Monday, 29 April 2024
เลียบการเมือง

‘งดออกเสียง’ ไพ่ตายของ 250 ส.ว. สยบ ‘อุ๊งอิ๊ง’ จัดตั้ง รบ. ภายใต้ 310 ส.ส.

เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.66) พรรคเพื่อไทยประสานเสียงกันหนักแน่นในที่ประชุมใหญ่สมัยสามัญของพรรคว่าจะก้าวข้ามจำนวน ส.ส. 250 ที่นั่ง หรือแลนด์สไลด์ได้อย่างแน่นอน…โดยตั้งเป้าหมายปักหมุดไว้ที่ 310 เสียง

วันนี้จะพามาย้อนดูอดีตกันสักนิดว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยในอดีต (พรรคสารตั้งต้น) เคยได้คะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาลกันเท่าไหร่

เริ่มจากเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทย...สารตั้งต้นพรรคเพื่อไทยเคยกวาดมาแล้ว 377 เสียง (เขต 310 บัญชีรายชื่อ 67) ภายใต้กติกาการเลือกตั้งบัตรสองใบเหมือนปีนี้ (2566) แม้บริบทการเมืองพ.ศ.นี้ยากที่จะไปถึงหมุดหมาย 310 เสียงได้ แต่ก็ลองจินตนาการดูว่าถ้าเป็นไปได้จริงจะเกิดอะไรขึ้น…

ฟันธงแบบไม่ต้องนั่งเทียนได้เลยว่า หากได้มา 310 เสียง (พรรคเดียว) จริงๆ แล้วพรรคเพื่อไทยประกาศจัดตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียว บรรดา ส.ว. ที่ยังมีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจำนวนไม่น้อยที่ยอมรับโดยส่วนลึกว่าต้องเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทย…

แต่คำถามมีอยู่ว่าแล้ว 250 ส.ว. จะพร้อมใจโหวตให้ แพทองธาร ชินวัตร หรือเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีโดยดุษฎีอย่างนั้นหรือ

คำตอบคือไม่น่าใช่...

หากดูจากการข่าว...มีโอกาสสูงยิ่งที่ ส.ว.จะงัดมาตรการ ‘งดออกเสียง’ ไม่ค้านแต่ไม่โหวตสนับสนุน…

บ่อปลานี้ ตกไม่ง่าย!! จับตา 'สุราษฎร์ฯ-นครศรีฯ-สงขลา' ชี้ชะตา 'บิ๊กตู่-จุรินทร์-เฉลิมชัย'

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เลือกตั้ง 2566 นี้ หากได้ ส.ส.น้อยกว่าเดิม (52) ที่นั่ง...จะเกิดเหตุอย่างน้อยสองอย่าง

อย่างแรก 'เฉลิมชัย ศรีอ่อน' เลขาธิการพรรคจะวางมือทางการเมืองตามประกาศ...

อย่างที่สอง 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' ก็น่าจะอำลาเก้าอี้หัวหน้าพรรคแบบ บัญญัติ บรรทัดฐาน เมื่อปี 2548 และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี2562

และสำหรับ 'บิ๊กตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากเลือกตั้งหนนี้ได้ ส.ส.ไม่ผ่าน 50 ที่นั่ง โอกาสที่จะวืดเก้าอี้นายกฯ รอบสาม ก็มีสูง...อย่ามองข้ามความปลอดภัย

ประชาธิปัตย์ และ พรรคพล.อ.ประยุทธ์ (รวมไทยสร้างชาติ) จะฝ่าเส้นตายเอาเสียงมาจากไหนที่เป็นกอบเป็นกำที่สุด...

