Wednesday, 9 April 2025
อี้แทนคุณ

'อี้ แทนคุณ' ประณาม 'พิธา-ก้าวไกล' นำเด็ก 10 ขวบเอี่ยวการเมือง หลังให้ขึ้นเวทีกล่าว Hate Speech ขัดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

(10 ก.ค. 66) ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลนำเด็ก 10 ขวบขึ้นไปพูดบนเวทีการเมือง เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ถือเป็นการกระทำที่สิ้นคิดไร้สำนึกทางสิทธิมนุษยชน ขัดหลักการสากล ว่าด้วยสิทธิเด็กที่องค์กรสหประชาชาติก็ให้ความสำคัญ กับหลักการ 'กันเด็กออกจากการเมือง' และ 'เด็กต้องได้รับความคุ้มครองจากการแสวงประโยชน์กับเด็กในทุกรูปแบบจากรัฐ' 

โดยหลักการอนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิเด็กที่จัดทำขึ้นในปี พ.ศ.2532 เป็นข้อตกลงด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ได้รับการรับรองมากที่สุดในโลกถึง 196 ประเทศ ข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์นี้คือ การที่ผู้นำทั่วโลกได้มาร่วมให้สัญญากับเด็กๆ ทุกคนให้ได้รับความคุ้มครองดูแลอย่างเต็มที่ โดยประเทศไทยลงนามภาคยานุวัติรับรอง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2535 นั่นหมายความว่า รัฐบาลมีพันธะผูกพันที่จะดำเนินการให้เด็กๆ ทุกคนในประเทศให้ได้รับสิทธิตามอนุสัญญาฯ ดังกล่าว 

การที่พรรคก้าวไกลนำเด็ก 10 ขวบขึ้นเวทีสัมภาษณ์โดยมีการพูด Hate Speech ซึ่งเป็นเแนวคิดเดียวกันกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลและขบวนการปลุกปั่นทางสังคมและการเมืองส่งผลต่อเด็กและเยาวชนตามปรากฏในโซเชียลมีเดียต่างๆ ดังที่คนเคยตั้งข้อสังเกตไว้แล้วก่อนหน้านี้ ตนจึงขอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และรัฐสภา ได้เข้ามามีส่วนในการตรวจสอบพฤติกรรมของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยเฉพาะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่จัดเวทีดังกล่าวที่มีการนำเด็กมา สัมภาษณ์ทางการเมืองบนเวทีดังกล่าว ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเวทีการเมืองของพรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ ยังขอเรียกร้องไปยังขบวนการภาคประชาสังคมด้านสิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก ให้มาช่วยเหลือดูแล ดำเนินการกับกรณีดังกล่าวโดยเร่งด่วนอย่านิ่งเฉยหายเงียบเหมือนกรณี ส.ส.ทำร้ายแฟนสาว เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิของเด็ก ไม่ให้ถูกพรรคการเมืองใดนำไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกต่อไป

‘อี้ แทนคุณ’ ย้อนถาม “จะให้เลือกตั้งทำไม ถ้าคุณยังถือหุ้นสื่ออยู่” ชี้ ‘พิธา’ ชวดนายกฯ ควรโทษตัวเองหยุดปลุกปั่นสร้างแตกแยก

(20 ก.ค. 66) ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาที่ถกกันกว่า 7 ชั่วโมงโดยผลโหวตไม่สามารถเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้ง และหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7:2 รับคดีที่ กกต.ร้องให้วินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส.นั้น เกิดจากเหตุเพราะนายพิธา ขาดธรรมาภิบาลในตัวเอง เป็นคน ‘ทุศีล’ มีมลทิน รู้ทั้งรู้ว่าห้ามถือหุ้นสื่อ ITV ที่ยังคงสถานะความเป็นหุ้นสื่ออยู่ แต่ก็จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย 

หรือเป็นเพราะเชื่อกุนซือด้านกฎหมายคนเดียวกันที่เคยแนะนำนายธนาธร จนเป็นเหตุให้เจริญรอยตามกันใช่หรือไม่? ทั้งการสิ้นสมาชิกภาพ ถูกตัดสิทธิและถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 151 อันเป็นวิบากกรรม ที่นายพิธา ทำตัวเองล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับใครคนอื่นเลย 

หากจะโทษจงโทษตัวเองที่ไม่รอบคอบพอและตีความกฎหมายตามใจตนเอง และควรหยุดนำมาสร้างวาทกรรมโจมตี ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน เกลียดชังองค์กรอิสระและเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ ที่ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยควรให้สติให้ปัญญาในการเคารพกฎหมายไม่ใช่เป็นฝ่ายออกกฎหมายแต่กลับทำลายกฎหมายเสียเอง  

