Saturday, 9 December 2023
POLITICS

‘อนุทิน’ เข้ม!! สั่งทุกจังหวัดบังคับใช้ กม.คุมแหล่งก่อมลพิษ หนุนเร่งพีอาร์เชิงรุกสร้างความร่วมมือ ปชช.แก้ปัญหา PM 2.5 

(6 ธ.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ มอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการสำหรับป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 66-67

ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูแล้งของทุกปี ประเทศไทยจะเกิดสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีสาเหตุทั้งจากโดยธรรมชาติ สภาพอากาศและภูมิประเทศที่เอื้อต่อการเกิดสถานการณ์และกิจกรรมของมนุษย์ จนเกิดการสะสมของฝุ่นละอองในปริมาณสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน

ทั้งนี้ ตามข้อสั่งการ รมว.มหาดไทย ได้ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการเกิดปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการสนับสนุนการสั่งดำเนินการ ตลอดจนแจ้งเตือนแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยให้ฝ่ายปฏิบัติการให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่แหล่งกำเนิด กำชับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ให้บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการเผาในที่โล่ง การคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ส่วนกรณีการเผาในพื้นที่การเกษตร ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ ตลอดจนใช้กลไกอาสาสมัครร่วมรณรงค์งดการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ให้กับเกษตรกรเกี่ยวกับการกำจัดหรือใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ไปสู่การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มแทน เช่น การไถกลบตอ ซัง การใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลาย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า นายอนุทินได้กำชับให้กองอำนวยการ ปภ.จังหวัด ทบทวนและจัดทำแผนเผชิญเหตุในกรณีต่างๆ ปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน อาทิ พื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมทาง และพื้นที่ชุมชน/เมือง ตลอดจนข้อมูลประชากรกลุ่มเสี่ยง ข้อมูลทรัพยากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมกับมีแนวทางปฏิบัติแต่การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แต่ละระดับอย่างชัดเจน ตลอดจนประสานการปฏิบัติร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งชุดเฝ้าระวังระดับพื้นที่ สนับสนุนการลาดตระเวนเฝ้าระวัง ป้องปรามการลักลอบเผาในเขตพื้นที่ป่า เขตพื้นที่การเกษตร

ทั้งนี้ เมื่อเกิดสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า หมอกควัน หรือระดับปริมาณฝุ่น PM2.5 แนวโน้มสูงเกินค่ามาตรฐาน ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด อำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่น บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับการปฏิบัติตามมาตรการ บังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นอย่างเข้มงวด กรณีที่เกิดไฟป่าให้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีทักษะชำนาญ ประกอบกำลังเป็นชุดปฏิบัติการพร้อมอุปกรณ์เข้าระงับเหตุการณ์โดยเร็ว

“ท่าน มท.1 ห่วงใยผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย จึงเน้นย้ำให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครที่เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐ จัดอุปกรณ์ส่วนบุคคลที่มีความเหมาะสม กรณีการเกิดไฟป่าที่กำลังภาคพื้นที่เข้าถึงยาก ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่มีอากาศยานเข้าสนับสนุน และให้ดูแลด้านสวัสดิการและค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบด้วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินยังได้เน้นย้ำให้มีการสื่อสารเชิงรุกผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงสาเหตุการเกิดฝุ่นละออง ที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการลดปัญหา ได้เข้าใจต่อสถานการณ์ มาตรการข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนบทลงโทษหากมีการฝ่าฝืน ส่วนการดูแลสุขภาพประชาชนให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข ให้ดำเนินการให้ข้อมูลการดูแลสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ข้อมูล หรือการให้ความรู้ผ่านช่องต่างๆ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดพื้นที่และระบบบริการประชาชนในพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) หรือห้องปลอดฝุ่น เพื่อดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพในกรณีจำเป็นต่อไป

เปิดจดหมาย ‘ลูกสาวทนายอานนท์’ เขียนถึงพ่อ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ พร้อมถาม “พ่อทำไมถึงอยู่ในคุก?” ขณะเจ้าตัวต้องโทษมาแล้ว 70 วัน

(5 ธ.ค. 66) นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ‘ลูกเขียนจดหมายถึงพ่อ’

โดยภายในภาพเป็นรูปเด็กกำลังกอด นายอานนท์ พร้อมมีข้อความที่เขียนด้วยมือว่า…

“พ่อทำไมถึงอยู่ในคุก แล้วพ่ออยู่ที่ห้องไหนของเรือนจำ แล้วหนูต้องรออีก 10 ปีใช่ไหม?”