คำตอบคือ บ่อปลาภาคใต้ 60 ที่นั่ง (ไม่ใช่ปลาในบ่อเพื่อน) อยู่ที่ว่าใครจะมีฝีมือตกได้มากกว่ากัน   

เลือกตั้ง 2562 ภาคใต้มี 50 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์หล่นวูบจาก 50 ที่นั่งเมื่อปี 2554 เหลือ 22 ที่นั่ง ส่วนพรรคพลังประชารัฐโหนกระแสลุงตู่เข้าสภา 13 คน...เฉพาะนครศรีธรรมราชกับสงขลาก็กวาดมาได้ 7 ที่นั่ง (3+4)   รอบนี้ลุงสวมเสื้อรวมไทยสร้างชาติ...กระแสยังแรง

สำหรับภาคใต้...ข่าวกึ่งปิดกึ่งเปิดประชาธิปัตย์ตั้งเป้า   35-40 ที่นั่ง รวมไทยสร้างชาติตั้งเป้า 25-30...นี่ยังไม่นับรวมตัวแบ่งอย่างภูมิใจไทย, ประชาชาติ...ซึ่งสองพรรคนี้มีอยู่ในมือแน่ๆ 10 ที่นั่ง!!

มีความเป็นไปได้ที่ ประชาธิปัตย์ หรือ รวมไทยสร้างชาติ ไม่พรรคใดพรรคหนึ่งต้องพลาดเป้าอย่างแรง หรือพลาดทั้งคู่คือหล่นลงมาสูสีกันที่ 20 กว่าที่นั่ง

กรณีประชาธิปัตย์ถ้าภาคใต้ได้ไม่ถึง 25 ที่นั่ง โอกาสที่ยอดรวมทั้งประเทศจะไปถึง 52 ที่นั่งบอกได้คำเดียวว่ายากมากถึงยากที่สุด

กรณีพรรคลุงตู่ก็คล้ายๆ กัน หากตกปลาบ่อภาคใต้ได้ไม่ถึง 20 คน โอกาสที่จะไต่เพดานไปเป็นพรรค 60-70 คนตามที่แอบฝันกันไว้ ก็ยากยิ่ง...การที่จะไปกดดันหรือต่อรองให้ 'อนุทิน' เล่นบท 'หนู ช่วยราชสีห์' ก็ยากขึ้น...!!

ดังนั้น จากนี้ไปอย่าได้กระพริบตาสมรภูมิภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดใหญ่ชี้เป็นชี้ตาย เพราะมีเก้าอี้ ส.ส.รวมถึง 26 ที่นั่ง ได้แก่...

สุราษฎร์ธานี 7 คน, นครศรีฯ 10 คน และ สงขลา  9 คน...

ใครกวาดเก้าอี้ 3 จังหวัดนี้ได้เกิน ถึง 20 ที่นั่ง...ก็โล่งโปร่ง
 

เหตุจำเป็น 'สมศักดิ์-สุริยะ' เคลื่อนซบ 'เพื่อไทย' ฟาก 'จุติ' ก็ปันใจ ทิ้ง 'ปชป.' จอดป้าย 'รทสช.'

ชัดเจน!! ไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ และ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ สองเสือกลุ่ม 'สามมิตร' อำลาพรรคพลังประชารัฐไปซบพรรคเพื่อไทย

ไม่เพียง 'สมศักดิ์-สุริยะ' หากแต่ยังมี 'เดอะต้น' สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 'มือขวาสุริยะ' ที่ลาออกตามไปด้วย...กลายเป็น 3 ส. แน่นอนว่า เลือกตั้งหนนี้ ส.สรวุฒิ นั้น ก็ไม่มีปัญหา เพราะลง ส.ส.เขตบ้านบึง (ชลบุรี)

แต่ ส.สมศักดิ์ กับ ส.สุริยะ ล่ะ? คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ เป็นที่รู้ๆ กันว่าจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด 100 ที่นั่งนั้น ประมาณกันว่าถ้าพรรคไหนได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มา 1 ล้านเสียง จะแปลงได้เป็น 3 เก้าอี้ ส.ส. 

ดังนั้นถ้าพรรค พปชร.ของลุงป้อมได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 3 ล้านเสียง ก็เท่ากับว่าจะได้ปาร์ตี้ลิสต์เพียง 10 คนเท่านั้น...

