Thursday, 2 May 2024
เทศกาลปีใหม่

กาฬสินธุ์ - เริ่มหนาว! ฝึกเข้มกู้ชีพกู้ภัยรับมืออุบัติเหตุ ในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จะถึงนี้

สภาพอากาศที่จังหวัดกาฬสินธุ์เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพนักปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน EMR 40 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคคลกร กู้ชีพ กู้ภัย ให้มีมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะเป็นการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จะถึงนี้

ที่หอประชุมธรรมาภิบาล เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ดร.สม นาสอ้าน รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดอบรมพัฒนาศักยภาพนักปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน EMR 40 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคคลกร ทั้งภาครัฐ เอกชน ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือทีมกู้ชีพ กู้ภัย ประจำโรงพยาบาลอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนสมาคมและมูลนิธิ โดยมีนายจารุวัฒน์  บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ นายแพทย์จารุพล ตวงศิริทรัพย์ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ แพทย์หญิงฐิตาภรณ์ นาสอ้าน นายแพทย์ชำนาญการโรงพยาบาลกมลาไสย ตัวแทนบริษัท เซนต์เมด จำกัด ( มหาชน )  ทีมวิทยากร โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติดต่อสุขภาพจิตและยาเสพติดร่วมงาน ทั้งนี้มีบุคลากรกู้ชีพ กู้ภัย จากเทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล และเอกชน จำนวน 55 คน เข้ารับการอบรม

ดร.สม นาสอ้าน  รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวอีกว่าบุคลากรในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือทีมกู้ชีพ กู้ภัย ถือเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญในการช่วยเหลือชีวิตผู้ประสบสาธารณภัย เช่น อุบัติเหตุ อุบัติภัยต่าง ๆ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ที่ต้องมีความพร้อมทั้งศักยภาพทางกาย ทางจิตใจ ทักษะความรู้ และอุปกรณ์ในการช่วยเหลือ เพื่อการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำส่งสถานพยาบาลอย่างถูกวิธี ผู้ประสบเหตุได้รับความปลอดภัยสูงสุด ดังนั้น เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรกลุ่มดังกล่าว สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ จึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพนักปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน EMR 40 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคคลกร ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ให้มีมาตรฐานในการปฏิบัติการฉุกเฉิน หรือช่วยเหลือชีวิตผู้ประสบภัยอย่างถูกต้อง

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน!! ช่วงเทศกาลปีใหม่” ผบ.ตร. มีความห่วงใย จัดเต็มกำลังตำรวจ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบสายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จัดเตรียมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมกำชับสั่งการเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในห้วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2565 และกำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสียหายจากอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในห้วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมทั้งได้จัดทำ

“10 ข้อเตือนภัยประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่” ดังนี้ 

1. ไม่ประดับสวมใส่ทรัพย์สินมีค่า

2. สำรวจทรัพย์สิน และล็อกประตูหน้าต่างที่พัก

3. เจ้าของผู้ประกอบการตรวจสอบความพร้อมเจ้าหน้าที่และกล้องวงจรปิด

4. หลีกเลี่ยงการใช้บริการตู้เอทีเอ็มที่อยู่บริเวณเปลี่ยว

5. ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

6. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ

7. ไม่ใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ

8. ระมัดระวังในการจุดพลุ

9. กรณีพบเห็นบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นคนร้าย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

10. กรณีพบเหตุด่วนเหตุร้าย แจ้ง 191 หรือ 1599 หรือหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจ

 

ปทุมธานี - ตำรวจปทุมธานี ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

ลานเดินห้างสรรพสินค้าโลตัสรังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้มาเป็นประธานปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยมีพล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี นำหัวหน้าสถานี.ทุกสภ.ที่สังกัดในจังปทุมธานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครภาคประชาชน อาสาสมัครมูลนิธิ รวม 280 นาย เข้าร่วม

นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ด้วยเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ 2565 ซึ่งพี่น้องประชาชนจะเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดกันเป็นจำนวนมาก และจะมีกิจกรรมฉลองปีใหม่ซึ่งในระหว่างนั้นก็อาจจะมีการกระทำผิดกฎหมาย และขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละมาระดมปล่อยแถมกวาดล้างอาชญากรรมในวันนี้ โดยเฉพาะตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ที่ได้จัดการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในครั้งนี้ขึ้น