ขอย้ำประเทศไทยเป็น ‘นิติรัฐ’ ไม่ใช่ ‘นิติด้อมส้ม’ มีกฎหมายไม่ใช่กฎหมู่ และประชาชนตาสว่างเยอะแล้วหลังจับโป๊ะ เครือข่ายก้าวไกลและพวกใช้ IO หรือปฎิบัติการทางข้อมูลข่าวสารคุกคามกระบวนการยุติธรรม ศาล กกต. ส.ว.และคนเห็นต่างแบบล่าแม่มด

ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นวิบากกรรมที่นายพิธา หลอกตัวเองมาตลอดว่าตนไม่ผิด 

“ผมจึงขอเตือนสตินายพิธาว่า ควรใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ กลับใจสำนึกในความผิดที่ตนก่อไว้อย่าสร้างกรรมเพิ่มและสำนึกในบุญคุณประเทศชาติบ้านเมืองทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการเคารพกฎหมายไม่ด้อยค่าประเทศ ไม่ด้อยค่าสถาบันหลักของชาติ หยุด ‘โทษคนอื่น’ ให้คนเข้าใจผิดเพื่อสร้างความแตกแยกในสังคม และพิจารณาตนเองว่าคุณทำผิดอะไรบ้าง รู้ทั้งรู้ว่าคุณทำในสิ่งที่กฎหมายหัามไว้ แล้วจะให้มีเลือกตั้งไปทำไม คุณมีการไปรับรองผู้สมัคร ส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรคทำไม ให้ต้องเสียเวลาสภาสองวันทำไม และสุดท้ายโทษคนอื่นทำไม ทั้งหมดนี้ หากเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองคือต้นทุนที่แท้จริงที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลต้องจ่าย” ดร.แทนคุณ กล่าว

‘อี้ แทนคุณ’ ชมม็อบแปลอักษร ‘ค.ควาย’ สร้างสรรค์ ดีกว่าม็อบใช้ความรุนแรง - ทำลายทรัพย์สิน

(24 ก.ค. 66) นายแทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธิ​ปัตย์​ และอดีต สส. กทม. กล่าว​ถึงการชุมนุม​​ของประชาชนที่สี่แยกอโศก​เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้มีโอกาส​ร่วมสังเกตการณ์​ด้วยตนเองบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พบว่ามีประชาชน​เดินทาง​มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก ส่วนใหญ่​ใส่เสื้อผ้าและมีเครื่องประดับทั้งสีดำและส้ม มีสัญลักษณ์​ของพรรคก้าวไกล​และป้ายข้อความ​การปราศรัย​โจมตี สว. ทั้งภาษาไทย​และภาษาอังกฤษ​ตลอดเวลา​ โดยไฮไลต์​อยู่​ที่ผู้​ชุมนุม​พร้อมใจกันแปรอักษร​เป็น​ตัว ‘ค.ควาย’ เต็มถนนบริเวณ​พื้นที่​ที่ชุมนุม ทำให้เกิด​เป็น​ปรากฏการณ์​ใหม่ที่ไม่เคยเกิดในการชุมนุม​ทางการเมือง​ของประเทศ​ไทย

“เชื่อว่าเกิดขึ้น​ด้วยความคิดสร้างสรรค์​ของแกนนอน คือ นายสมบัติ​ บุญ​งามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด นักกิจกรรม-​เคลื่อนไหว​ทางการเมือง​​ชื่อดัง ที่ออกแบบการชุมนุมในครั้งนี้โดยใช้สัญลักษณ์​สื่อความหมาย​สั้น กระชับ ตรง ทรงพลังและเป็​นที่จดจำ โดยเฉพาะ​ข้อสังเกต​คือ จากอักษร​ ‘ค.ควาย’ ที่มักถูกใช้ในการคอมเมนต์​ในโลกออนไลน์​กับความเห็นต่างเมื่อนำมาแปรอักษรเป็น ‘ค.ควาย’​ บนถนนก็แปลกตาดี โดยอยากสนับสนุน​ให้ใช้ความสร้างสรรค์​รูปแบบนี้ในทุก ๆ การชุมนุม ไม่ซับซ้อน​และตรงไปตรงมา​แสดงออกอย่างแบบสันติวิธี​นี้ ซึ่งย่อมดีกว่าการใช้ความรุนแรงและไปบุกรุกสถานที่ทำการของพรรคการเมื​องหนึ่งที่ทำลายบรรยากาศ​การหาทางออกของประเทศ​ที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี ทำลายทรัพย์สิน​ ทำลายความรู้สึก​ของประชาชนที่รอความหวังโดยกลุ่มการเมือง​หัวรุนแรงเดิม ที่มักใช้วิธีคุกคามคนอื่นด้วยวิธีป่าเถื่อน​เสมอ” นายแทนคุณ ระบุ

