Sunday, 19 May 2024
แชร์อุทาหรณ์

‘สาว’ ผวา!! เจอ ‘เบ็ดตกปลา’ พร้อมเอ็น ปนมากับผัดเผ็ดปลาดุก หลังกินไปได้คำเดียว ฟากทางร้านรับผิดชอบคืนค่าอาหารให้ 120 บาท

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 66) จากกรณีที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความเตือนภัยว่า "มาแชร์ประสบการณ์เจอเบ็ดตกปลาในอาหารค่ะ สั่งอาหารจากแอปเขียว เป็นร้านอาหารใต้ กำลังจะตักเข้าปากตามองไปเห็นอะไรเป็นเส้น ๆ ตกใจมากค่ะ มันคือ เบ็ดตกปลา!! รีบโทรไปหาร้าน ได้คำตอบว่า ทางร้านก็ล้างดีแล้ว ไม่รู้หลงมาได้ไง เป็นคำตอบที่ไม่โอเคมาก ๆ ค่ะ อันตรายมาก ๆ ถ้ากินเข้าไป เตือนผู้บริโภคไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ จะกินอะไร มองกันดี ๆ ค่ะ"

จากโพสต์ดังกล่าว เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบผู้โพสต์คลิปดังกล่าวเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้พบกับ น.ส.อิสรีย์ แสงอนันต์ขจร หรือ จูน อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้โพสต์คลิปแจ้งเตือนภัย

คลิปจากกล้องมือถือเป็นภาพอาหารในช้อนที่ตักพร้อมรับประทาน พบเบ็ดตกปลาขนาดความยาวประมาณ 1 ซม. กว่าติดอยู่กับไส้ปลา น.ส.จูนจึงใช้มือแกะออกมาและยกให้เพื่อนอีกคนเป็นคนถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน โดยพบมีที่ตัวเบ็ดตกปลายังมีสายเอ็นเบ็ดติดมาด้วย จึงได้นำไปวางลงในชามอาหารเพื่อให้ถ่ายชัดเจนขึ้น

น.ส.อิสรีย์ แสงอนันต์ขจร หรือ จูน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงบ่ายตนได้สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันเจ้าหนึ่ง โดยได้สั่งอาหารเป็นเมนูผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่าพร้อมข้าวเปล่า ส่วนของเพื่อนเป็นข้าวปลาแกะจากร้านอาหารปักษ์ใต้ร้านหนึ่ง

เมื่อตนได้รับอาหารมา แล้วนำมาแกะถุงเพื่อจะกินอาหารพร้อมกันกับเพื่อน ตนได้แกะถุงผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่าเพื่อตักแบ่งออกมาจากถุงส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้กินในมื้อเย็น ปรากฎว่าหลังจากตนตักกินไปได้ 1 คำ และกำลังจะตักคำที่สองมากินต่อ โดยเลือกตักส่วนพุงปลาเพราะตนเองชอบกินพุงปลามาก ระหว่างที่ตนตักพุงปลาพร้อมกับข้าวเพื่อกำลังจะเอาเข้าปาก มองหันไปเห็นอะไรแปลก ๆ ในช้อนข้าวตัวเองว่ามีอะไรแปลก ๆ เป็นเส้นเงา ๆ อยู่ในช้อนข้าวพอดี ซึ่งในตอนนั้นตนยังคิดในใจว่าน่าจะเป็นเครื่องในปลาหรือเส้นเลือดปลา จึงลดช้อนลงมาดู

จากนั้นจึงใช้ช้อนซ้อมเขี่ยดู จึงเห็นว่าสิ่งที่ตนเห็นเป็นเส้น ๆ นั้น สายเอ็นกับตัวตะขอเบ็ดตกปลา ซึ่งทำให้ตนตกใจมากจึงรีบบอกเพื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันว่าเจอเบ็ดตกปลาในพุงปลาดุก เพื่อนก็งงว่ามาได้ยังไง

จากนั้นเพื่อความแน่ใจจึงนำเบ็ดตกปลาที่เจอ มาวางลงชามเพื่อดูให้แน่ใจอีกทีว่าใช่เบ็ดตกปลาจริง ๆ หรือไม่ จึงก็พบว่ามันคือเบ็ดตกปลาที่มาพร้อมเส้นจริง ๆ