สำหรับ นายอานนท์ อยู่ระหว่างถูกจับคุกในเรือนจำเป็นเวลา 4 ปี หลังจากศาลอาญาพิพากษา ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 ขณะนี้ต้องโทษอยู่ในเรือนจำมา 70 วัน

‘นายกฯ’ ถก ‘ผบ.ทสส.’ เร่งแก้ปัญหาชายแดนใต้-ปราบยาเสพติด หนุนลดช่องว่างทหารและประชาชน เป็นที่พึ่งพิงได้ทุกสถานการณ์

(5 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้เรียก พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า โดยปกติตนจะพบปะกับ ผบ.ทสส.เป็นประจำอยู่แล้ว โดยวันนี้เป็นเรื่องรับทราบข้อมูลแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แนวทางการทำงานกับรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงของมาเลเซีย รวมถึงปัญหายาเสพติดที่จะทะลักเข้ามาจากพม่า ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง โดยทางทหารจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปราบปรามยาเสพติดและสกัดการนำเข้าอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพึ่งฝ่ายความมั่นคงค่อนข้างมาก

“อีกเรื่องที่คุยกันในภาพรวม คือผมอยากให้ทหารมาช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม เรื่องที่ดินทำกิน ช่วยดูแลปัญหาน้ำไม่ให้ท่วม ไม่ให้แล้ง รวมทั้งดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน นอกเหนือจากเรื่องความมั่นคงที่ท่านดูแลอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพฯ

‘สว.อุปกิต’ เผย ศาลฯ ให้ประกันตัว ‘โรม’ คดีฟ้องหมิ่นฯ นัดใหม่ปีหน้า โต้!! ‘ด้อมส้ม’ ฟ้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี ไม่ใช่ปิดปาก ลั่น!! เอาผิดถึงที่สุด

(5 ธ.ค. 66) นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญา รัชดาฯ นัดตนและนายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานคดีซึ่งตนฟ้องนายรังสิมันต์ ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท โดยคดีนี้นายรังสิมันต์ เคยใช้เอกสิทธิ์ สส.เลื่อนนัดสอบคำให้การ จากวันที่ 21 ส.ค. 2566 มาเป็นวันที่ 4 ธ.ค. แทน โดยนายรังสิมันต์ ใช้ตำแหน่ง สส.ประกันตัวเองสู้คดี ขณะที่ศาลกำหนดวันสืบพยานโจทก์วันที่ 10 ต.ค.2567 และสืบพยานจำเลย วันที่ 11 ต.ค.2567

“นายรังสิมันต์ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้หมิ่นประมาท อ้างเป็นการทำหน้าที่ สส.โดยเป็นการอภิปรายในสภาฯ ซึ่งผมก็ไม่ได้ฟ้องนายรังสิมันต์ในกรณีนี้ แต่ฟ้องในประเด็นที่นายรังสิมันต์นำข้อมูลมาหมิ่นประมาท ทั้งผ่านการไลฟ์ตามสื่อโซเชียล และใช้เป็นประเด็นหาเสียงตามเวทีต่างๆ ซึ่งยืนยันจะเอาผิดถึงที่สุดให้เป็นคดีตัวอย่าง” นายอุปกิตระบุ

นายอุปกิต กล่าวยืนยันว่า การฟ้องคดีหมิ่นประมาทไม่ใช่เป็นการฟ้องปิดปากเหมือนที่บรรดาด้อมส้มพยายามสร้างกระแส แต่เป็นการปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี และเป็นเรื่องกฎแห่งกรรม ที่ใครก็ตามที่ใส่ร้ายใส่ความคนอื่นก็ต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองก่อขึ้น ดังนั้น การที่ศาลรับฟ้องไม่ว่าจะเป็นกรณีนายรังสิมันต์ หรือกรณีตนฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท แสดงว่า ‘คดีเหล่านี้มีมูล’

“ฝากไปถึงคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้ามาเป็นนักการเมือง ย้อนไปพิจารณาดูสิ่งที่ผมเคยพูดถึงทฤษฎีสมคบคิด การป้ายสีทางการเมืองเพื่อหวังคะแนนนิยมให้ได้ชนะการเลือกตั้ง วันนี้อาจจะมีอาชีพใหม่ที่มีการสมคบระหว่างเจ้าหน้าที่กับบรรดานักการเมือง บรรดานักร้อง นักแฉ ที่ออกมาเคลื่อนไหวเปิดโปงเรื่องต่างๆ แต่จริงๆ แล้วหวังจะได้เงินส่วนแบ่ง 25% จากกฎหมายใหม่คดียาเสพติดหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเลวร้ายมาก” นายอุปกิต กล่าว

อดห่วงสังคมไทย ‘ปวกเปียก-เบาหวิว-ผิวเปลือก’   เมื่อมีคนดัง ‘โง่’ สังคมไทยจึงได้แต่ความ ‘ง่อย’

สังคมไทย เวลาจะดูว่า ‘คนดัง’ ในแวดวงต่าง ๆ เช่น ดารา นักร้อง หรือเซเลบที่มีชื่อเสียงในวงสังคมคนไหนฉลาดปราดเปรื่อง หวังพึ่งพา คิดดีต่อส่วนรวม หรือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมได้หรือไม่นั้น วิธีง่ายที่สุด ให้ดูการให้สัมภาษณ์ออกสื่อในแต่ละครั้ง…

แม้คำถามที่ถูกถามจากนักข่าว หรือผู้ดำเนินรายการต่าง ๆ จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่คนดังที่มี ‘สำนึกดี’ หรือ ‘คิดเป็น’ จริง ๆ จะสามารถพูดเชื่อมโยงไปถึงเรื่องความห่วงใยต่อสังคมที่เป็นไปได้ตลอดเวลา หรือจะดูการเขียน Facebook สำหรับคนที่เล่น Facebook อยู่เป็นประจำก็พอจะเห็นตัวตนจริง ๆ ได้ชัดในระดับหนึ่ง 

และนั่นก็รวมถึงนักการเมืองด้วย!!

