Tuesday, 22 April 2025
เดินทาง

ยื่นหมูยื่นแมว ค่าเหยียบแผ่นดิน อุปสรรคการเดินทางจากไทยเมียนมา ลุ้น!! ปลดล็อกครั้งใหม่ 'ไทย-เมียนมา' หันกันสะดวกขึ้น

เราจะเห็นได้ว่าเมื่อไทยเปิดประเทศแล้ว สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลไทยมีมติเลย คือ การเก็บค่าเหยียบแผ่นดินสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยจะเรียกเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศโดยสารทางเครื่องบิน คนละ 300 บาท ส่วนผู้ที่เดินทางแบบไปเช้า เย็นกลับ จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม โดยคาดว่าจะเริ่มเก็บในช่วงต้นปี 2566 

เรื่องนี้สร้างความหวั่นให้กับผู้ประกอบการชาวไทยว่าต่างชาติจะไม่เข้ามาหรือเข้ามาน้อยลง แต่ความจริงแล้วเมื่อดูข้อมูลดี ๆ ในหลาย ๆ ประเทศมีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินซึ่งจะตั้งชื่อในรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น ในญี่ปุ่นจะเรียกว่า Sayonara Tax ในบางประเทศเรียก Tourist Tax และบางประเทศเรียกชื่ออื่นๆ เช่น Bed Tax, Culture Tax, Departure Tax, Occupancy Tax เป็นต้น ซึ่งราคาก็แตกต่างกันออกไป

ในเมียนมา ณ วันนี้ก็มีค่าเหยียบแผ่นดินเช่นกัน แต่มาในรูปของประกันชีวิต โดยทางเมียนมาได้ระบุว่าชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมายังเมียนมาทุกคนนอกจากจะมีผลฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มแล้ว จะต้องซื้อประกันชีวิตที่เป็น INBOUND TRAVEL ACCIDENT INSURANCE ซึ่งจะต้องซื้อเท่ากับจำนวนวันที่เราเข้ามาอยู่ในเมียนมา 

โดยขั้นต้นเริ่มที่ 15 วัน ราคาจะอยู่ที่ 50-100 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นกับช่วงอายุและราคาจะสูงขึ้นเมื่ออยู่ในเมียนมานานขึ้น ซึ่งนโยบายนี้เองสร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมียนมาอยู่ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีรายได้สูงมากนัก ก็จะไม่อยากจ่ายเงินก้อนนี้เพราะรู้สึกว่าเป็นการที่เอาเงินไปทิ้งเปล่าๆ แต่กระนั้นเองก็ทำให้เมียนมาได้กลุ่มนักท่องเที่ยวหรือคนเข้าประเทศที่มีทุนทรัพย์และสามารถจับจ่ายใช้สอยหากเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในเมียนมาจริง ๆ

พิจิตร-อบจ.พิจิตร จับมือขนส่งคุมเข้มรถบัสรถทัวร์พาผู้โดยสารกลับบ้านสงกรานต์

บรรยากาศการเดินทางกลับบ้านด้วยรถบัส-รถทัวร์ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ของจังหวัดพิจิตร เริ่มคึกคักแล้ว อบจ.พิจิตร จัดทีมงานบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ สถานีขนส่งผู้โดยสารสากเหล็ก เพื่อพร้อมใช้ให้บริการประชาชน ขนส่งพิจิตร  ตรวจเข้มสภาพรถ-สภาพคนขับ คาดการณ์ปีนี้คนแห่กลับบ้านมากกว่าปีที่ผ่านมา
  
วันที่ 11 เมษายน 2566 พ.ต.อ. กฤษฎา  ภัทรประสิทธิ์  นายก อบจ.พิจิตร ,  นายพิศ  วิริยะอารีธรรม ประธานสภา อบจ.พิจิตร  บูรณาการการทำงานร่วมกับ นายประไพ สวนกูล  ขนส่งจังหวัดพิจิตร , นายทองสุขวัฒน์ หลากสุขถม นายกเทศมนตรีตำบลสากเหล็ก กำลังตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรสากเหล็ก, หน่วยกู้ภัยสากเหล็กร่วมกันทำกิจกรรม บิ๊กคลีนนิ่งเดย์ สถานีขนส่งผู้โดยสารสากเหล็ก ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของ อบจ.พิจิตร โดยการทำกิจกรรมครั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการให้บริการรถขนส่งสาธารณะ ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นสู่ภาคเหนือ และจากภาคเหนือไปยังกรุงเทพฯ และภาคอีสาน ที่ในแต่ละวันมีรถบัสทั้งเที่ยวขึ้นและเที่ยวล่อง จอดใช้บริการที่สถานีขนส่งสากเหล็กแห่งนี้วันละ 40-50 เที่ยว เป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวและประชาชนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเพื่อเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยวจึงทำให้สถานีขนส่งแห่งนี้ต้องเพิ่มการให้บริการประชาชนมากขึ้นหลายเท่าตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการบริการประชาชน อบจ.พิจิตร จึงได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการทำความสะอาดอาคาร สถานที่ ห้องสุขา และพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งสากเหล็ก ทั้งนี้เพื่อต้อนรับและพร้อมให้บริการ รถบัส รถทัวร์ และประชาชน ที่ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะกลับบ้านเทศกาลวันสงกรานต์

คิกออฟ 1 ธ.ค.!! สแกนใบหน้าขึ้นเครื่อง ทั้งในประเทศ-ระหว่างประเทศ ไม่ต้องโชว์พาสปอร์ต-บัตรโดยสาร

(28 พ.ย.67) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า พร้อมให้บริการระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometric) สำหรับผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ที่สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร โดยลดเวลาการใช้บริการที่แต่ละจุดบริการเหลือเพียง 1 นาที จากเดิมที่ใช้เวลา 3 นาที

ผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนได้เมื่อเช็กอินที่สนามบินใน 2 วิธี คือ 
1. เช็กอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร ซึ่งระบบจะบันทึกข้อมูลใบหน้าและเอกสารการเดินทาง
2. เช็กอินที่เครื่องเช็กอินอัตโนมัติ (CUSS: Common Use Self Service) โดยเลือกสายการบินและยินยอมลงทะเบียนใบหน้าในระบบ (Consent Notice) แล้วดำเนินการเช็กอินจนได้รับบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) หลังจากนั้น ผู้โดยสารจะทำการสแกนบาร์โค้ดในบัตรโดยสารและทำการเสียบหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชน ก่อนสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการลงทะเบียน

หลังจากเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ผู้โดยสารสามารถโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าอัตโนมัติ (CUBD: Common Use Bag Drop) และผ่านจุดตรวจค้นต่างๆ โดยไม่ต้องแสดงพาสปอร์ตและบัตรโดยสารอีกต่อไป ข้อมูลผู้โดยสารที่ถูกบันทึกจะถูกลบทิ้งภายใน 48 ชั่วโมง ตามมาตรฐานความปลอดภัยและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top