น.ส.จูน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนจึงถ่ายคลิปกับรูปไว้เป็นหลักฐาน และรีบโทรติดต่อกลับไปแจ้งทางร้านอาหารที่ตนสั่งมา ให้รับรู้ว่าตนเจอตะขอเบ็ดตกปลาในอาหารที่สั่งจากร้านเขามากิน ซึ่งทางเจ้าของร้านเองก็ตกใจว่าเป็นไปได้อย่างไร พร้อมกับยืนยันว่าทางร้านได้ทำความสะอาดปลาที่นำมาทำอาหารดีแล้ว ทำให้ตนต้องถามย้ำทางร้านกลับไปว่า มั่นใจว่าได้ล้างทำความสะอาดดีหรือเปล่า ทำให้ทางร้านตอบกลับตนมาว่ายินดีที่จะทำผัดเผ็ดปลาดุกมาให้ใหม่ แต่ตนไม่สะดวกใจที่จะกินอาหารจากทางร้านอีกเพราะยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่รับอาหารชุดใหม่ ทำให้ทางร้านแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการโอนเงินคืนค่าผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่า มาให้ตนในราคา 120 บาทแทน

“ในวันนั้นโชคดีที่ตนมองไปเห็นเบ็ดตกปลาเข้าเสียก่อน ไม่อยากคิดต่อไปว่าถ้าวันนั้นตนเผลอกลืนเบ็ดตกปลาลงไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับตนบ้าง ไม่รู้ว่าเบ็ดตกปลาจะไปตกอยู่ตรงจุดไหนของร่างกาย มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เป็นตะขอมีความแหลมคม สุดท้ายคงจะต้องไปผ่าตัดเพื่อเอาออกแน่นอน ถือว่าตนโชคดีที่รอดจากเบ็ดตกปลามาได้หวุดหวิด เพราะโดยปกติแล้วระหว่างนั่งพักกินข้าว ตนก็จะเปิดโทรศัพท์ดูไปด้วยเป็นประจำ” 

“ตนก็อยากฝากไปถึงร้านอาหารต่าง ๆ ด้วยว่า ให้คำนึกถึงความสะอาดและตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารให้ลูกค้าดี ๆ เพราะลูกค้าที่ตัดสินใจสั่งซื้ออาหารก็ใช้เงินที่เขาทำงานมาแลกซื้อ เมื่อซื้ออาหารมาแล้วก็อยากจะกินอาหารแบบสบายใจ ไม่ต้องมานั่งระแวงความปลอดภัยแบบนี้ ส่วนตัวลูกค้าซึ่งผู้บริโภคเองก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วย เพราะอาจมีสิ่งแปลกปลอมติดมาได้เสมอ ก็อย่าประมาท”

“ตนยอมรับว่าหลังเหตุการณ์เจอตะขอเบ็ดตกปลาในพุงปลาแล้ว ทำให้ตนกลายเป็นคนแพนิค หวาดระแวงกับอาหารที่สั่งมากิน จนทุกวันนี้ต้องเขี่ยอาหารให้กระจายออกทุกครั้งก่อนที่จะตักเข้าปาก โดยเฉพาะกับอาหารที่เป็นเมนูปลาต่าง ๆ ตนไม่กล้าสั่งมากินหรือซื้อกินอีกเลยนับตั้งแต่เจอเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะภาพเบ็ดตกปลามันยังอยู่ในหัวตน” น.ส.จูน กล่าว

สำหรับเหตุการณืดังกล่าวคาดว่า ตะขอเบ็ดตกปลาที่พบว่าติดมากับพุงปลานั้น น่าจะเป็นเพราะปลาตัวดังกล่าว คงไปหลงกินเหยื่อที่มีคนตกปลานำมาเบ็ดมาตกไว้ แต่ปลาได้กลืนเบ็ดลงท้องไป ทำให้คนตกปลาใช้วิธีตัดสายเอ็นออกแทน ก่อนที่ปลาจะถูกจับนำมาขายแล้วทางร้านซื้อมาทำอาหารขายต่อให้กับลูกค้าอีกที

‘ป๊อก-มาร์กี้’ แชร์อุทาหรณ์สำหรับคนเลี้ยงน้องหมา พร้อมเผยสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของ ‘สมคิด’

