นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 13/2564 และประธานเปิดนิทรรศการ “โครงการของขวัญปีใหม่ สำหรับประชาชน มอบความสุขความปลอดภัย ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2565”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 13  โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมการประชุม ณห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่างๆ 

โดยคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคลได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน ธ.ค. 2564 มีข้าราชการตำรวจลงโทษทั้งสิ้นจำนวน 28 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 26 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 2 นาย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. 64 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 250 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 192 นาย ปลดออกจากราชการ จำนวน 49 นาย และให้ออกจากราชการ จำนวน 9 นาย และในโอกาสเดียวกันนี้  พล.อ. ประยุทธ์ฯ  ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด “กิจกรรมของขวัญปีใหม่ สำหรับประชาชน มอบความสุขปลอดภัย ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2565”ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 ซึ่งประกอบด้วย 6 โครงการ ที่จะมอบเป็นของขวัญแก่พี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2565 ดังนี้

1. ด้านป้องกันอาชญากรรม ได้แก่ 

(1)  โครงการ Smart Safety Zone 4.0 เป็นโครงการยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ โดยผสมผสานทฤษฎีและแนวคิดในเรื่องการป้องกัน อาชญากรรม และอาชญาวิทยา มีการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ร่วมถึงการบูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 64) มีสถานีตำรวจในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนำร่องในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1-9 จำนวนทั้งสิ้นรวม 15 สถานีทั่วประเทศ สำหรับในปี 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้มีการขยายการดำเนินโครงการไปยังทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ ทาง  http://smartsafetyzone.police.go.th

(2) โครงการฝากบ้าน 4.0 เป็นโครงการที่พัฒนามาจากโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่เป็นที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยการนำเอาเทคโนโลยีที่เรียกว่าระบบคลาวด์กลางของภาครัฐ ในการเก็บข้อมูล ประมวลผล และนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน ผ่านทางแอปพลิเคชัน OBS  ที่มีการใช้ระบบQR Code ในระบบการตรวจสอบ การควบคุมการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชา และมีการส่งผลให้ประชาชนเจ้าของบ้านโดยทันที เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาดูแลบ้านของตนที่ฝากไว้ในโครงการ

(3) โครงการ CCTV ระวังภัย ระยะที่ 2 เป็นโครงการที่สืบเนื่องจากความสําเร็จในการดําเนินการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในระยะที่ 1 ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งประสบความสำเร็จ เพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน ในปี 2565 ได้มีการขยายเขตพื้นที่ในการติดตั้งกล้อง CCTV ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกจำนวน 8,500 ตัว และในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 อีกจำนวน  5,000 ตัว

2. ด้านการสืบสวน ได้แก่

(1) โครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร เป็นโครงการที่แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ชองกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการดำเนินงานชุมชนแบบยั่งยืน ในการป้องกัน และปราบปรามปัญหายาเสพติด บูรณาการความร่วมมือ กับทุกภาคส่วน ในการลดจำนวนผู้เสพ ผู้ขายยาเสพติดให้หมดไปจากชุมชน ลดอุปสงค์หรือจำนวนผู้ติดยาเสพติดในประเทศให้ลดลงได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน และเพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ซึ่งให้ถือว่า ผู้เสพ คือ “ผู้ป่วย” ทั้งนี้ ในปี 2564 มีการดำเนินงานในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน ในห้วงระยะเวลา 3 เดือน

(2) โครงการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมออนไลน์ เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยกองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาระบบในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อให้ได้รับการบริการที่รวดเร็ว ลดอัตราความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID – 19) ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผ่านระบบออนไลน์  โดยผ่านทางเว็บไซต์ www.crd-check.com พร้อมระบุสถานที่ติดต่อขอรับผลการตรวจสอบ ได้ที่กองทะเบียนประวัติ อาชญากร ศูนย์พิสูจน์หลักฐานจังหวัดทั่วประเทศ 

3. ด้านการท่องเที่ยวปลอดภัย ได้แก่

(1) โครงการสุภาพบุรุษจราจร เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างตำรวจจราจรต้นแบบที่มีความเป็นสุภาพบุรุษจราจร เป็นที่รักของประชาชน สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา ตามหลัก 5 s คือ smile smart salute service mind standard ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ลดจุดเสี่ยง และลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ พร้อมแสวงหาความร่วมมือกับภาค ซึ่งกำหนดให้มีฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้แก่ประชาชน อาทิ การสร้างอาสาจราจร และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม รวมถึงในเรื่องของการว่ากล่าวตักเตือนกรณี ความผิดเล็กน้อย โดยเปลี่ยนเป็นให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายจราจรกับผู้ที่ถูกว่ากล่าว เป็นต้น

