Monday, 6 May 2024
เกาะพีพี

กระบี่ - นทท.ทะยอย กลับจากเกาะพีพี หลังหมดเทศกาลปีใหม่ พบอ่าวมาหยา นทท.ยังแห่เที่ยวแน่น

ที่ท่าเรือท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ พากันทยอยเดินทางออกจากเกาะพีพี ด้วยเรือโดยสารประจำทาง เพื่อกลับภูมิลำเนา และเดินทางไปท่องเที่ยว ตามแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกหลังจากพาครอบครัวมาพักผ่อนในพื้นที่เกาะพีพี ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ส่งผลให้เรือโดยสารเต็มความจุทุกเที่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อบจ.กระบี่และ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขากระบี่ คอยดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยประจำท่าเรือ

ขณะอ่าวมาหยา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง หลังจากที่เปิดมาตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 3 ม.ค.พบว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่จองคิวเข้าเที่ยวผ่านแอปพลิเคชันคิวคิว ของกรมอุทยานแห่งชาติฯยังคงเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเต็มทุกเที่ยว เจ้าหน้าที่อุทยานฯต้องดูแลความเรียบร้อยและห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ปะการังที่กำลังฟื้นฟูเกิดความเสียหายและไปรบกวนฝูงปลาฉลามครีบดำ นับ 100 ตัว ที่ใช้อ่าวมาหยาเป็นที่หากินและผสมพันธุ์

 

‘ศรายุทธ ตันเถียร’ ผู้พลิกฟื้นอุทยานทางทะเล หัวหน้าอุทยานคนแรก ที่ใช้เวลาเพียง 2 ปี แต่เก็บรายได้เข้ารัฐกว่า 2 พันล้านบาท

เพจ Open Up ได้เล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ศรายุทธ ตันเถียร’ หัวหน้าอุทยานคนแรกที่สามารถทำรายได้เข้าประเทศไทยมากถึง 2 พันล้านบาท เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของวงการอุทยานแห่งชาติไทยไปตลอดกาล โดยระบุว่า 

เรื่องราวนี้เริ่มขึ้นเมื่อ เดือนกรกฎาคม 2558 หัวหน้าอุทยานคนหนึ่ง ถูกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในอุทยานทางทะเลที่ได้ชื่อว่าโหดหินที่สุด มีปัญหาไปหมดทุกอย่าง และเป็นอุทยานที่เก็บเงินรายได้ ได้น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งหัวหน้าอุทยานที่ต้องแก้ไขปัญหาก็คือ ‘ศรายุทธ ตันเถียร’

เพื่อน ๆ เชื่อมั้ยครับว่าในวันแรกที่ ‘ศรายุทธ ตันเถียร’ ถูกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ มีเรือยาง 1 ลำ มีทุ่นจอดเรือ 8 ลูก มีเรือขออนุญาตในระบบเพียง 90 ลำ แต่ผู้ชายคนนี้ต้องการเพียงแค่ เรือยาง 1 ลำ ในการพลิกฟื้นทะเลกระบี่ จับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง เช่น การจับสัตว์น้ำผิดกฎหมาย ผู้ประกอบการทำผิดกฎ นักท่องเที่ยวทำร้ายธรรมชาติ ฯลฯ จนจำนวนสถิติพุ่งถึง 1 พันครั้ง

'วราวุธ' สั่งล่าตัวนักท่องเที่ยว-คนขับเรือ ตกปลานกแก้ว ใกล้หมู่เกาะพีพี

วันที่ 11 สิงหาคม นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์คลิปวิดีโอลงบนสื่อออนไลน์ (TikTok) บัญชี @ roslanofficial ช่องทาง https://www.tiktok.com/@roslanofficial ในคลิปปรากฏว่าเจ้าของบัญชี TikTok พร้อมกัปตันเรือ ยืนถือปลานกแก้ว 3 ตัว ปลาไม่ทราบชนิด 2 ตัว และใช้มีดแทงหัวปลาไหลทะเล 1 ตัว นั้น ตนได้สั่งการลงไปในพื้นที่ ให้หาตัวคนขับเรือ และนักท่องเที่ยวต่างชาติคนดังกล่าวให้ได้โดยเร็วเพื่อนำตัวเอามาลงโทษให้ได้ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องซีเรียสอย่างมาก 

ทั้งนี้ ทช. ได้ประสานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย เพราะพื้นที่เกิดเหตุน่าจะเกิดในบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

