Wednesday, 22 March 2023
PRESS

ย้อนไทม์ไลน์ความสัมพันธ์ ‘ไทย-ซาอุดีอาระเบีย’ รอยร้าวฉานที่กำลังถูกผสานให้เชื่อมต่อกันอีกครั้ง

หากย้อนอดีตกลับไป จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน กรณีความสัมพันธ์ไทย – ซาอุดีอาระเบีย คือ การที่เจ้าหน้าที่ทูตซาอุดีอาระเบียถูกลอบสังหารกลางเมืองกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2532 โดยที่ตำรวจไทยไม่สามารถสืบสวนจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้

ต่อมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2533 คนร้ายได้ลงมือฆ่าเจ้าหน้าที่การทูตซาอุดีอาระเบียอีก 3 ศพรวดในเวลาเดียวกัน และในเดือนเดียวกัน ‘นายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี’ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียและเป็นสมาชิกราชวงศ์ของตระกูลอัล-ซะอูด ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ จนทำให้มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลชุดหนึ่ง ข้อหา ‘อุ้ม’ นายอัลรูไวลีไปเค้นข้อมูล เพราะเชื่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของเจ้าหน้าที่การทูตของซาอุดีอาระเบียที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

กรณีนี้ ทำให้ทางการซาอุดีอาระเบียไม่พอใจอย่างยิ่ง จนถึงขั้นลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต ออกข้อจำกัดเกี่ยวกับแรงงานไทย ห้ามประชาชนของซาอุดีอาระเบียเดินทางมาประเทศไทย และลดระดับความร่วมมือระดับสูงในทุกด้านลงมาอยู่ระดับต่ำสุด

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบียไม่ได้เลวร้ายลงเพียงเพราะคดีฆาตกรรมเท่านั้น แต่ยังเกิดจากกรณีที่คนงานไทย ‘นายเกรียงไกร เตชะโม่ง’ ซึ่งไปทำงานในวังของเจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบีย แล้วได้ลักลอบโจรกรรมเพชรกลับประเทศไทย แต่ตำรวจไทยก็ยังไม่สามารถติดตามเพชรของกลางหลายรายการส่งกลับคืนให้ซาอุดีอาระเบียได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเพชร ‘บลูไดมอนด์’ ซึ่งเป็นเพชรเม็ดใหญ่ที่สุด

ความสัมพันธ์กลับเลวร้ายลงไปอีก เมื่อของกลางส่วนหนึ่งที่ติดตามกลับมาได้ มีการเอาไปปลอมแปลงก่อนนำกลับไปคืนให้ซาอุดีอาระเบีย ทั้งหมดจึงเป็นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของไทยกับซาอุดีอาระเบียสะบั้นลงทันที

และในสมัยรัฐบาลของ ‘นายกทักษิณ ชินวัตร’ จะหมดอำนาจ เขาได้เสนอเงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาท ให้แก่รัฐบาลซาอุฯ เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพื่อให้แรงงานไทยกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่ยังไม่ทันได้รับการตอบรับหรือปฏิเสธก็มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจในประเทศไทยเสียก่อน

และเมื่อปี 2563 ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ‘นายดอน ปรมัตถ์วินัย’ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ณ ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 11-13 มกราคม 2563 ว่าตนเองได้เดินทางเยือนประเทศบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน พร้อมทั้งกล่าวว่า การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียนั้น เป็นการเดินทางเยือนตามคำเชิญของฝ่ายซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้าและยังถือเป็นการเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียครั้งแรกของรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยในรอบ 30 ปี

ระหว่างการเยือนได้มีการหารือกับ ‘เจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด’ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย กับ ‘นายอาดิล บิน อะหมัด อัล-นูบีร’ รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านกิจการต่างประเทศและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย  โดยประเด็นหลักที่ได้มีการพูดคุยกันคือ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ รัฐมนตรีดอน ปรมัตถ์วินัย ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “การเยือนครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี และถือเป็นพัฒนาการในทางบวกที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศต่อไป”