นักการเมืองไทยยุคใหม่มักแสดงออกถึงการเป็นคนที่มีการศึกษาสูง แต่ทุกวันนี้บางคนยังเขียนคำว่า ‘คะ’ กับ ‘ค่ะ’ หรือ ‘ครับ’ เป็น ‘คับ’ โชว์ออกโซเชียลเน็ตเวิร์กรายวัน เห็นถึงการเป็นคนขาดความรู้ ขาดความละเอียดในการดำเนินชีวิต ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อมีสำนึกที่ต่ำเตี้ยเช่นนี้ ก็ยากที่ประชาชนจะหวังพึ่งพาอาศัยในเรื่องที่ถูกต้องได้ 

เรื่องการไปให้สัมภาษณ์สื่อต่าง ๆ บางคนอาจจะคิดว่าก่อนที่คนดังจะตอบ ก็ต้องกลับมาที่คำถามจากสื่อก่อน ด้วยสื่อไทยจำนวนไม่น้อย ก็มักจะถามในสิ่งที่ไม่ได้มีประโยชน์กับสังคม หรือถามแต่สิ่งที่ชาวบ้านนิยมชมชอบ แต่ขาดความลุ่มลึกในการถาม ขาดคำถามที่มีประสิทธิภาพ 

แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ว่าใครจะถามมาแบบไหน คนดังที่มีความฉลาดหลักแหลมในการตอบ และมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับที่สูงมากพอ คำตอบนั้น ๆ ก็จะมีแง่มุมให้คิดตามในทุก ๆ คำถามเสมอ เรียกว่าสามารถใช้ทุกโอกาส ทุกช่องทางที่มี ผลักดัน และต่อยอดไปในทางสร้างสรรค์ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ แต่เรื่องเช่นนี้เราจะไม่มีทางได้เห็นในกลุ่มคนดังที่บ้องตื้น โง่เขลาเบาปัญญา แสวงหาแต่ชื่อเสียงและเงินทองไปวัน ๆ ซึ่งจะมีเป็นส่วนใหญ่ ๆ ในสังคมไทย 

บางที ที่เด็ก ๆ สมัยนี้ ขาดความลึกซึ้ง ขาดสามัญสำนึกในการอยู่ร่วมกันในสังคม และหยาบกระด้าง นั่นเพราะส่วนหนึ่งเราขาด ‘แบบอย่างที่ดี’ ยุคนี้เราจะเจอแต่ประเภทป่วยเปียก เบาหวิว และผิวเปลือก ฉายโชว์ออกสื่อ ปลิวว่อนบนโลกโซเชียลอยู่ตลอดเวลา แล้วแก่นแกนที่ดีงาม ความแข็งแรงทางความคิดที่ตั้งอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องจากใครไหนเล่า จะมีให้ยึดเกาะหรือเดินตาม? มีแต่เลวร้ายลงจนยากจะฉุดดึงให้กลับมาสูงสง่าเท่าเดิม 

คำตอบที่ช่วยพยุงได้ในทันทีคือ ‘ตัวเรา’ 

ถ้าคิดว่าพึ่งพาใครไม่ได้ ก็อย่าพยายามเป็นในแบบที่มักง่าย และทำในสิ่งที่มันดูไม่งาม ผลักให้สังคมมันล้มตามกันไป

‘วิโรจน์’ เหน็บ!! คอร์รัปชันจะกลายเป็น ‘ซอฟต์พาวเวอร์ไทย’ ดึงดูดมาเฟียข้ามชาติ เน้นจ่ายส่วยเรื่องจบ ไม่สนกฎหมาย

(4 ธ.ค.66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า…

คอร์รัปชัน มาเฟียข้ามชาติ และธุรกิจสีเทา คือ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

ประเทศมี กม.อาญา แต่คุกมีไว้ขังคนจน มี กม.ห้ามคอร์รัปชันแต่ก็มีอยู่ทุกอณู ผิดกม.จ่ายส่วยก็เคลียร์ได้ ยอมให้ ตร.ไถ ก็ทำธุรกิจผิดกฎหมายได้

นี่มัน Soft Power ดึงดูดมาเฟียข้ามชาติ ให้มาลงทุนในธุรกิจสีเทาชัดๆ

‘มาดามเดียร์’ แลกเปลี่ยนมุมมอง ผู้นำฯ นักศึกษา มข.  รับฟังไอเดีย ‘ศก.-การเมือง’ เพื่อปรับสู้เลือกตั้งหนหน้า

‘มาดามเดียร์’ ล้อมวงคุย ผู้นำองค์การนักศึกษา ม.ขอนแก่น แลกเปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจ-การเมือง-ความคาดหวัง พร้อมนำปรับใช้ทำนโยบายสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะนักศึกษาเชียร์นั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ 

