Wednesday, 8 May 2024
NEWS

‘รมว.ปุ้ย’ ยัน!! ไม่เคยกดดัน ‘จุลพงษ์’ จนเป็นเหตุให้ลาออก 'อธิบดีกรมโรงงานฯ' แต่กดดันให้ทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ที่เกิดปัญหาซ้ำ ไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.67) จากกรณีข่าวการลาออกของ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ซึ่งได้แจ้งในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นประธาน ซึ่งมีวาระพิจารณาใน 2 เรื่องสำคัญ คือ กรณีเพลิงไหม้สารเคมีของกลาง ของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด จ.ระยอง และกรณีการลักลอบขนย้ายกากแร่ตะกอนแคดเมียมจาก จ.ตาก ไปยัง จ.สมุทรสาคร จนถูกกระจายไปยัง จ.ชลบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โดยก่อนจบการประชุม ปรากฏว่า นายจุลพงษ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ต่อไปคงจะไม่ได้มาแล้ว เนื่องจากได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว โดยการลาออกครั้งนี้ เป็นการยื่นหนังสือลาออกก่อนเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ 

กรณีสื่อมวลชน ระบุว่า การลาออกดังกล่าว ส่วนหนึ่งเนื่องจากนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่พอใจต่อการทำงาน กดดัน และต้องการย้าย นายจุลพงษ์ โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้านั้น นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ตนไม่เคยกดดันให้นายจุลพงษ์ ลาออก แต่กดดันให้ทุกคนทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เพราะปัญหามีมาทุกวัน วน ๆ ซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้สักที

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเวลาเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ตนก็จะให้กำลังใจคนทำงาน และจะถามความคืบหน้าไปยังไลน์กลุ่มผู้บริหารโดยตลอด อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ตนก็ยังไม่ได้รับรายงานการลาออกของนายจุลพงษ์ จากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแต่อย่างใด

'อธิบดีสวธ.' แจ้งกำหนดการพิธีศพ 'คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ' ศิลปินแห่งชาติผู้เทิดทูนสถาบัน ถึงแก่กรรมอย่างสงบ สิริอายุ 93 ปี

เมื่อวานนี้ (1 พ.ค. 67) นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2555 ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2567 สิริอายุ 93 ปี มีกำหนดพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 16.00 น. และสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน ในระหว่างวันที่ 2-8 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ ศาลา 9 วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

อธิบดี สวธ. กล่าวว่า นอกจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ จะขอพระราชทานเพลิงศพแล้ว ยังให้การช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมวัฒนธรรม โดยนางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม มอบหมายให้กองกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ดำเนินการจัดสวัสดิการช่วยเหลือ ได้แก่ มอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิต เพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพจำนวน 20,000บาท ค่าเครื่องเคารพศพ จำนวน 3,000บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดพิมพ์หนังสือเผยแพร่ผลงาน เมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท ตามระเบียบสวัสดิการของศิลปินแห่งชาติ

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะดำเนินการกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ สำหรับ วัน เวลา สถานที่ จะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งในโอกาสต่อไป

สำหรับประวัติชีวิตและผลงาน คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ เกิดวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2474 ที่กรุงเทพมหานคร เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาจนจบชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ จากนั้นเข้าศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนสำเร็จปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต และได้ศึกษาต่อที่คณะครุศาสตร์อีก 1 ปี ได้รับอนุปริญญาครุศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้ทุนไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ได้รับประกาศนียบัตรบรรณารักษศาสตร์ คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ เข้ารับราชการที่กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ และได้ก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ ดำรงตำแหน่งผู้บริหารตามลำดับ จนเกษียณอายุราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร

คุณหญิงกุลทรัพย์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจตุตถจุลจอมเกล้า เมื่อ พ.ศ. 2530 ตติยจุลจอมเกล้า เมื่อ พ.ศ. 2534 และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ The Order of The Precious Crown, Butterly จากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเป็นราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม สาขาวรรณศิลป์ ประเภทวิชาวรรณกรรมร้อยกรอง

เป็นเวลากว่า 60 ปี ที่ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานด้านวรรณศิลป์ อันประกอบด้วยบทกวีนิพนธ์ และสารคดี แต่ละประเภทจำนวนกว่า 1,000 บท ผลงานส่วนใหญ่เป็นบทร้อยกรองอาศิรวาทราชสดุดี และสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดจนพระราชวงศ์ทุกพระองค์ในโอกาสมหามงคลต่าง ๆ คุณหญิงกุลทรัพย์ ท่านมีความสามารถในการแต่งฉันทลักษณ์ทุกประเภท และรักษาขนบในการประพันธ์อย่างเคร่งครัด เพื่อสืบทอด รักษา มรดกวัฒนธรรมทางวรรณศิลป์ของชาติสืบไป

นอกจากนี้แล้วยังร่วมประพันธ์คำร้องบทเพลงเฉลิมพระเกียรติหลายเพลง คุณหญิงกุลทรัพย์ เป็นผู้มีอุดมการณ์สูงส่งในการรักษาภาษาและวรรณคดีไทย มีความรักชาติรักแผ่นดินอย่างแรงกล้า และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด ผลงานของคุณหญิงกุลทรัพย์ ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองจึงไม่เพียงแสดงคุณค่าทางวรรณศิลป์ แต่ยังปลูกฝังจิตสำนึกให้ตระหนักถึงคุณค่าของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของสังคมไทยอีกด้วย คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2555

ยังไม่จบ!! ดรามาค่าข้าวไข่ดาว 2 ฟอง 70 บาท ลุกลาม คนกินโพสต์เดือด 'ไม่ได้กินฟรี' ตีราคาให้ 50 บาท อีก 20 เป็นส่วนต่าง

(2 พ.ค.67) กลายเป็นประเด็นขึ้นมาจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'Sakda Dismanopnarong' ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านกลุ่ม 'พัทยา' ระบุว่า...

