Saturday, 5 July 2025
NEWS

อินเดีย อินดี้! ยี้แผ่นดินเกิด เกิดภาวะสมองไหล แห่หนี ‘ขุดทอง’ ต่างประเทศ

ทำไมอินเดียจึงกลายเป็นชาติที่พลเมืองสมองไหลมากที่สุดในโลก?

เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมาหลังจากที่ แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้ง Twitter ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO และได้มีการแต่งตั้ง ปราค อัครวาล วิศวกรไอที เชื้อสายอินเดียแท้ๆ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Twitter แทน สร้างความฮือฮาให้ความชาวอินเดียทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ที่ต่างก็ภูมิใจที่ได้เห็นคนที่เกิด เติบโต และเรียนจบจากสถาบันในอินเดีย สามารถก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Twitter สื่อโซเชียลแถวหน้าที่สร้างกระแสอิทธิพลในโลกได้ 

และไม่ใช่แค่เฉพาะ ปราค อัครวาล คนเดียวที่ทำได้ ยังมีชาวอินเดียอีกหลายคนที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ อาทิ สัตยา นาเดลลา CEO ของบริษัท Microsoft, อาร์วิน คริชนา ที่เคยก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ IBM หรือ อาเจย์ บันกา รับตำแหน่ง CEO ให้กับ Mastercard 

นอกเหนือจากแวดวงธุรกิจ ไอที ยังมีชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบทบาทสำคัญทางการเมืองในประเทศมหาอำนาจ ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์จิต ซิงค์ ซัจจาน นักการเมืองอินเดีย-ซิกข์ จากแคว้นปัญจาบ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของแคนาดา หรือแม้แต่ กมลา แฮริส รองประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ลูกครึ่งจาไมก้า-อินเดีย ที่มีคุณแม่เป็นชาวอินเดียแท้ๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ และทำงานวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสหรัฐอเมริกา 

ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนถึงศักยภาพของชาวอินเดีย ที่เป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลก แต่ก็สะท้อนปัญหาอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลอินเดียจะมองข้ามไปไม่ได้ก็คือปัญหา "สมองไหล" 

หากพิจารณาว่ามีพลเมืองชาติใดบ้างที่นิยมโยกย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกราก ทำงานในต่างประเทศ หลายคนอาจนึกถึงจีน หรือ ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศแรกๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อินเดียคือประเทศที่มีพลเมืองย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศมากที่สุดในโลก

จากข้อมูลของ UN World Migration Report พบว่า เฉพาะในปี 2020 ปีเดียว มีชาวอินเดียย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศมากกว่า 17.3 ล้านคน และในจำนวนนี้ มีคนระดับอภิมหาเศรษฐี ที่มีอยู่เพียง 2% ของประชากรอินเดีย ตัดสินใจโยกทุน ย้ายถิ่นไปประเทศอื่นมากถึง 5,000 คนในปีเดียวกัน 

และบางครั้งก็ไม่ได้แค่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ อาศัยทำงานในต่างแดนเท่านั้น บางคนถึงกับสละสัญชาติอินเดียไปเลยก็มีไม่น้อย ทางรัฐบาลอินเดียได้เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีชาวอินเดียมากถึง 6 แสนคน ทิ้งสัญชาติไปเป็นชาวต่างชาติโดยสมบูรณ์ เท่ากับว่า อินเดียก็จะสูญเสียทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ไปอย่างถาวร

จึงเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมอินเดียจึงเกิดปัญหา “สมองไหล” อย่างมากมาย นับเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของอินเดียให้กับชาติอื่น แทนที่พวกเขาจะอยู่ทำงาน ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาอินเดียในอนาคต

ซึ่งปัญหานี้เกิดจากหลายสาเหตุ และเหตุผลหลักอันดับแรก หนีไม่พ้นค่าจ้างแรงงานในตลาดต่างประเทศที่สูงกว่าอยู่ทำงานในอินเดียมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมศาสตร์ และ ไอที เทคโนโลยี เป็นสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการอย่างมากทั่วโลก ที่ชาติชั้นนำในยุโรปต่างยินดีที่จะเสนอเงื่อนไขการย้ายถิ่นฐานให้กับผู้เชี่ยวชาญในสาขาเหล่านี้ 

แต่นอกจากเรื่องค่าแรงที่เย้ายวนแล้ว ก็ยังมีเหตุผลด้านความล้ำหน้าด้านศาสตร์เทคโนโลยีขั้นสูงของชาติมหาอำนาจตะวันตก ที่ทำให้นักศึกษาอินเดียจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเดินทางไปต่อยอดความรู้เพิ่มเติม ซึ่งกลายเป็นช่องทางที่สถาบันชาติตะวันตกใช้ดึงนักศึกษาระดับหัวกะทิจากอินเดีย ผ่านโครงการทุนการศึกษาและสวัสดิการ มารองรับนักศึกษาที่มีผลการเรียนไปเลิศไปศึกษาต่อ และมักจะได้สิทธิ์อยู่ต่อ ทำงาน และย้ายถิ่นฐานต่อได้อย่างเป็นระบบ 

ส่วนนักธุรกิจชั้นนำในอินเดียก็มองว่า การย้ายถิ่นฐานเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยขยายฐานธุรกิจของตนให้ก้าวขึ้นไปสู่ระดับสากล เป็นการต่อยอดจากตลาดในอินเดียได้เป็นอย่างดี 

“ผบ.ทร.” เชิญน้องๆ หนูๆ เข้าชมและร่วมกิจกรรมสนุกๆ รับรางวัลต่างๆ ในการจัดกิจกรรมงานวันเด็ก ของกองทัพเรือ แบบออนไลน์

พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ขอเชิญน้องๆ หนูๆ เข้าชมและร่วมกิจกรรมสนุกๆ กับพี่ๆ ทหารเรือลุ้นรับรางวัลต่างๆ ในการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ของกองทัพเรือ แบบออนไลน์

ตามที่รัฐบาลกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ในรูปแบบ Online เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวร้สโคโรนา 2019 ดังนั้น กองทัพเรือจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความสุขให้แก่น้องๆ หนู เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ จึงกำหนดจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ในรูปแบบ Online ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. โดยถ่ายทอดสดผ่านFackbook และYoutube กองทัพเรือ Royal Thai Navy ตั้งแต่เวลา ๐๘๐๐-๑๓๐๐ ภายใต้ชื่องานว่า  “รวมใจภักดิ์ รักษ์ชาติ ราษฎร์ศัทธา” 

การจัดงานวันเด็กในครั้งนี้ กองทัพเรือโดย ผู้บัญชากาทหารเรือ ได้มอบให้โรงเรียนนายเรือเป็นหน่วยดำเนินการจัดกิจกรรมในนามของกองทัพเรือ โดยมีพล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นประธานในการอำนวยการจัดกิจกรรมฯ ซึ่งการจัดงานวันเด็กแห่งชาตินั้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันจะทำให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตน และอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก เพราะกองทัพเรือได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนว่าเขาเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของสังคม และจะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า สืบทอดความเป็นชาติต่อไปในอนาคต

