Friday, 26 April 2024
POLITICS

‘พีระพันธุ์’ ยัน ‘เศรษฐา’ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับครม. ย้ำ!! รมต.พรรคยังเป็น 4 คนเดิม จับมือกัน ทำงานเพื่อปชช. 

(21 เม.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ดัน นายพีระพันธุ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า เป็นเรื่องธรรมดาในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีก็ต้องพูดแบบนี้ ทุกพรรคการเมืองก็ต้องประกาศในความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อจะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องของประชาชน เราไม่มีวันรู้อนาคตได้ แต่ที่สำคัญจะเป็นอะไรก็ต้องทำเพื่อประชาชน เพื่อประเทศไม่ใช่เพื่อตัวเอง ซึ่งยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปและการขับเคลื่อนพรรคไม่ง่าย ไม่มีอะไรง่ายแต่ก็ต้องทำ

เมื่อถามว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งหน้าเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะยังเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติใช่หรือไม่ นายพีระพันธ์ุ กล่าวว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะนายกรัฐมนตรียังไม่เคยมาพูด ดังนั้นในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเมื่อยังไม่มีการพูดถึงการปรับครม.ก็ถือว่ายังไม่มี ถึงเวลาจริงค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ยังไม่มี และไม่ทราบถึงกระแสข่าวว่าจะมีการยืดปรับครม.ออกไปอีก 2 เดือน เพราะวันนี้ตนไม่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ คนที่มีอำนาจคือนายกรัฐมนตรี เมื่อยังไม่มีการพูดอย่างเป็นทางการก็ถือว่าไม่มี ฉะนั้น 4 คนนี้ก็ยังอยู่

เมื่อถามว่า กรณีนางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ปกติทุกพรรคการเมืองจะมีผู้อำนวยการพรรค แต่ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติคนเดิมได้ถูกแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้ตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคว่างลง กรรมการบริหารพรรคจึงมีมติแต่งตั้งให้นางพิชชารัตน์ รองเลขาธิการพรรค ไปเป็นรักษาการผู้อำนวยการพรรค แต่ปัจจุบันมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการพรรคคนใหม่ นางพิชชารัตน์จึงหมดหน้าที่ จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไร ยืนยันว่า ในพรรคไม่มีปัญหาอะไร

‘ธนกร’ เชื่อปรับทัพ ครม.เศรษฐา 2 ผู้ใหญ่ดูตามเหมาะสม ยัน!! ไม่มีปัญหาภายในพรรค ทุกคนช่วยกันทำงานเพื่อปชช. 

(21 เม.ย.67) ที่สโมสรราชพฤกษ์ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับ ครม. ว่าสมัยหน้าจะได้เข้าร่วมหรือไม่ นายธนกร เผยว่า ไม่ทราบ ทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ส่วนที่กระแสข่าวว่ามีความขัดแย้งภายในพรรคนั้น ยืนยันว่าไม่มี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทุกคนก็คุยกันดี ทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสมและผู้ใหญ่ภายในพรรค

เมื่อถามย้ำว่า กระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติมาได้อย่างไร นายธนกร ย้ำว่า ตนไม่เข้าใจว่ามีข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ภายในพรรคไม่ได้มีความขัดแย้ง และแกนนำก็รู้จักกันมานาน สามารถพูดคุยกันได้ ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคเองก็ทำหน้าที่อย่างดี พูดกับสมาชิกเสมอว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ทุกอย่างอยู่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค

มองว่าเป็นการสร้างกระแสตีข่าวขึ้นมาหรือไม่นั้น ตนงงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ไม่มี ทุกอย่างพูดจาได้ แต่ละคนที่อยู่ในกระแสข่าวก็เป็นรัฐมนตรีมาหมดแล้ว ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่สาระสำคัญ ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องทำงานให้กับประชาชน หลายอย่างดีขึ้น เอาเวลาไปทำงานให้กับประชาชนจะดีกว่า ทั้งนี้ การปรับ ครม. ในช่วงเดือนหน้า ก็ต้องถามกรรมการบริหารพรรค ตนเป็นรองหัวหน้าพรรค ไม่ใช่กรรมการบริหาร

เมื่อถามว่า มองการทำงานของพรรคในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาอย่างไร นายธนกร เผยว่า รัฐมนตรีทั้งสี่คนมีผลงานตลอด รวมถึง นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ที่ถูกมองว่าไม่มีผลงาน ตนมองว่าท่านก็มี เพราะท่านดูแลในเรื่องของภาคเกษตร รวมถึง หัวหน้าพรรค รมว.อุตสาหกรรม รมช.คลัง ก็มีผลงาน ท่านทำงานดี

