นายกฯ สั่งทุกจังหวัดเคร่งครัดมาตรการป้องกันไข้เลือดออก พร้อมดูแลประชาชนจากสัตว์มีพิษที่มาในช่วงพายุฤดูร้อน
(26 มี.ค.65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยสุขภาพประชาชนในช่วงที่สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนจากพายุฤดูร้อน เกิดฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีน้ำขัง กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายซึ่งเป็นพาหะไข้เลือดออก จึงได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยสอดส่อง ดูแล ประชาชน รวมทั้ง ป้องกัน ทำลาย แหล่งเพาะเชื้อยุง เพื่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ทั้งนี้ หากมีอาการป่วย มีไข้สูง หรืออ่อนเพลีย ให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจุบันมีการระบาดของโรคโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย อาจทำให้ผู้ป่วยสับสนว่าเป็นอาการของโรคใดจนอาจได้รับการรักษาล่าช้า และแม้มีอาการเริ่มต้นคล้ายกัน เช่น มีไข้สูง หรืออ่อนเพลีย แต่หากตรวจ ATK แล้วผลเป็นลบ และเมื่อดูอาการครบ 48 ชม. แล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถิติการเฝ้าระวังการเกิดโรคไข้เลือดออกระหว่างปี 2563-2564 ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ป่วยลดลง ซึ่งเคยสูงถึง 131,157 รายในปี 2562 ลดลงเหลือ 72,130 ราย ในปี 2563 และ 8,754 ราย ในปี 2564 แต่กรมควบคุมโรคได้คาดการณ์ว่าในปี 2565 นี้อาจมีการระบาดเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการเคร่งครัด บังคับใช้มาตรการป้องกันโรคไข้เลือดออกในทุกจังหวัดอย่างเร่งด่วน โดยจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเพื่อสำรวจและพ่นสารกำจัดลูกน้ำยุงลาย รณรงค์การกำจัดยุงลายผ่านมาตรการ 3 เก็บ 3 โรค กล่าวคือ
1. เก็บบ้านให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงเกาะพัก 2. เก็บขยะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3. เก็บน้ำให้มิดชิดไม่ให้ยุงวางไข่ เพื่อป้องกัน 1. โรคไข้เลือดออก 2. โรคไวรัสซิกา และ 3. โรคปวดข้อยุงลาย รวมทั้งยังได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่มีพาหะจากยุง รวมถึงการใช้ยาให้ถูกโรค และต้องมีแพทย์หรือเภสัชกรคอยแนะนำเสมอ โดยได้เน้นย้ำถึงกลุ่มอาการของโรคไข้เลือดออก เช่น มีไข้สูง อ่อนเพลีย ถ่ายเหลว อาเจียน รู้สึกระสับกระส่าย หรือเริ่มมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เป็นต้น แตกต่างจากโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการปัญหาระบบทางเดินหายใจและมีสารคัดหลั่งที่ชัดเจน เช่น เป็นหวัด น้ำมูกไหล ไอ มีเสมหะ หรือเจ็บคอ เป็นต้น