นอกจากการจัดกิจกรรมวันเด็กในรูปแบบ Online แล้ว กองทัพเรือได้มอบให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือจัดของขวัญ อุปกรณ์การศึกษา อาหาร ขนมและของใช้ มอบให้กับเด็กๆ ตามโรงเรียนต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพเรือทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนตามถิ่นทุรกันดาร และเด็กด้อยโอกาส โดยเฉพาะตามพื้นที่ตามแนวชายแดน ตามเกาะแก่งต่างๆ โดยให้เรือรบที่ลาดตระเวนทางทะเลนำของไปมอบเด็กๆ ตามเกาะต่างๆ เพื่อเป็นการแบ่งปันความสุขให้น้องๆ ในเนื่องวันเด็กแห่งชาติอย่างทั่วถึง ซึ่งทางโรงเรียนนายเรือเองก็ได้จัดกิจกรรมมอบของขวัญแด่น้องๆ ตามโรงเรียน สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และเด็กพิการ จำนวน ๑๐ โรงเรียน ทั้งนี้กองทัพเรือจะรวบรวมภาพกิจกรรมการมอบของขวัญให้กับโรงเรียนต่างๆ ที่หน่วยงานของกองทัพเรือได้ดำเนินการ นำมาออกอากาศวันถ่ายทอดสดกิจกรรมงานวันเด็กของกองทัพเรืออีกด้วย

สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ แบบ Online นั้น กองทัพเรือได้จัดกิจกรรมดีๆ การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ราชนาวี พร้อมการแสดงสนุกสนานจากพี่ๆ ทหารเรือ รวมทั้งมีเกมส์สนุกๆ ให้ร่วมเล่น พร้อมลุ้นรับรางวัลพิเศษจากผู้บัญชาการทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ของขวัญสุดพิเศษจากนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่ได้คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020  เมื่อวันที่ ๑ มกราคมที่ผ่านมาถือเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งต้องขอบคุณทางนักฟุตบอล และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่สนับสนุนรางวัลพิเศษนี้

Tesla โดนติง!! เหมือนหนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หลังเปิดโชว์รูมรถยนต์แห่งใหม่ในซินเจียงอุยกูร์

วอชิงตัน/อุรุมชี (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - เทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังของสหรัฐฯ ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเทศ หลังเปิดโชว์รูมรถยนต์แห่งใหม่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนและบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยมุสลิมซินเจียงในภูมิภาคดังกล่าว

สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า เทสลา อิงค์ ซึ่งมี อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดังชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ ได้เปิดตัวโชว์รูมรถยนต์แห่งใหม่ที่นครอุรุมชีของเขตซินเจียงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เทสลาตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดในสื่อโซเชียลมีเดียของชาติตะวันตกที่มองว่าเทสลาอ้าแขนรับจีน ในขณะที่ชาติตะวันตกกล่าวหาว่าจีนบังคับใช้แรงงานทาสและใช้แนวทางที่เข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในภูมิภาคดังกล่าว

มาร์โก รูบิโอ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกฎหมายเมื่อเดือนธันวาคมที่กำหนดให้บริษัทในสหรัฐฯ ต้องพิสูจน์ว่าสินค้าที่นำเข้าจากเขตซินเจียงไม่ได้ผลิตขึ้นจากการบังคับใช้แรงงานโดยผิดกฎหมาย ทวีตข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ว่า บริษัทไร้สัญชาติกำลังช่วยพรรคคอมมิวนิสต์จีนปกปิดปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการใช้แรงงานทาสในเขตซินเจียง 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งความสุข มอบของขวัญวันเด็ก แด่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ  พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ กำหนดเข้าพบนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อมอบของขวัญวันเด็ก แด่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ประกอบด้วย สมุด ดินสอ ดินสอสี และไม้บรรทัด จำนวน 180,000 ชิ้น นำไปแจกจ่ายแก่เด็กและเยาวชน เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ณ ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล


โดยเมื่อวันอังคารที่ 4 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย   ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ  นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ    คณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ  ร่วมในพิธีมอบชุดของขวัญวันเด็ก ให้กับนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 150 โรงเรียน เพื่อให้เยาวชนให้ใช้ในห้องเรียน”  โดยมีผู้แทนโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้จัดให้มีมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิ และขอความร่วมมือผู้ร่วมงานสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ  รวมทั้งจัดให้มีการส่งชุดของขวัญวันเด็กของมูลนิธิฯ เพื่อมอบให้กับเยาวชนในส่วนภูมิภาค ผ่านหน่วยงานต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ  ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกจังหวัด  