เมื่อถามถึงกระแสพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะได้โควตารมต.กลาโหม นายธนกร ปฎิเสธว่า ไม่ทราบ

ส่วนจะมีข้อตกลงหรือไม่ว่า จะเป็นสมบัติผลัดกันชมหรือไม่ นายธนกร ย้ำว่า อย่าพูดแบบนั้น ในพรรคเราพูดกันตลอด หัวหน้าพรรคก็บอกตลอดว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีไม่มีใครยึดติดในตำแหน่ง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมีการสลับสับเปลี่ยน แต่เราไม่ได้เล่นเก้าอี้ดนตรี แค่เปลี่ยนแปลงการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่ทำก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกคนก็สามารถเข้าสู่เป้าหมายได้

พร้อมยืนยันว่า ตนยังไม่ได้รับสัญญาณจากผู้ใหญ่ อีกทั้งสุขภาพไม่ค่อยดี ช่วงหลังก็อยู่บ้านติดตามข่าวสารตลอดเวลา ปกติจะลงพื้นที่ตลอด ตนทำงานในสภาก็เต็มที่

‘สรรเพชญ’ แนะรัฐบาลแก้ไขปัญหา ‘ทุเรียน’ อย่างเร่งด่วน ย้ำ!! ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อความยั่งยืน

(21 เม.ย.67) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจสอบและรับผลทุเรียน สำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ซึ่งร่างกฎกระทรวงนี้จะเป็นมาตรฐานบังคับในการรองรับการแข่งขันและปกป้องการส่งออก “ทุเรียน” ให้มีคุณภาพ 

โดยเนื้อหาสาระดังกล่าว เป็นการกำหนดมาตรการในการตรวจสอบคุณภาพของทุเรียน เช่น ความแก่ การคัดแยกทุเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ การห้ามนำเข้าหรือจำหน่าย อีกทั้งมีการตรวจวิเคราะห์น้ำหนักเนื้อแห้งของทุเรียนที่จะต้องผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด รวมไปถึงการมีผู้ที่มีหน้าที่ในการตรวจวิเคราะห์หรือควบคุมการเก็บเกี่ยว จะต้องมีความรู้ความชำนาญและมีหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี นายสรรเพชญกล่าวว่า การออกกฎกระทรวงในลักษณะนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณภาพของทุเรียนก่อนถึงมือผู้บริโภค

นายสรรเพชญได้กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพทุเรียนมากกว่านี้ เนื่องจากทุเรียนเป็นสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกหลายแสนล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยวในประเทศไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนก็มักจะสั่งทุเรียนกลับไปที่ประเทศของตนเองครั้งละหลายหมื่นถึงหลายแสนบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของทุเรียนไทย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายของรัฐบาลที่จะรักษาคุณภาพมาตรฐานไว้ให้ได้ ตนจึงรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับทุเรียนเท่าที่ควร เพราะรัฐบาลมุ่งแต่จะทำเรื่องกลางน้ำ และละเลยต้นน้ำ คือการให้ความสำคัญกับการเตรียมดิน เตรียมปุ๋ย เตรียมพื้นที่ของเกษตรกร ที่อาจจะถูกละเลยไป ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีการให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพทุเรียน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ คือ พ่อค้า การขนส่ง ปลายน้ำ คือ ผู้บริโภคทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อให้ทุเรียนไทยมีความยั่งยืนทั้งระบบครบวงจร สามารถรักษามาตรฐานของประเทศไว้ได้

ทั้งนี้ นายสรรเพชญกล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 ตนได้ยื่นญัตติเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาการส่งเสริม พัฒนา แก้ไขปัญหาทุเรียนอย่างยั่งยืนทั้งระบบ และยกร่างกฎหมายว่าด้วยทุเรียน ซึ่งขณะนี้ได้บรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว คาดว่าเมื่อเปิดสมัยการประชุมจะได้รับการพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาทุเรียนและให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนมีหลักประกันผ่านกองทุนทุเรียนไทยต่อไป 

‘หมอวรงค์’ โพสต์เฟซบุ๊ก พรุ่งนี้จะไปร้อง ป.ป.ช. ระบุชัด มีหลักฐานสำคัญ ยัน!! เอาเรื่องกรณีช่วยเหลือนักโทษ

(21 เม.ย.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า ผมจะไปร้องป.ป.ช. กรณีช่วยเหลือนักโทษป่วยไม่จริงและช่วยเหลือการพักโทษ พร้อมหลักฐานสำคัญ วันจันทร์ที่ 22 เมษายนนี้ เวลา10.30น.