และในปี 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไป เยือนซาอุฯ ตามคำเชิญของ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมานฯ มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย การฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถือเป็นความสัมพันธ์ทางการทูตที่พัฒนาขึ้นสู่ระดับสูงสุด หลังจาก 32 ปี ไทยมีตัวแทนซาอุฯ แค่ระดับอุปทูต ซึ่งจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ทุกด้านยกระดับตามไปด้วย เช่น ด้านแรงงาน, การท่องเที่ยว, วัฒนธรรม, การลงทุน, การส่งออกอาหารฮาลาล การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ของชาวมุสลิมในไทย การสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ความสัมพันธ์กับองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ ‘โอไอซี’ แม้การส่งแรงงานไปซาอุฯ อาจไม่ได้มากเท่าเดิม แต่ก็รับทราบว่า ซาอุฯ ยืนยันจะใช้แรงงานไทย

วันนี้ (22 มี.ค. 66) ด้านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีกับความสำเร็จหลังการฟื้นความสัมพันธ์ประเทศไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ช่วงต้นปี 2565 เป็นผลสำเร็จ เปิดโอกาสความร่วมมือระหว่างกัน 9 ด้าน ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว, ด้านแรงงาน, ด้านอาหาร รวมถึงความร่วมมือใน ด้านสุขภาพ, ด้านพลังงาน, ด้านการศึกษาและศาสนา, ด้านความมั่นคง, ด้านกีฬา และด้านการค้าและการลงทุน ทั้งภาครัฐและเอกชนของทั้ง 2 ฝ่าย โดยภาคเอกชนไทยสนใจลงทุนธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าตกแต่งภายใน

'ผู้เชี่ยวชาญ' ชี้!! 'ซีเซียม-137' ที่หายไม่อันตรายอย่างที่คิด พบมีค่าปริมาณกัมมันตรังสีที่ต่ำ ประชาชนอย่าตื่นตระหนก

(20 มี.ค.66) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงการติดตามผลกระทบต่อสุขภาพหลังมีท่อบรรจุสารซีเซียม-137 หายออกจากโรงงานผลิตไฟฟ้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และพบว่ามีการหลอมไปตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.แล้วนั้น ในขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีการระบุพื้นที่ใดบ้าง แต่เบื้องต้น ต้องมีการตรวจสุขภาพทั่วไปของพนักงานโรงงานหลอมเหล็กดังกล่าว และตรวจหาสารตกค้างในปัสสาวะ 

ทั้งนี้เนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสารอันตรายพิเศษ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถตรวจได้ ทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งมีห้องปฏิบัติการพิเศษจึงเป็นผู้ตรวจสอบ โดยมีการตรวจพื้นที่รอบ ๆ โรงงาน ประชาชนในอำเภอนั้น ๆ และใน จ.ปราจีนบุรี

ขณะที่ด้าน นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสํานักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า ขณะนี้ เราพบว่าวัตถุบรรจุซีเซียม-137 หายไป และพบเบาะแสที่โรงหลอมเหล็กว่า มีการหลอมเหลว ต้องเรียนว่าของต้นทางหายไปโดยมนุษย์ ที่เราจะต้องติดตามต่อว่าหายไปได้อย่างไร เหตุการนี้เป็นอุบัติการ ที่ยังไม่กระทบต่อชีวิตมนุษย์ ยังไม่ใช่อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์แบบเชอร์โนบิล หรือ ฟุกุชิมะ โดยกฎหมายฉบับใหม่ หากรู้ว่าอุปกรณ์รังสีสูญหายต้องแจ้งโดยพลัน แต่เมื่อไม่แจ้งโดยพลันจึงเกิดเหตุการณ์นี้ เราจึงติดตามได้โดยเครื่องมือของปรมาณูเพื่อสันติ หลังรับแจ้งทีมเข้าตรวจสอบโรงงานในวันรุ่งขึ้น แต่ตอนนี้ทางโรงงานยังไม่รู้ว่าหายเพราะอะไร 

มัดรวม ‘ศิลปิน-ดารา’ ตบเท้าเข้าเวทีการเมือง ขันอาสาขอเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน

เลือกตั้งใกล้เข้ามา ผู้สมัครมากหน้าในวงการเมืองก็เริ่มเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องในนามพรรคต่างๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่คนในวงการเมืองเท่านั้น แวดวงคนบันเทิง 'ดารานักแสดง-นักร้อง-นางแบบ' ต่างก็ตบเท้าเข้าเวทีการเมือง กันอย่างคึกคักด้วยเช่นกัน 

ว่าแต่...ใครเป็นใคร? สังกัดพรรคไหนกันบ้างนั้น? ทาง THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาให้พิจารณากันโดยพลัน...