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบชุดของขวัญวันเด็กแก่เยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2565 รวมจำนวน  3,150,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่า 21.75 ล้านบาท 

สธ. ยกระดับเตือนภัยโควิด ระดับ 4 เล็งปิดสถานที่เสี่ยง-ชะลอข้ามจังหวัด-ให้ WFH

วันที่ 6 มกราคม 2565 ที่จังหวัดภูเก็ต นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ว่า สรุปสถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้อัตราการป่วยหนัก และผู้เสียชีวิตลดลงจากการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดมากขึ้นจากการเข้าใช้บริการสถานที่ปิด ผับ บาร์ จัดงานเลี้ยง งานบุญ ก็มีผล ดังนั้นประชาชนที่กลับมาให้สังเกตตัวเอง หากทำงานที่บ้านได้ 14 วันจะเป็นการดี จังหวัดก็ดำเนินการตามกฎหมาย

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงประกาศเพิ่มระดับการเตือนจากเดิมอยู่ที่ระดับ 3 เป็นระดับ 4 จะมีมาตรการต่างๆ ตามมา เช่น อาจจะปิดสถานที่เสี่ยงแพร่โรค เพิ่มมาตรการควบคุมโรคให้เกิดความปลอดภัย ให้ทำงานที่บ้าน การเดินทางต่างๆ ไปต่างจังหวัดก็ชะลอเพราะการเคลื่อนย้ายของคนก็ทำให้เกิดการแพร่โรคได้ จำกัดการรวมกลุ่มต่างๆ

‘หมอยง’ ห่วงกลุ่มเสี่ยง! หลังพบติดเชื้อพุ่ง แนะเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 รับมือ ‘โอมิครอน’

6 ม.ค. 65 - ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า โควิด-19 โอมิครอน หยุดยาวช่วงปีใหม่ และการติดต่อง่าย

โอมิครอน เรารู้แล้วว่าติดต่อง่าย ประกอบกับ การสนุกสนานรื่นเริง และหยุดยาวช่วงปีใหม่

ดังนั้น ผลที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงต่อจากนี้ไป ไม่ใช่เรื่องแปลก 

ผมอยู่กับห้องปฏิบัติการ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ 2 - 3 วันนี้ รู้แล้วว่าตัวเลขและอัตราการตรวจพบ โควิด-19 เพิ่มขึ้นมากๆ   

ผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ นับจากนี้ต่อไป จะเริ่มพุ่งขึ้นสูงอย่างแน่นอน จะขึ้นสูงแค่ไหนก็คงขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ ต่อจากนี้ ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกันลดจำนวนตัวเลข ให้อยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้

อัตราการป่วยรุนแรง และเสียชีวิต เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ป่วย จะน้อยกว่า ช่วงการระบาดของเดลตา 

สิ่งที่สำคัญขณะนี้ จะต้องเร่งกระตุ้นวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ได้มากที่สุดและอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง 608 ที่เรารู้กันดีว่าอายุเกิน 60 และหรือ มีโรคเรื้อรัง 8 โรค เพื่อลดความรุนแรงให้ได้

‘บิ๊กตู่’ สั่งแก้ปัญหาเนื้อหมูแพง ด่วน! พร้อมขอห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ตรึงราคา

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้เร่งให้มีการติดตามกรณีปัญหาราคาเนื้อหมูที่มีการปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งหารือเพื่อดูแลแก้ปัญหาราคาเนื้อสุกรแพงทั้งในระยะสั้น และระยะยาว 

ซึ่งล่าสุดภายใต้การสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาในระยะอันใกล้นี้ ทั้ง 2 กระทรวงได้หรือถึงแนวทางการชะลอการส่งออกสุกร เพื่อให้มีปริมาณสุกรอยู่ในประเทศเพียงพอต่อความต้องการ เพื่อทำให้ราคาของเนื้อสุกรในตลาดลดต่ำ รวมทั้งขอความร่วมมือ ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ตรึงราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ขอความร่วมมือผู้ค้า อย่าเพิ่งฉวยโอกาสจำหน่ายราคาเนื้อสุกรที่แพงเกินสมควร คาดว่าภายใน 4 เดือน จำนวนสุกรขุนจะเพิ่มขึ้น และราคาจะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ

'ในหลวง' พระราชทานพระบรมราโชวาท  เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 โดยในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565 ความว่า

"คนเราทุกคน ย่อมมีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของเด็กนั้น สำคัญที่สุด ก็คือการศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้มีวิชาความรู้ และคุณธรรมความดี จะได้สามารถพึ่งตนเองได้ สร้างความสุขความเจริญให้แก่ตนแก่ส่วนรวมได้ในอนาคต เด็กทุกคนจึงต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ด้วยความอดทน และพากเพียรอยู่เสมอ"

พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
วันที่ 23 ธันวาคม พุทธศักราช 2564

‘ฮ่องกง’ สั่งระงับเที่ยวบินจาก 8 ประเทศ พร้อมห้ามนั่งกินในร้านหลัง 18.00 น. 

แครี แลม หัวหน้าผู้บริหารเกาะฮ่องกง แถลงในวันนี้ (5 มกราคม 65) ว่า เตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์โอมิครอน โดยกำหนดมาตรการ ดังนี้

1.) ระงับเที่ยวบินเข้าฮ่องกงจากประเทศออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 65 เป็นต้นไป

2.) ร้านอาหารห้ามให้บริการรับประทานที่ร้านระหว่างเวลา 18.00 - 05.00 น. ส่วนเวลา 05.00 - 18.00 น. อนุญาตให้รับประทานที่ร้านได้ โดยจำกัดที่นั่ง 2 - 6 คนต่อโต๊ะ ขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 65 เป็นต้นไป

เลขา ป.ป.ส. ตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท ให้ผู้แจ้งเบาะแส แก๊งค้ายาเสพติด ยิง ตร. เสียชีวิตอ

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส ) ประกาศตั้งรางวัลนำจับ 5 ผู้ต้องหา จากเหตุกรณียิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้ “สารวัตรบอล” พันตำรวจตรีพิบูลพันธ์ สุขุมนนท์ สารวัตรสืบสวน สภ.ฝาง เสียชีวิต นั้น

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ป.ป.ส ได้สนับสนุนโดยชุดปฎิบัติการ และชุดปฏิบัติการพิเศษ อินทรีย์ 19 รวม 40 นาย พร้อมรถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุน 3 คัน 

“เป้าหมายการสืบจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญตามหมายจับ ปี 2565 รวม 5 หมายจับ ตั้งเงินรางวัล รายละ 200,000 บาท รวม 1,000,000 บาท ดังนี้ 1.นายอนุชิต จะโต๊ะ อายุ 34 ปี 2.นายจะเย จะเดอ อายุ 43 ปี  3.นายจะยี จะอื่อ อายุ 46 ปี 4.นายจตุพล ยะจู่ อายุ 26 ปี 5.นายจะนะ หรือจะนะโหล ไม่ทราบนามสกุล  อายุ 40 ปี ในข้อหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งได้ปฏิบัติตามหน้าที่, ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่, ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” 
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า

“การยิงปะทะของขบวนการค้ายาเสพติดจนนำไปสู่การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ เป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก จะต้องจับกุมคนร้ายกลุ่มดังกล่าวให้ได้  สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ตั้งรางวัลนำจับคนร้ายกลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้ หากใครพบเบาะแสคนร้ายรายนี้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร 1386 โดยมีรางวัลนำจับให้กรณีที่นำไปสู่การจับกุม รายละ 200,000 บาท รวม 5 ราย 1,000,000 บาท" 

ประธานสวนนงนุชพัทยา รับมอบครุยปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ จาก ม.บูรพา จากที่ประชุมคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทนสภาพมหาวิทยาลัยบูรพา ครั้งที่ 12 /2562