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.66) สำหรับ ‘มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์’ และสามี ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์’ ที่มีแฟนคลับตามติดกันเป็นจำนวนมากจากการทำช่องยูทูบเบอร์ของเจ้าตัว โดยปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 2.7 ล้านคน

และก่อนหน้านี้กลายเป็นข่าวเศร้าเมื่อทางด้าน ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์’ แจ้งข่าวเศร้าสูญเสียสมาชิกในบ้านอย่าง ‘พี่สมคิด’ โดยได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า “RIP นะพี่สม อยากจะบอกว่ารักพี่สมมาก เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ ขอบคุณสำหรับความรักและความสุขที่มอบให้กันตลอดมานะพี่สม you’re the best i could ever ask for…. You will always be here with us รักเสมอนะพี่สม รูปสุดท้ายคือรูปคู่รูปแรกที่เราถ่ายด้วยกันนะ @somkidthefrenchie ถ้าใครเจอลูกๆผม ผมขอความกรุณารบกวนอย่าถามถึงเค้านะครับ ขอบคุณครับ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าสาเหตุแท้จริงเพราะอะไร” 

ล่าสุด ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรมอีกครั้งว่า “You will always be here with us @somkidthefrenchie หลาย ๆ คนถามมาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมคิด เขาอยากรู้ เพราะเขาก็ผูกพันกับพี่สมมากเหมือนกัน ดูสมมาตั้งแต่เด็ก ๆ จริง ๆ แล้วไม่ใช่พวกผมไม่ใส่ใจนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเทปเกี่ยวกับเขาไหม เพราะบ้านเราก็เศร้ามากเหมือนกัน แต่พอเริ่มทำใจได้เรากลับคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสมอาจจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลาย ๆ คนได้ และอาจจะช่วยให้เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับบ้านต่าง ๆ และคนที่มีลูกมีสัตว์เลี้ยงอีก ยังไงก็ลองไปชมกันนะครับ EP ล่าสุดครับ Youtube : Mindset TV ขอบคุณทุกคนที่รักและเอ็นดูพี่สมนะครับ” 

โดยรายละเอียดในคลิป ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์’ เผยสาเหตุการเสียชีวิตของ ‘สมคิด’ โดยเจ้าตัวบอกว่ามันน่าเศร้าใจตรงที่ไม่ใช่เสียโดยธรรมชาติแก่ตายก็เข้าใจ แต่การเสียในครั้งนี้เกิดขึ้นจากมนุษย์ โดยเรื่องทั้งหมดเกิดจากคนงานได้วางยากำจัดงูรอบบ้าน แต่ไม่ได้บอกคนในบ้านเลย ซึ่งเราก็ได้ปล่อยพี่สมคิดให้เขาไปเดินเหมือนปกติทุกวัน ซึ่งเขาก็เลียหญ้าแถวนั้นทุกวันเป็นเวลา 2 อาทิตย์ สารมันก็ค่อย ๆ สะสมในร่างกาย จนวันที่พาเขาไปหาหมอก่อนเสียชีวิต คุณหมอแจ้งว่าอวัยวะภายในล้มเหลวหมดทุกอย่าง ตับอักเสบ กระเพาะอักเสบ ไตไม่ทำงานแล้ว ซึ่งสร้างความสะเทือนใจกับครอบครัวเป็นอย่างมาก  

อุทาหรณ์!! เกือบเสียแม่จากไลน์กลุ่ม 'สวัสดีวันจันทร์' หลังแม่หยุดยาลดความดัน-ลดไขมัน ตามคำแนะนำกลุ่ม

(14 ธ.ค.66) เฟซบุ๊ก ‘Dava NaUbon’ ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวเพื่อเตือนภัยหลังคุณแม่หยุดทานยาลดความดัน และลดไขมันเนื่องจากไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์ โดยระบุข้อความว่า “เกือบเสียแม่ ‘เพราะไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์’ ปกติแม่จะเป็นโรคความดัน ไขมัน อยู่แล้วต้องกินยาควบคุมประจำ อยู่มาวันหนึ่งมีไลน์กลุ่มเพื่อน ๆ แม่ส่งข้อความต่อ ๆ กันมาว่า ‘ถ้ากินยาลดความดัน ลดไขมัน’ มาก ๆ เป็นเวลานาน ๆ จะเสี่ยงเป็นมะเร็ง หลังจากได้อ่าน แม่ผมหยุดกินยาเองเลยโดยไม่ปรึกษาใครทั้งสิ้น เมื้อคืน 9 ธันวาคม 2566 เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออกถูกนำส่ง รพ” วัดความดันได้เกือบ 250 และมีอาการหัวใจขาดเลือดกระทันหัน (ถ้าส่ง รพ. ช้าไป มีสิทธิ์หัวใจล้มเหลวเสียชีวิตได้) ปัจจุบันต้องอยู่ในห้อง icu เพราะความดันยังไม่ลงอันตรายมาก”