‘ศิริกัญญา’ หนุน ‘พิชัย ชุณหวชิร’ คุมคลังแทน ‘เศรษฐา’ จี้!! ปรับครม. แล้วต้องเร่งทำงานทันที ห้ามมีช่วงฮันนีมูน

(20 เม.ย.67) ที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวว่านายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ จะสร้างความแตกต่างหรือไม่ว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรมาตั้งแต่ต้น เพราะไม่สามารถที่จะทำงานเต็มเวลาได้ งานของกระทรวงที่ฝากรัฐมนตรีช่วยไว้ ก็อาจทำไม่ได้เต็มที่ และโดยปกติ นายกฯ จะไม่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เพราะต้องเป็นผู้เสนอแนะ หรือตักเตือนเรื่องการคลังที่น่ากังวล ดังนั้น เป็นเรื่องที่ดี หากมีรัฐมนตรีคลังมาทำงานเต็มเวลา ส่วนนายพิชัย จะมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น ต้องให้โอกาสเริ่มทำงานก่อน

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นายพิชัยก็ไม่ใช่คนหน้าใหม่ เพราะเป็นที่ปรึกษานายกฯ ก็น่าจะคุ้นเคยกับระบบบริหารราชการมาระดับหนึ่ง ดังนั้นทางพรรคก้าวไกล คงจะไม่ให้โอกาสในช่วงทดลองงาน เมื่อเข้าทำเนียบก็ต้องทำงานทันที ไม่มีช่วงฮันนีมูนเหมือนรัฐมนตรีคนอื่น เพราะถือว่ารัฐบาลทำงานมา 7 เดือนแล้ว จึงคาดหวังว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ รัฐมนตรีหน้าใหม่คงไม่มาเรียนรู้งานกันใหม่ ขอให้ทำงานเต็มที่ตั้งแต่วันแรก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องให้กำลังใจ นายพิชัยหรือไม่ เพราะต้องมาสานต่อนโยบายเรือธง อย่างดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เข้าใจว่านายพิชัยอยู่ในทีมที่ทำงานเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด แต่เข้าใจว่าครั้งนี้จำเป็นต้องใช้ 1 รัฐมนตรี และ 2 รัฐมนตรีช่วย ในการขับเคลื่อนนโยบาย ก็ฝากกำลังใจไปยังกระทรวงฯ และข้าราชการประจำ ที่จะต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ เพราะเป็นโครงการที่ใหญ่มาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จ หรือคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลคาดหวังไว้

‘ธนกร’ ต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เหมารวมยกเข่ง ‘ม.110-ม.112’ ย้ำ!! จะขอค้านให้ถึงที่สุด จะให้ผู้ใดมาละเมิด ‘สถาบันเบื้องสูง’ ไม่ได้

(20 เม.ย.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สรุปให้ชัดเจนเกี่ยวกับคำนิยามเรื่อง 'แรงจูงใจทางการเมือง' และความผิด 25 ฐานที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองใดว่าเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรมบ้าง ตนขอให้พิจารณาไม่รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวกับการประทุษร้ายหมิ่นประมาทฯสถาบันพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท ขอให้กมธ.อนุกมธ.พิจารณาให้รอบคอบ เพราะความผิดทั้ง 2 มาตรา เป็นความผิดร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐซึ่งประมุขของประเทศ ซึ่งไม่สามารถยอมรับได้

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้แม้ว่าบางพรรคการเมืองได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รวมความผิดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าวให้ได้รับการนิรโทษกรรมต่อสภามาแล้วก็ตาม แต่ตนขอย้ำในหลักการกฎหมาย ว่าไม่เห็นด้วย อย่างยิ่งและขอคัดค้านจนถึงที่สุด เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้

“ขอเรียกร้องไปยัง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พิจารณาตามหลักกฎหมายให้ดี ให้ถูกต้อง รอบคอบ เพื่อสรุปกำหนดนิยาม เรื่อง แรงจูงใจทางการเมือง ต้องไม่เหมารวมผู้กระทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา110 และ112 ให้ได้รับการนิรโทษกรรม แต่หากกลับกันมีการเหมารวมยกเข่ง เชื่อว่าเรื่องนี้จะทำให้คนทั้งประเทศที่รักเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นออกมาคัดค้านในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอนรวมทั้งผมด้วย“นายธนกร ระบุ