ซึ่งได้มีฝ่ายทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครภาคประชาชน อาสาสมัครมูลนิธิ ซึ่งอยากนำเรียนท่านผบช.ภ.1 ว่าในจังหวัดปทุมธานีของเราได้กำหนดการดูแลความมั่นคงของพี่น้องประชาชนไว้จำนวน 4 ข้อ

1. นโยบายของรัฐบาลและนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้สั่งการทางจังหวัดปทุมธานีจะทำตามอย่างเคร่งครัด

2. ปัญหายาเสพติดให้โทษที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อพี่น้องประชาชนซึ่งจังหวัดปทุมธานีเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่ยาเสพจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาพักและจำหน่าย และส่งต่อไปนั้น พื้นที่อื่นตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีก็มีการกวาดล้างกันอย่างต่อเนื่อง 

ตร.เตือน!! ‘การยิงปืนขึ้นฟ้า’ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน มีโทษตามกฎหมาย ตำรวจพร้อมดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด!!

ตามที่ปรากฏข่าวผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ กรณีการสูญเสียชีวิตจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ชอบยิงปืนขึ้นฟ้าเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ด้วยความคึกคะนอง ซึ่งในบางเหตุการณ์ก่อให้เกิดการสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สิน นั้น

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2565 ที่ทุกครอบครัวต่างพากันเฉลิมฉลองเพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มักจะมีเหตุการณ์การยิงปืนขึ้นฟ้า อาจจะเป็นเพราะความเชื่อส่วนบุคคลที่คิดว่าเป็นการขับไล่สิ่งที่ไม่ดี หรือเคราะห์กรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการเปิดรับโชคลาภเงินทอง

เป็นการกระทำที่ขาดการยั้งคิดยั้งทำ เพราะกระสุนปืนที่ยิงออกไปนั้นจะไปหล่นใส่บุคคลให้ได้รับอันตรายบางรายถึงขั้นเสียชีวิต หรือหล่นใส่หลังคาบ้านเรือนประชาชนจนได้รับความเสียหายซึ่งถือว่าเป็นความผิด และมีโทษตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

 

เทศกาลปีใหม่ สนุกอย่างสร้างสรรค์ “ไม่พกอาวุธปืน ไม่ยิงขึ้นฟ้า!!” ตำรวจพร้อม! จัดเต็มกำลัง ดูแลทั่วประเทศ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ พี่น้องประชาชนหลาย ๆ ท่านออกเดินทางไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพักผ่อนในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ทำสิ่งใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆแม้ว่าจะสนุกสนานสักเพียงใด แต่ก็ไม่ควรเลยเถิด จนกลายเป็นความคึกคะนอง "พาอาวุธปืน" ไปในสถานที่ต่าง ๆรวมถึงการ "ยิงปืนขึ้นฟ้า" เพราะการกระทำดังที่กล่าวมานั้น มีความผิดตาม "พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490"

>> มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจําเป็น และเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ 

ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด 

>> มาตรา 72 ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรค 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรค 2 ด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท

นอกจากนี้กระสุนปืนที่ยิงออกจากกระบอกปืน มีโอกาสที่จะไปตกลงไปโดนหลังคาบ้าน "ทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย" หรือแม้กระทั่งกระสุนปืนถูกผู้อื่นจนเป็นอันตราย "ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต" จะมีความผิดตาม"ประมวลกฎหมายอาญา"

>> มาตรา 291  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

>> มาตรา 300  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองผบ.ตร. พร้อมคณะตรวจเยี่ยมสภาพการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวก ด้านจราจร - ลดอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ใน พื้นที่จังหวัดสระบุรี

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะเดินทางตรวจสภาพการจราจรและอำนวยความสะดวกในการจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่บริเวณกิโลเมตรที่ 99 ถนนพหลโยธินเปิดช่องทางพิเศษทางหลวงที่ 1 ตำบลหนองนาก อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรีซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 1

มีพล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีพล.ต.ต.ชัช สุขแก้วณรงค์ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ2 พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพร ผกก.สภ. หนองแค พ.อ.สมศักดิ์ รักษาแสง รองผล.ศม. นายธนสาร สิทธาภา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสระบุรี  พร้อมเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง แขวงทางหลวงสระบุรี ให้การต้อนรับ