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 66 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ พบปะแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดและข้อเสนอแนะกับกลุ่มผู้นำองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย นายวรเชษฐ์ อสิพงษ์ ประธานกลุ่มเลือดสีอิฐ มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.บุญยานุช อ่อนนางใย อุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และมีนายวีระยุทธ งามจิตร อดีตผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนถึงมุมมองของนักศึกษาที่มีต่อการเมืองระดับชาติ มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคม สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ขับเคลื่อนหรือปรับเปลี่ยน เช่น เรื่องของระบบการศึกษา เรื่องของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมถึงยังได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองในการบริหารงานขององค์การนักศึกษา 

โดย น.ส.วทันยา ได้อธิบายถึงเรื่องของ กยศ. ว่า เมื่อการเลือกตั้งในปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์ได้มีนโยบายในเรื่องของการเรียนฟรีถึงปริญญาตรีเพื่อเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้นักศึกษาจะได้ไม่ต้องกู้ยืมเงินในกองทุน กยศ.เพื่อนำมาเป็นค่าเทอมอีกต่อไป และจะปรับกองทุน กยศ. ให้นักศึกษาสามารถกู้ยืมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันแทน 

น.ส.วทันยา ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาพูดคุยกับน้องนักศึกษาที่เป็นองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ช่วยเสนอมุมมองแลกเปลี่ยนในหลายเรื่องที่ทำให้เข้าใจในเรื่องของปัญหาในแต่ละช่วงวัย รวมถึงความคาดหวังของพวกเขาต่ออนาคตที่อยากจะเห็นในรูปแบบของการเมืองไทย และเศรษฐกิจที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ซึ่งการพูดคุยนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นจุดหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แล้วทำให้เราเข้าใจในมุมมองของแต่ละช่วงวัยได้อย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้เราเข้าใจถึงสภาพปัญหาและความคาดหวังขอเขาเพิ่มมากขึ้น โดยสิ่งที่วันนี้ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยจะได้นำกลับไปปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในการที่จะนำเสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 

นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของการพูดคุย น.ส.วทันยา ได้ให้กำลังใจน้องนักศึกษากลุ่มเลือดสีอิฐให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะลงรับเลือกตั้งนายกองค์การนักศึกษาที่จะเกิดในช่วงเดือนมกราคม 2567 ขณะที่น้องนักศึกษาก็ได้ให้กำลังใจกับ น.ส.วทันยา ขอให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ด้วย

‘นายกฯ’ เผยเลือก ‘หนองบัวลำภู’ พิกัด ‘ครม.สัญจร’ นัดแรก ชี้!! เป็นจังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุดและถูกละเลยมายาวนาน

(4 ธ.ค. 66) ที่โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2566 นัดแรก พร้อมกล่าวก่อนเริ่มการประชุมว่า เหตุผลที่เลือก จ.หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดแรกในการประชุม ครม.สัญจร เนื่องจากต้องการให้ประชาชนในพื้นที่มีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ดินทำกิน ปัญหาภาคการเกษตร

“ขอให้มั่นใจว่าพวกเราไม่ได้สร้างภาพอะไร แต่ที่นี่เป็นจังหวัดที่ประชากรมีรายได้น้อยที่สุดในประเทศ พี่น้องประชาชนใน อ.สุวรรณคูหา ไม่ใช่เพิ่งประสบปัญหานี้ แต่ประสบปัญหากันมานานเป็นชั่วอายุคน แต่ไม่มีใครสนใจที่จะยกระดับชีวิตของพวกเขา” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอาหารที่ทาง จ.หนองบัวลำภูจัดเตรียมให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วย น้ำพริกลงเรือ ผัดเห็ดหอมกุ้งสด ลาบปลาคังโนนสัง แกงปลาช่อนนาใส่ดอกแค ขณะที่อาหารคาวและอาหารหวาน ประกอบด้วย ลอดช่องกะทิแตงไทย เมี่ยงคำลำภู สังขยาข้าวเหนียวดำ ส่วนผลไม้ คือ แก้วมังกร ฝรั่งกิมจู และกล้วยหอมทอง

'ต้อม-ยุทธเลิศ' อัปเดต!! บทหนัง 1410 เวอร์ใหม่!! โครงเรื่องเปลี่ยน!! มุ่งเจาะ 'ตั๋วปารีส-ม็อบต้มตุ๋น'

หลังจาก ‘เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาชักชวนให้ประชาชน ร่วมกันแจ้งความผู้กำกับดัง ที่ขอเงินระดมทำหนัง แต่ก็เงียบหายไปนั้น 

ต่อมา ทาง ‘ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค’ ผู้กำกับหนังคนดัง ได้แจ้งความคืบหน้าผ่าน instagram baddirector.nmg ดังนี้...