'ก้าวไกล' เต้น!! หลัง 'ชัยวัฒน์' แฉ!! พรรคการเมืองเอี่ยวเผาป่า ท้า!! เปิดหลักฐาน ลั่น!! อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว

(19 เม.ย.67) จากกรณีที่คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สื่อสารในช่องทางออนไลน์ส่วนตัวและให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในลักษณะที่ทำให้สังคมเชื่อว่าพรรคการเมืองและนักการเมือง รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาป่า ทำให้เกิดฝุ่นพิษเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ด้าน พรรคก้าวไกล จึงได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า...

1.ข้อกล่าวหาดังกล่าว ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลขอให้นำมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย และตามแนวนโยบายของรัฐบาล

แต่หากไม่มีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง

2.ภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานราชการ ส่วนพรรคก้าวไกล ภาคประชาสังคม รวมทั้งอาสาสมัครประชาชน ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเครื่องมืออุปกรณ์ กำลังคน อาสาสมัคร การเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และกำหนดนโยบายที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง

3.พรรคก้าวไกลยังมีแนวนโยบายและการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษระยะยาวอย่างยั่งยืน

สุดท้าย ขอย้ำเตือนไปยังคุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ว่ากรุณาเปิดใจให้กว้าง อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว มิเช่นนั้นแล้ว จะนำมาสู่ความคิดที่ว่าตนเองดีและสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งอาจนำมาสู่การปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจเกินขอบเขตและไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน อย่างที่คุณชัยวัฒน์เคยถูกกล่าวหามาแล้วหลายครั้ง

'นายกฯ' ชื่นชม!! แผนงานแก้ปัญหาจราจรจาก 'รทสช.ภูเก็ต' บูรณาการทุกภาคส่วน เกิดผลเป็นรูปธรรม 'ระยะสั้น-ยาว'

'เอกนัฏ-พิชชารัตน์' ลงพื้นที่ร่วมคณะนายกฯ ติดตามโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีเป้าหมายจะยกระดับทั้งเกาะสมุย และภูเก็ตให้เป็นเกาะระดับโลก

(19 เม.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนางนวลจันทร์ สามารถ คุ้มบ้าน อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำงานผลักดันเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาจราจรในภูเก็ตมาโดยตลอด 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจติดตามรายงานสรุปโครงการก่อสร้างสะพานยกระดับ ทางหลวงหมายเลข 4027 (ทางเลี่ยงเมือง) ตอนบ้านเมืองใหม่ - แยกเข้าสนามบิน ระหว่าง กม.18+850 - กม.20+800 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยกล่าวชื่นชมและกล่าวขอบคุณผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำงาน มีการทำแผนงานเกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นแผนงานที่เหนือความคาดหมาย เป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ตามความคาดหวังของประชาชนทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

‘ก.พลังงาน’ เตรียมพร้อมรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล หลังหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลในวันนี้

กระทรวงพลังงาน โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เข้ามาบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซล ภายหลังจากหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทในวันนี้ โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร พร้อมห่วงสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นทันทีหลังมีการโจมตีเกิดขึ้น

(19 เม.ย. 67) นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทของกระทรวงการคลัง และเพื่อเป็นการลดภาระให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรไปพลางก่อน และอาจจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาเป็นแบบขั้นบันได เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบไปแล้วกว่า 103,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท

ปัจจุบันมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 4.77 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นเงินประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่มีการชดเชย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อลิตร และหากปล่อยให้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในระดับเดิมต่อไปเรื่อย ๆ จะทำให้กองทุนฯ ติดหนี้เพิ่มมากขึ้น จนอาจจะกระทบกับวินัยการเงินและระดับความน่าเชื่อถือของกองทุนฯ ได้

“ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ได้ช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่เนื่องจากการชดเชยราคาน้ำมันที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องชดเชยราคาน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบกว่า 103,000 ล้านบาทแล้ว วันนี้ กระทรวงพลังงาน โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เข้ามาบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซล ภายหลังจากหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทในวันนี้ โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร และในอนาคตอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันแบบขั้นบันได เนื่องจากสถานะกองทุนฯ มีหนี้คงค้างค่อนข้างสูง อีกทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งในวันนี้ อาจส่งผลทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น กระทรวงพลังงานจะพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระของประชาชนเป็นหลัก แต่ก็ต้องพิจารณาถึงภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปพร้อมกันด้วย และเตรียมหามาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า” นายวีรพัฒน์ กล่าว

คำถามคาใจ!! "หากลุงตู่เป็นคนดีจริง เหตุใดถึงแพ้เลือกตั้ง?" กระจ่าง!! "เพราะแพ้ทริกการสร้างปีศาจ แล้วอาสามาปราบปีศาจ"

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ 'พี่ลุงแมนไทยแลนด์แดนสวรรค์' (@plm89thailand) ได้เผยแพร่วิดีโอพร้อมระบุแคปชันว่า "ถ้าลุงตู่ดีจริง ทำไมแพ้เลือกตั้ง เพราะคนไทยชอบคนด่าเก่ง เทคนิคการสร้างปีศาจ แล้วอาสาปราบปีศาจนั่นเอง"

โดยเนื้อหาในวิดีโอมีใจความดังนี้ "ถามว่าลุงตู่เป็นคนดี ทําไมถึงแพ้เลือกตั้งใช่ไหม? ดูเอาเองก็แล้วกันนะครับ..."

ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ปรากฏหน้าและเสียงของนักการเมืองหลายคนที่ได้ออกมาพูดหาเสียง และแสดงความคิดเห็นในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา 

คนแรกคือ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล จากพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า... "การเข้ามาต่อสู้ในวงการเมืองของดิฉัน บอกตรงนี้ เข้ามาแก้แค้นไม่ใช่แก้ไขค่ะ"

ต่อมาเป็น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า "และเมื่อเวลาเปลี่ยน ฟ้าเปลี่ยน ขั้วอํานาจเปลี่ยนเมื่อไหร่ คดีเหล่านั้นจะถูกหยิบขึ้นมาจากลิ้นชัก เพื่อพิพากษา 3 ป."

ถัดมาคือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยกล่าวไว้ว่า "ก็อยากให้ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ว่า ก็คงไม่ได้ชอบนะคะ การรัฐประหารที่เกิดขึ้น 2 ครั้งล่าสุดที่ทุกคนจําความกันได้ ดิฉันก็คงไม่ได้ชอบ แต่ถามว่าคนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คนที่ทํารัฐประหารมา ดิฉันจะอยากจับมือด้วยหรือไม่ อันนี้คงจะเป็นคําตอบที่ประชาชนก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว 

สุดท้ายคือนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ที่เคยระบุว่า "ประเทศไทยของเราเสียหายมามากแค่ไหนแล้วจากรัฐบาลของนายคนนี้ วันที่ 15 ถึงวันที่ 16 นี้เราไปหาคําตอบกันได้ที่รัฐสภา แล้วเราจะเช็กบิลปรวิต เพื่อปิดสวิตช์ 3 ป."

ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกรายนี้ระบุเพิ่มเติมว่า "มันเป็นละครทางการเมือง ที่สร้างตัวร้ายขึ้นมา ทุกคนที่หาเสียงได้สร้างขึ้นมา นั่นคือเผด็จการ แล้วทุกพรรคที่หาเสียงก็เรียกตัวเองว่าเป็น 'ประชาธิปไตย' แล้วก็มุ่งโจมตีไปที่ลุงตู่คนเดียว โดยใช้การด่า แซะ ประชด แต่ลุงตู่ไม่เคยว่าร้ายใครเลย มีแต่พูดให้คนไทยรักกัน ช่วยกัน ก็ไปฟังเองนะครับ"

จากนั้นก็ได้เปิดวิดีโอของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้กล่าวว่า...

"ทุกคนคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกับผมนะครับ เห็นแล้วมันสะท้อนใจ มันเจ็บปวด ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าเราไม่รักกัน เราไม่ช่วยกัน สิ่งต่าง ๆ ที่เราไม่คาดคิดมันจะเกิดขึ้น ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทุกคน ในฐานะเป็นคนไทย ทุกคนต้องช่วยกันทําให้บ้านเมืองนี้มีความสงบเรียบร้อย แต่ผมยอมเหนื่อย ยอมเจ็บปวด ก็เพื่อคนไทยครับ"

‘เกรียงยศ-รทสช.’ ทวงสัญญา กทม.บูมคลองโอ่งอ่าง รับปากเร่งจัดกิจกรรมช่วยชาวชุมชน แต่สุดท้ายเงียบ

เมื่อไม่นานมานี้ นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนออกมาตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎรเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครได้เข้ามาพัฒนาคลองโอ่งอ่าง เพื่อคืนความเป็นแลนด์มาร์กใจกลางกรุงเทพมหานครให้กลับมาเหมือนเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไม่ได้รับการเหลียวแล ล่าสุดก็ยังไม่เห็นสัญญาณจาก กทม. ว่าจะเข้ามาดำเนินการอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนที่รับปากกับประชาชนและผู้ประกอบการไว้ว่า ใน 2 เดือน 4 เดือนและ 6 เดือนจะมีโครงการต่าง ๆ ออกมา

นายเกรียงยศ กล่าวว่า เห็นนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นำอดีต สก.ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ก็ดีใจ ที่หลายฝ่ายออกมาร่วมมือผลักดันการพัฒนาคลองโอ่งอ่างให้กลับมาเหมือนเดิมตามความต้องการของชุมชน ชาวบ้านและผู้ค้า ทีมงานพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงพื้นที่หลายรอบเพื่อไปดูว่า มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่หลังจากได้ตั้งกระทู้ถามในสภาฯ 

ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตนก็ลงไปคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ ทว่าก็ยังไม่เห็นว่ากทม.ทำอะไรเหมือนที่รับปากไว้ พวกเขายังรออยู่ว่า จะมีการจัดกิจกรรมจริงหรือไม่ ขนาดเทศกาลสงกรานต์ กทม. ยังไม่จัดงานสงกรานต์ที่คลองโอ่งอ่างทั้งที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ

“ผมขอเรียกร้องให้คนที่ลงมาช่วยพัฒนาคลองโอ่งอ่าง ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง อย่าลงมาเฉพาะช่วงมีเทศกาลหรือทำแบบฉาบฉวยหวังหาเสียง หรือเพียงแค่เกาะกระแสไปวัน ๆ ไม่ว่าใครจะลงมาช่วย ถือเป็นเรื่องดีทั้งหมด เพราะชาวบ้านและผู้ประกอบการได้ประโยชน์ หรือ กทม.จะมาร่วมกันทำ ผมก็ยินดีผมพร้อมจะไปคุยด้วย แต่เวลานี้ผู้ประกอบการและชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลย มีแต่เพียงคำบอกเล่า ไม่เห็น กทม.ขยับ ผมก็จะจะติดตามแต่เรื่องนี้ต่อไปว่าสัญญาที่ให้ไว้กับชาวชุมชนและผู้ค้าจะดำเนินการเมื่อไร” นายเกรียงยศกล่าว

ทั้งนี้ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ได้ยินข่าวว่าทางกทม.ได้จัดงานตลาดนัดคนเดินหลายแห่ง ที่ดัง ๆ คือ ย่านดินแดง จึงอยากถามว่า ‘ดินแดง’ อัตลักษณ์ของพื้นที่คืออะไร ผู้ค้าที่มาค้าขายก็มาจากข้างนอกทั้งหมด แทบไม่มีคนในพื้นที่ การจัดลักษณะนี้คนในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์และไม่ได้โชว์อัตลักษณ์ทำไมถึงจัดได้ แต่คลองโอ่งอ่างถือเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันทั่วโลก แต่ไม่มีการจัดกิจกรรม อยากถามว่าผิดฝาผิดตัวหรือไม่”

‘วันนอร์’ ลั่น!! ไม่เคยยึดติดตำแหน่ง แต่รับไม่ได้ ปรับครม.ลามเปลี่ยนปธ.สภาฯ

(19 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีการเชื่อมโยงมาถึงการเปลี่ยนตำแหน่งประธานสภาฯ มีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ ว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไร แต่การปรับ ครม.กับตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนละเรื่องกัน การปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องมีการเสนอชื่อเพื่อเลือกในที่ประชุมสภาฯ มีผู้รับรอง แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งประธานสภาฯเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อบังคับการประชุมสภาฯ

