 17 ธ.ค.64  ถึง 3 ม.ค. ให้หน่วยประสานกับหน่วยในพื้นที่ โดยกองทัพไทย 50 หน่วย กองทัพเรือ 47 หน่วย กองทัพอากาศ 20 หน่วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพบก ทุกหน่วย ส่วนแนวทางป้องกันลักลอบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทางกกล.จัดกำลังเต็มที่ ไม่ได้ลดกำลังลง ผบ.ทสส.ได้เน้นย้ำให้กองกำลังตามแนวชายแดนอย่างเคร่งครัด 

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า เป็นภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด กว่า 1,400 จุดทั่วประเทศ โดย ผบ.ตร. ได้จัดให้มีแอพพลิเคชั่น ทีพีซีซี โดยมีห้องโอเปอเรชั่น บริหารจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ทุกจุด ดูจากกล้องวงจรปิดได้ 24 ชม.แบบเรียลไทม. ภาระหน้าที่คือ อำนวยความสะดวกจรจร สกัดกั้นอาชญากรรมและยาเสพติดรวมกับเหล่าทัพ ฝ่ายปกครอง และยังเป็นจุดบริการ โดยปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 หมื่นกว่านาย เพิ่มมาตรการสกัดกั้นโควิด-19 โดยมีเจ้าหน้าที่ สธ.ร่วมด้วย ทั้งนี้โครงการฝากบ้านกับตำรวจยังคงมีอยู่ และเพิ่มความสะดวกให้ประชาชนฝากบ้านผ่านแอพลิเคชั่นได้ด้วย  

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงมาตรการรับมือโควิด-19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของกำลังพลว่า คงมาตรการเคร่งครัดเสมอ หากกำลังพลมีความพร้อมและปลอดจากการติดเชื้อก็สามารถออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยส่วนแรก กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน อำนวยความสะดวกกับประชาชน จะเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการระวังตัวให้มากกว่าเดิม และ ส่วนที่ใช้ชีวิตตามปกติ เฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่ ศบค.ทบ.ได้ออกมาตรการกำชับให้กำลังพล ครอบครัว และผู้ที่พักอาศัยในพื้นที่ค่ายทหาร ให้ร่วมมือในการปฏิบัติตามคำแนะนำในการ ลด ละ เลี่ยงพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธ์ใหม่และเก่า ถ้าป้องกันไว้ก่อน ทุกคนจะได้กลับมาใช้ชีวิตในช่วงโควิดขาขึ้นได้อย่างปกติสุข

ญี่ปุ่นพัฒนาจอทีวีเลียได้ ลิ้มรสได้ถึง 20 ชนิด ช่วยคนติดบ้าน​ 'รับรสสุดคิดถึง'​ แม้ตัวห่างไกล

นักวิจัยญี่ปุ่นพัฒนาต้นแบบจอทีวีเลียได้ สามารถชิมรสชาติอาหารได้ตามที่ปรากฏบนหน้าจอ

จอที่เรียกว่า TTTV ย่อมาจาก 'Taste the TV'​ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมจิในกรุงโตเกียว โดยจอแสดงภาพนี้จะมีกระป๋องอัดรสชาติต่างๆ 10 รสชาติ ซึ่งสามารถฉีดออกมา และผสมกันเป็นรสชาติอาหารต่างๆ ได้ 

นายโฮเมย์ มิยาชิตะ นักวิจัยผู้พัฒนา เปิดว่า รสชาติอาหารทุกอย่างแยกได้เป็น 10 รสพื้นฐาน เช่น เค็ม, เปรี้ยว, หวาน, ขม, เผ็ด และรสกลมกล่อม​ โดยเครื่องนี้จะมีโปรแกรมเมนูที่สามารถสร้างรสชาติอาหารได้ 20 ชนิด 