"เราก็ลำบากลูกหิวข้าว จะประหยัด เจอร้านริมทาง สั่งข้าวไข่ดาว 2 ฟองจานนี้ 70 บาท (เฉพาะค่าข้าวไข่ดาวไม่รวมน้ำ) ร้านข้าวต้ม ลุงดอนใจดี"

หลังเรื่องนี้ถูกสื่อในสังคมออนไลน์นำไปเสนอ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์เจ้าตัวก็ได้รับคำตอบว่าที่ตนโพสต์เพราะรู้สึกว่าราคาดังกล่าวแพงเกินจริง อยากให้ทางร้านขอโทษและขอเงินคืนจากค่าข้าวไข่ดาว 70 บาท

ขณะที่นายถาวร อายุ 60 ปี เจ้าของร้านที่ถูกระบุก็ได้รับคำชี้แจงว่า ข้าวไข่ดาว 2 ฟองทางร้านคิดในราคาเดียวกับข้าวราดอาหารตามสั่งทั่วไป คือราคา 70 บาท แต่หากเป็นกับข้าวจะคิดราคาที่จานละ 100 บาท พร้อมยืนยันเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนแสดงความไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่าประเด็นดรามาที่เกิดขึ้นผู้โพสต์ไปต้องการอะไร

ล่าสุดทางด้านของผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Sakda Dismanopnarong' ก็ได้มีการโพสต์ข้อความอีกครั้งระบุว่า ขอจบเรื่องไข่ดาวเพียงแค่นี้ และไม่ขอรับคำขอโทษจากเจ้าของร้านแล้ว ส่วนเรื่องเงินก็ไม่ต้องโอนมาโดยบอกว่าขอมอบให้เป็นค่าทำศพของเจ้าของร้านแทน โดยข้อความที่เจ้าตัวโพสต์ระบุว่า... 

"กรณีเรื่องข้าวไข่ดาว ผมขอให้จบแค่นี้นะครับ เครียดมาพอสมควร คำขอโทษจากดอนผมก็ไม่ขอรับแล้ว

ส่วนเรื่องค่าไข่ที่ผมอยากได้คืน ผมตีราคาไข่สองใบนั้น เป็น 50 บาท ดอนไม่ต้องโอนคืนให้ ผมขอมอบเงินส่วนต่าง 20 บาทนี้ เป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าในงานฌาปนกิจของดอน แล้วแต่ว่าจะนำไปใช้วันไหนก็ตามใจ ผมขอร่วมทำบุญเป็นคนแรก

ปล.ขออภัยที่ร่วมทำบุญแค่ 20 ตอนนี้มีไม่มาก 
ปล.2 ขอฝากถึงดอนอีกเรื่องที่ดอนให้สัมภาษณ์ว่า "เห็นหิวมาอุตส่าห์ทำให้กิน" ขอตอบดอนว่ากูจ่ายตังค์ ไม่ได้ขอแดกฟรี

ส่วนเรื่องหางาน ผมขอหางานทำด้วยตัวเอง จะไม่รับโอกาสหรือความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดดรามาว่าฉวยโอกาสจากเหตุการณ์นี้ ขอบคุณทุกคนที่อยากจะช่วยมากครับ แขนขา มือเท้าผมยังมีครบ ไม่อยากรบกวนใคร" 

ตำรวจช่วยบรรเทาภัยแล้ง “รรท. ผบ.ตร.” สั่งการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน “ผบช.ตชด.” ให้ ตชด.ทั่วประเทศ ส่งรถบรรทุกน้ำ คลายทุกข์ คลายร้อนให้ประชาชน พร้อมลงพื้นที่ร้อยเอ็ดตรวจเยี่ยม ตชด.23 ช่วยชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( ผบช.ตชด. )  เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพล ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน 23 ( กก.ตชด.23 )  ที่นำรถบรรทุกน้ำสะอาด ออกแจกจ่ายบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้กับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ชุมชนวัดบ้านป่ายาง และหมู่บ้านข้างเคียง  เทศบาลตำบลขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด  

พล.ต.ท.ยงเกียรติ ฯ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ) สั่งการให้ ตชด.ระดมสรรพกำลังเข้าบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเผชิญอากาศร้อนจัด ส่งผลให้หลายจังหวัด ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน และเผชิญกับสถานการณ์ภัยแล้ง ตนจึงได้สั่งการให้ ผกก.ตชด.ทุกหน่วยทั่วประเทศ จัดกำลังพล และรถบรรทุกน้ำ ออกให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ประสบภัยแล้ง แจกจ่ายน้ำแก่ประชาชน อย่างทันท่วงที และเหมาะสมเพียงพอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในเบื้องต้น ให้มีน้ำใช้อุปโภค บริโภค  และให้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและส่วนราชการในพื้นที่ เข้าให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ศรชล. / ศคท.จว.สป.ร่วมกิจกรรมจิตอาสา เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อ 1 พ.ค. 67 น.อ.ทิฆัมพร สมนึก รอง.ผอ.ศรชล.จว.สป. จัด จนท.ศรชล / ศคท.จว.สป.
เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล วันฉัตรมงคล ณ.ริมคลองสำโรง ข้างเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 

โดย นาย ศุภมิตร ชิณศรีผู้ว่าราชการจังหวัด มอบหมายให้  นายวัฒนา เจริญจิต  นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นประธานในพิธี  

‘แม่บ้านไทย’ รับ!! 100 ล้าน จากเจ้านายฝรั่งเศสที่ลาโลก ตอบแทนความดี-ความซื่อสัตย์ หลังทำงานมากว่า 17 ปี

