Saturday, 18 May 2024
โฆษกรัฐบาล

โฆษกรัฐบาล มั่นใจสถานการณ์น้ำ ไม่ซ้ำรอยปี 54 โว เทียบอดีตสถิติความเสียหาย 'ภัยแล้ง-อุทกภัย' ลดลงชัดเจน เผย บิ๊กตู่ สั่งเฝ้าระวังตั้งแต่ต้นปี

วันที่ 7 ต.ค. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการทุกหน่วยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตั้งแต่ต้นปี และวางแผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันภัยพิบัติจากสถานการณ์อุทกภัย และปัญหาน้ำแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ส่งผลให้สถิติความเสียหายจากน้ำลดลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินถึง 65 จังหวัด เสียหาย 69 ล้านไร่

นายธนกร กล่าวต่อว่า ขณะที่ในปี 2564 ครบรอบ 10 ปี ข้อมูลจากจิสด้าพบว่า ปีนี้น้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง 21 จังหวัด มีพื้นที่เสียหาย 1.33 ล้านไร่ ส่วนสถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของไทย ปี 2564 น้ำมีระดับน้ำน้อยและมีพื้นที่เพียงพอรองรับปริมาณน้ำฝนอีกมาก รวมทั้งได้พัฒนารูปแบบการจัดการน้ำโดยใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ รับน้ำนอง บรรเทาความเสียหาย ขณะที่ปริมาณฝนที่ตกในกทม.ยังไม่มาก ทำให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำได้ และประเมินได้ว่ากทม.น้ำจะไม่ท่วมหรือรุนแรงเท่ากับปี 2554

‘โฆษกรัฐบาล’ ยันใช้สิทธิ์ประกันชีวิตรักษาโควิด ย้ำ สาธารณสุขไทยทำได้ดี แม้มีปัญหา ‘เจอ แจก จบ’

โฆษกรัฐบาลชี้ภาพรวมบริหารจัดการโควิด-19 ระบบสาธารณสุขไทยทำได้ดี "เจอ แจก จบ" ส่วนน้อยมีปัญหาก็ต้องแก้ไขกันไป ยันติดเชื้อไม่มีอภิสิทธิ์ชนเท่าเทียมกันหมด

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 65 ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้นักข่าวช่องหนึ่งที่พาดพิงว่า ได้รับอภิสิทธิ์ในการรักษาโควิด ในขณะที่แม่ของนักข่าวท่านนั้น ที่อายุ 77 ปี ซ้ำเป็นโรคหอบหืด แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแล โดยระบุว่า

ผมคิดว่าในภาพรวมการบริหารจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 ระบบสาธารณสุขไทยทำได้ดีท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตแล้ว ขนาดอาจารย์หมอศิริราช หรืออาจารย์หมอซึ่งเป็นที่ปรึกษาศบค. ยังบอกว่ารัฐบาลไทยทำได้ดี ทำทุกอย่างมากมาย เมื่อเทียบกับต่างประเทศซึ่งปล่อยให้ประชาชนดูแลตนเอง ต่างจังหวัดเพื่อนผมติดเยอะมาก ก็ไปโรงพยาบาล เจอ แจก จบ ผมว่าขณะนี้อาจจะมีส่วนน้อยที่มีปัญหาบ้างก็ต้องแก้ไขกันไปครับ ผมอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันดีกว่าตำหนิกันไปมา ท่านนายกก็สั่งการทุกอย่าง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกวันครับ

โฆษกรัฐบาลโต้ ส.ส.ก้าวไกล ให้ข่าวมั่ว กรณีจัด iPad ตัวท็อปให้ สลน. 130 เครื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าจัด iPad Pro M1 ตัวท็อปพร้อมอุปกรณ์เสริมให้กับข้าราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) 130 เครื่อง เป็นเงิน 10 ล้านบาท จากเงินภาษีประชาชน ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือนและจับแพะชนแกะอย่างรุนแรง นายจิรัฏฐ์ เป็นผู้แทนประชาชนและเข้ามาทำหน้าที่สำคัญในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายของประเทศ แต่กลับไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีและยังให้ร้ายผู้อื่น ถือเป็นพฤติกรรมที่แย่มาก เช่นนี้พรรคก้าวไกลและสังคมควรทบทวนบทบาทของนายจิรัฏฐ์ เสียใหม่