ท้ายนี้ยอมรับ​ว่าเป็นห่วงสุขภาพ​ของผู้ชุมนุม​ที่มีทั้งผู้สูงอายุ​ คนหนุ่มสาว เด็กเยาวชน​ที่เสียสละออกไปร่วมชุมนุม โดยอยากทางผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง​จัดสถานที่​การชุมนุม​ให้สอดคล้อง​กับสภาพภูมิอากาศ​ และรองรับผู้เข้าร่วม​ชุมนุม​และผู้ร่วมสังเกตการณ์​จำนวนมาก เพื่อความปลอดภัย​จากโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้น​อีกจากการรวมตัวใกล้ชิด​ด้วย

‘อี้ แทนคุณ’ ร้อง ‘ปธ.สภาฯ’ สอบจริยธรรม ‘พิธา’ ปมให้เด็ก 10 ขวบขึ้นเวทีการเมือง-สร้างความเกลียดชัง

(25 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต สส.กทม.และรักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างประเทศ เข้ายื่นหนังสือต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ คณะทำงานประธานสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีการปล่อยปละละเลยและสนับสนับให้เด็กอายุ 10 ปี ขึ้นเวทีการเมืองและกล่าวคำพูดลักษณะสร้างความเกลียดชัง และกรณีของ นายสิริน สงวนสิน สส.กทม.พรรคก้าวไกล ทำร้ายสตรี

โดย นายแทนคุณ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พรรคก้าวไกลได้จัดงานงานเพื่อขอบคุณประชาชน และฟังเสียงทุกคนก่อนโหวตนายก โดยมีประชาชนร่วมรับฟังจำนวนมาก ณ ลานหน้าห้างเซนทรัลเวิร์ล โดยมีการนำเด็ก 10 ปี 2 คน ขึ้นเวที และนายพิธาได้กล่าวคำพูดในลักษณะยุยงให้เกิดความเกลียดชัง เช่น ตอนหนึ่งระบุว่า อยากให้พิธาเป็นนายกฯ หากว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อยากให้ว่าชื่อพิธา อยากให้จัดการกับระบบปรสิต ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับพรรคก้าวไกลและขบวนการปลุกปั่นทางสังคมได้สื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการสนับสนุนให้เด็กนำเสนอแนวคิดทางการเมืองเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก และแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองต่อเด็ก เนื่องจากเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นขอเรียกร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมอย่างร้ายแรงของนายสิริน ที่มีข่าวทำร้ายร่างกายแฟนสาว ทั้งต่อยที่ใบหน้า และดึงศีรษะให้ลงจากรถจนสตรีผู้นั้นได้รับบาดเจ็บตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดกับจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ภาพลักษณ์ของสมาชิกผู้แทนราษฎรเสื่อมเสีย จึงไม่อยากให้ประธานสภาปล่อยปะละเลยผู้กระทำการละเมิดทั้ง 2 กรณีที่เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อเด็ก เยาวชน และคนทั่วไป จึงอยากให้ประธานสภาตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม หรือประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 หรือขัดกับกฎหมายระเบียบข้อบังคับอื่นใดหรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘อี้ แทนคุณ’ เตือนสติ ‘ด้อมส้ม’ หลังก้าวร้าวขึ้นทุกวัน ลั่น!! ยิ่งทำอะไรรุนแรง ‘ก้าวไกล’ ​ยิ่งพังเร็วเท่านั้น

(2 ส.ค. 66) ดร​.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์ ​กล่าว​ถึง​กรณี​การ​ชุมนุม​คาร์ม็อบ ที่แยกอโศก หลังจากได้ออกมาเคลื่อนไหว​แปรอักษร​ เป็น​ อักษร ห.หีบ และมีการวางตัวหนังสือ​ ค.ควาย เพื่อให้อ่านว่า ห.ค. รวมทั้งมีการโปรยเอกสารด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและได้มีการบุกไปที่ตลาดของสมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่งในลักษณะคุกคาม เพื่อไปกดดันด้วยการทำความเสียหายให้กับธุรกิจของเขา และมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันมาก่อนหน้านี้ ทั้งบุกรุก พ่นสีถนน พ่นสีอาคารสถานที่​ ขว้างปาสิ่งของ ทำลายกล้องวงจรปิด เผาทำลายทรัพย์สินทั้งป้อมจราจร สถานีตำรวจ สถานที่ราชการ สถานที่ส่วนบุคคลและอื่นๆ อีกหลายที่

โดยประชาชน​ที่ติดตาม​กระทำของบรรดาผู้ชุมนุมหรือ ‘ด้อมส้ม’ อย่างใกล้ชิด ย่อมสังเกตว่าผู้ชุมนุมที่มีความหลากหลาย​กลุ่ม แต่กลับมีการกระทำที่ไร้วุฒิภาวะโดยสิ้นเชิง โดยเชื่อว่าจากนี้ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย​ต่างต้องทยอยถูกดำเนินคดี​อาญาตามหลังทั้งสิ้น