คนแรกที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ดีกรีนางร้ายตัวแม่แถวหน้าของเมืองไทย 'อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์' ดาราสาวนักแสดงชื่อดัง หลังจากที่ได้ออกมา Call out แสดงความเห็นกับเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจน  ตอนนี้อ๋อมได้เปิดตัวเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสะพานสูง พรรคเพื่อไทย มาพร้อมกับสโลแกนที่ว่า “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อแพ้”

คนต่อมา ขวัญใจสาวๆ จากย่านลาดพร้าว 'ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์' อดีตนักแสดง-นักร้องชื่อดัง ที่ตัดสินใจเข้าสู่บทบาททางการเมือง อย่างเป็นทางการโดยการเป็นรองโฆษกพรรค พลังท้องถิ่นไทย เมื่อปี 2561 และได้ลาออกไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จากนั้นได้ลาออกตามคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นรองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และวันนี้ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้มาทำหน้าที่เป็นโฆษกของพรรคพลังประชารัฐ ของบิ๊กป้อม เพื่อร่วมเสริมทีมสื่อสารนโยบายพรรคสู่สังคม

อีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหม่ ที่ออกมา Call Out ในหลายประเด็น อย่าง 'หมิว-สิริลภัส กองตระการ' นักแสดงคนรุ่นใหม่ ก็ได้เข้ามาร่วมงานกับกับพรรคก้าวไกล เตรียมเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางกะปิ 

ด้าน 'นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง' อยากทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จึงหันมาเล่นการเมืองอย่างจริงจัง ในนามของ 'พรรคไทยภักดี'

ตามรุ่นพี่ปราปต์ปฎลมาติดๆ กับ 'เค-ภัทรพล แก้วสกุณี' ดารานักแสดงสังกัดช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ประกาศลงสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส. ปทุมธานี ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ 

'จอนนี่ แอนโฟเน่' สามีของนก จริยา ก็ขออาสาเข้ามาทำงานแก้ปัญหาความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยอาสาเป็น ส.ส.กทม. ดูแลประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาว คลองสามวา ในนามของพรรคไทยสร้างไทย

ด้าน 'กุ้งพลอย-กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ' หรือ 'ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์' ได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ลั่นว่าจะนำประสบการณ์เรื่องการพนันออนไลน์ เข้ามาแก้ไขในสภา เตรียมลงสมัคร ส.ส.อ่างทอง

มองพรรคการเมืองไทย ผ่านเลนส์ ‘ดร.ธีรภัทร์’ หมั่นรับฟัง ปชช. มุ่งทิ้งปมขัดแย้งในพรรค

แม้หมอกควันความขัดแย้งระหว่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะจางลงพร้อมกับหน้าฉากที่หลายคนมองว่า ‘จบสวย’ แต่นั่นก็กำลังสะท้อนภาพความเป็นจริงของเบื้องหลังพรรคการเมือง ที่หากคิดต่างอย่างไม่ลดละ อคติแบบไม่ยอมความ ก็อาจจะนำมาสู่ความเสียหายต่อภาพรวมของพรรคนั้นๆ ทั้งๆ ที่ในโลกแห่งการเมือง ความร้านฉานชั่วขณะ มักมิใช่สิ่งแปลกใหม่อันใด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์’ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นักวิชาการประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้มองปมประเด็นดังกล่าวพร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวของบรรดาพรรคการเมืองในห้วงเวลานี้กับ THE STATES TIMES ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

ในเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะในองค์กรหรือสถาบันใด ย่อมต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้เสมอ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของพรรคการเมือง ที่มักมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ก็มีสิ่งที่หลายคนอาจจะวิตกก็คือ เรื่องของความเห็นที่แตกต่างกันบางครั้ง มันควรจะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันในพรรค ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน 