นายธนกร กล่าวว่า การจัดทำของบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นเรื่องของส่วนราชการที่พิจารณาว่าเรื่องใดมีความสำคัญและจำเป็น จากนั้นจึงเสนอของบประมาณผ่านสำนักงบประมาณ ดังนั้นแม้จะเป็นงบประมาณของ สลน. แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้เสนอขอหรือจัดงบให้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางงบประมาณที่มีคณะกรรมการหลายชุดเป็นผู้พิจารณา

‘บิ๊กตู่’ เซ็นตั้ง 'อนุชา' พีอาร์ผลงานรัฐ หวนนั่งโฆษกรัฐบาลแทน ‘ธนกร’

(18 ส.ค. 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า จากกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้เลื่อนขึ้นเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และได้ลาออกจากตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั้น วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 204/2565 เรื่อง มอบหมายให้ข้าราชการการเมืองปฏิบัติหน้าที่ อีกหน้าที่หนึ่ง เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อเนื่อง เหมาะสม และที่ประสิทธิภาพ 

นายกฯจึงมีคำสั่งมอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกหน้าที่หนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 

นายอนุชา บูรพชัยศรี เคยดำรงตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 18 ส.ค. 2563 – 24 ส.ค. 2564 ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง

รัฐบาล ปลื้ม 11 เดือน ต่างชาติลงทุนในไทยพุ่ง 74% ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว สร้างงานกว่า 5 พันตำแหน่ง

โฆษกรัฐบาล โว ต่างชาติเชื่อมั่นลงทุนไทย เพิ่มขึ้นถึง 74% รัฐบาล เร่ง สร้างงานสร้างรายได้ เศรษฐกิจฟื้นตัว

เมื่อวันนี้ (22 ธ.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีเรื่องน่ายินดี ตัวเลขการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ตลอด 11 เดือนของปี 2565 (มกราคม - พฤศจิกายน) มูลค่ารวมกว่า 112,466 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ถึงร้อยละ 74 เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 5,000 คน โดยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ขานรับและดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างแข็งขัน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณบวกต่อเนื่อง ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนชาวต่างชาติ และสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนไทย

นายอนุชา กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2565 กระทรวงพาณิชย์ได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 530 ราย โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 

1) ญี่ปุ่น 137 ราย (ร้อยละ 26) เงินลงทุน 39,000 ล้านบาท 
2) สิงคโปร์ 85 ราย (ร้อยละ 16) เงินลงทุน 11,999 ล้านบาท 
และ 3) สหรัฐอเมริกา 70 ราย (ร้อยละ 13) เงินลงทุน 3,343 ล้านบาท

‘โฆษกรัฐบาล’ แย้ม!! ทิศทาง ‘พรก.ฉุกเฉิน’ 3 จว.ชายแดนใต้ มีแนวโน้มผ่อนคลาย และเอื้อต่อสิทธิเสรีภาพปชช.มากขึ้น

(18 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการพิจารณาขยายเวลาบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พรก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า เรื่อง พรก.ฉุกเฉินเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ตนไม่อยากแถลงอะไรมาก เพราะฝ่ายความมั่นคงจะแถลงเองภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนตนนั้นสามารถพูดได้ตอนนี้เพียงว่า ทิศทางของเรื่องนี้ จะดำเนินไปในทิศทางที่มีการผ่อนคลายมากขึ้น เอื้อต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น ส่วนคำว่าดีกว่าเดิม แล้วจะดีขนาดไหน ไม่สามารถตอบที่นี่ได้ตอบได้แค่ว่าอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ขอให้รอฟังจากฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้แถลง