โดยปัจจุบัน​ทั้งบรรดาผู้ชุมนุม​และสื่อมวลชนต่างช่วยกันถ่ายทอดสดและถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ​บันทึกไว้เป็นหลักฐานอย่างดี ทำให้สามารถเห็นทั้งใบหน้า พฤติ​กรรมและยืนยันตัวตนของบุคคล​ผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างละเอียด​ ซึ่งถือว่า ม็อบ ห.ค.นี้ จงใจสร้างสถานการณ์​และทำให้บ้านเมือง​เสียหาย​โดยไม่สนใจ กฎหมายและกติกาบ้านเมือง รวมทั้งบรรดาแกนนำ ที่มีคดีความ บางคนก็เคยมีข้อมูลว่าร่ำรวยขึ้นจากการเป็นแกนนำม็อบ ทั้งที่เคลื่อนไหว​โดยอิสระและที่มีเชื่อมโยงกับพฤติการณ์ของพรรคก้าวไกล ที่บิดเบือนให้ร้าย และสร้างความแตกแยกไม่รู้จบสิ้น สอดประสาน​ทั้งใน-นอกสภา ทั้ง​การใช้​ความก้าวร้าว​รุนแรง ด้อยค่าว่าร้าย บีบบังคับ​ให้คนอื่นต้องโหวตให้ ทั้งๆ ที่ดูจากสภาพทั้งหัวหน้าพรรค คือ นายพิธา และ สส.หลายๆ คน มีพฤติกรรม​กระทำผิด​กฎหมาย​ซ้ำๆ ทั้งโกหกหลอกลวง​จากนโยบาย​หาเสียง การไม่ให้เกียรติ​ทั้งสถานที่​และคนอื่นคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดเป็นศูนย์กลาง​จักรวาล​ ใครๆ ก็ต้องยอมทำตาม 

แต่ในความเป็นจริง ​เมื่อลืมตาตื่นจากฝันแล้วจะพบว่าเทคนิคทางการสื่อสารทางการตลาดที่ได้ผลสำเร็จ​ในโลกโซเชียล​ที่ทำให้ทนงตนคิดว่าเจ๋งที่สุดแล้ว เมื่อมาสู่โลกความเป็นจริงกลับไม่สามารถ​กดดันหรือบีบบังคับคนอื่นรัก เคารพได้ตลอด ด้วยพฤติกรรมของพวกเขาเอง ที่นอกจาก​ไม่มีใครอยากคบ ไม่มีใครอยากทำงานด้วย ยังทำให้บ้านเมือง​มีปัญหา​ต่อเนื่อง​ต่อไปอีกด้วย จึงขอเตือนสติว่า ‘ม็อบยิ่งทำอะไรรุนแรง ก้าวไกล​ยิ่งพังเร็วเท่านั้น’

'อี้ แทนคุณ' จี้ 'ประธานวันนอร์' ดำเนินคดี-ปลด 'ปดิพัทธ์' หลังโพสต์ภาพคู่เหล้า ผิดพ.ร.บ.ควบคุมแอลกอฮอล์

(14 ส.ค.66) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่หนึ่งของพรรคก้าวไกลโพสต์อวดรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยี่ห้อหนึ่งทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของ Padipat Suntiphada ในข้อความว่า... 

"เอาแล้วๆๆๆๆ พิษณุโลกมีคราฟท์เบียร์ตัวแรกอย่างเป็นทางการแล้วครับ เป็นของดีพิดโลกนอกจากกล้วยตากและหมีชั่วครับ"

ทั้งนี้ ถือเป็นการทำผิดมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551บัญญัติ "ห้าม มิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อัน เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม"  

โดยตนเป็นหนึ่งในคนที่เคยร่วมผลักดัน พ.ร.บ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เพื่อป้องกันมิให้การเผยแพร่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมากเกินไปจนนำมาซึ่งการเมามายขาดสติ เกิดอุบัติเหตุเกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย 

แทนคุณ กล่าวอีกว่า แม้ว่าสุราพื้นถิ่นจะเป็นเรื่องที่สนับสนุนส่งเสริมอาชีพและการนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่การโฆษณาชวนเชื่อโดยตรงหรือโดยอ้อมย่อมผิดกฎหมายชัดเจน และตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎรสมควรที่จะรู้และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำกับดูแลนักการเมืองไม่ให้ประพฤติชั่ว เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ย่อมทำให้ขาดสติและขาดความยับยั้งชั่งใจ เหมือนก่อนหน้านี้ที่มี ส.ส.ของก้าวไกลขาดสติ ขาดวุฒิภาวะไปกระทืบซ้ำคนล้มและเกิดวิวาทเพราะการเมา ซึ่งเชื่อว่าหากมีสติสัมปชัญญะที่ดีย่อมไม่ทำแบบอย่างที่เลวให้กับเยาวชนและสังคม