เชียงใหม่ - งานครบรอบ 116 ปี แห่งการพระราชทานนามโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2564 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยจัด "งานครบรอบ 116ปี แห่งการพระราชทานนามโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย" โดยมี นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานในพิธี นายบุญเสริญ สุริยา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สมาคมศิษย์เก่า เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนชมรมเพชรยุพราชฯ คณะผู้บริหาร คณะครู บุคลากร และนักเรียนโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ผู้มีเกียรติร่วมงาน ณ สนามหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จัดตั้งขึ้นด้วยพระบรมราโชบายขยายการศึกษาออกสู่หัวเมืองของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถือกำเนิดเป็นโรงเรียนเมืองนครเชียงใหม่หรือโรงเรียนรัฐบาลตัวอย่างประจำมณฑลพายัพ ตั้งอยู่บริเวณที่ดินคุ้มหลวงของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ต่อมาได้รับพระราชทานนามโรงเรียนว่า โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่  24ธันวาคมพุทธศักราช 2448และเป็นโรงเรียนในพระอุปภัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ตั้งแต่วันที่  1 มกราคม พุทธศักราช 2532 เป็นต้นมา

ปัจจุบันโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 3,660 คน ข้าราชการครูจำนวน 178คน และบุคลากรทางการศึกษาจำนวน 120 คน จัดการศึกษาโดยมุ่งให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนา ให้มีศักยภาพเป็นพลโลก มีความเป็นไทย มีคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ มีความรู้และมีทักษะการดำเนินชีวิต ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถศึกษาต่อและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีในการแสวงหาความรู้ มีความสามัคคี เป็นคนดีของสังคม สนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ว่า "ข้าไม่ต้องการตำราเรียนที่เดินได้ ที่ข้าอยากได้นั้นคือเยาวชนที่เป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์ สุจริต และมีอุปนิสัยใจคอดี"

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จึงได้ร่วมกับองค์กรภาคีเครื่อข่าย จัดงานครบรอบ 116 ปี แห่งการพระราชทานนามโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย

 

ศรชล. ร่วมสืบชะตาทะเลอ่าวไทยตอนบน ครั้งที่ 10 สร้างขวัญกำลังใจพี่น้องชาวประมง!!

นาวาเอก เอกภาพ สายโสภา รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (รอง ผอ.ศรชล.) จังหวัดสมุทรสาคร และกำลังพลศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ประมงจังหวัด ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมกิจกรรม "สืบชะตาทะเลอ่าวไทยตอนบน สมุทรสาคร ครั้งที่ 10" จัดโดยสมาคมการประมงสมุทรสาคร ณ อาคารเอนกประสงค์ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการประกอบอาชีพประมงให้กับพี่น้องชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทะเลและทรัพยากรทางทะเลสมุทรสาคร ให้คงอยู่สืบไป ตลอดจนบำเพ็ญกุศลให้กับชาวประมงผู้วายชนม์ และสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ที่เสียชีวิตเพื่อการบริโภค โดยมี นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร/ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธี

ปทุมธานี-เถ้าแก่น้อย ร่วมกับจังหวัดปทุมธานี ปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน

ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเถ้าแก่น้อย ร่วมกับจังหวัดปทุมธานี ปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงวัคชีน ประเดิมลงพื้นที่ภายในธันวาคมนี้แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย จะทยอยได้รับวัคซีนโควิด-19 กันไปเป็นจำนวนมากแล้ว

หลังจากที่หลากหลายหน่วยงานได้เร่งระดมฉีดวัคซีน ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายลง แต่ยังคงมีบางกลุ่มบุคคลที่ไม่อาจเข้าถึงการฉีดวัคชีนครั้งนี้อีกไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ เถ้าแก่น้อย เล็งเห็นความสำคัญ และตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ จึงริเริ่มโครงการ "เถ้าแก่น้อย ร่วมกับจังหวัดปทุมธานี มอบวัคซีน Sinopharm จำนวน 1,090 โดส" ขึ้นมา เพื่อลงพื้นที่ฉีดวัคซีน Sinopharm รวมมูลค่าราว 1 ล้านบาท ให้แก่ประชาชนในจังหวัดปทุมธานี เพื่อฉีดให้กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มด้อยโอกาสในชุมชนต่างๆ ผ่านการจัดสรรการฉีดวัคซีนตามนโยบายของจังหวัดตามความเหมาะสม พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ภายในเดือนธันวาคมนี้

นายณรงศักดิ์ โอสถธนากรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า "สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นในจังหวัดปทุมธานีพบผู้ป่วยยืนยันมีแนวโน้มคงที่อย่างต่อเนื่องทุกอำเภอ ส่วนการเข้ามาของสายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาเราได้หารือกับฝ่ายสาธารณสุขว่าทำ