การจราจรช่วงจังหวัดสระบุรีเริ่มหนาแน่น บรรยากาศการเดินทางกลับของประชาชน ตั้งแต่ 2 มกราคม 2565 สภาพจราจรบริเวณทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ช่วง กม.ที่ 106เป็นต้นไป ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ พื้นที่อำเภอเมืองสระบุรีกม.100 และกม.99 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี มีประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและจากการท่องเที่ยวในจังหวัดทางภาคอีสานและภาคเหนือ หลังเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 กันเรียบร้อยแล้ว ทำให้ปริมาณรถเริ่มมากขึ้นแต่การจราจรยังคล่องตัวสามารถทำความเร็วได้ตามกฎหมายกำหนด

 

กระบี่ - หน.อุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี เผย!เทศกาลปีใหม่ 1- 3 ม.ค.65 มีนทท.เข้าชมอ่าวมาหยา 12,375 คน ขณะที่นักท่องเที่ยวประทับใจ ‘อ่าวมาหยาราชินีแห่งอันดามัน สวรรค์เกาะพีพี’ แม้ไม่ได้ลงเล่นน้ำ

4 มกราคม 2565 นายปราโมทย์ แก้วงาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา- หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า หลังจากเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอ่าวมาหยา เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา โดยจองผ่านคิวคิว ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก่อน และสามารถเข้าชมอ่าวมาหยาได้ตั้งแต่เวลา 07.00 – 18.00 นาฬิกา ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมงต่อรอบ รวม 11 รอบ ๆ ละ 375 คน 4,125 ต่อวัน ห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาดเพราะต้องการที่จะรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ เช่นฉลามหูดำ ที่มีมากกว่า 100 ตัว และกุ้งมังกร 7 สี แต่สามารถเดินเล่นและนอนหน้าชายหาดได้ หาดผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษถูกปรับตามอัตราที่กรมกำหนด

ซึ่งนักท่องเที่ยวรวมทั้งไกด์นำเที่ยว เรือนำเที่ยวต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวก็เข้าใจในเรื่องของกฎระเบียบ ข้อบังคับของทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก่อน ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์เอาไว้ ส่วนใหญ่ยังเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นส่วนใหญ่  ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 -3 มกราคม ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าชมอ่าวจำนวน 12,375 คน

นอกจากนั้นทางอุทยานฯยังได้เตรียมความพร้อมตั้งในเรื่องของกำลังเจ้าหน้าที่ ไว้คอยดูแลนักท่องเที่ยว เมื่อเดินทางมายังอ่าวมาหยาตั้งแต่ท่าเทียบเรือ เดินทางเข้ามายังจุดบริการนักท่องเที่ยว ที่จะต้องตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย ตามขันตอนที่ได้กำหนดเอาไว้  มีทางเดิน ทางเท้า ทางลาดสำหรับผู้พิการ ป้ายบอกทาง ห้องปฐมพยาบาล ห้องสุขา ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้รอรับนักท่องเที่ยวไว้หมดแล้ว

นางรวินันท์ พุทธชาติ นักท่องเที่ยวชาวไทย จากจังหวัดสงขลา กล่าวว่า มีความประทับใจมาก ที่ได้มาเยือนอ่าวมาหยาอีกครั้ง หลังจากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คอยมาอ่าวมาหยามีแล้วครั้งหนึ่ง แต่มาครั้งนี้สภาพหาดอ่าวมาหยา มีการฟื้นฟูธรรมชาติสมบูรณ์ มีระบบนิเวศทางทะเลที่สมบูรณ์อีกครั้ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามระดับโลก สมฉายาราชินีอันดามัน สวรรค์เกาะพีพี  ที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกต้องการมาเยือนสักครั้งในชีวิต 

 

ตร. พอใจ!! ปีใหม่ 2565 พบอุบัติเหตุ - ผู้เสียชีวิตลดลงตามเป้า พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ

วันนี้ (5 ม.ค. 65) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. /พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. / พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลการดำเนินการในการอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2565 พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ฯ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.64 เป็นต้นมาจนถึงวันสุดท้ายคือ 4 ม.ค.65 ซึ่งทุกวันจะมีการติดตามสถานการณ์การจราจร และการปฏิบัติของแต่ละหน่วย ผ่านระบบ VDO Conference  โดยมี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้กำกับดูแลในแต่ละวัน และให้หน่วยระดับ บช./ภ. , บก./ภ.จว. และทุกสถานีตำรวจเฝ้าฟัง ทั้งนี้เพื่อลดอุบัติ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยผลการดำเนินการในแต่ละด้าน มีดังนี้ 

