Friday, 10 May 2024
อาชญากรสงคราม

‘ไบเดน’ ตราหน้า ‘ปูติน’ เป็น 'อาชญากรสงคราม' ส่งอาวุธช่วยยูเครนเพิ่ม แม้คู่ขัดแย้งมีท่าทีรอมชอม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เรียกประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่าเป็น "อาชญากรสงคราม" ต่อการโจมตียูเครน พร้อมแถลงมอบเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่เคียฟเพิ่มเติมอีก 800 ล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงอาวุธที่ใช้สอยเครื่องบินและรถถังของรัสเซีย แม้การเจรจาสันติภาพของสองฝ่ายคู่ขัดแย้งมีสัญญาณความคืบหน้าและมีท่าทีประนีประนอม

ระหว่างพูดโต้ตอบกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่ทำเนียบขาว ไบเดน กล่าวว่า "โอ้ ผมคิดว่าเขาเป็นอาชญากรสงคราม" หลังจากตอนแรก ตอบกลับว่า "ไม่" เมื่อถูกถามว่าเขาพร้อมเรียก ปูติน ด้วยถ้อยคำดังกล่าวหรือเปล่า

ถือเป็นครั้งแรกที่ ไบเดน ตราหน้า ปูติน ต่อหน้าสาธารณะด้วยถ้อยคำดังกล่าว หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดระหว่างเยือนโปแลนด์ ว่า รัสเซียควรถูกสืบสวนอย่างที่สุดในความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมสงคราม

โฆษกของวังเครมลิน รุดออกมาตอบโต้ โดยบอกว่าความเห็นของ ไบเดน ซึ่งกล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามนั้น "เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้" และ "เป็นถ้อยคำที่ไม่สามารถอภัยได้"

อย่างไรก็ตาม เจน ซากิ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาวระบุในเวลาต่อมา ว่า ไบเดน พูดออกมาจากใจ พร้อมเน้นย้ำว่ากำลังมีกระบวนการทางกฎหมายแยกกันเพื่อสรุปว่า ปูติน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและก่ออาชญากรรมสงครามหรือไม่ ซึ่งกระบวนการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ไบเดนเผยว่า สหรัฐฯ เสนอมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนเพิ่มอีก 800 ล้านดอลลาร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านวิดีโอลิงก์ ร้องขอความสนับสนุนด้านทหารอย่างเร่งด่วน เพื่อปัดเป่าการรุกรานของรัสเซีย

"สหรัฐฯ จะเดินหน้ามอบอาวุธแก่ยูเครน เพื่อต่อสู้และป้องกันตนเอง มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและสนับสนุนเศรษฐกิจยูเครน ด้วยความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม" ไบเดนกล่าว "แพกเกจใหม่นี้จะเป็นการมอบความช่วยเหลือยูเครนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และในนั้นรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านรถถังและอากาศยาน" ที่ช่วยชะลอการบุกของรัสเซียตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ตามคำขอของเซเลนสกี วอชิงตันจะมอบระบบต่อต้านอากาศยานขีปนาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครนเพิ่มเติม ไบเดนระบุ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังจะมอบระบบต่อต้านยานเกราะ 9,000 กระบอก โดรนและอาวุธขนาดเล็ก เช่น ปืนกล ปืนสั้น และเครื่องยิงระเบิดอีก 7,000 กระบอก ซึ่งจะช่วยพลเรือนต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของตนเอง

เงินช่วยเหลือก้อนใหม่จะมาจากร่างงบประมาณฉบับหนึ่งซึ่ง ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งในนั้นรวมไปถึงจัดสรรเงินช่วยเหลือรอบใหม่แก่ยูเครน 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรส เซเลนสกีเปรียบเทียบการโจมตียูเครน กับเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ซึ่งลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมอ้อนวอนสมาชิกสภาคองเกรสและไบเดนโดยตรง ยกระดับความช่วยเหลือมากกว่าที่เป็นอยู่

‘ไบเดน’ เตือน!! รัสเซียแค่ตั้งหลัก กลับมาบุกหนักแน่ พร้อมจี้ ดำเนินคดี ‘ปูติน’ ข้อหาอาชญากรสงคราม

ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาออกโรงเตือนว่า กองทัพรัสเซียจะกลับมาบุกยูเครนอย่างหนักขึ้นในสัปดาห์หน้าหลังจากที่ปฏิบัติการยึดกรุงเคียฟล้มเหลว และทหารยูเครนได้กลับเข้ามาประจำการคืนพื้นที่รอบกรุงเคียฟเรียบร้อยแล้ว

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่า แผนการเบื้องต้นในการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย คือ การบุกยึดกรุงเคียฟ และโค่นล้มรัฐบาลของนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ หลังจากนั้นก็จะควบคุมหัวเมืองใหญ่ๆ ในยูเครนตามลำดับ โดยคาดหมายว่าจะทำได้สำเร็จภายในระยะเวลาไม่นาน