(2 พ.ค. 67) จากกรณี นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส เจ้าของวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ใช้ปืนจบชีวิตริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมด 100 ล้าน ให้แม่บ้านคนสนิท หลังทราบป่วยเป็นมะเร็ง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานจบชีวิตเองเครียดจากโรคร้าย แต่ยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากก่อนเธอจะยิงตัวตาย วงจรปิดมุมสระน้ำจุดที่เธอยิงตัวตายมุมกล้องได้ถูกกดลงทำให้ไม่เห็นนาทียิง รวมถึงก่อนหน้านี้วิลล่าของเธอเคยถูกคนร้ายบุกมาขโมยทรัพย์สินมาแล้ว

ล่าสุด รายการลุยชนข่าว ได้ไปพบ ป้าติ๋ม ชาว อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร แม่บ้านคนสนิทของผู้ตายแล้ว เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ได้รู้จักกับนางแคทเทอร์รีน มากว่า 17 ปีแล้ว โดยเพื่อนของนางแคทเทอร์รีนได้แนะนำให้ตนเองไปสมัครทำงานเป็นแม่บ้านที่ห้องเช่าของคุณแคทเทอร์รินก่อน จากนั้นนางแคทเทอร์รีนก็ได้ขยายธุรกิจจากห้องพักให้เช่า มาสร้างรีสอร์ต สร้างวิลล่า ธุรกิจเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตนเองก็ได้เป็นแม่บ้านคอยช่วยนางแคทเทอร์รีนมาตลอด

จนล่าสุดเมื่อ 12 ปีก่อน นางแคทเทอร์รีนได้มาซื้อที่ดินบนเกาะสมุย โดยจดทะเบียนเป็นบริษัท เพื่อสร้างวิลล่า จำนวน 5 หลัง และสร้างบ้านวิลล่าหลังนี้ไว้พักอาศัยเอง ตอนนั้นมีนางแคทเทอร์รีน คุณวินเซ่น (สามีเก่า) และตนเอง ซึ่งเป็นแม่บ้าน มีกันเพียง 3 คน มาช่วยกันดูแลในการสร้างวิลล่าหลังนี้ และทำพิธียกเสาเอกด้วยกัน

ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าของวันที่ 28 เมษายน ตนเองยังได้ เดินทางมาทำความสะอาดบ้านให้กับนางแคทเทอร์รีน ตามปกติถึงแม้เป็นวันหยุดก็ตาม หลังจากนั้นช่วงบ่ายตนเองได้ขอไปทำบุญที่วัดใกล้วิลล่า เนื่องจากเป็นวันเกิดตนเองพอดี นางแคทเทอร์รีนยังอวยพร ‘แฮปปี้เบิร์ธเดย์’ บอกตนเองมีความสุขมาก ๆ นะ อวยพรให้กับตนเองอยู่เลย

กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 29 เมษายน คนงานทำความสะอาดสระน้ำ ซึ่งเดินทางไปที่วิลล่า ได้โทรศัพท์มาหาและบอกว่านางแคทเทอร์รีนนอนเลือดไหลอยู่บนวิลล่าใกล้สระน้ำ ตนเองตกใจมากและรีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูด้วยความเป็นห่วง

แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า นางแคทเทอร์รีน เจ้านายที่ตนเองรักได้เสียชีวิตแล้ว โดยมีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณขมับ ส่วนกล้องวงจรปิดถูกกดลงให้มองไม่เห็นในที่เกิดเหตุ จากนั้นเพื่อนคนงานอีกคนซึ่งเป็นคนสวนได้เดินทางมาด้วย จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่า มีปืนวางอยู่ข้างตัวของคุณแคทเทอร์ริน

ก่อนรีบแจ้งตำรวจทันที เปิดดูไลน์ปรากฏว่า ก่อนจะเกิดเหตุนางแคทเทอร์รีน ยังได้ส่งข้อความทางไลน์มาให้ตนเองเพื่อสั่งเสียไว้ทั้งหมด คล้ายกับทำพินัยกรรมไว้

โดยในข้อความเท่าที่ตนเองและเพื่อนของนางแคทเทอร์รีน ที่มาเปิดเซฟพร้อมกันได้อ่าน ระบุประมาณว่า นางแคทเทอร์รีน ได้ยกบ้านวิลล่าหลังนี้พร้อมที่ดิน รวมถึงที่ดินเปล่าข้างวิลล่า จำนวน 2 ไร่ , รถยนต์หรู เครื่องประดับ แหวน เพชร ซึ่งอยู่ในตู้เซฟ และเงินสดที่อยู่ในธนาคารอีก ไม่รู้จำนวน โดยยกให้ตนเองทั้งหมด

ซึ่งคาดว่า ทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท ที่คุณแคทเทอร์รินยกให้กับตนเอง และอีกส่วน คือ วิลล่าจำนวน 2 หลัง ได้มอบให้กับ คุณวินเซ่น สามีเก่าของนางแคทเทอร์รีน

นอกจากนี้ นางแคทเทอร์รีนยังได้สั่งเสียให้ช่วยดูแลแมวอีก 3 ตัวที่เธอรักมาก ๆ ให้ตนเองดูแลต่ออีกด้วย ตอนนั้นตนเองตกใจมากที่ได้อ่านพินัยกรรมที่ระบุไว้ และไม่คิดว่านางแคทเทอร์รีนจะทำแบบนี้

ป้าติ๋มยังบอกอีกว่า นางแคทเทอร์รีน ยังได้โอนเงินค่าจ้าง ค่าอินเทอร์เน็ตจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟทั้งหมดแล้ว รวมถึงโอนเงินจำนวน 5 แสนบาท ให้กับตนเองเพื่อเป็นค่าทำศพด้วยซึ่งตนสัญญาจะจัดงานให้ดีที่สุด และจะไม่ลืมพระคุณของคุณแคทเทอร์รินเลย