นี่คือหนังที่ ‘สัตว์เลี้ยง’ ของพรรคก้าวไกลพูดถึงและพยายามปั่นมาให้กลบข่าวแพ้คดีของตัวเอง ดีเลยจะได้ถือโอกาสนี้อัปเดตในทีเดียว

ครั้งแรกหนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอุบายรวมมวลชนไปสบทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นนักเรียนนักศึกษาที่สนามหลวงเพื่อดูหนังผ่านมือถือ 

แต่เมื่อม็อบถูกสลายได้อย่างเบ็ดเสร็จ โครงเรื่องที่แต่แรกจะเล่าเรื่องแกนนำของนักเรียนนักศึกษา จึงเปลี่ยนไป 

ตัวดำเนินเรื่องจะเปลี่ยนเป็นเรื่องราวของศิลปินหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ศิลปินหนุ่มผู้ถูกเชิญไปพบกับท่อน้ำเลี้ยงของขบวนการล้มเจ้าที่มีอยู่จริงที่ฝรั่งเศส

ใช่ครับ Base on @headache_stencil 's True story ตีแผ่ขบวนการล้มเจ้าและขบวนการตุ๋นม็อบที่มาในนาม #บุ๊ง18มงกุฎ #นนท์ต้มตุ๋น และแม่ยกแซนเจริญ อย่างถึงแก่น 

สถานการณ์โครงการตอนนี้คือ เตรียมเรื่องเสนอ งบจากฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทย

*โครงการนี้ไม่เคยเปิดรับบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัวเหมือนมิจฉาชีพหลายคนในม็อบทำกัน แต่โครงการเปิดรับในลักษณะของผู้ร่วมลงทุนผ่านบัญชีบริษัท และบริษัทได้ปิดรับการโอนแต่ตั้งแต่มีเรื่องขัดแย้งกับมิจฉาชีพในม็อบ เป็นกลุ่มผู้อ้างตัวเองว่าเป็นเจ้าของม็อบราษฎร โครงการจึงปิดรับนายทุนไป แต่ครั้งนั้นระดมทุนได้ ล้านกว่าภายในเวลาเพียง 1 อาทิตย์ (จินตนาการถึงยอดเงินของพวกมิจฉาชีพที่จนปัจจุบันยังไม่ยอมเปิดเผยยอดบัญชีออกกันรึเปล่า?) หลังจากปิดรับเงิน ผู้กำกับก็เปิดวอร์ใช้กฎหมายไล่เช็กบิลพวกตุ๋นม็อบทีละคนทีละ จนถึงปัจจุบัน

*สำหรับใครที่เคยโอน แล้วต้องการเงินกลับ แจ้งแสดงหลักฐานได้ที่ทวิตเตอร์ ผู้กำกับเลว ได้ตลอดเวลา

‘อนุทิน’ ย้ำ!! ดีเดย์เปิดสถานบันเทิง ถึงตี 4 คาด!! เริ่ม 15 ธันวาคมนี้ นำร่อง 5 จังหวัด

(4 ธ.ค.66) ที่โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการเปิดผับถึงเวลา 04.00 น. ในพื้นที่ 5 จังหวัดนำร่อง (กทม. ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย) จะเริ่มในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ หรือไม่ ว่า ทางกระทรวงมหาดไทย (มท.) ส่งร่างประกาศต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดต่างๆ ต้องไปถามอธิบดีกรมการปกครอง

ด้าน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า คาดว่าการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ใน 5 จังหวัดดังกล่าวจะสามารถเปิดได้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ตามนโยบายรัฐบาล

‘นายกฯ’ ปลื้ม!! โชว์ผ้ามัดหมี่สีชมพูทอชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ของขวัญจากกลุ่มแม่บ้านโนนสูง จ.หนองบัวลำภู

(4 ธ.ค. 66) ที่ โรงแรมณัฐพงศ์แกรนด์ อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2566 ครั้งแรกที่ จ.หนองบัวลำภู ที่ห้องประชุมโรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุม

ครม.สัญจร ครั้งแรก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นายกฯ และครม.ได้สวมเสื้อผ้าขิดสลับหมี่ ลายบัวลุ่มภู ซึ่งเป็นลายประจำจังหวัดหนองบัวลำภู สอดคล้องกับคำขวัญของจังหวัด ‘ดินแดนแห่งอารยธรรม ธรรมชาติรายล้อม ผ้าไหมงดงามตา’ 

นอกจากนี้ทางจังหวัดได้เตรียมผ้าพันคอมัดหมี่ลายขอประยุกต์สีน้ำตาล ย้อมจากเปลือกมะพร้าวและหมักลงโคลนสระบัวหลวง ผลิตโดยกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านกุดดู่ ให้นายกฯ ด้วย

เมื่อมาถึงนายกฯ ได้เดินมาหาสื่อมวลชน พร้อมนำผ้าทอมัดหมี่สีชมพูเข้มทอเป็นชื่อและนามสกุลของนายกรัฐมนตรี ที่ทางจังหวัดมอบให้เป็นที่ระลึก มาโชว์สื่อมวลชน ซึ่งเป็นผ้าจากกลุ่มแม่บ้านโนนสูง ต.บ้านถิ่น อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ที่ต้องใช้เวลาทอประมาณ 1 เดือน เพราะใช้ 40 กว่าหมี่ ความยาว 7 เมตร โดยจะนำผ้าดังกล่าวไปตัดเป็นเสื้อ ขณะที่นายกฯ ระบุว่า อยากจะซื้อตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. แต่ความยาวแค่ 2 เมตร

นอกจากนั้นทางกลุ่มแม่บ้านฯ ยังได้ทอผ้าอีกหนึ่งผืน เพื่อเตรียมมอบให้กับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ โดยทอเป็นชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง ชินวัตร’ โดยจะมอบให้ ในช่วงบ่ายที่จะลงพื้นที่ร่วมกับนายกฯ