แต่เมื่อทุกอย่างผิดแผน ไม่เป็นอย่างที่ตั้งหวังไว้ จนเกิดความผิดพลาดของระบบพลาธิการภายในกองทัพรัสเซีย สร้างผลกระทบไปสู่การขาดแคลนเสบียงและน้ำมัน ทำให้กองทัพรัสเซียต้องถอยร่นกลับมาจัดขบวนทัพใหม่ โดยเลือกปรับทัพเน้นหนักไปที่ชายแดนทางด้านตะวันออก และตอนใต้ของยูเครน แทนที่จะกระจายกองทัพตีหลายๆ เมืองพร้อมกันอย่างที่แล้วมา

อีกทั้งมีแนวโน้มว่ารัสเซียจะยกระดับการโจมตีอย่างเข้มข้นมากขึ้น ด้วยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด และขีปนาวุธ ที่จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งกับกองทัพ และระบบเศรษฐกิจของประเทศยูเครน

ด้านฝ่ายกลาโหมสหรัฐฯ ได้เปิดเผยข้อมูลอีกว่า ทางรัสเซียได้ถอนทหารกว่า 65% ที่เคยปักหลักล้อมกรุงเคียฟ แล้วกลับไปตั้งหลักใหม่ในประเทศเบลารุส เพื่อเตรียมเสบียง ก่อนที่จะยกพลกลับมาใหม่ด้านภูมิภาคดองบาส ในภาคตะวันออกของยูเครน

23 ธันวาคม พ.ศ. 2491 ‘โตโจ ฮิเดกิ’ อดีตนายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่น ถูกประหารชีวิต ในฐานะอาชญากรสงคราม

โตโจ ฮิเดกิ (Tojo Hideki) คือนักการทหารและนักบริหารที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับ เขาได้รับการแต่งตั้งให้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 1 ในปี 1928 (พ.ศ. 2471) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปราบกลุ่มกบฏ “ยังเติร์ก” ในปี 1936 (พ.ศ. 2479) ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชาใหญ่กองทัพญี่ปุ่นในแมนจูเรียในปีต่อมา

ตำแหน่งหน้าที่ของ โตโจ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนับแต่นั้นมา ในปี 1938 (พ.ศ. 2481) เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสงคราม และเขาก็ได้เป็นหัวแรงสำคัญที่ผลักดันให้ญี่ปุ่นเข้าเป็นภาคีของกลุ่มอักษะสำเร็จในปี 1940 (พ.ศ. 2483) ปีเดียวกันกับที่เข้าได้ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสงครามเต็มตัว จากนั้นอีกเพียงหนึ่งปี เขาก็ได้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจาก ฟูมิมาโระ โคโนเอะ โดยยังยึดเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงสงครามต่อไป

โตโจ นอกจากจะเป็นข้าราชการที่ได้ชื่อเรื่องการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เขายังเป็นนักการทหารที่มีนโยบายก้าวร้าวที่สุดในบรรดาผู้นำญี่ปุ่น เขาคือผู้นำประเทศเข้าสู่สงครามกับสหรัฐฯ ด้วยการบุกโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ในวันที่ 7 ธันวาคม 1941 (พ.ศ. 2484) ซึ่งเบื้องต้นได้ทำให้ญี่ปุ่นขยายอิทธิพลไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิกตะวันตก

ในปี 1944 (พ.ศ. 2487) โตโจ ก้าวขึ้นมาดูแลกิจการของกองทัพทั้งหมดโดยตรงในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด แต่เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรในสมรภูมิหมู่เกาะมาเรียนา (Mariana Islands) เขาก็ถูกปลดจากตำแหน่งในวันที่ 16 กรกฎาคม 1944 ก่อนที่เขาและรัฐมนตรีทั้งคณะจะประกาศลาออกในอีกสองวันถัดมา และถูกกันไม่ให้เข้ามามีส่วนในการใช้อำนาจบริหารประเทศอีก

หลังจากที่ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามอย่างเป็นทางการ โตโจพยายามใช้ปืนยิงตัวตายในวันที่ 11 กันยายน 1945 (พ.ศ. 2488) แต่ไม่สำเร็จ เขาได้รับการรักษาและมีชีวิตรอดมาได้

ปีถัดมา โตโจถูกดำเนินคดีในความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงคราม โดยศาลทหารระหว่างประเทศภาคพื้นตะวันออกไกล (International Military Tribunal for the Far East) หรือศาลอาชญากรสงคราม กรุงโตเกียว ซึ่งศาลได้ตัดสินว่าเขามีความผิดให้ต้องโทษประหารชีวิต

วันที่ 23 ธันวาคม 1948 (พ.ศ. 2491) ฮิเดกิ โตโจ ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ และแม้ว่าเขาจะถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากรสงคราม และมีผู้ประท้วงจำนวนมากที่เห็นว่าเขาคือผู้ที่นำหายนะมาให้ญี่ปุ่น แต่ชื่อของเขาก็ยังได้รับการยกย่องในฐานะนายทหารที่สละชีพเพื่อพระจักรพรรดิ ในศาลเจ้ายาสุกุนิ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top