สมุทรปราการ - “สส.พลังประชารัฐ” ส่งความสุขรับปีใหม่! เดินหน้า “โครงการปันสุข” ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ ภายใต้โครงการ "แพรกษา ปันสุข” อาทิ ชุมชนบ้านเอื้ออาทร 12 หมู่บ้านปัญฐิญา หมู่บ้านศุภาลัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

โดยถุงยังชีพนั้นประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อ เงินสด จำนวน 200 บาท และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ โดยกิจกรรม “แพรกษา ปันสุข” ในวันนี้ถือเป็นการส่งมอบความสุข ความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องประชาชน รับเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง

ด้าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ในวันนี้ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และตัวแทนพี่น้องประชาชนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ขาดรายได้ และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ คณะเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแพรกษา ลงพื้นที่จัดกิจกรรม”แพรกษาปันสุข” เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งถือโอกาสอวยพรปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนอีกด้วย

 

สหราชอาณาจักร​ เผยเคสติด Omicron ร่วม​ 70% 'ไม่หนัก'​ จนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

รัฐบาลสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า​ ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ Omicron มีความเสี่ยง 'อาการหนัก'​ ถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตัวกลายพันธุ์เดลตา 

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่​ Omicron​ แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก มันอาจทำให้ยังคงมีคนไข้จำนวนมากจำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 

ทั้งนี้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโดยสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) พบว่า บุคคลหนึ่งๆ ที่ติดเชื้อโอมิครอนมีความเป็นไปได้ที่จะต้องเข้าแผนกฉุกเฉินน้อยลง 31% ถึง 45% เมื่อเทียบกับคนติดเชื้อเดลตา และมีความเป็นไปได้น้อยลง 50% ถึง 70% ที่อาจ​ 'อาการหนัก'​ ถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

เจนนี แฮร์รี ผู้บริหารสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรระบุในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) ว่า "มันเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่สร้างกำลังใจ ส่งสัญญาณว่าคนที่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ Omicron​ มีความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลต่ำกว่าผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์อื่นๆ" เธอกล่าว "อย่างไรก็ตาม มันควรถูกเน้นว่านี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นและจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการค้นพบนี้"

รายงานการวิเคราะห์ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายวัน 119,789 ในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) ท่ามกลางการแพร่ระบาดไปทั่วประเทศของตัวกลายพันธุ์​ Omicron

ผลการวิเคราะห์ของ UKHSA มีความไม่แน่นอนสูง เพราะว่าปัจจุบันยังมีเคสผู้ติดเชื้อ Omicron​ เพียงกลุ่มเล็กๆ ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึงไม่มีเครื่องตรวจจับที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ และจำกัดเฉพาะในกลุ่มคนสูงวัย

อย่างไรก็ตาม ผลการค้นพบเป็นการเพิ่มเติมหลักฐานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความรุนแรงของตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และฮ่องกง สอดคล้องกับสัญญาณในแง่บวกต่างๆ ในผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนเมื่อวันพุธ (22 ธ.ค.)

การแพร่เชื้อ ความรุนแรงของโรคและตัวกลายพันธุ์ Omicron​ สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้หรือไม่ คือ 3 คำถามตัวโตที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักไวรัสวิทยากำลังพยายามหาคำตอบ ขณะที่รัฐบาลต่างๆ กำลังประเมินว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้มาตรการอันไม่เป็นที่นิยม ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดหรือไม่

รมว.เฮ้ง มอบ ผู้ช่วย ปิดแข่งขันทักษะหุ่นยนต์หนุนศักยภาพ EEC

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ประธานกล่าวปิดการแข่งขันทักษะฝีมือด้านหุ่นยนต์–สมองกล เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของประเทศและ EEC

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวปิดการแข่งขันทักษะฝีมือแรงงาน สาขาระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ ครั้งที่ 2 “MARA Skill Competition 2021” ระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคม 2564 แข่งขัน 6 สาขา แบ่งเป็น 3 สาขาแข่งขันแบบทีมๆ ละ 2 คน ได้แก่ สาขาเมคคาทรอนิกส์ สาขาพีแอลซี สาขาซ่อมบำรุงหุ่นยนต์ และแบบบุคคล 3 สาขา ได้แก่ สาขาหุ่นยนต์ สาขาเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) สาขาปัญญาประดิษฐ์ ซีลาร์ คอร์ (CiRA CORE) ผู้เข้าแข่งขันเป็นนักศึกษาอยู่ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเขต EEC อาทิ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก อี.เทค วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี วิทยาลัยเทคนิคระยอง วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา วิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซีเป็นต้น ณ  สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง กล่าวว่า ผมขอแสดงความยินดี และชื่นชมกับผู้เข้าแข่งขันทุกคน ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนนำประสบการณ์ที่ได้รับจากการแข่งขันในครั้งนี้ไปต่อยอดและพัฒนาทักษะให้ดีขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น และความก้าวหน้าในอาชีพของตนเองและขยายผลไปยังส่วนรวมในอนาคต

