Friday, 3 May 2024
ออกกำลังกาย

ชาวออฟฟิศควรรู้!! 3 ท่าโยคะง่ายๆ ทำได้ระหว่างวัน ใช้เวลาน้อย - ลดอาการ ‘ปวดเมื่อย’

เนื่องจากช่วงนี้ได้มีการประกาศการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19) แล้ว ส่งผลให้หลายออฟฟิศประกาศยกเลิกการอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้าน (work from home) และกลับมาทำงานที่ออฟฟิศกันตามปกติ

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมรับมือกับการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศอีกครั้ง วันนี้จึงขอเสนอการทำ ‘Office yoga’ หรือโยคะง่ายๆ ที่สามารถทำได้ในที่ทำงาน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการทำงานนานๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบทได้

Office yoga หรือโยคะง่ายๆ ที่สามารถทำได้ในที่ทำงาน สามารถทำได้ทุกเวลาและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เช่น เวลาพักเที่ยง หรือ ช่วงเวลาว่างก่อนเข้าประชุม นอกจากช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อแล้วยังช่วยให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างเป็นปกติด้วย เช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

ส่วนท่าโยคะที่ควรใช้นั้นจะมีท่าแบบไหนบ้าง มาดูกัน…

1.) ท่าพรหมมุทรา (ท่าหมุนคอ) ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อรอบคอและบ่า สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
(1) ขณะนั่งเก้าอี้ หลังพิงพนักด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
(2) หมุนคอ หันศีรษะไปทางซ้ายช้าๆ จนกระทั่งคางอยู่เหนือไหล่ซ้ายจนรู้สึกตึงมากที่สุด กลั้นหายใจสักครู่แล้วหายใจออกช้าๆพร้อมคืนศีรษะกลับมาที่ท่าเริ่มต้น
(3) หมุนคอ หันศีรษะไปทางขวาช้าๆ จนกระทั่งคางอยู่เหนือไหล่ขวาจนรู้สึกตึงมากที่สุด กลั้นหายใจสักครู่แล้วหายใจออกช้าๆพร้อมคืนศีรษะกลับมาที่ท่าเริ่มต้น
(4) เงยศีรษะขึ้น ยกคางขึ้นจนรู้สึกตึงมากที่สุด กลั้นหายใจสักครู่แล้วหายใจออกช้าๆพร้อมคืนศีรษะกลับมาที่ท่าเริ่มต้น
(5) ก้มศีรษะลง ให้คางจรดที่ทรวงอกจนรู้สึกตึงมากที่สุด กลั้นหายใจสักครู่แล้วหายใจออกช้าๆพร้อมคืนศีรษะกลับมาที่ท่าเริ่มต้น
(6) ทำซ้ำประมาณ 3-5 รอบ ห้ามยกไหล่ขณะทำและระวังอย่าให้เกิดความเจ็บปวด
  

2.) ท่าวฤกษ์ชาซัน (ท่าต้นไม้) ช่วยฝึกการทรงท่าของกล้ามเนื้อแนวกลางลำตัวและกระตุ้นกล้ามเนื้อขา สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
(1) ในท่ายืนตรงและถอดรองเท้า
(2) ยกเท้าขวาขึ้นยันกับต้นขาด้านในข้างซ้ายให้แนบชิดมากที่สุด
(3) พยายามทรงตัวให้มั่นคงด้วยการยืนบนขาข้างเดียว 
(4) พนมมือทั้ง 2 ข้างไว้ที่หน้าอก หายใจเข้าและหายใจออก 3-5 ครั้ง ลดขาและวางมือลง
(5) เปลี่ยนสลับทำอีกข้างอย่างช้าๆ
(6) หากทรงตัวไม่มั่นคงให้ใช้มือข้างหนึ่งจับที่โต๊ะหรือเก้าอี้ได้

3.) ท่าภาวตะซัน (ท่าภูเขา) ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อคอ, ไหล่และกล้ามเนื้อที่มีส่วนช่วยการหายใจ สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
(1) ขณะนั่งเก้าอี้ หลังพิงพนักด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
(2) ยกมือทั้ง 2 ขึ้นพนมมือเหนือศีรษะ 
(3) หายใจเข้าช้าๆ พร้อมกับเหยียดแขนขึ้นให้สุดจนรู้สึกตึงมากที่สุด กลั้นหายใจสักครู่แล้วหายใจออกช้าๆพร้อมลดแขนลงวางไว้เหนือศีรษะในท่าเริ่มต้น
(4) ทำซ้ำประมาณ 3-5 รอบ ห้ามยกไหล่ขณะทำและระวังอย่าให้เกิดความเจ็บปวด