เข้าทางปืน ‘พลังประชารัฐ-ก้าวไกล’ ‘ปชป.-รสทช.’ ร่อแร่ ‘ภท.’ สายไหมไม่รอด

ปฏิกิริยาต่อประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 66 บางพรรคร้องเฮ บางพรรคร้องโฮ…

เฉพาะสนาม กทม. ที่มีประชากร 5,394,910 คน เฉลี่ยราษฎรต่อ ส.ส.1 คนเท่ากับ 163,482.212 นั้น...กกต. เคาะแบบที่1 ออกมาใช้ ‘อรรถวิชช์  สุวรรณภักดี’ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ไปยื่นฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศแบ่งเขตดังกล่าวทันที…

เหตุผลหลักของอรรถวิชช์ คือ ผิดหลักเกณฑ์ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตา 27(1) ที่ระบุหลักเกณฑ์ให้ ‘รวมอำเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง’ หรือต้องมีอำเภอ (เขต) หลัก แต่ปรากฏว่าจาก 33 เขตเลือกตั้งเป็นการรวมตำบล (แขวง) โดยไม่มีเขตหลักถึง 13 เขตเลือกตั้ง...

ไม่เพียงแค่พรรคชาติพัฒนากล้า...แม้แต่พรรคเพื่อไทย โดยสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม. และ ดร.อิ่ม ธีรรัตน์ สำเร็จวณิชย์ โฆษกพรรคก็ออกมาแถลงในแนวเดียวกัน...แต่ราย ดร.อิ่ม เธอคิดฟุ้งไปหน่อยว่าอาจเป็นแผนทำให้การเลือกตั้งโมฆะ…

จับตา!! ความร้อนแรง ‘พรรคเพื่อไทย’ ใต้จังหวะระเบิดสังหาร ‘เศรษฐา’ เริ่มก่อตัว

จากผล นิด้าโพล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค.2566 ถ้าพูดจาภาษานักเลงม้า ก็ต้องบอกว่า พรรคเพื่อไทยเข้าป้ายทั้งวินทั้งเพลส...

‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯที่ 38.20% ส.ส.เขต มาอันดับ1 ที่ 49.75 ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็มาอันดับ1 ที่ 49.85%

ทิ้งห่างอันดับ 2 (พิธา -ก้าวไกล) และอันดับ 3 (บิ๊กตู่ - รวมไทยสร้างชาติ) มากกว่าเท่าตัว…

โอ้!มายก๊อด...!! โพลออกมาแบบนี้ ดีไม่ดี ผอ.นิด้าโพล ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ อาจจะถูกนินทาว่ามีนอกมีในกันกับใครในเพื่อไทยหรือเปล่า?

แต่เท่าที่อยู่ในวงการสื่อมานานพอประมาณ...เชื่อว่าคนอย่าง ดร.สุวิชา ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน..!!

อย่างไรซะ ทั้งหลายทั้งปวงก็อย่าเพิ่งไปปักใจกับโพลทั้งหมด....อันว่าม้าแข่งนั้นวิ่งกันประมาณ1,200 เมตร  บางตัว ตอนออกตัวนำมาครึ่งค่อนข้างทาง แต่สุดท้ายก็แผ่วเอาดื้อๆ โดนเพื่อนแซงกลายเป็นม้าตีนต้น...ศึกเลือกตั้งก็เช่นเดียวกันยุบสภา แล้วต้องสัประยุทธ์กันอีกเกือบ 2 เดือน จึงจะหย่อนบัตร

แต่ก็นั่นแหละยังไงๆ ไม่ต้อง นิด้าโพล หรอก..เลือกตั้งหนนี้ ม้าที่ชื่อ เพื่อไทย ก็เข้าทั้งวินทั้งเพลส เป็นแชมป์เลือกตั้งวันยังค่ำ...แบบไม่มีใครมาเบียดได้…

แล้วก็ต้องยอมรับว่าการไปบุกแนวรบด้านตะวันออกชลบุรีและระยอง เมื่อวันที่ 18 -19 มี.ค.ทำให้กองเชียร์และนักรบฮึกเหิมขึ้นมาก…

ทว่า น่าเสียดายที่ ‘แม่ทัพ’ อย่าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร  ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯหมายเลข 1 ท้องแก่ อีก3วันก็ครบ8เดือนแล้ว คงเดินทางหาเสียงไม่สะดวก จะใช้โทรศัพท์-วิดีโอคอลล์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ล้ำยุคแค่ไหนก็ไม่ได้น้ำได้เนื้อเท่ามาเจอตัวเป็นๆ...