‘โฆษก รบ.’ แจง!! ‘นายกฯ’ ภารกิจแน่น ร่วมประชุม UNGA ที่สหรัฐฯ วอนกลุ่มจับผิดหยุดให้ข่าวเท็จ-ด้อยค่าความทุ่มเทเพื่อบ้านเมือง

โฆษกรัฐบาล แจง นายกฯ ร่วมประชุม UNGA 78 สหรัฐฯ ภารกิจแน่น จวกกลุ่มตามจับผิดให้ความเท็จต่อประชาชน แจงถึงไทย 24 ก.ย.ทั้งที่ประชุมเสร็จ 22 ก.ย.เพราะเวลาต่างกัน ยันผลหารือนักลงทุนได้ประโยชน์คุ้มค่าแน่นอน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัย ชัชวรงค์ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงภารกิจเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เกิดข่าวลือและการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เป็นความจริงในสังคมไทย โดยระบุว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ในการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจครั้งแรกที่ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถูกด้อยค่า และจับผิด จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตลอดเวลา

สำหรับภารกิจนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้มี 3 ด้านหลัก คือ การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ซึ่งมีประเด็นหลักเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ที่นายกรัฐมนตรียังเป็นเจ้าภาพการประชุมในกรอบของอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องดังกล่าว และยังจะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

ขณะที่ ช่วงเย็นของวันที่ 19 ก.ย. 66 นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรอง ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้าร่วมประชุม

นอกจากนี้ การเดินทางครั้งนี้ยังมีกำหนดหารือทวิภาคีกับผู้นำโลก เช่น ประธานาธบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรี เวียดนาม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงประธาน FIFA และท่านนายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายที่จะแสวงหาโอกาสพัฒนาทีมฟุตบอลไทยในเวทีโลก รวมถึงการจัดการแข่งขันระดับโลกในประเทศไทย

โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด นายกรัฐมนตรีได้เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และดึงการลงทุนจากต่างชาติให้ไหลเข้าประเทศไทย เนื่องจาก ในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา การลงทุนขนาดใหญ่แทบไม่เคยเกิดขึ้นในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบผู้บริหารขนาดใหญ่ 8-9 บริษัท อาทิ Black Rock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเงินทุน 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 250 ล้านล้านบาท แค่เพียงบริษัทเดียวจะเห็นว่ามีเงินลงทุนมากขนาดไหน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะได้พบกับผู้บริหาร SpaceX, Tesla, Google, GoldMan Sachs, CitiBank, J.P.Morgan และ estee Lauder, Microsoft, บริษัทเหล่านี้ เมื่อรวมกันแล้วมีเม็ดเงินลงทุนนับพันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจการเงินการลงทุน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะพบหารือกับทีมประเทศไทย ทีมีทูตพาณิชย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือสร้างโอกาสการค้าการลงทุนในประเทศไทย เพื่อให้ทิศนทางว่า ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าทางเศรษฐกิจอย่างไร และยังจะมีโอกาสพบปะกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐฯ เพื่อรับฟังว่าคนไทยในสหรัฐฯ มีปัญหาอย่างไร และต้องการให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือในประเทศไทยทำอะไรบ้าง

“กิจกรรมทั้งหมดอัดแน่นเพียงเวลา 3 วันกว่าเท่านั้น แต่ยังมีการจับผิดถึงภารกิจ ทั้งๆ ที่มีภารกิจอัดแน่นจนถึง 22.00 น.วันที่ 22 ก.ย. 66 แต่ทำไมกลับถึงไทยในวันที่ 24 ก.ย. 66”