ดังนั้นจึงขอให้ท่านประธานวันนอร์ฮัมหมัดมู มะทา ได้โปรดพิจราณาดำเนินคดีตามกฎหมายดังกล่าวและประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เด็ดขาด มิให้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนคาดหวังการรักษากฎหมายของนักการเมืองมิให้ทำให้รัฐสภาต้องด่างพร้อยเพราะการกระทำของคนไม่กี่คนจากพรรคก้าวไกลอีก

‘อี้​ แทนคุณ​’ จี้สรรพากรสอบภาษีย้อนหลัง ‘โย พงศธร’ หลังโซเชียล​ขุดคุ้ย ‘โชว์ถือหุ้น-​ขายเบียร์​เต็มรถ’

(29 ส.ค. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์ ​กล่าว​ถึง​กรณี​มีการขุดคุ้ยและแชร์ประวัติ​ของผู้สมัคร​ สส.พรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง​ซ่อม ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกลว่าไม่เสียภาษี​เงินได้​บุคคลธรรมดา​ทั้งที่มีภาพถ่ายเป็นผู้ถือหุ้นและขายเบียร์เป็น​จำนวนมาก

โดยปรากฏ​ข้อความ​ในเฟซบุ๊ก​ผู้ใช้นามว่า ‘Yo Pongsathon Sonpechnarintr’ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม​ 2022 “พร้อมแล้วใครรออยู่เราจะทยอยไปส่งให้นะครับ” และข้อความวันที่​ 11 ตุลาคม 2022 “วันนี้ส่ง 25 ลังเล่นเอารถกลายเป็นรถโหลดเตี้ยเลย” ซึ่งเป​็นการกระทำ ความผิดฐานการโฆษณา​เครื่อง​ดื่ม​แอลกอฮอล์ตาม​มาตรา 32 เช่นเดียวกับ​ ‘รองอ๋อง’ ด้วยหรือไม่

และเมื่อวันที่ 16 มกราคมอยู่ที่ Khaoyai Pool Villa Khaoyal “ส้มมนาผู้ถือหุ้น #บูรพ์ ผู้​ถือหุ้นมา 5 ใน 7 ปีนี้มาเขาใหญ่เป้าปีหน้าเราจะไปด่างประเทศพร้อมคืนทุน 100% สุราก้าวหน้า ประชาก้าวไกล พวกราจะเต็บโตไปด้วยกัน” โดยแสดงให้เห็นว่ามีการประกอบ​กิจการและเป็​นผู้ถือหุ้นในการขายเบียร์​ซึ่งเป็นกิจการที่ทำกำไรดีมากและมียอดจำหน่าย​เยอะขนาดนั้นถึงกับจะไปต่างประเทศ​ได้ เหตุใดจึงไม่มีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ตนจึงอยากให้ ‘กรมสรรพากร’ เร่งตรวจสอบ​รายได้และภาษีย้อนหลังอย่างละเอียด​โดยเฉพาะ​ยอดขายเบียร์​ที่ต้องเสียภาษีในปีภาษี 2563-2565 หากพบว่าจงใจไม่ยื่นเสียภาษีจะด้วยเหตุใดก็ตามต้องถูก ‘ตัดสิทธิการสมัคร’ รวมทั้งต้องตรวจสอบ​บริษัทและผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ด้วยว่า​มีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ โดยหากได้รับเลือกตั้งไปแล้วขาดคุณสมบัติ​อาจ​เข้าข่ายผิดตาม ม.151 ซ้ำรอยเดิม

นอกจากนี้​ยังมีเอกสาร​คดียักยอกทรัพย์​ปี 61 ของสถานีตำรวจ​นครบาล​บางนาที่สั่งไม่ฟ้องเนื่องจากมีการเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย​ที่เกิดจากการนำของไปขายแล้วไม่จ่ายเงิน แม้คดีจะสั่งไม่ฟ้องแต่ก็เป็​นสิ่งที่ประชาชน​ควรตระหนักถึงพฤติกรรมและต้องคิดทบทวนรอบด้านถึงคุณ​สมบัติของคนจะ​มาเป็น​ตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ​ โดยตนจะตรวจสอบ​ว่ามีคดีอื่นใดอีกหรือไม่ หากบุคคลดังกล่าว​รู้ตัวว่าเคยทำอะไรผิดไว้​ควรชิงลาออกก่อนเพราะหากมีการสืบค้นและตรวจพบจนประวัติศาสตร์​ซ้ำรอยอีกต้องชดใช้ค่าเสียหาย​หนักมากแน่นอน