สำหรับผลการแข่งขัน MARA Skill Competition 2021 สาขาเมคคาทรอนิกส์ พีแอลซี อันดับที่ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคพัทยา อันดับที่ 2 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม และอันดับที่ 3 ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) สาขาหุ่นยนต์ดูบอต อันดับที่ 1 ได้แก่วิทยาลับเทคนิคปราจีนบุรี อันดับที่ 2 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคระยอง และอันดับที่ 3 ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวะศึกษาฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) สาขาช่างซ่อมบำรุงหุ่นยนต์อุตสาหกรรม อันดับที่ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) อันดับที่ 2 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคระยอง และอันดับที่ 3 ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาตากสินระยอง สาขาเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ อันดับที่ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคระยอง อันดับที่ 2 ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) และอันดับที่ 3 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม และสาขาปัญญาประดิษฐ์ซีร่า คอร์ อันดับที่ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคระยอง อันดับที่ 2 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี และอันดับที่ 3 ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่ชนะเลิศของแต่ละสาขาจะได้รับรางวัล ดังนี้  อันดับที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อันดับที่ 2 รับเงินรางวัล 3,000 บาท อันดับ 3 รับเงินรางวัล 2,000 บาท

 

“บิ๊กตู่” ติดตามช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว พร้อมพิจารณาเพิ่มเงินช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัวกรณีประสบภัยพิบัติและมอบเหรียญเกียรติคุณชั้นที่1แก่อดีตกรรมการทหารผ่านศึกเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ที่สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ

ที่องค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภาทหารผ่านศึก ครั้งที่3/2564 เพื่อทราบในเรื่องการแต่งตั้ง ผอ.และ รอง ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และการรายงานประจำปี ความคืบหน้าในการดูแลทหารผ่านศึกและครอบครัว รวมทั้งรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์ทหารผ่านศึกอาเซียน ครั้งที่33 และการประชุมสมัชชาสมาพันธ์ทหารผ่านศึกอาเซียนครั้งที่20 ในที่ประชุมยังได้พิจารณา เรื่องการมอบเหรียญเกียรติคุณชั้นที่1ให้แก่อดีตกรรมการทหารผ่านศึก การแต่งตั้งประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการของสภาทหารผ่านศึก และพิจารณาเพิ่มวงเงินสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และครอบครัวทหารผ่านศึกรวมถึงทหารนอกประจำการในกรณีประสบภัยพิบัติประเภทที่อยู่อาศัย 

'ศาลอินเดียสูงสุด'​ ตัดสินแล้ว!! ยกกรรมสิทธิ์ ‘พระราชวังชัยมาฮาล’ ให้ทายาทราชสกุล ‘รังสิต’

เมื่อวาน​ (23 ธ.ค. 64) มีรายงานจากเว็บไซต์ฮินดูสถานไทม์ส ระบุว่า คดีฟ้องร้องเรื่องทรัพย์สินมรดกที่ยืดเยื้อระหว่างทายาทราชวงศ์ชัยปุระ ได้ข้อยุติหลังจากที่ศาลสูงสุดอินเดียแต่งตั้งอดีตผู้พิพากษาเข้ามาเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย โดยทนายความซึ่งเป็นตัวแทนของสองพี่น้องราชสกุลรังสิต​ ก็ได้ออกมายืนยันเรื่องนี้แล้ว

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า นายเทพราช ซิงห์ และ น.ส. ลลิตยา กุมารี สองพี่น้องผู้เป็นทายาทของมหาราชจกัต ซิงห์ กับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ธิดาคนเล็กของ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต กับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต สายพระโลหิตในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้รับชัยชนะในการยื่นคัดค้านพินัยกรรมของมหารานี คยาตรี เทวี พระชายาองค์ที่ 3 ในมหาราชาสวัย มัน ซิงห์ ที่ 2 แห่งราชวงศ์ชัยปุระ และพระราชมารดาในมหาราชจกัต ซิงห์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ปี 2558