สิ่งสำคัญของการทำ Office yoga หรือโยคะง่ายๆ ที่สามารถทำได้ในที่ทำงานคือ ห้ามกลั้นหายใจ ขณะทำ ควรหายใจลึกๆ ช้าๆ ให้เป็นจังหวะสอดคล้องกับการเคลื่อนไหว และหากเกิดความเจ็บปวดมากขึ้นให้หยุดทำทันที 

อุทาหรณ์คนอยากสวย ‘ยิปซี’ เล่าประสบการณ์ ออกกำลังกายผิดนับปี  เพิ่งมารู้ตัวกระดูกสันหลังคด แนะ!! อย่าโหมหนัก

2 สาว ยิปซี คีรติ และ ยิปโซ อริย์กันตา มาแชร์ประสบการณ์อาการป่วยที่เกิดจากการออกกำลังกายในช่องยูทูบของตัวเองในรายการ ยิปย่อย EP94: อุทาหรณ์คนอยากสวย part1 ออกกำลังกายผิดจนกระดูกคด! ให้ฟังว่า

โดยยิปซีได้เล่าว่าเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก มีทั้งต่อยมวย ยกเวทแบบหนัก เต้นซุมบ้าแบบรุนแรง ว่ายน้ำ โยคะร้อน และ พีราทีส ทุกอย่างเป็นกีฬาที่ใช้แรงกระแทกเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นและไม่คาดคิดมาก่อนคือออกกำลังกายผิดวิธีโดยไม่รู้ตัวมาเป็นเวลาหลายปี เริ่มต้นจากตอนอายุ 25 เป็นคนป่วย เกิดจากการกินที่แย่มาก่อน เป็นคนไม่ชอบกินอาหาร กินแต่ขนมผงชูรส ก็เข้าโรงพยาบาล และการป่วยครั้งนั้นก็กระทบกับชีวิตการทำงาน ก็เลยปฏิวัติตัวเอง เลยหักดิบมาสายเฮลตี้ อยากให้ร่างกายแข็งแรงจากภายใน ก็หักดิบ

เริ่มออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยน ดีขึ้นจากภายใน คนก็ชื่นชมในรูปร่างของเรา แล้วเราได้รับพลังทำให้เราอยากทำต่อ และมันดีกับงาน อีกอย่างก็ทำให้ตัวเองรู้สึกดี สดชื่น มีพลังในการทำงาน ก็เลยทำให้เราเสพติดการออกกำลังกาย แล้วก็ดีกับงาน และรู้สึกดีจริงๆ หลังออกกำลังกายเสร็จ

มาค้นพบว่าตัวเองกระดูกสันหลังคดมาไม่ถึงปีมานี้ คือช่วงที่ออกกำลังกายหนัก ยกเวทหนักๆ เกือบ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีอาการเจ็บอยู่ตลอด แต่เลือกที่จะหมางเมินมัน เจ็บก็คิดว่าปกติเพราะกล้ามเนื้อกำลังทำงาน กำลังซ่อมแซมมันแต่เราเจ็บแบบเรื้อรังแม้จะบางวันไม่ได้ออกกำลังกาย มีความจี๊ดแปล๊บ วิธีการแก้ที่เราทำมาก่อนและไม่ได้บอกว่าถูกก็คือไปหาหมอนวดแผนไทยให้แก้อาการ พอดีขึ้นก็กลับไปยกใหม่ แล้วก็ทำเป็นรูทีน แต่พอคลายไม่ออกก็หาหมอใหม่ ไปฝังเข็ม ตอนแรกลองไปโรงพยาบาลเลยแบบใช้ไฟฟ้า แต่ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย และอีกศาสตร์ไปลองครอบแก้วตอนทำรู้สึกสบายมากแต่อยู่ได้แป๊บเดียว และหลังม่วงเป็นรอยอยู่นาน แล้วเป็นช่วงที่เราทำงานเลยรู้สึกว่าไม่ได้