นายโสภณ กล่าวว่า ล่าสุดนั้น ทางกรมอุทยานฯ แจ้งมาว่าได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ปรากฏว่าที่เกิดเหตุอยู่บริเวณเกาะพีพีเล พิกัด 47N 0474172E 0850966N ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี คณะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานเปรียบเทียบพิกัดที่เกิดเหตุตามคลิปวิดีโอเพื่อแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเกาะพีพี ตามระเบียบและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเรือที่ก่อเหตุชื่อเรือ 'เอวาริน' อยู่ระหว่างติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

กระบี่-เรือ นทท.นับร้อยลำแห่เข้าชมความงามอ่าวปิเละพีพีเลแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเกาะพีพี ด้าน อช.พีพี หวั่นเกิดความเสียหายและอุบัติเหตุ 'สั่งล้อมคอก' บูรณาการส่วนราชการและส่วนที่เกี่ยวข้อง ลุยจัดระเบียบเรือเชิญผู้ประกอบการผู้เกี่ยวข้องประชุมหารือเร่งด่วน

วันที่ 5 ก.พ.67 นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นายเพิ่มศักดิ์ คงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 สั่งการให้อุทยานแห่งชาติฯ จัดการดูแลสถานที่แหล่งท่องเที่ยว 

โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ให้ควบคุมดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว บริหารจัดการเพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่ให้เกิดภาพความแออัด ให้ท่องเที่ยวอย่างสะดวกและปลอดภัย

โดยช่วงบ่ายวันที่ (5 ก.พ.) หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บูรณาการร่วมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง นำเรือตรวจการณ์สำรวจบริเวณแหล่งท่องเที่ยวอ่าวปิเละ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังรองอันดับ 2 จากอ่าวมาหยา ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พบในอ่าวปิเละ มีการสัญจรของเรือหนาแน่น ทั้งมลพิษกลิ่นควันจากท่อไอเสียของเรือ มลพิษด้านเสียง กลิ่นน้ำมัน อีกทั้งนทท.ลงเล่นน้ำนอกแนวเขตทุ่นไข่ปลา หวั่นเกิดอุบัติเหตุอันตรายขึ้นแก่นักท่องเที่ยว จึงเร่งหาแนวทาง"ล้อมคอกก่อนวัวหาย" 

ได้เชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องประชุมหารือเร่งด่วนถึงแนวทางในการจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยวของเกาะพีพี โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง ,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ ,สถานีตำรวจท่องเที่ยว 3 กก.2 ,สถานีตำรวจน้ำ 1 กก.9 ,ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จังหวัดกระบี่ ,ศูนย์ควบคุมความมั่งคงท่าเรือกระบี่ ,สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ,สถานีตำรวจภูธรเกาะพีพี ,ชมรมผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวเกาะพีพี ,ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะพีพี ,กลุ่มพิทักษ์พีพี ,ชมรมเรือหางยาวเกาะพีพี ,ผู้ประกอบการเรือหางยาว และผู้ประกอบการท่องเที่ยว ณ ห้องประชุมโรงแรม พีพี อันดามัน บีช รีสอร์ท (เกาะพีพี) จังหวัดกระบี่

หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เผยอีกว่า ในที่ประชุม อุทยานแห่งชาติฯ ได้รายงานสภาพปัญหาการท่องเที่ยวบริเวณอ่าวปิเละ และศักยภาพการท่องเที่ยวตามหลักวิชาการ โดยอ่าวปิเละ หรือปิเละ ลากูน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะโดดเด่น สวยงาม ตั้งอยู่ที่เกาะพีพีเล มีแอ่งน้ำลักษณะคล้ายกับลากูน โดยเป็นแอ่งถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาสูง น้ำทะเลสดใสเขียวมรกต เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 

และอยู่ใกล้กับอ่าวมาหยาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของอุทยานฯ ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวอ่าวปิเละ มีเรือนำเที่ยวและนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ในแต่ละวันมีเรือเข้าไปท่องเที่ยว เฉลี่ยประมาณ 120 ลำ ประกอบด้วย เรือหางยาว เรือสปีดโบ๊ท ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่ เป็นการเข้าไปให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ และว่ายน้ำ ด้วยความหนาแน่นของเรือที่เกิดจากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย มีภูมิทัศน์ไม่สวยงาม เกิดมลพิษ ทั้งทางด้านเสียงจากเครื่องยนต์เรือ และมลพิษทางอากาศ 