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมนิทรรศการ ณ บริเวณหน้าห้องประชุม ภาพรวมการดำเนินงานของจังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ เกษตรเพิ่มมูลค่า จังหวัดสีขาว เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว เทคโนโลยีระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการความร่วมมือพัฒนาระบบการให้ความรู้ทางการเงินและมาตรการแก้ปัญหาหนี้รายย่อย

ก่อนที่เวลา 09.50 น. นายกรัฐมนตรี ถ่ายภาพร่วมกับคณะรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 1 และผู้แทนภาครัฐ ณ ห้องประชุม โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ หนองบัวลำภู

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ บรรดา ครม.ต่างสวมเสื้อผ้าขิตสลับหมี่ สีชมพู เข้าร่วมประชุม อย่างพร้อมเพรียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผ้าทอมัดหมี่ที่กลุ่มแม่บ้านแม่บ้านโนนสูง ต.บ้านถิ่น อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู นำมามอบให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึกนั้น นายกฯ ได้จ่ายเงินส่วนตัวเพื่อซื้อผ้าผืนดังกล่าวในราคา 7,000 บาท เพื่อ เป็นกำลังใจให้กับกลุ่มแม่บ้าน

ศึก ปชป. 'มาดามเดียร์' & 'ชัยชนะ เดชเดโช' ตัวแปรล้มสูตรเต็ง 'นราพัฒน์-เดชอิศม์'

อ่านข่าวของ THE STATES TIMES วันที่ 2 ธ.ค.2566 ซึ่งย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว 2 ธ.ค.2551 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมือง คือ พลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย อันเนื่องจากปมทุจริตแล้วก็อยากจะขอต่อยอดสักเล็กน้อยว่า...

ทันทีที่มีการยุบ 3 พรรคการเมืองส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ จากพรรคพลังประชาชนหลุดจากเก้าอี้ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมกันหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขับไล่นายสมชายยุติการชุมนุมลงในวันรุ่งขึ้นคือ 3 ธ.ค.

หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ประกาศ 'มันจบแล้วครับนาย' แยกทางกับทักษิณไปร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ รมว.มหาดไทยและคมนาคม ใหญ่คับประเทศ...

ส่วนฝ่ายมิตรฯ ทั้งแกนนำฯ แกนตาม 98 คนถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย-กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจรฯ วันที่ 18 ธ.ค.2566 นี้ศาลจะตัดสินคดีชุดแรก 31 คน  นำโดย 'สนธิ-จำลอง' และใครต่อใครหน้าเดิมๆ ทั้งที่ติดคุกคดีชุมนุมคดีอื่นมาแล้วและจ่อจะติดคุกติดตะรางกันอีกหลายคน...

แต่พื้นที่ที่เหลือ...จากนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' จะขอไฮไลต์ศึกชิงเจ้าสำนักพระแม่ธรณี...หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ในวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากล่มมาแล้วสองครั้งเมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค. สาเหตุหลักคือความขัดแย้งทำให้องค์ประชุมไม่ครบ...

ทำให้ที่ประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรควันก่อนจึงมีมติแก้ข้อบังคับให้ตั้ง สมาชิกองค์ประชุมสำรอง 150 คน จาก 5ภาคๆ ละ 30 คน...องค์ประชุมขาดเท่าไหร่ก็จะใช้องค์ประชุมสำรองเติมเข้าไป รับรองไม่ล่มแน่...

ส่วนกติกาการโหวตเลือกอื่นๆ ก็เหมือนเดิม ประการสำคัญคือใช้ระบบ 70:30 หมายถึงน้ำหนักโหวตของสส.25 คนจะคิดเป็น 70% โหวตเตอร์ที่เหลืออีก 200 กว่าคน น้ำหนัก 30% เทียบบัญญัติไตรยางศ์ดูแล้ว 1 โหวตของ สส.จะเท่ากับ 25โหวตของคนอื่นๆ...

ชัดเจนว่า...ใครคุมเสียง สส.มากกว่าก็ชนะ...ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง คุมอยู่ 21 เสียง อีกฝั่งหนึ่ง 'ชวน-จุรินทร์' คุมอยู่ 4 เสียงเท่านั้น...

เช่นนั้นแล้ว...ทำไม 'มาดามเดียร์' วทันยา บุนนาค เธอจึงกล้าออกมาแข่งขันชิงชัย...แน่นอนข่าวยืนยันว่า 4 เสียงของผู้อาวุโส คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ  บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สรรเพชร์ บุญญามณี ต่างหนุนมาดามเดียร์...

แต่ที่มากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิดก็คือ...ฝั่งนี้ได้ทาบทาม 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ให้มาร่วมทัพ ถ้ามาดามเดียร์ชนะก็รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคไปครอง...ซึ่งสูตรนี้ ทำให้ ชัยชนะ หวั่นไหวไม่น้อยทีเดียว...