โดยหลังจากนี้ ตนเองยังไม่ได้คิดว่า จะเอาวิลล่าหลังนี้ไปทำอะไรต่อ แต่คงไม่ขายแน่นอน เช่นเดียวกับรถหรูที่คุณแคทเทอร์รินยกให้ ถึงแม้ตนเองจะขับไม่เป็นก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่นางแคทเทอร์รีนตัดสินใจฆ่าตัวตายคิดว่าน่าจะเกิดจากความเครียด เนื่องจากที่ผ่านมา เธอจะตัดพ้อกับตนเองอยู่ตลอดว่าตัวเองเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้นางแคทเทอร์รีนป่วยเป็นโรคริดสีดวง ก่อนจะกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งตนเองยังเชื่อมั่นว่า ที่เธอทำนั้นคงอยากไปอย่างสงบ

ล่าสุดทีมข่าวยังได้ข้อความที่นางแคทเทอร์รีน ได้พิมพ์สั่งเสียไว้ ซึ่งถือเป็นพินัยกรรมสุดท้ายก่อนที่เธอจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง โดยในข้อความ ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ได้ระบุมีใจความสำคัญประมาณว่า ถึงติ๋ม (แม่บ้าน)

“ถนนของฉันสิ้นสุดแล้วที่นี่ ฉันคิดอย่างจริงใจว่าคุณเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเลือกคุณให้เป็นผู้ดำเนินการของฉัน ไม่มีอะไรซับซ้อน สำเนาพินัยกรรมของฉันจะอยู่ในตู้นิรภัยของฉัน ฉันอยากจะเผาศพและเอาขี้เถ้าของฉันไปไว้บนเกาะ”

ส่วน บริษัท จี.วี.เอ็น.อี จำกัด (มะพร้าว) ซึ่งเป็นวิลล่าที่มีทั้งหมดของฉัน เหลืออีก 2 หลัง ขอคืนให้แฟนเก่าของฉันและบัญชีธนาคารอีกบางส่วน ขอให้คุณส่งมอบแมว ทั้ง 3 ตัวที่ฉันรัก

ฉันขอมอบโทรศัพท์เครื่องนี้ ซึ่งไม่มีรหัสผ่านให้คุณด้วย ฉันชำระค่าสมัครสมาชิกไว้แล้ว เป็นเวลาหลายเดือน และโปรดแจ้งบุคคลต่อไปนี้ในฝรั่งเศส ว่าฉันตายแล้ว ได้แก่ Valerie Miton เพื่อนของฉันในฝรั่งเศส , Martine Valnet เพื่อนของแม่อุปถัมภ์ของฉัน , Stephane Nemarq อดีตสามีของฉัน , Chantal Magnan ลูกพี่ลูกน้องของแม่ และ Marie Christine Loup ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ฝั่งแม่

พร้อมทั้งยังมีการเล่าถึงความทุกข์ทรมานของอาการป่วย ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิด ภายในวิลล่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 28 เมษายน เวลาประมาณ 11 โมง ผู้ตายนั่งหน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กพิมพ์ข้อความบางอย่าง คาดว่าเป็นการพิมพ์พินัยกรรมเพื่อเป็นการสั่งเสีย

จากนั้นเดินเข้าไปภายในบ้าน และได้ใช้ไม้ถูพื้นกดกล้องวงจรปิดที่อยู่ในที่เกิดเหตุก้มลง เพื่อไม่ให้เห็นภาพ ก่อนที่จะพบเสียชีวิต

ศรชล.ภาค 1 นำกำลังพลฯ เข้าร่วมกิจกรรม Big Cleaning Day เฉลิมพระเกียรติฯ

1 พร้อมกำลังพลฯ เข้าร่วมกิจกรรม Big Cleaning Day จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567 ณ ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม (หลังเก่า), ลานหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม และสวนสุขภาพเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม

โดยมี นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผอ.ศรชล.จังหวัดสมุทรสงคราม/ผวจ.สมุทรสงคราม เป็นประธานมนพิธี

ชาวโซเชียลชื่นชม ‘หนุ่มฝรั่งใจดี’ แจก ‘หมวกกันน็อค’ ฟรี เผย!! เคยมีปมประสบอุบัติเหตุ ‘ห่วงใยเด็ก-อยากทำเพื่อสังคม’ 

(1 พ.ค. 67) นับเป็นอีกหนึ่งไวรัลที่หลายคนพากันเข้าไปคอมเมนต์ ชื่นชมอย่างล้นหลามเลยก็ว่าได้ กับคลิปภาพ ที่ชายต่างชาติยื่นรอ รถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านมาและมีเด็กนั่ง เมื่อเห็นก็จะโบกเรียก มอบหมวกกันน็อคอย่างดีให้กับเด็ก สร้างความประทับใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองรวมถึงผู้ที่เข้ามารับชมคลิปดังกล่าวเป็นอย่างมาก 

โดยสมาชิกติ๊กต๊อก ชื่อ @savvyrickbrown มีผู้ติดตามกว่า 35,600 คน ได้โพสต์คลิปวีดีโอ พร้อมเขียนข้อความแปลไทยว่า หมวกกันน็อคหนึ่งใบปกป้องอนาคต #savvyrickbrown #แสดงความรัก #หมวกกันน็อค #พัทยา #ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่บริเวณชายหาดจอมเทียนพบกับ Mr. Savvy Rick Brown สัญชาติอเมริกา วัย 57 ปี เจ้าของแอคเคาท์ติ้กต้อก ได้มีการพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการจัดทำการแจกหมวกกันน็อคให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ พัทยา โดยเปิดเผยว่า ได้อยู่ในประเทศไทย มา 1 ปี 6 เดือน ใช้ชีวิตช่วงวัยเกษียณ ได้มีการแจกหมวกกันน็อคให้กับเด็กๆเป็นประจำ เพราะอยากให้เด็กได้รับความปลอดภัยจากการสัญจร ที่นั่งรถมากับผู้ปกครอง ที่ผ่านมามักจะเห็นเด็กไทย ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ไม่ค่อยสวมหมวกกันน็อค บางรายอาจจะขาดแคลนทุนทรัพย์ และความตั้งใจที่อยากจะทำเพื่อสังคม 

