Friday, 19 April 2024
เผาพื้นที่เกษตร

กาฬสินธุ์ - รณรงค์หยุด!! ‘การเผาพื้นที่เกษตร’ ร่วมทำแนวกันไฟ เดินหน้านำร่องหนุนเกษตรกร ใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียให้มีประโยชน์

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครอง องค์กรภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกร รณรงค์หยุดการเผาในพื้นที่เกษตร เดินหน้านำร่องหนุนเกษตรกรใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียให้มีประโยชน์ ลดต้นทุนการผลิต เกิดความสมบูรณ์ของดินและอินทรียวัตถุในดิน ได้ผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 มกราคม 2565 ที่แปลงเกษตรกร นายสุนัน มิทะรา บ้านโนนตูม หมู่ที่ 4 ต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานนำร่องสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุทดแทนการเผา ภายใต้โครงการส่งเสริมการหยุดเผา ในพื้นที่การเกษตร ปี 2565 โดยมีนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ และหัวหน้าส่วนราชการร่วมงาน

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่างานนำร่องสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุทดแทนการเผา ภายใต้โครงการส่งเสริมการหยุดเผาดังกล่าว จัดโดยสำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับอำเภอยางตลาด สำนักงานเกษตรอำเภอยางตลาด องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตอกแป้น องค์กรภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรปลอดการเผาในพื้นที่การเกษตร สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการทำเกษตรปลอดการเผา รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรนำเอาวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสร้างมูลค่าและเพิ่มผลผลิต

นายทรงพลกล่าวอีกว่า ปัญหาหมอกควันปกคลุมและเกิดมลพิษทางอากาศ มีสาเหตุหนึ่งมาจากการเผาในที่โล่ง ทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตร ซึ่งการเผาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมทั้งยังส่งผลเสียต่อการทำอาชีพการเกษตรโดยตรง คือทำให้ดินเสื่อมโทรม ขาดความอุดมสมบูรณ์และส่งผลให้สูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และผลผลิตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

'ชาวบ้านกัมพูชา' เผาพื้นที่เกษตรติดต่อ 2 วัน ทำควันไฟดำ ลอยปกคลุมเมืองตราดอีกครั้ง

ยังไม่หยุด!! ชาวบ้านกัมพูชาเผาพื้นที่เกษตรติดต่อกัน 2 วัน ทำไฟลามเข้าแนวเทือกเขาบรรทัดอีกครั้ง ซ้ำยังลามเข้าฝั่งไทยลึกกว่า 1 กม. ส่งผลชาวบ้าน ต.ชำราก อ.เมืองตราด เดือดร้อนหนักจากควันไฟสีดำปกคลุมพื้นที่อย่างรุนแรง

เมื่อวานนี้ (11 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดกลุ่มควันไฟปกคลุมพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.เมืองตราด อีกครั้ง โดยเฉพาะใน ต.ชำราก อ.เมืองตราด ที่ถูกกลุ่มควันไฟสีดำที่พวยพุ่งขึ้นจากเทือกเขาบรรทัดลอยเข้าปกคลุมพื้นที่ และจากการขึ้นสำรวจบริเวณจุดชมวิวยุทธการชำรากเพื่อติดตามแหล่งที่มาของกลุ่มควันไฟพบว่าอยู่ในจุดที่มีกับระเบิดจึงไม่สามารถเดินทางเข้าดับไฟได้

ขณะเดียวกัน ยังได้ยินเสียงไฟไหม้ต้นหญ้าและเสียงระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหารพรานนาวิกโยธิน กองร้อย 535 บ้านชำราก ด้วยการเดินเท้าผ่านเส้นทางราบและเนินดินไปสันเขาบรรทัด พบว่า มีต้นหญ้าแห้ง ต้นไม้ถูกไฟเผาไหม้เป็นทางยาวขนานไปกับสันเขา ยาวประมาณ 2-3 กิโลเมตร ซึ่งระยะที่เกิดไฟไหม้ยังลึกเข้ามาในเขตชายแดนไทยประมาณ 1 กิโลเมตรด้วย

น.อ.นฤมิต ศุขสมิติ ผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) เผยว่า ไฟป่าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.ตราด และจันทบุรี เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากชาวกัมพูชาที่ทำเกษตรกรรมได้ทำการเเผ้วถางป่าด้วยการเผาจึงทำให้เกิดกลุ่มควัน และเศษวัสดุที่เป็นเถ้าถ่านลอยมาฝั่งไทย และมีไฟไหม้ลุกลามเข้ามาฝั่งไทย

“ในส่วนของทหารนาวิกโยธินตราด ได้เข้าไปหารือและร่วมกันทำแนวกันไฟร่วมกับชาวบ้านใน ต.แหลมกลัด (เขาล้าน) ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ ได้ประสานความร่วมมือในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังพบว่ามีไฟป่าลุกไหม้และลุกลามอย่างต่อเนื่อง” น.อ.นฤมิต กล่าว

อย่างไรก็ตาม ไฟป่าที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เกิดจากการเผาป่าในประเทศกัมพูชา ที่ยาวนานติดต่อกันมาถึง 2 วันแล้ว จนส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดน ซึ่งในวันนี้ถือว่ามีควันไฟลอยเข้าปกคลุมรุนแรงมากที่สุด

ขณะที่ นายพีระ เอี่ยมสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เผยว่าเรื่องของไฟป่า ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และที่ผ่านมาได้มีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ไม่ให้ไม่เผาเศษวัสดุต่าง ๆ รวมทั้งยังเน้นย้ำให้ใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดกับผู้ไม่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดในการห้ามเผาป่า หรือเผาวัสดุอื่น ๆ อีกด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top