'เดอะแทน' มีสส.ในมือที่นครศรีธรรมราช 6 คน หาเพิ่มอีก 2-3 คน ไปรวมกับ 4 เสียง ก็จะกลายเป็น 12-13 เสียงสูสีดู๋ดี๋กับฝั่งเฉลิมชัยที่ชูสูตร หัวหน้า-นราพัฒน์ แก้วทอง & เลขา-เดชอิศม์ ขาวทอง

อย่างไรก็ตาม...ด่านแรกของมาดามเดียร์ที่จะต้องฝ่าข้ามคือ ปัญหาคุณสมบัติที่เธอเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ถึง 5 ปีลงสมัครไม่ได้ ยกเว้นขอให้ที่ประชุมยอมงดใช้ข้อบังคับ...ถ้าที่ประชุมไม่ยอมก็จบข่าว..ถ้ายอมเธอก็ได้สู้ แต่ถ้าจะให้ได้ลุ้นก็อยู่ที่ 'เดอะแทน' ยอมที่จะแหกก๊วน 'เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ออกมาหรือไม่..

ส่วนสูตรที่ยุให้ 'เฉลิมชัย' กลับคำพูดมารับตำแหน่งเสียเองกอบกู้พรรค เขาบอกว่ายาก แต่ก็ห้ามกะพริบตา!!

‘มาดามเดียร์’ ปลื้ม!! ผลสำรวจนิด้าโพล ชี้!! เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป

‘มาดามเดียร์’ ร่วมเป็นกรรมการตัดสินประกวด ‘Policy Hackathon’ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมพบตัวแทนสาขาพรรคฯ เน้นย้ำความตั้งใจลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออนาคตของพรรคและประเทศ ขอบคุณหลังผลนิด้าโพลประชาชนยกให้เหมาะสมเป็นหัวหน้าคนต่อไป

(3 ธ.ค. 66) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางร่วมกิจกรรมเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรม การประกวดนโยบาย Policy Hackathon ในงาน ‘มหกรรมสิงห์วิชาการ ครั้งที่ 9’ ซึ่งจัดโดยสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ในโอกาสนี้ น.ส.วทันยา ยังได้พบปะตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจำจังหวัด และสมาชิก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากหลายจังหวัด เพื่ออธิบายถึงความตั้งใจในการประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 และแนวทางในการทำงานเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์และความศรัทธาของพรรค ให้ได้รับการยอมรับและเป็นที่ไว้ใจให้กับประชาชนอีกครั้ง รวมถึงยังได้มีการแลกเปลี่ยนรับฟังถึงปัญหาและความต้องการจากตัวแทนสาขาพรรค เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมต่อไป

โดยในการพูดคุยตัวแทนสาขาพรรค มีความเห็นพ้องร่วมกันว่าอยากให้ น.ส.วทันยา ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทั้งด้านธุรกิจและด้านการเมือง จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถฟื้นฟูและนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้อีกครั้ง

ขณะที่ น.ส.วทันยา ได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ และชวนทุกคนมาร่วมสร้างพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมในทุกมิติของพรรค

นอกจากนี้ น.ส.วทันยา ยังได้กล่าวถึงผลสำรวจของนิด้าโพล ที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าตนมีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพความตั้งใจของตน ที่ได้เสนอตัวต่อพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

‘นายกฯ’ เปิดยุทธศาสคร์ 5 เสาหลัก-5 กลยุทธ์ แก้ปัญหายาเสพติด พร้อมชู ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ป้องกันการเกิดเหตุสลดซ้ำรอยเดิม

(3 ธ.ค. 66) ณ ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ทุกกระทรวง เดินทางตรวจติดตาม ผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นภารกิจแรก ตามโครงการ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 พื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายไชยา พรหมา รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทุกกระทรวง ร่วมงาน ทั้งนี้ มีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนกว่า 8,000 คนให้การต้อนรับ

โดยพอถึงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีและคณะได้สักการะศาลหลักเมืองพระไชยเชษฐาธิราช เยี่ยมผู้ป่วยจิตเวช และให้กำลังใจ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล มินิธัญญรักษ์ จากนั้นบวงสรวงอนุสาวรีย์ ทสปช. ให้โอวาทเจ้าหน้าที่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และเยี่ยมชมบูธผลการดำเนินการป้องกันปัญหายาเสพติด

สำหรับจุดต้อนรับ ครม.สัญจร ซึ่งจะมีการนำเสนอผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดดังกล่าว สืบเนื่องจากต้นเดือน ต.ค. 2565 ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรม ตำรวจคลั่งใช้อาวุธปืน และมีด ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาล ครูพี่เลี้ยง และชาวบ้าน เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยสาเหตุจากยาเสพติด

เหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นกรณีศึกษา และเป็นที่มาให้ทุกภาคส่วน ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อสู่การเป็นจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการร่วมมือ ร่วมใจของภาคีเครือข่าย ในพื้นที่ ต.หนองบัวลำภู จนกระทั่งประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม และได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2566 และต่อมาได้รับการคัดเลือกเป็นสถานที่ต้อนรับ ครม.สัญจร ครั้งทึ่ 1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ 3 ก. แก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหายาเสพติด และแก้ปัญหาสารพิษ ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ในครั้งนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ในส่วนของ จ.หนองบัวลำภู ที่ประสบผลสำเร็จ สู่การเป็นหนองบัวลำภูโมเดล โดย ศอ.ปส.แห่งชาติ ได้กำหนดให้ จ.หนองบัวลำภู เป็นต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด จัดการยาเสพติดแบบครบวงจรนั้น จากการรายงานทราบว่า ความสำเร็จเกิดจากผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 5 เสาหลัก และ 5 กลยุทธ์