กรณีของคุณ ‘พิธา-ปิยบุตร’ สะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองควรจะต้องมีกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นกันมากขึ้น แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังดีที่พรรคก้าวไกลนั้นมีผู้นำอย่าง คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ที่แม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์ในการลงสมัครต่างๆ ก็ตาม แต่ตนคิดว่าความคิดเห็นของบุคคลเหล่านี้ ก็เป็นหัวใจสำคัญที่จะผสานความเข้าใจและนำพาพรรคให้เดินหน้าต่อไปได้ 

'ชัยวุฒิ' ปลื้ม!! ศูนย์ดิจิทัลฯ เพิ่มทักษะดิจิทัลให้ชุมชน หลังลงพื้นที่ประจวบฯ พบคนไลฟ์ 'ขาย-โปรโมต' สินค้ามากขึ้น

(4 ก.พ.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามความคืบหน้าโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน โรงเรียน ตชด.ย่านซื่อ อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ชัยวุฒิ กล่าวว่า พื้นที่นี้เป็นโรงเรียน ตชด.ที่อยู่ในชายแดน มีประมาณสองร้อยกว่าโรงเรียนทั้งประเทศไทย ซึ่งทางกระทรวงดิจิทัลฯ ได้สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน นั่นคือ ห้องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการมาทํางาน รวมถึงอินเทอร์เน็ตและฟรีไวไฟ ซึ่งโรงเรียน ตชด. ทุกแห่งจะต้องมีคอมพิวเตอร์ มีอินเทอร์เน็ตใช้ เพื่อให้เด็กเรียนรู้ อีกทั้งประชาชนจะได้มาใช้งานในการสื่อสารเรียนรู้ต่างๆ รวมถึงขายของออนไลน์ ซึ่งศูนย์ดิจิทัลชุมชนจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ศูนย์ละ 1 คน เพื่อมาช่วยโรงเรียน และช่วยสอนประชาชน

โดยวันนี้ได้มีการฝึกทักษะในการขายของออนไลน์ เช่น ไลฟ์ขายทุเรียน แล้วก็ขายผ่านไปรษณีย์ไทย Thailand post mart ซึ่งทางกระทรวงดิจิทัลฯ ก็พยายามโปรโมตตรงนี้ด้วย เพราะว่า นอกจากขายแล้วก็ต้องมีการขนส่งซึ่งไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการช่วยขนส่งสินค้าเกษตร หรือสินค้าของชุมชน ไปให้ถึงมือพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศต่อไป

'หัวหิน' ยกระดับสู่เมือง Smart city ติด CCTV รอบเมือง ตั้งเป้าลดอาชญากรรม 50%

(3 ก.พ. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าประชุมหารือเตรียมความพร้อมโครงการ Smart city HuaHin โดยมีนายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีหัวหิน ให้การต้อนรับ ณ เทศบาลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ชัยวุฒิ กล่าวว่า Smart city เป็นนโยบายสำคัญของท่านนายกฯ ใช้ชื่อโครงการทั้งหมดว่าไทยแลนด์ 4.0 ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ตอนนี้ถือว่าประเทศของเรามาได้ไกลแล้ว ประชาชนมีการเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ต เข้าถึงการใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ในการทำงานทำธุรกรรมต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งถือว่าคนไทยคุ้นเคยกับดิจิทัลมาก

Smart city เป็นเรื่องของความสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นประกอบทำให้อาชีพดีขึ้น ตนว่าหัวหินก็เด่นในเรื่องของการท่องเที่ยว การค้าขาย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนคิดว่า ถ้าเราได้นำคอนเซปต์ของ Smart city มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ จะทำให้เมืองหัวหินพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองหัวหินมากขึ้น มีคนมาซื้อที่ดินมากขึ้น

Smart city ยังไม่ได้ให้แค่ความเจริญ แต่ลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ต่างจังหวัด ในพื้นที่ห่างไกล การมีโครงการนี้เข้าไปในพื้นที่ จะทำให้เมืองทันสมัยขึ้น ทำให้ประชาชนอยู่สุขสบายมากขึ้น

จองที่ชาร์จรถ EV ในจุฬาฯ ผ่านแอปฯ แต่ยามไล่ รู้ทีหลัง ผู้ให้บริการแจ้งห้ามใช้ 06.00-17.00 น.

ไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ‘Sira Nakasiri’ ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม ‘EV Club Thailand Group’ ถึงกรณีที่ได้ เข้าไปใช้บริการสถานีชาร์จอีวี หรือรถยนต์ไฟฟ้า ใน MEA หรือสถานีชาร์จของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยสถานีชาร์จนี้ได้ตั้งอยู่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดยเรื่องพีกคือผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านนี้ ได้จองการชาร์จผ่านแอปพลิเคชันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงจุดชาร์จ ทาง รปภ. ของจุฬากลับมาไล่ และไม่ให้ชาร์จ โดยอ้างว่าใช้ได้สำหรับผู้บริหารของจุฬาฯ เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในแอป ก็เปิดให้จองชาร์จได้ปกติ 

‘บช.ปส.’ แถลงจับเครือข่ายยาเสพติด 3 คดี ยึดยาไอซ์ได้ทั้งสิ้น 1,145 กิโลกรัม

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด 3 ราย 

คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส 4 ร่วมกับ บก.ขส. จับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือนายอาคม อายุ 27 ปี จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมัน PT สาขาท่าแค ถนนเพชรเกษม ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง, น.ส.แหม่ม อายุ 32 ปี และน.ส.ชญาดา อายุ 35 ปี จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ระหว่างกม.128 ถึง กม. 129 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

หลังสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางนำไปส่งให้กับขบวนการค้ายาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ พบรถกระบะของกลาง 3 คัน บรรทุกพืชผักทางการเกษตรมาเต็มคัน ขับตามกันมาโดยรถบรรทุกสินค้าจอดแวะที่ปั๊ม PT สาขาท่าแค เมื่อตรวจค้นพบนายอาคมเป็นผู้ขับขี่ สารภาพว่ามียาเสพติดทุกซ่อนอยู่ ใช้สินค้าทางการเกษตรอำพราง ส่วนรถอีก 2 คัน จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ยาไอซ์ 688 กิโลกรัม พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยขบวนการดังกล่าวเป็นขบวนการค้ายาไอซ์ข้ามชาติ นำยาเสพติดมาจากทางภาคอีสานส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ไปยังปลายทางประเทศที่ 3 

นอกจากนี้ตำรวจ บก.ปส. 4 ร่วมกับตำรวจบก.น. 7 เจ้าหน้าที่ ศรภ.กองบัญชาการกองทัพไทยขยายผลการเครือข่ายดังกล่าวได้ผู้ต้องเพิ่มอีก 4 ผู้ต้องหา คือ น.ส.วรวรรณหรือโรส ได้ที่หน้าบิ๊กซีมินิมาร์ท ถนนเพชรเกษม ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของกลางยาไอซ์ 3.8 กรัม ยาบ้า 100 เม็ด นายณัฐพงษ์ หรือณัฐ จับกุมได้ที่ซอยจำเนียรสุข 3 ถนนเพชรเกษม แขวงวังท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ พร้อมของกลางไอซ์ 64 กรัม จับกุมนายณัฐวุฒิหรือป็อกและนายนัสหรือมอส ได้ที่หมู่บ้านจรัญวิลล่า 3 ซอยบางแวก 37 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ ได้ของกลาง 43.285 กิโลกรัม และผงเมทแอมเฟตามีน 660 กรัม โดยเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดผ่านแอปพลิเคชันไลน์

‘ชาติพัฒนากล้า’ จัดหนัก 12 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รื้อโครงสร้างประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ ‘รวย-จน’

(24 ม.ค. 66) จับตากันให้ดี!! หลังจากที่ก่อนหน้านี้พรรคชาติพัฒนากล้า ได้ทยอยปล่อยนโยบายพรรคด้านเศรษฐกิจ ออกมาแล้วถึง 2 ชุด ซึ่งก็โดนใจประชาชน โดยเฉพาะคนทำงาน กินเงินเดือน

ล่าสุด!! เช้าวันนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า จัดใหญ่จัดเต็ม!! เปิดนโยบายพรรคอย่างยิ่งใหญ่ นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ร่วมถึง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค แกนนำพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรค

ซึ่งนายสุวัจน์ กล่าวเปิดเป็นคนแรกว่า วันที่ 23 มีนาคม 2566 จะครบ 4 ปี จะยุบสภาหรือไม่ยุบก็ถือว่าครบเทอม ทุกพรรคการเมืองเตรียมตัว พรรคชาติพัฒนากล้า ก็เป็นพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม อันดับต้น ๆ ที่อยู่ในใจของความเจ็บปวด คือ เรื่องเศรษฐกิจ 35 ปีที่ผ่านมาไม่เกิดเกิดวิกฤตหนักมากเท่าวันนี้ วิกฤตที่น่ากังวลอีกส่วน คือ วิกฤตโลก สงครามการค้า และโควิด-19 สงครามยูเครน-รัสเซีย ปัจจัยหลัก คือ การเกิดสงครามการค้า การขึ้นอัตราดอกเบี้ย เกิดเป็นภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ จีดีพีโลกกลับมาไม่ 1% โลกร้อน เทคโนโลยีดิสรัปชั่น วันนี้โลกวุ่นวายมาก และสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ การจัดกลุ่มของประเทศมหาอำนาจใหญ่ เกิดการย้ายฐานการลงทุน

ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวาณิช พร้อมด้วยสมาชิกพรรค ได้ร่วมกันเปิดเผยถึง 12 นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ประกอบด้วย 

- หาเงินให้ประเทศ 5 ล้านล้านบาท ด้วยกลุ่มเฉดสี ดังนี้ สีเขียว ด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ นโยบายทุกบ้านขายไฟฟ้าได้ / สีเหลือง เศรษฐกิจสร้างสรรค์อาทิ กองทุน Soft Power / สีเงิน เศรษฐกิจวัยเก๋า ดูแลสร้างงานผู้สูงวัย / สีเทา นโยบายเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี / สีฟ้า เศรษฐกิจสายเทคโนโลยี ลดภาษี Start Up / สีขาว เศรษฐกิจสายมู ให้งบจังหวัดละ 1 พันล้าน สร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ / และสีรุ้ง นโยบายผลักดันสมรสเท่าเทียม ให้กลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้

- ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อลดภาระให้กลุ่มคนทำงาน โดยถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากรายได้ของภาครัฐ กำลังขยับขึ้น อีกทั้งยังเป็นธรรม จากคำมั่นสัญญาเดิมของพรรคการเมืองใหญ่ ที่ทำไม่สำเร็จ จากการเลือกตั้งครั้งก่อน

- น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า ถูกลง รื้อโครงสร้างพลังงาน โดยปรับราคาขายให้ตรงตามการผันผวนของต้นทุนในแต่ละช่วง ตามราคาตลาดกลางของโลก

แม่ร่ำไห้ พาลูกสาววัย 14 ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ถูกเพื่อนชายร่วมห้อง ลวงไปรุมโทรม ป่าหลังโรงเรียน

(23 มกราคม 2566) อีกหนึ่งข่าวที่เรียกได้ว่าสะเทือนอารมย์สุด ๆ โดยเฉพาะเหล่าพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่มีลูกสาววัยมัธยม เมื่อแม่ชาวพิจิตร ได้จูงมือลูกสาววัย 14 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรม ณ ที่ทำการมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

โดยเล่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ลูกสาวได้ถูกกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายร่วมห้องเรียน จำนวน 5 คน ล่อลวงไปรุมโทรมข่มขืน พร้อมถ่ายคลิป โดยมีรุ่นพี่ ม.3 เป็นคนชักชวน ตอนพักกลางวัน หลอกให้ไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ให้กลุ่มเพื่อนที่บริเวณป่าหลังโรงเรียน

จากนั้นได้มีการเผยแพร่คลิปในโซเชียล เมื่อแม่ได้เห็น จึงสอบถามเรื่องราวทั้งหมด และเข้าพบครูที่โรงเรียน พร้อมแจ้งความที่ สน.หนองโสน จังหวัดพิจิตร ซึ่งโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองเด็กชายที่ก่อเหตุทั้ง 5 คน มาเจรจา พร้อมแจ้งให้ทั้งหมด (เด็กที่ก่อเหตุและเหยื่อผู้ถูกกระทำ) ย้ายไปเรียนโรงเรียนอื่น ซึ่งแม่เห็นว่าไม่เป็นธรรม อีกทั้งคดีที่แจ้งความยังไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางมาร้องต่อมูลนิธิปวีณาฯ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top