ผู้พิพากษาศาลฎีกาของอินเดียได้ตัดสินยืนคำพิพากษาของศาลกรุงนิวเดลี ซึ่งระบุว่านายเทพราช และ น.ส.ลลิตยา มีสิทธิในสมบัติของมหาราชจกัต ซิงห์ รวมถึงส่วนแบ่งในพระราชวังชัยมาฮาล พระราชวังรามบักห์ ตลอดจนกิจการอื่น 

คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 200 - 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,000 - 14,000 ล้านบาท หลังจากที่ เทพราช และลลิตยา ได้ยื่นคัดค้านพินัยกรรมของมหารานี คยาตรี เทวี ที่สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ปี 2552 ขณะมีพระชนมายุ 90 พรรษา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ผนึกกำลังแก้ไขปัญหา พร้อมเสริมเกราะป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทยกพวกตีกัน

ณ ห้องศรียานนท์ โซนซี ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดย ร.ท.สมพร  ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นผู้แทนฯ ลงนาม พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ จัดทำขึ้นภายใต้มาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทของกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือในทุกมิติและกำหนดมาตรการควบคุม ดูแล ป้องกันและแก้ไขปัญหา เพื่อลดอัตราความสูญเสียที่เกิดขึ้น บรรเทา ความเดือดร้อนของสังคมส่วนรวม ทั้งนี้ ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน และส่งเสริมการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับสถานศึกษาในสังกัดของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา เปิดโอกาสในการแสดงศักยภาพด้านฝีมือ และความสามารถด้านต่างๆ โดยมุ่งเน้นให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ร่วมกันทำความดี มีความเสียสละ และจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และสังคมส่วนรวม 

ซึ่งได้มีการจัดโครงการ “อาชีวะอาสาทำความดีในเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565” เพื่อให้บริการในการดูแล บำรุงรักษา และซ่อมแซมยานพาหนะของพี่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนที่ออกเดินทางท่องเที่ยว และเดินกลับไปยังภูมิลำเนาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในช่วงเทศกาลสำคัญประจำปี

 

‘ผบช.ภ.2’ มอบอุปกรณ์ - สิ่งของด้านการจราจรในโครงการ “ถนนปลอดภัยเริ่มที่เรา”

พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.อก.ภ.2 รับมอบอุปกรณ์ – สิ่งของด้านการจราจรในโครงการ “ถนนปลอดภัยเริ่มที่เรา”

จากคณะที่ปรึกษาตำรวจภูธรภาค 2 โดยมี คุณสมเจตน์ วุฒิเลิศเจริญวงศ์ ประธานคณะที่ปรึกษาตำรวจภูธรภาค 2 และ คุณจุรีรัตน์ รัตนศรีสมบัติ พร้อมคณะที่ปรึกษาตำรวจภูธรภาค 2

 

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน!! ช่วงเทศกาลปีใหม่” ผบ.ตร. มีความห่วงใย จัดเต็มกำลังตำรวจ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบสายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จัดเตรียมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมกำชับสั่งการเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในห้วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2565 และกำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสียหายจากอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในห้วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมทั้งได้จัดทำ

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่” ดังนี้ 

1. ไม่ประดับสวมใส่ทรัพย์สินมีค่า

2. สำรวจทรัพย์สิน และล็อกประตูหน้าต่างที่พัก

3. เจ้าของผู้ประกอบการตรวจสอบความพร้อมเจ้าหน้าที่และกล้องวงจรปิด

4. หลีกเลี่ยงการใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่อยู่บริเวณเปลี่ยว

5. ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

6. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ

7. ไม่ใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ

8. ระมัดระวังในการจุดพลุ

9. กรณีพบเห็นบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นคนร้าย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

10. กรณีพบเหตุด่วนเหตุร้าย แจ้ง 191 หรือ 1599 หรือหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจ

 

‘พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข’ ผบ.ตร เดินทางมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.เลย

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.เนติพงศ์ ธาตุทำเล รอง ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส. ภ.4 และคณะ ฯ โดยมี พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย และข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.เลย และ ข้าราชการตำรวจหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ เข้าร่วมรับการตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top