อีกทั้ง ยังได้เล่าย้อนไปในวัยเด็กว่า เคยผ่านการประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์ เพราะถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อค ทำให้ป่วยเป็นโรค PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) หรือ ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ ซึ่งก็เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรงที่ประสบด้วยตนเอง ซึ่งตัวเองก็ได้ต่อสู้กับโรคนี้ในช่วงวัยเด็กค่อนข้างที่จะหลายปี จนกลับมามีชีวิตที่ปกติอีกครั้ง กรณีที่เคยประสบกับเรื่องร้ายมาแล้วก็เรียกได้ว่าตัวเองค่อนข้างเข้าอกเข้าใจและห่วงใยเด็กๆ เป็นอย่างมาก จึงอยากจะทำเพื่อเด็กๆ และสังคม

ส่วนในการแจกหมวกกันน็อค และนำภาพมาลงโพสที่บัญชีแอปพลิเคชั่น Tik tok นั้น ตัวเองได้ลงมือทำสิ่งนี้ไปแล้วเป็นเวลากว่า 6 เดือน ด้วยการลงทุนเอง ส่วนคุณภาพของหมวกกันน็อคก็เป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบความปลอดภัยมาแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับ และสนับสนุนอย่างดี จากชาวโซเชียลมีเดีย และจากบ้านเกิดที่สหรัฐฯ รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมบริจาคหมวกกันน็อคสนับสนุนด้วยเช่นกัน ซึ่งตั้งเป้าหมาย อยากจะเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อแจกจ่ายหมวกกันน็อคให้ถึงกว่าล้านใบ ตนเองยินดีที่จะทำเพื่อสังคมไทย เพราะรัก และชื่นชอบประเทศไทย เพราะคนไทยมีปฏิสัมพันธ์ นิสัยที่ดีต่อกัน

‘โจ มณฑานี’ โพสต์เฟซ ‘การแต่งรถแบบไทย’ ชี้!! นี่คือกระแสที่กำลังมาแรง เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้

(1 พ.ค. 67) ‘โจ มณฑานี ตันติสุข’ นักจัดรายการวิทยุ พิธีกร สื่อมวลชนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ การแต่งรถแบบไทยๆ ที่ชนะใจเพื่อนบ้าน โดยได้ระบุว่า ...

เมื่อ THAI CULTURE แผ่อิทธิพลสู่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ถึงขั้นตั้งกลุ่มไทยคัลเจอร์ และพากันตกแต่งของรักด้วยธงชาติไทย วิถีไทย และที่สำคัญที่สุด-รูปแรกเลยค่ะ #ทรงพระเจริญ 

มันคืออะไรกันนะ ไปดูกันเลยค่ะ!

พี่โจชอบช่องยูทูบ #ส่องโลกคอมเมนต์ มากเพราะแอดไม่นำเสนอคอมเมนต์ด่าเพื่อนบ้านแต่เลือกนำเสนอข้อมูลเจ๋งๆของไทยที่เพื่อนบ้านชื่นชม พร้อมหาข้อมูลเสริมมาให้ด้วย
คลิปแบบเค้ายอดวิวจะไม่เยอะเท่าคลิปด่ากันไปกัน แต่มันมีคุณค่ามากเลยค่ะ

และคลิปนี้คือการนำเสนออิทธิพลการแต่งรถแบบไทยๆที่ชนะใจเพื่อนบ้าน มากถึงขนาดตั้งกลุ่มรักวัฒนธรรมไทย แต่งรถแบบไทย และเรียกชื่อรถกระบะไฮลักซ์แต่งแบบไทยว่า THAI LUX-ไทยลักซ์ และสร้างความสำเร็จทางธุรกิจให้กับกิจการแต่งรถแบบไทยจนได้ไปตั้งธุรกิจที่ประเทศเหล่านั้นด้วย 

‘ภูมิธรรม’ เตรียมตรวจข้าวสุรินทร์ ดึงทุกฝ่ายมีส่วนร่วม คาด!! เปิดประมูล 2 โกดัง ทำรายได้หลายร้อยล้าน

(1 พ.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 พ.ค.67 ตนจะนำคณะผู้บริหาร สื่อมวลชน ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมประมูลข้าวในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อร่วมกันประเมินและตรวจสอบคุณภาพของข้าวใน 2 โกดังของคดีรับจำนำข้าว ที่จ.สุรินทร์ ซึ่งโกดังแรกมีปริมาณ 1 แสนกระสอบ และอีกโกดังมีอยู่ 32,000 กระสอบว่าเสียหายหรือไม่ ซึ่งจะตรวจสอบในส่วนของตรงกลางกองข้าวด้วย จากนั้นคาดว่าจะนำข้าวดังกล่าวมาเปิดประมูลข้าวได้เร็วที่สุดภายในเดือนพ.ค.2567

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ จะเปิดให้ทุกส่วนที่สนใจเข้าร่วมตรวจสอบพร้อมกันกับเซอร์เวเยอร์ด้วย รวมทั้งร่วมกันประเมินราคา เพื่อนำมาพิจารณาในการทำเงื่อนไขในการเปิดประมูล (TOR) ข้าวในล็อตดังกล่าวให้มีความรัดกุม อีกทั้ง ให้เกิดความเป็นธรรมและมีความเหมาะสม หากบุคคลใดเกิดข้อสงสัยก็สามารถแย้งได้