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ได้ให้ความเห็นชอบการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองผู้สมควรได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2561 โดยศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ กรรมการในคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยบูรพา เป็นประธานกรรมการและ มีมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติปริญญากิตติมศักดิ์ ประจำปีการศึกษา 2561 แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีศักดิ์และสิทธิ์ตามปริญญา ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 จำนวน 5 ท่าน โดย 1 ใน 5 มี นายกัมพล ตันสัจจา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ

นายกัมพล กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่มหาวิทยาลัยบูรพาได้มอบปริญญากิตติศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ ในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติและมีชื่อเสียงในการพัฒนาการศึกษาของชาติมายาวนาน มีส่วนสำคัญในการสร้างทรัพยากรบุคคล ออกมารับใช้สังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก และจังหวัดชลบุรี ดังนั้นการที่ผมได้รับเกียรติในการมอบปริญญากิตติมศักดิ์ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับผมและสวนนงนุชพัทยา

 

“พิธีรับ – ส่งหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ"

ที่ห้องราชเสนีย์พิทักษ์ และห้องสยามปฐพีพิทักษ์ ชั้น 10 สทป. ที่ตามที่คณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ได้มีมติคัดเลือก ให้ พล.อ.ชูชาติ บัวขาว เป็น ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2565 นั้น สทป. จึงได้จัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 โดยเวลา 09.00 น. ได้มีพิธีสักการะพญาคชสีห์ ณ หน้าอาคารชั้น 1 สทป. จากนั้นเวลา 11.00 น. ได้มีพิธีลงนามในเอกสารการรับ - ส่งหน้าที่ และมอบการบังคับบัญชาตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยมีผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สทป. เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ณ ห้องราชเสนีย์พิทักษ์ ชั้น 10 สทป.

ในโอกาสนี้ พล.อ.ชูชาติ ได้กล่าวขอบคุณ  พล.อ.อ.ดร.ปรีชา ประดับมุข โดยกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของท่านได้แสดงให้ประจักษ์ถึงความตั้งใจจริงในการปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความทุ่มเท เสียสละ ตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรม ความดีงาม ความเมตตาเอื้ออาทร และห่วงใยผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอมา การพ้นจากหน้าที่ของท่านเป็นเพียงการจากไปตามวาระการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น แต่คุณงามความดีของท่านจะยังคงอยู่ในความทรงจำของพี่น้องชาว สทป. ตลอดไป

ทั้งนี้ พล.อ.ชูชาติ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศได้มีมติคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับกระผมและวงศ์ตระกูล กระผมขอรับหน้าที่ และจะปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร และจะขับเคลื่อน สทป. ในการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อให้เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในภูมิภาคต่อไป

เลขาฯศรชล. ลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินการตามนโยบายการยกระดับการปฏิบัติงานในการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และการปราบปรามการค้ามนุษย์ ในพื้นที่จ.สมุทรสาคร  

พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.ฉ ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) มอบให้ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์  เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะเลขาธิการ ศรชล. ลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินการตามนโยบายการยกระดับการปฏิบัติงานของ ศรชล. ในการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และการปราบปรามการค้ามนุษย์ ในจังหวัดสมุทรสาคร ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว 

โดยมี คณะกรรมการบริหารจากหน่วยงานหลักของ ศรชล. และหน่วยงานด้านความมั่นคงต่าง ๆ  ได้แก่ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกองบังคับการตำรวจน้ำ  รวมถึง นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะผู้อำนวยการ ศรชล.จังหวัดสมุทรสาคร เข้าร่วมประชุมหารือ 

