Sunday, 8 June 2025
โนเกีย

‘โนเกีย’ เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ ‘G22’ พ่วงคุณสมบัติให้ผู้ใช้งาน 'ซ่อมเองได้'

(26 ก.พ.66) สำนักข่าว CNBC สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Nokia launches smartphone you can fix yourself, jumping on ‘right to repair’ trend ระบุว่า 'โนเกีย (Nokia)' แบรนด์โทรศัพท์มือถือชื่อดังจากประเทศฟินแลนด์ เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ 'จี22 (G22)' มาพร้อมกับหน้าจอ 6.5 นิ้ว และกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล วัสดุทำจากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ ตอบโจทย์ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แต่ที่น่าจะฮือฮาที่สุด คือมือถือโนเกีย จี22 มาพร้อมกับ 'คู่มือสอนการซ่อมพร้อมเครื่องมือที่ต้องใช้ (Tools and Repair Guides)' ผู้ใช้สามารถถอดและเปลี่ยนฝาหลัง แบตเตอรี่ หน้าจอ และพอร์ตชาร์จของโทรศัพท์ได้ 

โดย อดัม เฟอร์กูสัน (Adam Ferguson) หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ HMD Global ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือกิจการของโนเกีย กล่าวว่า กระบวนการนี้จะมีต้นทุนโดยเฉลี่ยน้อยกว่าการเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องเก่าด้วยเครื่องใหม่ถึงร้อยละ 30

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า บรรดาบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือกำลังทำงานมากขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภายุโรป กำลังเรียกร้องให้ออกกฎหมายที่จะบังคับให้ผู้ผลิตให้สิทธิ์แก่ผู้ใช้ในการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ด้วยตนเอง ซึ่งมาจากการรณรงค์ของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้บริโภค ต้องการให้ผู้ผลิตเอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถซ่อมมือถือเองได้ง่ายขึ้น

ข้อตกลงใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมาธิการยุโรปพยายามที่จะทำให้ประเทศสมาชิกเดินหน้าสู่แนวคิด 'เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)' ภายในปี 2593 ทำให้สินค้าทางกายภาพเกือบทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ซ่อมแซม ใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลเพื่อลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซ่อมโทรศัพท์มีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากแบตเตอรี่และส่วนประกอบอื่น ๆ ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาด้วยกาว

‘โนเกีย’ เตรียมปลดพนง.ล็อตใหญ่ 14,000 ตำแหน่ง หวังลดค่าใช้จ่ายในองค์กร หลังผลประกอบการดิ่งฮวบ

(19 ต.ค.66) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า บิ๊กเทคโนโลยีสารสนเทศ ‘โนเกีย’ (Nokia) เตรียมลดพนักงานครั้งใหญ่สูงสุด 14,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 16% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ให้บริการในสหรัฐและยุโรปลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G ลดลง ส่งผลกระทบต่อการสร้างรายได้ของบริษัท

ซึ่งการลดพนักงานครั้งนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรได้ 10-15% และคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายในปี 2567 ได้ถึง 400 ล้านยูโร (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) และประหยัดเพิ่มอีก 300 ล้านยูโร (ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท) ในปี 2568

รายงานข่าวระบุว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ของ Nokia อยู่ที่ 424 ล้านยูโร (ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าการประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 545.2 ล้านยูโร (ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท)

นายเพ็กก้า ลุนด์มาร์ก (Pekka Lundmark) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nokia กล่าวในแถลงการณ์ของบริษัทว่า ยอดขายสุทธิในกลุ่มธุรกิจเครือข่ายมือถือลดลง 19% เนื่องจากในอินเดียมีการใช้โครงข่าย 5G ในระดับปานกลาง หมายความว่าการเติบโตทางธุรกิจไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวในอเมริกาเหนือได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ Nokia ต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างรายได้จากการที่ผู้ให้บริการในสหรัฐและยุโรปพยายามลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและการปรับสินค้าคงคลัง ซึ่งคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Ericsson AB ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าความอ่อนแอของตลาดจะยังอยู่ในไตรมาส 4/2566 และช่วงต่อ ๆ ไป