ครั้นจะพึ่งพาแคนดิเดตนายกฯ หมายเลข 2 อย่าง เศรษฐา ทวีสิน  ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้ว4-5 เวทีปราศรัย แม้กรรมการจะยกธงให้ ‘ผ่าน’ ก็จริง แต่มีการกระซิบกันหนาหูว่า อีกไม่นานนับจากนี้ข้อมูลประเภทระเบิดสังหารเศรษฐา จะทะลักไหลออกมา จนอาจทำให้คนสูง192ซม.ทรุดฮวบ…

...เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับผู้หญิง...เงื่อนปมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์…ฯลฯ

ว่ากันว่าที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แพลมๆ เรื่อง ‘ขงเบ้ง’ หรือ เสี่ยเบ้ง นั้นเป็นแค่น้ำจิ้ม…     

‘อภิสิทธิ์’ โพล / ‘โทนี่’ โพล VS โพลลับ ‘ประยุทธ์-เพื่อไทย’ ใครจะร่วง?

ไม่เหนือความคาดหมายที่...อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะประกาศชัดเจนว่าไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค (ประชาธิปัตย์) เหตุผลก็ชัดเจนว่าเพื่อให้คณะผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันนำพาพรรคไปตามแนวทางอย่างเป็นเอกภาพ...แต่ตนก็จะช่วยหาเสียงให้พรรคตามวิธีการของตน

ประเด็นที่น่าสนใจที่อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ 2-3ครั้งในสองวันนี้ ก็คือ คำพยากรณ์ที่ว่า...บนพื้นฐานของผลการเลือกตั้งโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกฯ นั้น ‘ยากมาก’ เพราะ…

1) จะจัดตั้งรัฐบาลต้องมีเสียงสนับสนุน (ในสภาผู้แทนราษฎร) 250 เสียงขึ้นไป ซึ่งขณะนี้เชื่อว่าจะมีไม่ถึง 250
2) แม้จะรวบรวมได้เกิน 250 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่น่าจะเป็นแชมป์หรือมีเสียงมากที่สุดในปีกนี้หรือขั้วนี้...

แม้ ‘อภิสิทธิ์’ จะไม่ระบุตัวเลขแชมป์เลือกตั้งอย่างเพื่อไทยว่าจะได้เท่าไหร่..ใแต่ก็พูดชัดว่าจะทิ้งพรรคที่สองเป็นร้อยที่นั่ง และคะแนนรวมของปีกเพื่อไทยจะเกินครึ่ง (250)..แน่นอน และนั่นคือความชอบธรรมของเพื่อไทยที่จะจัดตั้งรัฐบาล..

แน่นอนว่าเมื่อ ‘อภิสิทธิ์โพล’ เป็นเช่นนี้...ก็ต้องสอดคล้องอย่างช่วยไม่ได้กับ ‘โทนี่ โพล’ ที่ประกาศผ่านรายการแคร์ คิดเคลื่อนไทยมาโดยลำดับว่า...แลนด์สไลด์เกิน 250 แน่นอน...และฝ่ายประชาธิปไตยคะแนนรวมกันจะเกิน 375 เสียงอีกต่างหาก..!!

ล่าสุดคืนวันอังคาร 21 มี.ค.ถึงขั้นขานรับแลนด์สไลด์ 310 เสียง..ประกาศความเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยคงเป็นรัฐบาลพรรคเดียวไม่ขายพ่วงกัน เลยทีเดียว…

ถ้าถามว่ากระแสเพื่อไทยแลนด์สไลด์ (เกิน250เสียง) มีไหม...ถ้าดูตามโพล2-3สำนักก็ต้องบอกว่ามี...โดยเฉพาะ ‘นิด้าโพล’ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ ‘อุ๊งอิ๊ง-เพื่อไทย’ ทิ้งขาดพรรคอันดับ2-3 เกินเท่าตัว...แต่เมื่อดูรายละเอียดในข้อเท็จจริงบางอย่างมันก็ย้อนแย้งมาก เช่น กรณีภูมิใจไทย หากเอาคะแนนนิยม ส.ส.เขต2.70% จาก 400 เขต มาเทียบบัญญัติไตรยางค์พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.เขตแค่ 11 คน เท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แค่ ‘บุรีรัมย์+โคราช’ ก็เกินแล้ว...!!