‘อี้ แทนคุณ​’ จี้ ‘กสม. - พม.’ ตรวจสอบคนพรรคก้าวไกล หลังมีเหยื่อแฉ ถูกคนในพรรคล่วงละเมิดทางเพศ

(4 ก.ย. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​ กล่าว​ถึง​กรณี​นาย​เกรียง​ไกร อดีตผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกล ได้ละเมิดทางเพศโฆษกหญิงของพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเป​็นเรื่องน่าเศร้าใจที่พรรคนี้กระทำผิดซ้ำ ๆ และไม่มีความจริงใจ​ในการออกมาขอโทษ รวมทั้งไม่มีความรับผิดชอบ​ใด ๆ ต่อการกระทำที่เกิดขึ้น​ โดยเฉพาะ​ความรับผิดชอบ​ต่อสังคมของพรรคก้าวไกล

จึงขอเรียกร้องให้นายชัยธวัช ตุลาธน ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกลที่อ้างมาตลอดว่าจะตรวจสอบ​การกระทำผิดของคนในพรรค นับตั้งแต่​คดี สส. ทำร้ายแฟนสาว การใช้เด็กเป็น​เครื่องมือ​ การสนับสนุน​การเคลื่อนไหว​ของกลุ่มทะลุวัง โดยเฉพาะ​ความเสียหายต่อเด็กและเยาวชน​ที่เกิดขึ้น ยังไม่นับรวมกรณี ‘หมออ๋อง’ ที่กระทำผิดกฎหมาย​จนโดนปรับเป็นเงิน 50,000 บาท แต่ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในตำแหน่ง​ต่อไปอย่างไม่ละอายใจใด ๆ และล่าสุดกรณีการละเมิด​ทางเพศ​ต่อโฆษกหญิงของพรรคการเมืองหนึ่ง

หากนายชัยธวัช​จริงใจจริงควรเชิญคณะกรรมการ​สิทธิมนุษยชน​แห่งชาติ (กสม.) และ พม. ได้เข้ามามีส่วนร่วม​ในการตรวจสอบการ​ละเมิดทางเพศ ละเมิดสิทธิเด็ก การทำร้ายร่างกายผู้หญิง​ของคนของก้าวไกล เนื่องจาก​ที่ผ่านมาไม่ได้​มีผลการสอบวินัยใดออกมาเลยทุกเรื่​องล้วนเงียบหมด เพื่อให้การช่วยเหลื​อเหยื่อที่ถูกคนของพรรคตัวเองทำร้ายซ้ำ ๆ จนมีข่าวอื้อฉาวไม่เว้นแต่ละอาทิตย์​ ทั้งผิดกฎหมายอาญาหลายครั้ง ไม่ต้องพูดถึง​จริยธรรม​ที่พรรคนี้มีการกระทำผิดเป็น​ปกติ โดยสังคมไทยควรตื่นตัวกับเรื่องนี้อย่างจริงจังและไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป เพราะ ‘การละเมิด​ทางเพศ​ไม่ใช่​เรื่อง​ส่วนตัวแต่​เป็น​ปัญหาสังคม’ ที่เกิดจากอำนาจนิยมที่พรรคก้าวไกลผลิตซ้ำจาก สส. ผู้สมัคร สส. จนสังคมเชื่อว่ากลายเป็น​อัตลักษณ์​ของคนของก้าวไกลไปแล้ว

โดยตนอยากฝากไปถึง กสม. และกระทรวง​การพัฒนา​สังคม​และ​ความมั่นคง​ของ​มนุษย์​ (พม.) ให้แสดงออกถึงหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา​เด็กและเยาวชน ผู้หญิงที่ถูกละเมิดทางเพศ และถูกปลูกฝังความก้าวร้าวรุนแรง เหมือน​หลาย ๆ ประเทศ​ที่เริ่มตระหนักถึงพิษภัยเนื้อหาในโซเชียล​มีเดียที่มีทั้งการปลุกเร้ากามารมณ์​ ความรุนแรง การหลอกลวง การบูลลี่ และอบายมุขและสิ่งเสพติด​อีกมากมาย จนต้องทบทวนกระบวนการ​ป้องกันมิให้เนื้อหาไม่ดีดังกล่าว​เข้าถึงเด็กเยาวชน​ได้ง่าย เพื่อที่เยาวชน​ไม่ต้องตกเป็น​เหยื่อ​ของพรรคบางพรรคและเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญา​ว่าด้วย​สิทธิ​เด็ก​ที่ไทยเคยลงนามไว้ ‘รัฐต้องป้องกันการแสวงหาประโยชน์​ทางการเมืองต่อเด็กและเยาวชน​ทุกรูปแบบ’ ไทยควรตระหนัก​เรื่องนี้เหมือน​ในหลายประเทศที่ยกระดับการเฝ้าระวังและให้ความรู้​แก่ผู้ปกครอง​อย่างจริงจังเพื่อป้องกัน​การใช้ประโยชน์​ทางการเมือง​ต่อไป