>> 1. การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร  จัดกำลังตำรวจกว่า 80,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด 7 วัน มีปริมาณรถ เข้า-ออกจาก กทม. จำนวน 7,540,156 คัน  (ออกจาก กทม. จำนวน 3,718,563  คัน  และเข้า กทม. จำนวน 3,821,593 คัน)  วันที่ประชาชนเดินทางออกจาก กทม. มากที่สุด คือวันที่ 30 ธ.ค.64  วันที่ประชาชนเดินทางเข้า กทม. มากที่สุด วันที่ 3 ม.ค.65  

มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวนทั้งสิ้น 126 ครั้ง (ระบายรถขาออก 52 ครั้ง / ขาเข้า 74 ครั้ง) รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 23,484 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 20,645 คัน  (รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุด คือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส (ร้อยละ 60.3) รองลงมา คือ รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค (ร้อยละ 24.1) ) ( ไม่อนุญาตจำนวน 2,839 คัน  และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 82 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด)      

 

>> 2. การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั่วประเทศจำนวน 1,240 จุด (กวดขันวินัยจราจร 769 จุด, ตรวจแอลกอฮอล์ 471 จุด) พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 573,837 ราย  ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 19,760 ราย (มากกว่าปีใหม่ปีที่แล้วคิดเป็น 41.52 %) ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 167,677 ราย และข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 48,257 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าว

>> 3. การป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5 % เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (ปีใหม่ 2562 – 2564) ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน

- การเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  เกิดจำนวน 2,707 ครั้ง  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,515 ครั้ง) เป็นจำนวน 808 ครั้ง  (ลดลง 22.99 %)

- จำนวนผู้เสียชีวิต 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  มีจำนวน 333 ราย  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (388 ราย) เป็นจำนวน 76 ราย   (ลดลง 18.58 %)

- จำนวนผู้บาดเจ็บ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565  มีจำนวน 2,672 คน  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,572 คน) เป็นจำนวน 900 (ลดลง 25.08 %)

ทั้งนี้ บช./ภ. ที่มีผลการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนดีที่สุด ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรภาค 8

>> จังหวัดที่มีสถิติอุบัติเหตุลดลงมากที่สุด (เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปี) 3 จังหวัดแรก คือ จว.อำนาจเจริญ จว.ระยอง จว.พิจิตร

>> จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต  มีจำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ นครนายก  แพร่   สุโขทัย  สมุทรสงคราม พังงา ตรัง  สตูล ปัตตานี และยะลา

4. การประชาสัมพันธ์ข้อมูล  มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ facebook ตำรวจทางหลวง และสายด่วน บก.ทล. 1193, จส.100 สวพ.91 รวมทั้งสื่อหลักและสื่อโซเชียล ที่เกี่ยวกับการจราจรต่าง ๆ โดยมีประชาชนสอบถามข้อมูลการจราจรและแจ้งเหตุผ่านทาง สายด่วน 1193 รวมจำนวน 2,463 สาย เป็นการสอบถามเส้นทางและสภาพการจราจรจำนวน 1,773 สาย และขอความช่วยเหลืออีก 566 สาย

 

"ตำรวจ PCT” แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จับกุม ผู้ต้องหากว่า 3,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท!!

วันนี้ (6 ม.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.​ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.,พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ 25 ธ.ค.64  - 3 ม.ค.65 เพราะเป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้าน และมีการสังสรรค์ เกรงจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งจากผลการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทั้งสิ้น จำนวน 3,634 ราย โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ การหลอกลวงทางออนไลน์ 238 คดี, การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 335 คดี, การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 878 คดี, การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กหรือสตรีทางอินเทอร์เน็ตและค้ามนุษย์ 194 คดี และ การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่น ๆ อีก 1,989 คดี รวม มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 356 ล้านบาท โดยพบเป็นเงินทุนหมุนเวียนที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ถึง 335 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 พร้อมกำลัง สืบสวนปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์  รวมถึงการลักลอบจำหน่ายสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ยาเสพติด อาวุธปืน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าร้านค้าออนไลน์หลายรายได้จำหน่ายสิ่งเทียมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ส่วนประกอบอาวุธปืน ออกไปแล้วจำนวนมาก