และส่งท้ายด้วยโพลที่...หน่วยงานกึ่งความมั่นคงแห่งหนึ่งทำขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่ง ‘เลียบการเมือง’ ขอนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ไม่ได้จุดประสงค์อื่นใดมากไปกว่านี้ ปรากฏดังนี้…

ปัดตก!! สูตรรัฐบาลบ้านป่ารอยต่อ รทสช. แค่พรรคร่วม!! ไม่มี 'ตู่' อยู่ในสมการผู้นำ เพราะมีแต้มไม่ถึง 50 เสียง

จะเป็นการเดินเกมปลอบใจกันเองหรือมีอะไรมากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิด หรือบางพรรคกำลังติดกับดักนายพรานเลยต้องรับประทานอาหารกันบ่อยหน่อยก็ตาม...

แต่ต้องยอมรับว่าวานซืน (22 มี.ค.66) ทันทีที่จบอาหารมื้อเที่ยงที่บ้านป่ารอยต่อรอบสองระหว่างคณะของภูมิใจไทยนำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล กับ คณะของพลังประชารัฐในฐานะเจ้าบ้าน...ก็พอจะเห็นภาพร่างของรัฐบาลผสมชุดหน้า...แต่ที่เห็นชัดกว่าภาพร่างก็คือ หน้าตาของนายกรัฐมนตรี...หลังเลือกตั้ง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ อนุทิน ชาญวีรกูล...คนใดคนหนึ่ง...

บนโต๊ะอาหารมีการยกตัวเลขจากผลโพลและการประมาณการของแต่ละฝ่าย...ซึ่งเคยเป็นข่าวไปแล้วตั้งแต่อาหารเที่ยงรอบแรกเมื่อ 15 มี.ค.คือ พรรคพลังประชารัฐกับภูมิใจไทยได้คะแนนใกล้เคียงกันที่พรรคละ 70 เสียง…รวมกันก็ 140 เสียง บวกกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคอื่นๆ เกิน 250 เสียงตั้งรัฐบาลได้...

ประการสำคัญ...ลุงกับหลานประสานเสียงเป็นคีย์เดียวกันว่า...ใครได้คะแนนมากกว่าก็เอาไป (เป็นนายกฯ)...

“ถ้าตามคะแนนนี้คือ เรากับหนู (อนุทิน)” ผู้อาวุโสว่า

“ลุงต้องเป็นนายกฯ ลุงเท่านั้นที่ควรเป็นนายกฯ” หลานถ่อมตน

“ไม่เป็นไรเราค่อยดูตัวเลขกันอีกที...”  ลุงจบได้สวย

ฉงน!! ไร้ชื่อ ‘บิ๊กตู่’ ลงปาร์ตี้ลิสต์ รวมไทยสร้างชาติ ‘ส.ส.เขต’ เริ่มเขว ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ+’ อาจล่ม

อย่างที่เราๆ รู้กันตามปฏิทินของ กกต.ว่า วันที่ 3 - 7 เม.ย.66 เป็นวันรับสมัคร ส.ส.เขต ส่วน วันที่ 4 - 7 เม.ย.66 เป็นรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) เหตุที่ต้องกำหนดรับสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หลังหนึ่งวันก็เพราะกฎหมายเขียนไว้ พรรคไหนจะส่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตก่อน (อย่างน้อยก็หนึ่งเขต)

ตอนนี้ระหว่างทำไพรมารี่โหวต..โผรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แต่ละพรรคก็ว่อนไปทั่วหน้าสื่อทุกสำนัก

พลังประชารัฐ เรียงลำดับ 1-100 ชัดเจน นำโดยลำดับ 1 ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดทนายกฯหนึ่งเดียวของพรรค โดยรอบนี้ไม่มีชื่อ ‘อ.แหม่ม’ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์  ที่ประกาศสละสิทธิ์หลังจากที่ทราบว่าชื่อตนเองหลุดไปอยู่อันดับ 24 (ด้วยเหตุยุทธการทีฮูทีอิท)

พรรคเพื่อไทย เรียงตามตัวอักษร ตั้ง ก.เกรียง กัลป์ตินันท์ บ้านใหญ่อุบลราชธานี จนถึง อ.อนงค์ ล่อใจ ซึ่งตอนยื่นสมัครพรรคจะต้องจัดอันดับตัวจริงเสียงจริงใหม่…