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตจำนวนมาก ให้ความสนใจและเข้ามาแห่แสดงความคิดเห็นร่วมทั้งส่งกำลังใจให้คุณแม่หายไว ๆ บางรายระบุว่าอาจต้องตรวจสอบไลน์กลุ่มต่าง ๆ ที่ผู้สูงอายุเข้าร่วม เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอยากให้ผู้สูงอายุปรึกษาลูกหลานหลังได้รับคำแนะนำต่าง ๆ มา เพื่อป้องกันอันตรายในลักษณะนี้

‘สาว’ แชร์อุทาหรณ์ หลังกลัวการตรวจภายในจนละเลย สุดท้ายตรวจเจอ ‘ก้อนเนื้อในรังไข่’ ใหญ่เท่าหัวเด็ก

(28 มี.ค.67) สมาชิกเฟซบุ๊ก ‘Saranya Sornchai’ โพสต์แชร์ประสบการณ์และเตือนภัย สำหรับหญิงสาวที่กลัวและละเลยการตรวจภายใน เพราะอาจส่งกระทบร้ายแรงขึ้นได้ โดยผู้โพสต์ระบุว่า…

แชร์ประสบการณ์ผลลัพธ์ของคนกลัวการตรวจภายใน ปกติเป็นคนละเลยกับเรื่องสุขภาพมาก ๆ ไม่ชอบไปโรงพยาบาล แต่ครั้งนี้ไม่ไหวแล้ววววว

คลำเจอครั้งแรกประมาณ เดือนพฤษภาคม 2566 ท้องแข็ง ๆ เหมือนปวดปัสวะตอนเช้า (Bladder full) แต่น่าจะยังไม่ใหญ่มาก ประจำเดือนมาปกติ ไม่เคยปวดท้องประจำเดือนเลย จากนั้นก็ไม่ได้สังเกต จนกระทั่งเดือนมีนาคม มันใหญ่กว่าเดิมมาก อาการที่ชัดเลยคือ ผายลมบ่อยมาก ท้องอืด นาน ๆ ทีจะปวด แต่ปวดทีคือหมดแรง

เราตัดสินใจไปโรงพยาบาลพบคุณหมอวันที่ 20 มีนาคม 2567 (ระยะเวลาห่างกัน 10 เดือน) Ultrasound ภายในพบก้อนเนื้อขนาด 16-17cm. เป็นถุงน้ำในรังไข่ Serous Cystadenoma (SCA) เกิดจากเนื้อเยื่อรังไข่ผลิตของเหลวหรือเมือกภายในถุงน้ำ มีความผิดปกติของ ฮอร์โมนในร่างกาย หรือยาที่กระตุ้นฮอร์โมน มักมาด้วยคลำได้ก้อน หรืออาการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง

หลังจากนั้นคุณหมอนัดผ่าทันที! ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 เวลา 9.00-12.00 การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากนี้ดูแลตัวเองยาวๆๆๆ

ขอบคุณคุณหมอ หมอปอ สูติ-นรีเวช ฝากครรภ์ ผ่าคลอด สุขภาพผู้หญิง และความงาม กาญจนบุรี คุณหมอเก่งให้คำปรึกษาและหาคิวผ่าให้เร็วมาก ๆ ตอนตรวจเจอเห็นคุณหมอกุมขมับไม่รู้เครียดจากหลายเคสหรือเคสเราคนเดียวที่ปล่อยใหญ่ได้ขนาดนี้ อยากให้เป็นอุทาหรณ์กับผู้หญิงทุกคนอย่ามองข้ามความผิดปกติของระบบภายในเลย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top