หลังจากได้เป้าหมายแล้ว ได้ประสานไปยังตำรวจภูธร ภาค 1-9 ตำรวจนครบาล ตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย โดยเน้นไปยังกลุ่มที่สั่งซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืน(บีบีกัน) ส่วนประกอบอาวุธปืน เช่น ลำกล้อง ชุดอุปกรณ์ลั่นไก เพื่อนำไปดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนจริงออกมาได้ และกลุ่มที่สั่งซื้อเครื่องกระสุนปืนเพื่อนำไปใช้กับอาวุธปืนผิดกฎหมายได้ใช้การประกาศโฆษณาขายสินค้าโดยทำการอำพรางชื่อเพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบ

โดยในวันที่ 3 ม.ค.65 ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 60 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 31 ราย พร้อมของกลาง 5 รายการ ดังนี้

1. อาวุธปืนสงคราม จำนวน 1 กระบอก

2. อาวุธปืน จำนวน 49 กระบอก

3. เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,566 นัด

4. ยาบ้า จำนวน 203 เม็ด

5. ยาไอซ์ จำนวน 2.85 กรัม

6. กัญชาอัดแท่ง จำนวน 15 กรัม

ซึ่งการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 ชุดปฏิบัติเดียวกันนี้ ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นไปแล้ว จำนวน 40 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 24 ราย พร้อมของกลาง 6 รายการ คือ

1. อาวุธปืน จำนวน 23 กระบอก

2. เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,005 นัด

3. วัตถุระเบิดปิงปอง จำนวน 1 ลูก

4. ยาบ้า จำนวน 9,902 เม็ด

5. ยาไอซ์ จำนวน 0.94 กรัม

6. กัญชาอัดแท่ง จำนวน 6.34 กรัม

ภาพรวมขณะนี้ได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายลักลอบขายอาวุธปืนทางออนไลน์ไปแล้ว 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 55 ราย ตรวจยึดของกลางเป็น อาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก , อาวุธปืน 72 กระบอก ,วัตถุระเบิดปิงปอง  จำนวน 1 ลูก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 2,571 นัด และยาบ้าอีกจำนวน 10,105 เม็ด ยาไอซ์ 3.79 กรัม, กัญชาอัดแท่ง จำนวน 21.34 กรัม โดยหลังจากนี้ จะได้ขยายผลไปยังร้านค้าที่ลักลอบขายปืนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่อไป

โฆษก ตร. แถลงข่าวมาตรการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร., พ.ต.ท. ธเทพ ไชยชาญบุตร และ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รอง โฆษก ตร. ได้แถลงข่าวมาตรการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

มาตรการการดำเนินการสำคัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

1. การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 20 – 29 ธ.ค.65 เพิ่มความเข้มในการออกตรวจจุดสุ่มเสี่ยงต่างๆ สืบสวนหาข่าวเชิงลึก ปิดล้อมตรวจค้น ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด แสวงหาความร่วมมือกับภาคประชาชน ประชาสัมพันธ์โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) มาตรการสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และอำนวยความสะดวกและการคัดกรองบุคคลการเข้า-ออกประเทศ
2. การป้องกันเหตุในพื้นที่ มาตรการและแผนเผชิญเหตุในการป้องกันเหตุร้ายในสถานที่ต่างๆ จัดเตรียมชุดปฏิบัติการทางยุทธวิธี ชุดเคลื่อนที่เร็ว โดย รพ.ตร. บ.ตร. เตรียมความพร้อมในการสนับสนุน หน่วยความมั่นคงสืบสวนหาข่าว ประสานการปฏิบัติติดตามสถานการณ์ต่างๆ และให้ สตม.เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบการเข้า-ออกนอกราชอาณาจักรฯ 
3. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยการจราจร
3.1 ห้วงเวลาและวิธีการดำเนินการ กำหนดช่วงการรณรงค์และการประชาสัมพันธ์ (1 – 21 ธ.ค.65) ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น 7 วัน (22 – 28 ธ.ค.65) ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน (29 ธ.ค.-4 ม.ค.66) ช่วงหลังควบคุมเข้มข้น 7 วัน (5 – 11 ม.ค.66) เน้นการบังคับใช้กฎหมายใน 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะ 1) การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2) ขับรถในขณะเมาสุรา 3) ไม่สวมหมวกนิรภัย 4) ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ฯลฯ และกำหนดให้มี จุดตรวจหลัก จุดบริการ และด่านชุมชน เพื่อร่วมกันดำเนินการตามแผนฯ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top