น่าสังเกตว่าไม่มีชื่อ 2 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคคือแพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน หรือแม้แต่ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ลือกันไม่เสร็จว่าน่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3

พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีชื่อปล่อยออกมา แต่ก็พอจะคาดหมายกันได้ว่ารอบนี้ ‘จุรินทร์-เฉลิมชัย-นิพนธ์’ ชี้เป็นชี้ตาย และไฮไลต์สำคัญก็คือรอบนี้ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ขอบาย…นัยว่าเพื่อความสบายใจของสามผู้ยิ่งใหญ่และความเป็นเอกภาพของพรรค

พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66 ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เคยหลุดปากออกมาว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ‘บิ๊กตู่’ จะลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ทำเอาหุ้น รทสช. พุ่งกระฉูด แต่ถึงนาทีนี้ รทสช. เปิดไต๋แค่แคนดิเดตนายกฯ 2 คน คือ ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘บิ๊กตุ๋ย’ (พีระพันธุ์) ไม่มีการบอกว่าลุงตู่จะลงสมัครหรือไม่...?

เมื่อ ‘เพื่อไทย’ เลือก ‘หมอมิ้ง’ แคนดิเดต ชู ‘แลนด์สไลด์’ ทรมานใจติ่งพรรคส้ม

ในวันที่ 4 เม.ย.2566 ก็จะได้เวลากรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเคาะชื่อ “บุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง...” หรือที่เรียกกันสั้น ว่าแคนดิเดตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88

แต่เนื่องด้วยยังมีบทเฉพาะกาลมาตรา 272  คนโหวตเลือกนายกฯ จะมีสมาชิกวุฒิสภามาร่วมแจมด้วย

พรรคเพื่อไทยประกาศชัดว่าจะจัดเต็มคาราเบล 3 รายชื่อ...เปิดหน้าเปิดตามาแล้วสองคน...’อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร และ ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งคนแดนไกลอย่างโทนี วู้ดซัม บอกว่าเก่ง (คนละด้าน) ทั้งคู่...คนที่สามที่กำลังจะเปิดตัวก็คงเก่งไปอีกทาง…

โทนี่ วู้ดซัม ยังได้พูดแบบไม่สนใจมาตรา 28, 29 ของพรป.พรรคการเมือง คือ พูดอย่างกะเป็นเจ้าของพรรคว่า...ไม่ว่าคนที่สามเป็นใครแต่ทั้งสามคนตกลงกันแล้วว่า คนหนึ่งเป็น (นายกฯ) อีกสองคนจะร่วมด้วยช่วยกัน...

จาก ม.ค.-มี.ค.ปีนี้  ชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่สามทยอยโผล่มาด้วยที่มาต่างกัน...ประกอบด้วย สมชัย เลิศสุทธิวงศ์  ลูกหม้อเก่าเครือชินคอร์ป, ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย ที่ว่ากันว่าเป็น ส.เสือตัวใหญ่…‘หมอมิ้ง’ หรือ ‘สหายจำรัส’ หรือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกฯและรมต.ของพรรค และล่าสุด นสพ.มติชน รายวัน บอกว่าอาจปัดฝุ่นเอาชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ที่เคยเป็นหนึ่งในแคนดิเดตเมื่อปี 2562มาใช้บริการอีกครั้ง…

ขณะที่รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่จบ...รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ของพรรคก็ออกมา เป็นรายชื่อเรียงตามตัวอักษรยังไม่มีการจัดอันดับจริง

น่าสนใจว่าไม่พบชื่อ แพทองธาร และ เศรษฐา แต่พบรายชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ซึ่งอีกด้านหนึ่งพรรคเพิ่งแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรมและความเสมอภาคเท่าเทียม...

จะให้ถอดรหัสก็น่าจะอนุมานได้ว่าทางพรรคอยากดูแล ‘ชัยเกษม’ ให้เป็น ส.ส.หรือเป็นรัฐมนตรีในอนาคต  ยังไม่น่าจะเอามาปัดฝุ่นเป็นนายกฯ

‘มาดามเดียร์’ VS ‘ตั๊น จิตภัสร์’ ใครจะอยู่ใน 10 อันดับปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.