ด้านพล.ร.ต.อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล โฆษก ศรชล. กล่าวว่า การติดตามการดำเนินการตามนโยบายฯ ในครั้งนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามประกอบด้วย  การดำเนินการตามนโยบายการปฏิบัติงานของ ศรชล. ประจำปี งป.65 ที่สำคัญ คือการดำรงความต่อเนื่องในการกำกับดูแลหน่วยงานที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและการแก้ไขการทำการประมงผิดกฎหมาย รวมถึงการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อยกระดับการรายงานสถานการณ์ด้านการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯในส่วนของประเทศไทย จากปีที่ผ่านมาให้ปรับระดับขึ้นจากระดับบัญชี 2 กลุ่มประเทศเฝ้าระวัง (TIER2 WATCH LIST) ต่อไป

โดยทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ นอกจากนี้จะมี ตัวแทนมูลนิธิความยุติธรรมสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชน (NGO) โดยมีพันธกิจหลัก คือ การรักษาสิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะประเด็นการละเมิดสิทธิแรงงาน การค้ามนุษย์ การทำลายสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรม ตลอดจนการต่อต้านการทำประมง IUU ร่วมสังเกตการณ์การติดตามการดำเนินการตามนโยบายฯ ของ ศรชล. ในครั้งนี้ด้วย 

'หมอโอภาส' แนะคนฉีดเข็ม 2 ก่อน 1 พ.ย. 64 รีบบูสเข็ม 3 เตรียมรับมือ 'โอมิครอน' ระบาด

กรมควบคุมโรค เน้นย้ำความสำคัญสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ประชาชนที่ฉีดเข็ม 2 ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 รีบไปรับบูสเตอร์โดส รับมือการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโคโรนา 2019 ว่า สถานการณ์ทั่วโลกได้รับรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 1 ล้านคน สายพันธุ์ที่ระบาดใหญ่ คือ เดลตา (Delta) และ โอมิครอน (Omicron) ซึ่งประเทศไทยได้ระงับการตรวจหาเชื้อแบบ Test&Go จึงช่วยชะลอผู้ติดเชื้อเดินทางเข้ามาในประเทศไทย สอดคล้องกับแนวโน้มของโรคที่ลดน้อยลงเพราะการฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศ 

ทั้งนี้ จากเทศกาลวันหยุดยาวที่มีการเฉลิมฉลองทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ ทำให้เมืองท่องเที่ยวมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยข้อมูล ณ วันที่ 4 ม.ค. 65 จังหวัดชลบุรีมีผู้ติดเชื้อ 499 ราย อุบลราชธานี 328 ราย ภูเก็ต 149 ราย  สมุทรปราการ 120 ราย และเชียงใหม่ 117 ราย  สาเหตุสำคัญเกิดจากการรวมตัวกันทำกิจกรรม โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย อยู่ในห้องที่ปิดอับ ไม่มีการระบายอากาศที่ดี เช่น ร้านอาหารกึ่งผับบาร์ จึงมีการเน้นย้ำให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทุกจังหวัดเข้มงวดสถานที่ที่มีความเสี่ยง หากไม่ปฏิบัติตามที่กำหนดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง

นายแพทย์โอภาส กล่าวอีกว่า ในวันที่ 4 มกราคม ถือเป็นวันแรกของการรับมือโควิด-19 เข้าปีที่ 3 สิ่งที่คาดหวังในปีนี้ คือการปรับระบบให้กลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยมีปัจจัยหลัก 3 อย่าง 

1.) เชื้ออ่อนลง ไม่ทำให้คนที่ติดเชื้อถึงขั้นเสียชีวิต แต่แพร่กระจายได้มากขึ้น ซึ่งตรงกับสายพันธุ์โอมิครอน  
2.) ประชากรมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น เกิดได้จากการฉีดวัคซีน ซึ่งปีนี้จะเป็นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 หรือเข็ม 4  
และ 3.) การจัดการสิ่งแวดล้อม ลดความเสี่ยง การรักษาดีขึ้น ทำให้ระบบสาธารณสุขรองรับได้และมียามากขึ้น  

ตร. พอใจ!! ปีใหม่ 2565 พบอุบัติเหตุ - ผู้เสียชีวิตลดลงตามเป้า พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ

วันนี้ (5 ม.ค. 65) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. /พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. / พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลการดำเนินการในการอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2565 พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ฯ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.64 เป็นต้นมาจนถึงวันสุดท้ายคือ 4 ม.ค.65 ซึ่งทุกวันจะมีการติดตามสถานการณ์การจราจร และการปฏิบัติของแต่ละหน่วย ผ่านระบบ VDO Conference  โดยมี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้กำกับดูแลในแต่ละวัน และให้หน่วยระดับ บช./ภ. , บก./ภ.จว. และทุกสถานีตำรวจเฝ้าฟัง ทั้งนี้เพื่อลดอุบัติ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยผลการดำเนินการในแต่ละด้าน มีดังนี้ 

>> 1. การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร  จัดกำลังตำรวจกว่า 80,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด 7 วัน มีปริมาณรถ เข้า-ออกจาก กทม. จำนวน 7,540,156 คัน  (ออกจาก กทม. จำนวน 3,718,563  คัน  และเข้า กทม. จำนวน 3,821,593 คัน)  วันที่ประชาชนเดินทางออกจาก กทม. มากที่สุด คือวันที่ 30 ธ.ค.64  วันที่ประชาชนเดินทางเข้า กทม. มากที่สุด วันที่ 3 ม.ค.65  

มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวนทั้งสิ้น 126 ครั้ง (ระบายรถขาออก 52 ครั้ง / ขาเข้า 74 ครั้ง) รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 23,484 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 20,645 คัน  (รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุด คือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส (ร้อยละ 60.3) รองลงมา คือ รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค (ร้อยละ 24.1) ) ( ไม่อนุญาตจำนวน 2,839 คัน  และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 82 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด)      

 

>> 2. การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั่วประเทศจำนวน 1,240 จุด (กวดขันวินัยจราจร 769 จุด, ตรวจแอลกอฮอล์ 471 จุด) พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 573,837 ราย  ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 19,760 ราย (มากกว่าปีใหม่ปีที่แล้วคิดเป็น 41.52 %) ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 167,677 ราย และข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 48,257 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าว

>> 3. การป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5 % เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (ปีใหม่ 2562 – 2564) ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน

- การเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  เกิดจำนวน 2,707 ครั้ง  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,515 ครั้ง) เป็นจำนวน 808 ครั้ง  (ลดลง 22.99 %)

- จำนวนผู้เสียชีวิต 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  มีจำนวน 333 ราย  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (388 ราย) เป็นจำนวน 76 ราย   (ลดลง 18.58 %)

- จำนวนผู้บาดเจ็บ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  มีจำนวน 2,672 คน  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,572 คน) เป็นจำนวน 900 (ลดลง 25.08 %)

ทั้งนี้ บช./ภ. ที่มีผลการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนดีที่สุด ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรภาค 8

>> จังหวัดที่มีสถิติอุบัติเหตุลดลงมากที่สุด (เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปี) 3 จังหวัดแรก คือ จว.อำนาจเจริญ จว.ระยอง จว.พิจิตร

>> จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต  มีจำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ นครนายก  แพร่   สุโขทัย  สมุทรสงคราม พังงา ตรัง  สตูล ปัตตานี และยะลา

4. การประชาสัมพันธ์ข้อมูล  มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ facebook ตำรวจทางหลวง และสายด่วน บก.ทล. 1193, จส.100 สวพ.91 รวมทั้งสื่อหลักและสื่อโซเชียล ที่เกี่ยวกับการจราจรต่าง ๆ โดยมีประชาชนสอบถามข้อมูลการจราจรและแจ้งเหตุผ่านทาง สายด่วน 1193 รวมจำนวน 2,463 สาย เป็นการสอบถามเส้นทางและสภาพการจราจรจำนวน 1,773 สาย และขอความช่วยเหลืออีก 566 สาย

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top