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพมายังนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ใช้เวลาเดินทางร่วม 20 ชั่วโมง และเวลาไทยก็เร็วกว่าเวลาในนิวยอร์ก 11 ชั่วโมง ดังนั้น เมื่อออกเดินทางจากนิวยอร์ก เวลา 22.00 น. วันที่ 22 ก.ย. 66 ซึ่งในประเทศไทยเป็น 09.00 น.ของวันที่ 23 ก.ย. 66 และการเดินทางกลับใช้เวลาประมาณ 20 ชม. ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จะเดินทางถึงไทย เวลา 08.40 น.ของวันที่ 28 ก.ย. 66 จึงแปลได้ว่า การเอาเวลาไปตามจับผิด จึงเป็นความเท็จทั้งหมด 

ส่วนกรณีเครื่องเช่าเหมาลำการบินไทยนั้น รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ซึ่งรับผิดชอบการบริหารจัดการเที่ยวบิน ได้ชี้แจงไปแล้ว กรณีว่าทำไมมีการนำผู้ไม่ใช่ข้าราชการการเมืองและข้าราชการการเมืองมาด้วยนั้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีความคิดก้าวหน้า ท่านมองว่าบุคคลใดก็ตามที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ หากเดินทางมาร่วมคณะ จะสามารถช่วยงานได้ จะเป็นประโยชน์กับประเทศ เพราะใครก็ตามที่สามารถเข้ามาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ขณะที่บางท่านเป็นคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี มาแต่ต้น บางท่านเพิ่งเข้ามา

ส่วนกรณีบุตรสาวของนายกรัฐมนตรีนั้น เดินทางมาด้วยการออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งวิธีการคำนวณนั้นมีอยู่แล้ว หารเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัว คิดเป็นเท่าไหร่ ก็จ่ายเป็นราคาเต็ม และรัฐบาลไทย ก็จ่ายน้อยลง

“ยืนยันว่าการเดินทางมาสหรัฐฯ เพื่อร่วมประชุมของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ โปรแกรมแน่นเอี้ยด และประเทศไทยได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าอย่างแน่นอน”

‘โฆษกรัฐบาล’ อัด ‘ก้าวไกล’ หลังจี้ ‘เศรษฐา’ ตอบกระทู้กรณีปัญหาตำรวจ พร้อมถาม “รู้ทั้งรู้ว่านายกฯ ติดภารกิจเยือนกัมพูชา จะทำไปเพื่ออะไร?”

(28 ก.ย. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นกรณี นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตำหนิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าหนีตอบกระทู้ถามสด กรณีปัญหาเกี่ยวกับตำรวจ แต่กลับไปราชการที่กัมพูชา ว่า…

“รู้ทั้งรู้ ว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจเยือนกัมพูชา แต่ก็ยังหาเรื่องตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร? ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์อะไรครับ?”

อย่างไรก็ตามขณะนี้ นายชัย ได้ติดตามภารกิจนายกฯ อยู่ประเทศกัมพูชา

‘โฆษกรัฐบาล’ แจงปมขึ้นเงินเดือน ‘ขรก.-จนท.’ อยู่ระหว่างศึกษา อาจจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม

(5 พ.ย.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มี
รายงานข่าวว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ส่งหนังสือถึงกระทรวงและหน่วยงานราชการให้ศึกษาเรื่องการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมถึงแนวทางความเป็นไปได้ และกรอบระยะเวลา ผลกระทบของการปรับอัตราเงินดือนฯ กับหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ชัดเจน และรายงานผลให้ครม.ทราบภายในเดือน พ.ย.นี้ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่มติคณะรัฐมนตรีแต่เป็นเพียงข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในที่ประชุม
ครม.โดยมอบหมายให้นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ไปศึกษาแนวทางว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ทำได้แค่ไหน โดยให้พิจารณาอย่างรอบด้านและให้รายงานกลับมาให้ทราบเท่านั้น 

เวลานี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และเมื่อผลออกมาแล้วนำเสนอให้นายกฯ ก็ยังไม่รู้ว่าแนวทางที่ศึกษาจะทำได้แค่ไหนอย่างไร และอาจจะทำหรือไม่ทำตามก็ได้ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ยังเป็นเพียงการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้เท่านั้น 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top