“อยู่ที่ไหนก็ได้ ที่เค้าเห็นคุณค่าและผลงานของเรา 13 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่อายุ 25 ปี วันนี้ตั๊นไม่ได้ยึดติดว่าจะเป็นบ้านหลังไหนขอเพียงมีอุดมการณ์เดียวกันและให้โอกาสเราได้ทำงาน...”

นั่นคือความในใจของ จิตภัสร์ กฤดากร หรือ ‘ตั๊น’ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นที่มาของข่าวสะพัดว่า ‘ตั๊น จิตภัสร์’ จะอำลาพรรคพระแม่ธรณีไปอีกราย แต่ล่าสุดเธอยังอยู่ และยังอยู่ใน 100 รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์…

แทบทุกครั้งในส่วนของผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ ใน 20 ลำดับแรกพรรคประชาธิปัตย์จะกำหนดให้ลำดับที่ 5,10,15,20  เป็นผู้หญิง...ดังเช่นปี 2562 ลำดับ 5 คุณหญิง ดร.กัลยา โสภณพนิช, ลำดับ 10 ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู (แม่เลี้ยงติ๊ก) ลำดับ 15 ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ (ซ้อเจน) และลำดับ 20 จิตภัสร์ กฤดากร

ลำดับ 20 ทำให้ตั๊น จิตภัสร์ ได้เป็น ส.ส.ในขยักสอง หลังการเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่...

ปีนี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลดจาก 150 เหลือ 100 ที่นั่ง ระบบเลือกตั้งเปลี่ยนจากบัตรใบเดียว เป็นบัตรสองใบ  หาร 100 คาดหมายกันล่าสุดว่า 1 เก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะต้องใช้ถึง 370,000 คะแนน...ถ้าประชาธิปัตย์ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 4 ล้านคะแนน ก็จะได้แค่ 10.81 ที่นั่ง…

หรือลำดับปลอดภัยหรือเซฟโซนได้เป็น ส.ส.แน่ แค่ลำดับ 10 เท่านั้น

ตามรายงานข่าว ระบุตรงกันแทบทุกสำนักว่า ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 10 รอบนี้ จะตกเป็นของ ‘มาดามเดียร์’ หรือวทันยา บุนนาค อดีต ส.ส.ลำดับ 19 พรรคพปชร. ที่ย้ายมาซบตักแม่พระธรณีตั้งแต่เดือนก.ย. ปี 2565 และผลงานกำลังเข้าตากรรมการ…

ไม่แค่นั้น มาดามเดียร์เธอเป็นภรรยาของคุณฉาย บุนนาค บิ๊กบ๊อสค่ายเนชั่น...จึงไม่ต้องห่วงว่า นอกจากแสงจากตัวเธอเองแล้ว สปอตไลต์จากช่องเนชั่นยังช่วยฉายส่อง (กันแบบยกช่อง) อีกด้วย…

ลูกหม้ออย่าง ‘ตั๊น’ ก็พอจะมองอะไรออกว่าอะไรเป็นอะไร!!

แต่จะว่าไปถ้าจะคำนึงถึงความอาวุโส และผลงาน...คนที่เหนือกว่าทั้งตั๊น จิตภัสร์ และมาดามเดียร์ ก็คือดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ซึ่งไม่รู้ชะตากรรมว่าหนนี้จะจอดป้ายลำดับที่เท่าไหร่…

ล่าสุด ดร.รัชดาโพสต์ในเฟซบุ๊กจับใจความได้ว่า ลำดับที่ 5, 10, 15 อะไรนั่นเป็นแค่หลักประกันว่าสัดส่วนหรือโควตาของผู้หญิงในสิบคนต้องมีอย่างน้อยสองคน แต่ไม่ได้ห้ามว่ามีมากกว่าไม่ได้…

ก็ต้องจับตาดูอันดับปาร์ตี้ลิสต์พรรคประชาธิปัตย์ว่าปีนี้จะกลายพันธุ์ไปแค่ไหนหรือไม่..หรือยังคงมั่นกับหลักการที่ชอบธรรม ขณะนี้เชื่อกันว่าอันดับ 1-7 ที่เปิดกันออกมาแล้วไม่น่าจะพลิก…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top