“ในส่วนตัวของผม ไม่เคยติดยึดกับตำแหน่งใด ๆ ถ้าทำได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ผมก็ต้องทำเต็มที่ แต่ถ้าทำไม่ได้ หรือไม่สามารถทำได้ ผมก็ไม่ติดยึด พร้อมที่จะไป แต่ผมขอเรียนว่าตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติเป็นเสาหลักประชาธิปไตย ต้องทำหน้าที่เป็นกลาง ไม่สามารถมีใครมาแทรกแซงได้ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดชัดเจน ประธานและรองประธานสภาฯ ต้องไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองใด ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผูกพัน หรือมีการแทรกแซงจากพรรคการเมือง ยืนยันอีกครั้งว่าการปรับครม.เป็นเรื่องของนายกฯ แต่ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับฯ ผมไม่มีอะไรส่วนตัว แต่เกียรติศักดิ์ศรีสภาฯ ผมในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติต้องรักษาไว้” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามว่าตำแหน่งประธานสภาฯ เลือกมาจากที่ประชุมฯ จึงไม่มีเหตุใดที่จะต้องเปลี่ยนกลางคัน? นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า “ประเพณีที่เคยปฏิบัติมาไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องมีความเป็นกลาง ไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองใด”

เมื่อถามว่ายืนยันจะทำหน้าที่นี้ต่อไปหรือไม่? นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า “เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ถ้าตนละเลย เท่ากับว่าตนไม่รักษาระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมอบให้ไว้ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีใครส่งสัญญาณมา ถึงส่งสัญญาณก็เป็นสัญญาณที่รับไม่ได้”

“มันไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะต้องเปลี่ยนตำแหน่ง ถ้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ก็ต้องไปเอง ผมถือว่าต้องให้ประโยชน์ประชาชนเกียรติศักดิ์ศรีสภาฯ เดินไปให้ตรงแนวทาง จะมาบิด ๆ เบี้ยว ๆ เพื่ออย่างใดอย่างหนึ่งผมว่าไม่ถูก ถ้าถามว่าให้ประเมินว่าผมยังทำหน้าที่ได้หรือไม่ ผมประเมินเองไม่ได้ สื่อและประชาชนจะเป็นคนประเมิน” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีใช้งบฯจำนวนมากเดินทางไปดูงานต่างประเทศ? นายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานรัฐสภา ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า “ต้องขออภัย เรื่องนี้เป็นเรื่องของวุฒิสภา ดังนั้นต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานวุฒิสภา”

‘สุริยะ’ โต้!! ‘ก้าวไกล’ บอก 20 บาทตลอดสายทำไม่ได้ จะทำให้ดู ชี้!! ตอนนี้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เตรียมลุยเสนอ ครม.

(18 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณี นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ตนทราบสิ่งที่นายสุรเชษฐ์ออกมาให้ความเห็น ตนยินดีรับฟังทั้งคำติคำชมจากประชาชนและฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่ดูแล้วคิดว่าการวิจารณ์ในนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตนพยายามดำเนินการ ตามที่นายสุรเชษฐ์บอกว่าไม่เห็นด้วยและไม่ควรทำนั้น ตรงนี้ตนยอมรับไม่ได้ เพราะประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบันหากต้องโดยสารระยะทางไกลราคาค่าโดยสารสูงสุดถึง 192 บาท ถือเป็นภาระของประชาชนจำนวนมาก และการทำให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้าเยอะ ๆ ก็จะมีส่วนลด PM 2.5 และลดค่าใช้จ่ายประชาชนไม่เช่นนั้นราคาจะแพงไม่น่าจะรับได้ ตนยืนยันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายตามที่เคยให้สัญญาภายใน 2 ปีต้องทำให้ได้ ตนให้สัมภาษณ์ไว้ตอนเดือน ก.ย.66 เพราะฉะนั้น ก.ย.68 รัฐบาลจะดำเนินการให้ได้

เมื่อถามว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายอื่น ๆ จะทำให้ราคา 20 บาททั้งหมดใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ถูกต้อง ทุกสายคือ 20 บาท นายสุรเชษฐ์บอกว่าทำไม่ได้ตนจะทำให้ดู

เมื่อถามอีกว่า วิธีการที่จะทำให้ได้สำเร็จเป็นอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงได้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม จะตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการและจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็ว ๆ นี้ 