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้าไปได้รับโดยตรง ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะหาแนวทางในการจัดการแก้ไขปัญหา ซึ่งต้องบูรณาการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่และต่างพื้นที่ที่เข้ามาใช้ประโยชน์ เพื่อที่จะหาแนวทางกำหนดกฎกติกาในการจัดระเบียบการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ 

เพื่อสามารถจัดการแหล่งท่องเที่ยวและใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน โดยอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราฯ ได้ดำเนินการของบประมาณในการติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำ และทุ่นไข่ปลา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้า-ออกของเรือ และอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมถึงเพิ่มทุ่นจอดเรือให้ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวทุกแหล่ง เพื่อป้องกันมิให้มีการทิ้งสมอเรือ หรือท่องเที่ยวที่อันจะเกิดผลกระทบต่อปะการังในแหล่งท่องเที่ยว โดยที่ประชุมดังกล่าวได้ร่วมกันหารือปัญหา และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา และได้มีมติที่ร่วมกันที่ในการจัดระเบียบการท่องเที่ยวในอ่าวปิเละลากูน ในเบื้องต้น ดังนี้

1. ลดจำนวนเรือหางยาวที่ไม่มีนักท่องเที่ยว โดยไม่ให้ เข้าไปจอดหรือดำเนินการเปลี่ยนถ่ายนักท่องเที่ยวจากเรือสปีดโบ๊ทไปยังเรือหางยาวภายในอ่าวปิเละ  ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงสามารถลดปัญหามลภาวะทางเสียงและอากาศในพื้นที่ได้ 

2. จัดโซนเล่นน้ำภายในอ่าวปิเละ ให้เล่นเฉพาะจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้เท่านั้น 

3. จัดทำเสาแสดงระดับน้ำขึ้นลงด้านหน้าอ่าวเพื่อจำกัดช่วงเวลาเข้าออกของเรือทั้งนี้อุทยานแห่งชาติมีแผนงานแก้ไขปัญหาจัดระเบียบเรือในพื้นที่ดังกล่าว  3 มาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 การจัดการด้านพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว
1.1 เพิ่มทุ่นจอดเรือบริเวณหน้าอ่าวปิเละ เพื่อรองรับการจอดเรือของเรือสปีดโบ๊ท/กรณีน้ำลดลงต่ำที่เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้
1.2 ของบสนับสนุนในการจัดตั้งทุ่นลอยน้ำสำหรับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำอ่าวปิเละ
ในการควบคุมตรวจสอบการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
1.3 ของบประมาณจัดทำทุ่นจอดเรือภายในอ่าวปิเละ เพื่อรองรับการจอดเรือ สำหรับกำหนดรอบในการเข้าไปท่องเที่ยว

มาตรการที่ 2 จัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย 
2.1 ร่วมหารือแนวทางการจัดระเบียบปริมาณเรือที่เข้า-ออก ไปใช้พื้นที่อ่าวปิเละ เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่น และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
2.2 นำความเห็นเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ  (PAC) เพื่อขอมติรับรอง�การดำเนินการตามมาตรการแนวทางการจัดระเบียบและข้อปฏิบัติในการเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวปิเละลากูน ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 นี้
2.3 ออกมาตรการกำหนดแนวทางการจัดระเบียบและข้อปฏิบัติในการเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยว�ปิเละลากูน พร้อมประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ที่เกี่ยวข้องทราบ
2.4 ดำเนินการมาตรการแนวทางการจัดระเบียบและข้อปฏิบัติในการเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวปิเละลากูน พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานตรวจสอบควบคุม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

มาตการที่ 3 ตรวจสอบร่วมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุม ดูแล การท่องเที่ยวทางเรือ
3.1 เรือที่เข้าไปท่องเที่ยวและให้บริการนักท่องเที่ยว ต้องได้รับอนุญาตประกอบกิจการท่องเที่ยวจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
3.2 เรือที่ให้บริการนักท่องเที่ยวต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3.3 ผู้ขับเรือ ต้องผ่านการฝึกอบรม เกี่ยวกับการให้บริการนักท่องเที่ยว การช่วยปฐมพยาบาลขั้นต้นหรือด้านอื่นๆ ที่จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อม

จากการประชุมดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเรือหางยาว ผู้ประกอบธุรกิจบนเกาะพีพี รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่เข้ามาท่องเที่ยว ที่จะดำเนินการตามแนวทางและกฎระเบียบที่กำหนด เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวได้รับการจัดการที่เหมาะสม สามารถใช้อำนวยประโยชน์ทางด้านการท่องเที่ยว ได้อย่างยั่งยืนต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top