“ประมูลรอบนี้คาดว่าจะได้รายได้จากการประมูลหลาย 100 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้ก็จะนำมาพิจารณาชดเชยให้กับเจ้าของโกดัง ส่วนปริมาณเท่าไร ต้องรอการพิจารณาและคุยกันในรายละเอียด เพื่อให้เป็นธรรมทุกฝ่าย เพราะปริมาณข้าวดังกล่าวเก็บมาเป็นเวลา 10 ปี เป็นภาระและทำให้เจ้าของโกดังเสียโอกาส เนื่องจากภายในโกดังยังมีพื้นที่ว่างบางส่วน”นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี เมื่อพิสูจน์ชัดเจนถึงคุณภาพข้าวแล้วว่า ไม่ใช่ข้าวเน่า ข้าวเสีย ก็สามารถเปิดประมูลข้าวที่คนสามารถทานได้ ไม่ใช่อาหารสัตว์หรือโรงงาน ซึ่งจะพยายามดำเนินการภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ รวมไปถึงเรื่องของคดีต่างๆ ในโครงการด้วย

สำหรับคลังสินค้าที่จัดเก็บข้าวในโครงรับจำนำข้าว บจก.พูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 อ.เมือง ปัจจุบันมีข้าวคงเหลือ 32,879 กระสอบ และคลังกิตติชัยหลัง 2 อ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันมีข้าวคงเหลือ 112,711 กระสอบ

เจ้าของโรงแรม ขึ้นป้ายไว้อาลัย ขบวนการยุติธรรม  ประกาศรับสมัคร ‘ทนายความ’ ฟ้อง ‘ผู้พิพากษาใหญ่’

(1 พ.ค. 67) เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางสี่แยกในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำป้ายคัตเอาต์ใหญ่ขนาดกว้าง 12 เมตร สูง 11 เมตร ติดบริเวณด้านหน้าอาคารของโรงแรม ระบุข้อความว่า “ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรม รับสมัคร ทนายความใจกล้า มีฝีมือ ฟ้องผู้พิพากษาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังแบบเล่นพรรคเล่นพวก”

โดยอาคารดังกล่าวเป็นโรงแรมเก่าแก่ของอำเภอหล่มสักนานกว่า 50 ปี ภายหลังได้มีการรีโนเวตใหม่ และด้านหน้าได้ทำเป็นร้านกาแฟ ช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น. ช่างได้นำป้ายไวนิลมาติดตั้งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ

บริเวณหน้าร้านมีรถยนต์สายตรวจของ สภ.หล่มสัก 1 คัน และรถจักรยานยนต์สายตรวจจอดอยู่ 3 คัน ภายในบริเวณล็อบบี้ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก 8 นาย นั่งรอพบเจ้าของโรงแรม คาดว่ามาสอบถามเกี่ยวกับป้ายที่ขึ้นไว้

สาวใจฟู ได้เจอน้าแท็กซี่ ในอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังมาฟอกไต สุดปลื้ม!! นั่งคุยถึงความหลัง น้าบอกจำได้ เพราะแววตาไม่เคยเปลี่ยน

(1 พ.ค. 67) สมาชิก TikTok @bimbo_picha โพสต์คลิปสุดปลื้ม หลังใช้บริการแท็กซี่คันหนึ่ง แต่โชเฟอร์แท็กซี่กลับจำเธอได้ แม้จะผ่านมา 10 ปี ที่เคยพูดเตือนสติเธอตอนพาไปโรงพยาบาล โดยระบุข้อความว่า

น้าจำหนูได้ วันนี้เจอเรื่องใจฟู เรียกแท็กซี่หน้าที่ฟอกไต เค้าเริ่มถามเลยว่า มาทำอะไรหนอ เราบอกมาฟอกไตค่ะ แล้วเค้าก็พูดว่า เมื่อ 10 ปีก่อน น้าก็เคยไปส่งเด็กน้อยคนนึง ถือถุงผ้าห่มใส่กางเกงขาสั้น ตัวผอมๆ ดูโทรมๆ ปรากฏว่าเด็กน้อยคนนั้นคือเราค่ะ ตอนเป็นไตใหม่ๆ

เค้าจำได้แม้กระทั่งคำพูดที่เราเคยพูดตัดพ้อไปว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ จำได้ว่าบ้านอยู่ตรงไหน ที่ผ่านมาเค้ายังนึกเลย ว่าเด็กคนนี้จะเป็นไงบ้างนะ น้าบอกว่าจำได้ เพราะแววตาเราไม่เปลี่ยน ใบหน้าเปลี่ยน ร่างตอนนั้นกับตอนนี้ห่างกันเกือบ 20 โล

บังเอิญและโลกกลม และทำให้เรารู้ว่า มีคนคนนึงจะจำเราได้เป็น 10 ปี แม้กระทั่งคำพูดที่เราระบายตัดพ้อให้ฟัง มันจะเป็นภาพจำไปกับคนคนนึงได้นานขนาดนี้

สาวเปิดใจ เหงื่อออกเยอะผิดปกติ จนโดนล้อเป็น ‘มนุษย์ถุงเหงื่อ’  แจง!! ป่วยเป็นโรค แม้อยู่ในห้องแอร์ แต่กลับมีเหงื่อเยอะมาก

(1 พ.ค. 67) น.ส.อนัญญา พชรพานิภัค เปิดใจ หลังจากมีความผิดปกติของร่างกาย เหงื่อออกเยอะมากกว่าคนปกติ จนสูญเสียโอกาสในชีวิต โดนบูลลี่มาเยอะมากมาย

น.ส.อนัญญา กล่าวว่า ตั้งแต่ที่จำความได้เราเป็นคนเหงื่อออกเยอะผิดปกติอยู่แล้ว ตอนไปเรียนโรงเรียนเพื่อนเค้าไม่ร้อนกัน มีแต่เราที่เหงื่อออกอยู่คนเดียว ด้วยความที่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ก็เลยคิดว่าเหงื่อคงออกตามปกติ

แต่เมื่อเราเรียนจบและทำงาน จุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้ว่าเราผิดปกติ คือเรามาทำงานและระหว่างทางก่อนที่จะมาถึงที่ทำงาน ตัวเราก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เมื่อไปถึงที่ทำงานแล้วไปอยู่ในห้องแอร์เย็น มันก็เกิดการอับชื้น