นายสุริยะ กล่าวว่า ส่วนที่วิจารณ์ว่ากระทรวงคมนาคมไม่มีผลงานนั้น ขอชี้แจงว่าสิ่งที่ทำมาเป็นรูปธรรมวันนี้บริษัทจัดอันดับสนามบินทั่วโลกได้ปรับอันดับของประเทศไทยจากอันดับ 67 มาเป็น 57 เป็นเพราะนายกฯ ใส่ใจและสั่งการให้ตนไปปรับปรุงระบบต่าง ๆ ในสุวรรณภูมิ รองรับการท่องเที่ยว เห็นได้ชัดผลที่เกิดจากการที่เราได้ไปทำ ทำให้ถูกปรับขึ้นมา 10 อันดับในระยะเวลาที่รัฐบาลทำงานมา ตนเชื่อว่าผลงานที่กระทรวงคมนาคมทำมีสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม อีกตัวอย่างคือสถานีขนส่งมวลชนหมอชิต จะเห็นว่าสภาพเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ประชาชนใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และช่วงสงกรานต์ประชาชนเดินทางผ่านถนนเส้นสำคัญได้อย่างปลอดภัย การจราจรไม่ติดขั้นเหมือนที่มีการประเมินไว้ก่อน เราช่วยกันจนได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาทั้งถนนพระราม 2 และถนนมิตรภาพ และวันนี้ (18 เม.ย.) หลังเสร็จประชุมคณะรัฐมนตรี ตนก็จะลงพื้นที่ภูเก็ตแก้ปัญหาการจราจนในพื้นที่เพราะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ จะไปติดตามข้อสั่งการเรื่องการสร้างสะพานหรือทางแยกต่าง ๆ รวมถึงการบริหารจัดการจราจรอาจปิดจุดกลับรถช่วงเร่งด่วน และวันที่ 19 เม.ย. นายกฯ จะมีการลงพื้นที่ก็จะได้รายงานการบ้านตามข้อสั่งการของนายกฯ

‘ชลน่าน’ ยัน!! ไม่นอยด์ หลังมีชื่อติดโผหลุด ครม. ลั่น!! มีหน้าที่ก็ทำให้เต็มที่ อย่าไปคิดมาก

(18 เม.ย.67) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีชื่อถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ว่า ไม่มีอะไร ๆ ไม่ทราบเลยว่ามีสัญญาณอะไรอย่างไร เมื่อถามว่าได้มีการติดตามข่าวหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ติดตามอยู่ตลอด

เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกมากระทบต่อการทำงานหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “สำหรับตัวผมไม่กระทบ แต่ในส่วนข้าราชการประจำจะกระทบหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ผมก็พยายามสั่งการมาโดยตลอดว่าห้ามเกียร์ว่าง ทุกคนต้องทำงานเต็มที่”

เมื่อถามว่า ดูเหมือนตัวนพ.ชลน่าน ไม่สบายใจและนอยด์ ๆ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มี ก็ทำงานไป ไม่มีนอยด์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีหน้าที่ก็ทำให้เต็มที่อย่าไปคิดมากครับ”

ต่อมาเวลา 09.05 น. นพ.ชลน่าน ได้เดินออกจากตึกบัญชาการ 1 ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งคาดว่าจะไปพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะออกไปไหน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีธุระข้างนอกนิดหน่อย เมื่อถามย้ำว่า จะกลับเข้ามาประชุม ครม. หรือไม่ นพ.ชลน่าน หันมากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มว่า จะไม่ให้มาประชุมแล้วเหรอ เดี๋ยวกลับมา จากนั้นเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

ขณะที่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รมว.วัฒนธรรม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการสลับเก้าอี้ใน ครม. เพียงแต่ยกมือรับไหว้สื่อมวลชน พร้อมหัวเราะ

ศาล รธน.ให้ 15 วัน ‘ก้าวไกล’ ยื่นแจงปมถูกร้องยุบพรรค นับตั้งแต่ 18 เม.ย.67 ครบกำหนดชี้แจงข้อกล่าวหา 3 พ.ค.67 

(17 เม.ย. 67) ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า กรณีคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 (1) (2) เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอให้เพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่จดทะเบียนขึ้นใหม่ด้วยเป็นระยะเวลา 10 ปีนั้น

พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่น คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญออกไปอีก 30 วัน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นควรให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 18 เม.ย.67 ซึ่งจะครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 3 พ.ค. 67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการยื่นขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ เป็นการยื่นขอขยายครั้งที่ 1 หลังจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย.67 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องดังกล่าวของกกต. ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีการการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญปี 2561 มาตรา 7 (13) ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบมาตรา 92 วรรคหนึ่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และจะแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบพร้อมส่งสำเนาคำร้องให้กับพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันได้รับสำเนาคำร้อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top