พนง.'Nokia' ผวา 'iPhone' เปิดตัวมือถือจอสัมผัส เตือนผู้บริหารรับมือยุคตกต่ำหากไม่รีบปรับตัว

(27 ม.ค. 68) เว็บไซต์ Fahad X ได้เผยแพร่ไฟล์เอกสารพาวเวอร์พอยต์ เมื่อปี 2007 ที่เป็นความลับของบริษัท Nokia โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยจากเอกสารภายในของ Nokia ซึ่งจัดเก็บอยู่ในโครงการ Nokia Design Archive ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัย Aalto ประเทศฟินแลนด์

ข้อมูลในไฟล์ดังกล่าวเป็นการหารือภายในของพนักงาน Nokia ที่มองการเปิดตัว iPhone 2G ที่เปิดตัวเมื่อปี 2007 โดยไฟล์ดังกล่าวเป็นการนำเสนอของพนักงาน Nokia เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ปี 2007 ในรูปแบบของสไลด์ โดยพนักงาน Nokia ทั้งหมด 9 คน นำเสนอผู้บริหารระดับสูงว่า “iPhone” คือภัยคุกคามของ Nokia

สไลด์ดังกล่าวมีทั้งหมด 22 หน้า โดยเนื้อหาในสไลด์ชี้ว่า “iPhone” ของ Apple ซึ่งเปิดตัวในปีเดียวกันนั้น เป็นภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบต่อ Nokia  

หัวข้อสไลด์เริ่มต้นด้วยข้อความว่า “Apple เพิ่งเปิดตัว iPhone” โดยยืนยันว่า Apple สามารถใช้ชื่อ "iPhone" ได้หลังการเจรจากับ Cisco ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อพิพาทเรื่องสิทธิในชื่อดังกล่าว  

ในขณะนั้น Nokia ครองส่วนแบ่งตลาดมือถือโลกกว่า 50% และมีความมั่นใจในว่ายังคงสามารถรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดได้ จนกระทั่ง 'สตีฟ จ็อบส์' ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ได้ประกาศเป้าหมายไว้ในงานเปิดตัว iPhone ว่า Apple ขอเพียง 1% ของตลาดมือถือ หรือยอดขาย 10 ล้านเครื่องในปี 2008 เท่านั้น แม้ผู้บริหาร Nokia จะยังไม่เห็นถึงความร้ายแรงของ iPhone ในทันที แต่ทีมงาน Nokia กลับมองเห็นจุดเด่นหลายประการที่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่  

จุดเด่นของ iPhone ที่พนักงาน Nokia ในเวลานั้น นำเสอนต่อผู้บริหารมีหลายประเด็น อาทิ UI แบบจอสัมผัส ที่ไม่มีคีย์บอร์ดหรือปุ่มกดตัวเลข ซึ่งเป็นจุดเด่นใหม่ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของ Nokia  

การเจาะตลาดไฮเอนด์ ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน ทำให้ iPhone กลายเป็นสินค้า "ที่ต้องมี" และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์ตระกูล N-Series ของ Nokia และภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูด ซึ่งช่วยให้ iPhone สร้างความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานอย่างรวดเร็ว  

เอกสารนี้ยังพูดถึงฟีเจอร์เด่นของ iPhone เช่น การใช้งานเบราว์เซอร์ที่ง่ายขึ้น, ฟังก์ชันการสไลด์เพื่อปลดล็อกหน้าจอ, แอปพลิเคชันรูปภาพที่ออกแบบมาให้ใช้งานสะดวก และความสามารถในการเชื่อมต่อกับ iPod เพื่อฟังเพลงทุกที่ทุกเวลา  

แม้ Nokia จะมีมุมมองที่รอบคอบต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด แต่ท้ายที่สุด iPhone กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน ซึ่ง Nokia เองไม่สามารถปรับตัวได้ทัน  

เอกสารนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการมองเห็นโอกาสและความท้าทาย แต่ยังขาดการลงมือปรับตัวอย่างทันท่วงที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top