จนเพื่อนร่วมงานถึงขั้นไปแจ้งหัวหน้างานว่า “ไม่สามารถทำงานกับเราได้ เพราะว่าเราเหม็นอับมาก หรือให้เราไปนั่งที่อื่นได้ไหม”

“เมื่อเรารู้ ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหายังไง เราก็พยายามเต็มที่ในการที่จะซักผ้าตากแดดแรงๆ แต่ปัญหาอยู่ที่เราตัวชื้นตลอดเวลา เมื่อมานั่งทำงานในห้องแอร์ก็ทำให้เหม็นอับ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้เราตัดสินใจลาออกจากงาน เราอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้

ซึ่งเราไม่ได้รู้สึกโกรธที่มีคนมาเตือนเรา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็แอบรู้สึกแย่เหมือนกัน เราผ่านช่วงเวลาโดนบูลลี่มาเยอะมากมาย เราโดนคนพูดว่า เราเป็นมนุษย์ถุงเหงื่อ หรือถุงเหงื่อเดินได้ ซึ่งความผิดปกตินี้มันตัดโอกาสในชีวิตเราไปเยอะมาก ครั้งหนึ่งเคยเป็นครูสอนศิลปะนักเรียน แล้วเด็กๆ เห็นว่าเราเหงื่อออกเยอะ ผู้ปกครองก็ไม่สบายใจ เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ตัดสินใจลาออกจากงาน” น.ส.อนัญญา กล่าว

น.ส.อนัญญา กล่าวต่อว่า เราเข้าใจในความผิดปกติของตัวเอง อย่างเวลาที่เราอยู่ในห้องแอร์เย็นในออฟฟิศ ไม่ได้รู้สึกร้อน แต่กลับมีเหงื่อออกมาเยอะมาก ลักษณะการเหงื่อออกของตนคือเริ่มตั้งแต่เหงื่อออกมือ ออกเท้า เวลาจับเม้าส์ก็เปียก เหงื่อออกบริเวณศีรษะใบหน้า ก็จะมีเม็ดเหงื่อเกาะใบหน้า ซึ่งมันใช้ชีวิตลำบากมาก

“เมื่อก่อนเคยเห็นคลิปของผู้ชายคนนึง ที่มีเหงื่อออกเยอะแบบเดียวกับพี่ และก็เพิ่งรับรู้ว่าเราไม่ได้เป็นแบบนี้คนเดียว แต่มีคนอื่นเป็นแบบเดียวกัน ก็มีหลายคนแนะนำให้ไปหาหมอ ซึ่งก็เคยไปหาหมอแล้ว แต่หมอบอกว่าลักษณะเหงื่อออกผิดปกติ มันเกิดจากหลายปัจจัยทาง ด้านผิวหนัง โรคหัวใจ ไทรอยด์ บางคนก็เกิดจากฮอร์โมน แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน” น.ส.อนัญญา กล่าว

น.ส.อนัญญา กล่าวว่า ตนเคยตัดสินใจไปปรึกษาหมอเมื่อปี 2019 หมอแนะนำการรักษาแบบผ่าตัด โดยเปลี่ยนเส้นประสาทให้สมองสั่งงานให้เหงื่อไประบายออกส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งถ้าหากเราผ่าตัด เหงื่อก็จะไประบายที่อื่น

แต่ในกรณีของตนที่เหงื่อออกศีรษะและใบหน้า หากผ่าตัดไปแล้วมันก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ทำให้ตัดสินใจไม่ผ่าตัด แต่เลือกที่จะหาวิธีอื่นที่จะสามารถอยู่ในสังคมได้โดยที่ไม่กระทบกับคนอื่น ทุกวันนี้ตอนเช้าก็ทำงานขายของที่ตลาด และทำงานกะกลางคืน ทำงานที่บ้าน ซึ่งก็ถือว่าตอบโจทย์มาก มันทำให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรายอมรับได้ว่า เรามีความผิดปกติเป็นคนที่เหงื่อออกเยอะมาก แต่ไม่เอาความผิดปกติตรงนี้มาเป็นอุปสรรคสำหรับการใช้ชีวิต เราพยายามดูแลตัวเอง ทานอาหารธาตุเย็น และไปไหนมาไหน ก็พกพัดลมเล็กๆ เอาไว้ตลอด

ทั้งนี้ หลังจากที่ตนลงคลิปนี้ไปก็มีหลายคนส่งข้อความเข้ามาหาบอกว่า เป็นโรคแบบเดียวกับตน หรือบางคนก็ขอบคุณที่เราก็กล้าออกมาเป็นกระบอกเสียงให้ เพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้มักจะเสียความมั่นใจ ไม่กล้าออกมาพูด เราก็ดีใจที่ ทำให้หลายคนรู้ว่า มันมีความผิดปกติ แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากนี้เราก็จะดูแลตัวเองพยายาม พยายามหาวิธีในการรักษาโรคนี้ต่อไป

'พี่ดี้' ชวนร่วมงาน 'แนวหน้าทอล์คครั้งที่ 1' เสาร์ 22 มิ.ย.นี้ รายได้ครึ่งหนึ่งสมทบทุนช่วยผู้สร้างหนังแอนิเมชัน 2475

(1 พ.ค.67) พี่ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก 'Nitipong Honark' ระบุว่า...