‘อี้ แทนคุณ’ จี้ ‘รองอ๋อง’ ลาออกรอง ปธ.สภา เซ่นปม ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ คุกคาม-ล่าแม่มดคนเห็นต่าง

(21 ก.ย. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์ ​กล่าว​ถึง​นางอมรัตน์​ โชคปมิตต์กุล หรือ เจี๊ยบ ก้าวไกล ที่ปรึกษารองประธานสภาคนที่ 1 นายปดิพัทธ์​ สันติ​ภาดา ​หรือ หมออ๋อง ที่มีพฤติกรรมละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิ​มนุษยชนด้วยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของแฟนคลับ​การเมือง​ผู้ที่วิจารณ์นักการเมือง ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยและบุคคลสาธารณะย่อมถูกวิจารณ์ได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย 

โดยพฤติกรรมของนางเจี๊ยบ อม​รัตน์​ ได้ใช้วิธีล่าแม่มด คุกคามทำให้ผู้เห็นต่าง รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต การงานและจิตใจ โดยเฉพาะการไปบุกไปถึงที่ทำงาน ถือเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบเหมือนกับที่คนในโลกโซเชียล ขนานนามให้ว่า ‘เจี๊ยบ ศาลเตี้ย’ หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากการให้ท้ายของนายปดิพัทธ์ด้วยหรือไม่ ที่คิดว่าพอมีตำแหน่งใหญ่โตแล้วจะทำอะไรผิดกฎหมายซ้ำ ๆ ​หลังล่าสุดพบว่าที่สิงคโปร์​จัดงานเทศกาล​อาหารและเบียร์ ​ที่อาจจะ​เป็น​เป้าหมายจริงของการผลาญ​งบแผ่นดินหรือไม่​ เพราะการกระทำดังกล่าวของ ‘เจี๊ยบ’ ถือเป็นการใช้สิทธิเกินสิทธิ​ มีการเปิดเผย ชื่อที่อยู่ และโยงสมาชิกในครอบครัว เป็นการละเมิดสิทธิคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยโดยพฤติกรรม​ต่อหน้าปากประชาธิปไตย แต่น้ำใจอนาธิปไตย​ 

ก่อนหน้านี้​เวลาไม่พอใจใครจะใช้คำหยาบ​คายวิจารณ์คนอื่นได้หมดพอโดนวิจารณ์กลับบ้าง กลับไปคุกคามเขาและการที่ขอโทษสำนึกผิด​ต่อให้ ‘อมพระรัตนตรัย’ มาพูดก็ไม่เชื่อ ซึ่งขอให้พี่น้องประชาชนได้จับตาดูว่า ถ้าหากนายปดิพัทธ์ไม่ทำอะไรใด ๆ ก็เท่ากับ ‘รู้เห็นเป็นใจ’ พฤติกรรมดังกล่าว เพราะตั้งแต่มีสภาผู้แทนราษฎรมา ไม่เคยมีรองประธานคนไหนมีพฤติกรรมอื้อฉาวรายสัปดาห์ให้คนเอือมระอาได้แบบนี้ ควรพิจารณา​ตัวเอง ‘ลาออก’ ดีกว่าอยู่ต่อไป

นอกจากนี้กรณีช่อ พรรณิการ์ ที่ผลการตัดสินของศาลฎีกาที่ตัดสิน​ให้การกระทำผิดจริยธรรม​ได้รับผลกรรมเสมือนเด็ดดอกไม้ช่อเดียวสะเทือนทั้งสวนส้ม โดยการตัดสิทธิ์​การเมือง ‘ช่อ’ ชั่วชีวิต​ จะทำให้ สส.พรรคนี้ ที่ชอบทำอะไรเอาแต่ใจไม่สนว่าผิดกฎหมายผิดจริยธรรม ​รวมทั้งนายพิธาด้วยที่มีพฤติกรรม​​นำเด็ก​ไปหาประโยชน์​ทางการเมือง​ โดยที่บอกว่ากาก้าวไกลประเทศไทย​ไม่เหมือนเดิมคือมาตรฐาน​จริยธรรม​และสิ่งที่ดีงามที่เคยมีจะค่อย ๆ ถดถอยเสื่อมทราม ตกต่ำลงเรื่อย ๆ หรือไม่ โดยเชื่อว่าเมื่อกฎหมาย​ศักดิ์​สิทธิ​์บ้านเมือง​จะหอมกลิ่น​ความเจริญ​ บรรดา สส.กระทำความผิด​จะค่อย ๆ ถูกดำเนินคดี​จนหมดไปในที่สุด​