(2) โครงการใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากปี 2564 ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับบริษัทมหาชน (จำกัด) ธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาระบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เพื่อให้บริการรับชำระค่าปรับจราจรใบสั่งทุกประเภท ซึ่งได้เชื่อมโยงฐานข้อมูลใบสั่งของสถานีตำรวจทั่วประเทศ และกรมขนส่งทางบก โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2559 และได้มีการต่อยอดพัฒนาระบบ Police Ticket Management (PTM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการบันทึกค่าปรับจราจร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกต่อพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน 

(3) โครงการ TOURIST POLICE I LERT U  เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ที่พัฒนาระบบนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ผ่านระบบ Application “TOURIST POLICE I LERT U” โดยมีระบบการระบุตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกทั้งการจัดตั้งจุดบริการกว่า 170 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นการดูแลความปลอดภัยและความอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทาง ทั้งนี้ ยังมีระบบสายด่วน Call Center 1155 ที่ให้บริการถึง 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, รัสเซีย, จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี ตลอด 24 ชั่วโมง

4. ด้านการเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจทำดี ได้แก่

(1) ตำรวจจิตอาสาบริจาคโลหิต เป็นโครงการที่สืบเนื่องจากวิกฤติขาดแคลนโลหิตสำรองในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ทำให้มีจำนวนผู้มาบริจาคโลหิตลดลง ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตระหนักถึงความสำคัญ และห่วงใยประชาชน จึงได้เข้าร่วมโครงการเป็นผู้บริจาคโลหิตเพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำความดีด้วยหัวใจ ทั้งนี้ ในห้วงระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย. 64 จำนวนรวมทั้งสิ้น 37,656 ราย จำนวนโลหิตที่ได้ 6,179,205 ซีซี โดยแบ่งเป็นข้าราชการตำรวจที่เข้าโครงการฯ จำนวน 11,816 ราย และภาคประชาชน หรือหน่วยงานต่างๆ จำนวน25,840 ราย ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยได้ถึง 77,520 คน สำหรับในปี 2565 จะได้มีการดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้ป่วยและผู้ประสบเหตุให้ได้มากที่สุด

(2) ตำรวจจิตอาสา มอบถุงยังชีพ เป็นโครงการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตระหนักถึงความสำคัญถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนพื้นที่ถิ่นทุรกันดารและตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยต่างๆ อาทิ ภัยแล้ง ภัยหนาว รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด – 19) จึงได้จัดทำโครงการตำรวจจิตอาสามอบถุงยังชีพให้กับชุมชน โรงเรียน รวมถึงข้าราชการตำรวจในถิ่นทุรกันดารและพื้นที่ติดแนวชายแดน โดยมีเป้าหมายมอบถุงยังชีพให้ชุมชน จำนวน 14 ชุมชน รวม 1,652 ครัวเรือน โรงเรียน 15 โรงเรียน นักเรียน 1,262 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและร่วมกันฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ให้ผ่านไปด้วยดี

5. ด้านการอำนวยความยุติธรรม ได้แก่

(1) โครงการแจ้งความคดีออนไลน์ได้ทุกท้องที่ เป็นโครงการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำความผิดตามคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ หรือขอความช่วยเหลือได้ที่สถานีตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ  ทั้งนี้ จะเปิดให้ทดลองระบบในเดือน ม.ค. - ก.พ.65 และใช้งานจริงในเดือน มี.ค.65 เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระให้แก่ประชาชนที่เป็นผู้เสียหายและทำให้การสืบสวนสอบสวนมีประสิทธิภาพ สามารถติดตามตัวผู้กระทำความผิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

6. ด้านสวัสดิการกำลังพล (เปิดบ้านตำรวจ) ได้แก่

(1) การฉีดวัคซีนและตรวจหาเชื้อ COVID ฟรี เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19) 

โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ walk in booster ในห้วงระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.64 ถึง 7 ธ.ค.65 พร้อมทั้งจัดให้มีบริการตรวจคัดกรองเชิงรุก โดยจัดรถตรวจโควิดเคลื่อนที่ของโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้บริการตามจุดบริการที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ยังได้จัดให้มีโครงการเยี่ยมบ้านและมอบยารักษาโรคให้กับผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มเปราะบาง เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน

(2) ส่วนลดโรงแรมที่พัก เป็นโครงการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบสวัสดิการด้านส่วนลดในการเข้าใช้บริการที่พักสถานตากอากาศ ประกอบด้วย 1. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ The Cop Seminar & Resort ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  2. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ (ค่ายพระราม 6) Sea Sand Sun ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยคิดอัตราห้องพัก ในอัตราเดียวกับข้าราชการตำรวจ ทั้งนี้ สามารถใช้สิทธิจองห้องพักเพื่อรับส่วนลดพิเศษค่าห้องพัก(รวมอาหารเช้า) ได้ตั้งแต่

วันที่ 29 ธ.ค.64 จนถึงวันที่ 15 ม.ค.65 และสามารถใช้สิทธิเข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.64 ถึง 31 มี.ค.65