มันเกิดขึ้นเร็วมาก…เป็นไอเดียของ Anchalee Paireerak ที่จะจัด 'แนวหน้าทอล์ค' ครั้งนี้…คงเพราะฉันไปบ่นให้นางฟังว่า ไอ้น้องซัง Wivat Jirotgul (คนในรูปซ้ายสุด)…มันใช้เงินตัวเองทำหนังการ์ตูน 2475 ที่คนดูกันเป็นล้าน…แต่ป่านนี้ยังเป็นหนี้ท่วมหัวอยู่เลย…

วันรุ่งขึ้น...นางก็ประกาศออกรายการ 'แนวหน้าออนไลน์' ว่าจะจัดสิ่งนี้ มีบุคคลในภาพมา ทอล์คโชว์กัน หักค่าใช้จ่ายแล้ว ครึ่งนึงเป็นอย่างน้อย จะสมทบทุนช่วยใช้หนี้ให้เจ้าซัง

เฮ้ยยย…เพิ่งโทรคุยกันเมื่อวาน…วันนี้ประกาศว่า  "ทำ" เลย ฉันเองยังเพิ่งรู้ตอนดูรายการนั่นแหละ  

แล้วเย็นวันนั้น...นางถึงนัดพาทุกคนมากินข้าวกินน้ำ  พูดคุย รวมทั้งผู้จัดการโรงแรมอัศวิน ที่เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน … ขาดแต่น้องแอน พิธีกรหลักของงาน (ขวาสุดในภาพ) ที่ติดธุระไม่ได้มาด้วย

อ้อ...ไม่ได้เชิญ ท่านชวน มาในมื้อเย็นนั้น แค่เชิญท่านว่า ท่านจะมาร่วมทอล์คในงานด้วยไหม แบบกระทันหัน แถมยังไม่รู้ว่าจะเอาวันไหน...ก็น่าเกลียดจะแย่แล้ว…

ท่านก็เพิ่งได้รับการติดต่อวันนั้น…แล้วคุณปองก็ได้รับโทรศัพท์ว่า ท่านชวนรับคำเชิญมาทอล์คด้วย….ตอนที่เรากินมื้อเย็นวันนั้นแหละ…

ท่านบอกว่าท่านสะดวกวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน…จึงเป็นวันที่เรากำหนดจริง…

คืนนั้น…หกคนในภาพ (ยกเว้นท่านชวนและน้องแอน)…ที่เกือบทั้งหมด ไม่เคยเจอตัวจริงกันมาก่อน   ได้รู้จัก กิน ดื่ม คุย … หัวเราะ ตั้งแต่ทุ่มหนึ่งจนเกือบเที่ยงคืน…

ส่วนใหญ่ ใช้เวลาหัวเราะประมาณ 65.78% …. 

เอาละ…ต่อไปนี้เป็นประกาศ…

'แนวหน้าทอล์คครั้งที่ 1…เอ่อ…ตามภาพเลย…'

ประกาศที่สอง

ทุกวันนี้ ฉันดู 'แนวหน้าออนไลน์' ทั้งวันตั้งแต่เช้าจนหกโมงเย็น…ดูได้ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์…ส่วนฉันน่ะ ดูจากยูทูบ…

อยากชวนพรรคพวกที่ยังไม่รู้ ว่าควรดูข่าวที่ไหน…ที่พูดจริงด้วย พูดเต็มเหนี่ยวด้วย…ไม่มีฝ่ายอะไรสนับสนุนเงินทอง…ต้องขายครีมเอาหน้ารอดไป   ฮ่าๆๆๆ

แต่ก็ไม่เครียดเยอะ เพราะใช้สื่อออนไลน์ ไม่ต้องแบกเหมือนสื่อดิจิตอล หรือช่องทีวี

อยากให้กำลังใจคนทำข่าวแบบจริงจัง แล้วสนุกด้วย…มาดูแนวหน้าออนไลน์กันเถอะ…

‘วราวุธ’ เผยในเวทีอภิปรายระดับโลก รมต.ลาตินอเมริกา ชื่นชม ประเทศไทย ที่กล้าออกกฎหมาย ‘สมรสเท่าเทียม’ เป็นประเทศแรก ในกลุ่มประเทศอาเซียน

(1 พ.ค. 67) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) และคณะผู้แทนไทย  ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 (CPD 57) ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2567 โดยในช่วงเช้าได้ร่วมการอภิปรายระดับสูงระหว่างรัฐมนตรีในฐานะผู้แทนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เกี่ยวกับผลการประชุม ข้อค้นพบสำคัญ และข้อเสนอแนะจากการประชุมว่าด้วยประชากรและการพัฒนาระดับภูมิภาค โดยร่วมอภิปรายกับรัฐมนตรีจากประเทศคองโก มอลโดวา โบลิเวีย และซีเรีย

นายวราวุธ กล่าวว่า ในเวทีการอภิปรายระดับสูงระหว่างรัฐมนตรีในฐานะผู้แทนภูมิภาคต่างๆ ตนเองจะขึ้นเป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งไม่เฉพาะเป็นตัวแทนของประเทศไทย แต่ยังเป็นตัวแทนของกว่า 70 ประเทศที่มีประชากรกว่าร้อยละ 60 ของประชากรโลก โดยตนเองได้พูดถึงปัญหาว่ามีอัตราการเกิดของเด็กใหม่น้อย มีการเปลี่ยนโครงสร้างประชากรไปสู่สังคมสูงอายุมากขึ้น ในพื้นที่ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เรามีแนวทางแก้ไขกันอย่างไร แต่ละประเทศมีแนวทางแก้ไขกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเด็กแรกเกิด  การดูแลสุภาพสตรีช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งแต่ละประเทศมีการนำเสนอแนวคิดต่างๆ มากมาย และที่สำคัญได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐมนตรีที่มาจากภูมิภาคอื่นๆ 

ซึ่งมีรัฐมนตรีจากลาตินอเมริกาคนหนึ่งถามว่าจริงหรือไม่ที่ประเทศไทยมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการสมรสเท่าเทียม ตนเองได้บอกว่าปลายปีนี้ เราได้จะเห็นกฎหมายฉบับนี้ออกมาใช้งานแน่นอน ซึ่งรัฐมนตรีดังกล่าวแสดงความชื่นชมและทึ่งในความสามารถและความกล้าหาญของประเทศไทยที่เป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศอาเซียน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top