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า สำหรับเสาหลักที่ 1 คือ ยึดหลักปฏิบัติหลักการพัฒนายั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เสาหลักที่ 2 ต้องสร้างทีมงานที่ดีทุกระดับชั้น เสาหลักที่ 3 จัดตั้งชุดปฏิบัติการ ‘คุ้ม’ เสาหลักที่ 4 มีการบันทึกข้อมูลส่วนบุคลผู้เสพ ผู้ป่วยจิตเวช เพื่อหาแรงจูงใจทำให้ผู้เสพเลิกยาเสพติดอย่างถาวร และเสาหลักที่ 5 มาตรการชุมชนมีส่วนร่วม หรือชุมชนบำบัด

นายเศรษฐากล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะใช้ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักแล้ว ยังใช้มาตรการ 5 กลยุทธ์ คือกลยุทธ์ที่ 1 ต้องใช้ ‘ใจ’ นำการทุ่มเทปฏิบัติงาน กลยุทธ์ที่ 2 ต้องใช้หลัก ‘เมตตากรุณา’ ต่อผู้ป่วยจิตเวช ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดและครอบครัว กลยุทธ์ที่ 3 ‘แยกปลาออกจากน้ำ’ เน้นแก้ไขปัญหาผู้ป่วยจิตเวช ที่มีอาการอาละวาดรุนแรงทำร้ายตนเอง และบุคคลใกล้ตัว กลยุทธ์ที่ 4 เน้น ‘Work Hard & Work & Smart’ และกลยุทธ์ที่ 5 การปฏิบัติต้องมุ่ง งานสำเร็จ มิใช่แค่งานสำเร็จ ทั้งนี้ ขอชื่นทุกภาคส่วน ในจ.หนองบัวลำภู ที่ร่วมด้วยช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ และเป็นต้นแบบจังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ดังกล่าว

ด้านนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักและ 5 กลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ ในการไขคำตอบแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการเฝ้าระวัง เข้มงวดกวดขัน ควบคู่กับการบำบัดฟื้นฟู ส่งเสริมสร้างอาชีพ เป็นคนดีสู่สังคม และไม่ย้อนกลับไปมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก

โดยในส่วนของการบำบัดฟื้นฟูนั้น ได้ดำเนินการจัดตั้งมินิธัญญารักษ์ ที่ รพ.สุวรรณคูหา มีการคัดกรองผู้เสพผู้ติดยา ผู้มีอาการทางจิต ขยายศูนย์คัดกรองครอบคลุมทั้ง 6 โรงพยาบาล 83 รพ.สต. จัดตั้งและขยายศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมครอบคลุม 68 อปท. และโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามยุทธศาสตร์ชาติ 2566 ทั้งนี้มีผู้ร่วมโครงการ 2,126 ราย

‘เทพไท’ เผย ‘ลุงตู่’ ลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ปิดฉากทางการเมืองไทย พร้อมขึ้นหิ้งสู่ ‘องคมนตรี’

(3 ธ.ค. 66) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ดังนี้…

ลุงตู่ ลงจากหลังเสือ อย่างสง่างาม

หลังจากผมได้โพสต์เพลง ‘สดุดีลุงตู่’ ในสื่อโซเชียลช่องยูทูปได้ไม่นาน ปรากฏว่า มียอดผู้เข้าชม 1 แสนคนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และรวมจากสื่อทุกช่องทาง มียอดผู้เข้าชมนับล้านวิว ในเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กระแสความนิยมในตัวลุงตู่ ยังมีอยู่ไม่น้อย ไม่ได้ลดต่ำลงไปเลย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้นำประเทศ ซึ่งมาจากการรัฐประหาร ผ่านการเลือกตั้ง เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เป็น ‘องคมนตรี’ ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด

การได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ของพลเอกประยุทธ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นการวางมือทางการเมืองแบบเด็ดขาด ถือได้ว่าได้ก้าวลงจากตำแหน่งแบบสง่างามหรือสมูทที่สุด

ก่อนหน้านี้ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อลงจากตำแหน่ง หรือที่เรียกกันว่าลงจากหลังเสือ อาจจะถูกเสือแว้งกัดได้ แต่กรณีของลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ได้ลงจากตำแหน่งอย่างมีเกียรติ และส่งไม้ต่อให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากขั้วอำนาจใหม่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ นับว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่รัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่เปลี่ยนผ่านอำนาจ ส่งมอบงานกันอย่างมีไมตรีต่อกัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว ปิดฉากทางการเมืองอย่างเป็นทางการ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘ขึ้นอยู่บนหิ้ง’ แล้ว คงไม่ลงมาเกลือกกลั้วกับการเมืองอีกแน่นอน

ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีกับตำแหน่งองคมนตรีของลุงตู่อีกครั้งหนึ่ง หวังว่าท่านคงได้นำความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top