‘อี้’ แนะ สส.แจ้ เปิดหน้าไอ้โม่งทุจริตที่ดินบ่อขยะ ปราจีนฯ เร่งนำหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ลากคอคนโกงมารับโทษ

(7 พ.ย. 66) นายแทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​ กล่าว​ถึง​กรณี นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกมาเปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนถูกขับออกจากพรรคก้าวไกลด้วยข้อหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ เนื่องจากตนกำลังแฉการทุจริตซื้อที่ดินทำบ่อกำจัดขยะโดยมีผู้ช่วย สส.ที่เป็​นกรรมการวินัยและสส.บัญชีรายชื่อ​พรรคก้าวไกลเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่า การออกมาเปิดโปงคดีที่เข้าข่ายการทุจริต​ในพื้นที่​ปราจีนบุรี​นั้น ถือว่าในร้ายมีดีได้ช่วยกู้สัญญาณ​ชีพของนายวุฒิพงศ์ให้เต้นต่อที่นำข้อมูล​อันเป็น​ประโยชน์​ต่อพี่น้อง​ประชาชน​ชาวปราจีนมาเปิดเผยขบวนการไอ้โม่งที่อุ้มไอ้มืดแล้วยังงาบงบเอื้อโรงกำจัด​ขยะ ถือว่า สส.แจ้ ยิงนัดเดียวตายยกรังคือ ได้เปิดโปงคนใกล้ชิด​คู่แค้นที่ทุจริตแบบแทบปลิดชีพก้าวไกลทั้งพรรคให้ดับดิ้นและทำให้ประชาชนตาสว่างว่ามีการทุจริต​กัน

นายแทนคุณ​ กล่าวว่า ตนขอแนะนำ สส.แจ้ ว่าควรเปิดเผยข้อมูล​ให้หมดสาวถึงตัวการใหญ่ลากตัวไอ้โม่งออกมาลงโทษเพราะคดีทุจริตที่ส่งผลกระทบ​ต่อชีวิต​พี่น้อง​ประชาชน​และสิ่งแวดล้อม​นั้นเป็นอาชญากรรม​ประเภทหนึ่งที่คร่าชีวิตผู้คน​ด้วยมลพิษ​และเลวร้ายไม่น้อยกว่าการคุกคามทางเพศ โดยเกี่ยวโยงกับกรรมการวินัยและ กก.บห.คนดังกล่าว​ควรออกมาชี้แจง กรณีผู้ช่วย สส. เกี่ยวข้องกับเรื่องฟ้องปิดปาก 50 ล้านอย่างไร โดยตนอยาก แนะ ‘ส.ส.แจ้’ นำ​หลักฐาน​ร้องต่อ ป.ป.ช. อย่าให้คนโกงลอยนวลต่อไปเพราะเรื่อง​นี้​มีมูล​ความผิดจริงมีหลักฐาน​ กระทบ​ความเชื่อมั่นนักลงทุน​ในพื้นที่ EEC ที่จะเป็น​หัวใจ​สำคัญ​ทางเศรษฐกิจ​ของประเทศ​และการจัดการขยะในรูปแบบต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพ​ต้องเริ่มจากการกำจัดขยะสังคมที่ทุจริตคอร์รัปชัน​ก่อน

“ส่วนตัวเชื่อว่าก้าวไกลคงมี มติขับ สส.ปู อัดออกจากพรรคแม้กลัวจะถูกแฉรายชื่อ สส.คุกคามเพศรายอื่นอีกหลายรายแม้เจ้าตัวจะออกมาโค้งจนตัวงอหน้ามืดตามต่างชาติแต่ก็ยังไม่ลาออกแบบที่เขาทำกัน สะท้อน DNA ถ้าเจอคนหน้าด้านให้หน้าด้านกว่า อีกประการถือว่าการมีมติอุ้มปูอัดมันจบด้วยตัวมันเองแล้วและการไม่ยอมเปิดเผยชื่อ 22 สส. ออกมาก้าวไกลกลายเป็นส่วนหนึ่ง​ของการสนับสนุน​การคุกคามทางเพศที่เหยียด​ซ้ำผู้ถูกกระทำและตอกย้ำด้วยแชตหลุดให้ปิดปากจากนายเพชร กรุณพล สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล นอกจากกลัวความจริงแล้วยังกลัวการตอบคำถามประชาชน​และ​สังคมว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงอุ้มคนคุกคามทางเพศ อ้างแค่กลัวกลบทับกฎหมาย​สำคัญ​ ทั้งที่ประชาชนที่มีคุณภาพตาสว่างว่าก้าวไกล คือ ภัยคุกคามความมั่นคงและสังคมอย่างแท้จริง​ พรรคไหนรับไป​อยู่​ด้วยเตรียมล่มสลาย​ทางจริยธรรม​แบบก้าวไกลต่อไป” นายแทนคุณกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top