รวมถึงไปลองจัดกระดูก ตอนนั้นไม่ใช่แค่ปวดเมื่อย จากสะบักติด ปวดคอร้าวขึ้นหัว เป็นไมเกรน และมีอาการที่เพิ่มขึ้นมาคือ บางทีสะบักเหมือนถูกขมวดเข้าหากันแล้วกดทับอะไรสักอย่าง และคิดไปเองว่าน่าจะทับเส้นประสาทเพราะว่าแขนซ้ายชา และจั๊กจี้ที่มือ ก็เลยกินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วหลับไปทุกคืน

‘หมอนักวิ่ง’ เตือน ‘โรคฮีทสโตรก’ ภัยเงียบใกล้ตัว แนะเลี่ยงออกกำลังกายในที่อากาศร้อน-ดื่มน้ำให้เพียงพอ

(31 มี.ค.66) หลังจาก ‘เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม’ เสียชีวิตจากโรคฮีทสโตรก ในคืนที่ผ่านมา นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา หรือ หมอแอร์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ซึ่งเป็น ‘คุณหมอนักวิ่ง’ ได้แชร์บทความที่ตัวเองเคยลงไว้เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 ในเฟซบุ๊ก Akanis Srisukwattana ถึงเรื่องอันตรายจากโรคฮีทสโตรก โดยระบุว่า…

“Heat Stroke (ฮีทสโตก) สำหรับนักกีฬาและประชาชน

ออกกำลังร้อนไป อันตรายถึงชีวิตได้!

ผมเพิ่งได้รับทราบ ว่ามีนักกีฬา ต่างประเทศท่านนึง มาแข่งวิ่งเทรลเมืองไทย แล้วเกิด Heat Stroke จน Coma (เหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว) เลยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัวและอันตรายมาก จึงอยากให้ ประชาชนทั่วไป และคนที่ออกกำลังกลางแจ้ง ทำความเข้าใจ Heat Stroke จะได้ ป้องกันไม่ให้เกิดครับ

1 Heat Stroke คืออะไร
คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัว กับความร้อนที่สูงมากขึ้นได้ ทำให้อุณหภูมิทั่วร่างกายสูง เกิน 40.5 C จนระบบการทำงานต่างๆ เสียไป โดยเฉพาะที่สมอง ทำให้เกิดอาการคล้าย หลอดเลือดสมอง (stroke) คือ ซึม อ่อนแรง ชักเกร็ง แต่ไม่ได้มีความผิดปกติจากหลอดเลือดโดยตรง เป็นผลเกิดจากความร้อนที่มากเกินไป ทำให้สมองทำงานผิดปกติ เลยเรียกว่า Heat Stroke

นอกจากนี้ ความร้อน ยังไปทำลายระบบต่างๆ ได้มากมาย อาทิ กล้ามเนื้อ เกิดภาวะกล้ามเนื้อแตกสลาย จนไตวายได้

2 Heat Stroke เกิดจากอะไร
ความร้อนในร่างกายมาจาก ปัจจัยภายใน และ ภายนอก 
ภายใน ได้แก่ การออกกำลังที่หนัก ร่างกายจะร้อนขึ้น ส่วนภายนอกได้แก่ อากาศ แสงแดด Heat Wave ต่างๆ ปกติเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น สมองส่วน Hypothalamus จะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เราเหงื่อออก และ เลือดไปเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ทำให้เราระบายความร้อนผ่านทางการระเหยของเหงื่อที่ผิวหนัง ทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลง

แต่เมื่อสมดุลย์ตรงนี้เสียไป เช่น อากาศร้อนมากๆ พร้อมออกกำลังหนักมาก เป็นเวลานาน หรือ การระบายความร้อนที่ทำได้ลดลง เช่น อากาศมีความชื้นสูง ทำให้การระบายเหงื่อพาความร้อนไปในอากาศเกิดลดลง

ภาพรวมทำให้ สมดุลย์ของการระบายความร้อนทำได้ไม่ดี จึงนำไปสู่อุณหภูมิร่างกายที่ค่อยๆสูงขึ้น จนสูงมากและเกิด Heat Stroke ในที่สุด กลุ่ม Heat Stroke ที่เกิดจากการออกกำลัง ออกแรง ฝึกทหาร และระบายความร้อนไม่ทัน เราเรียกกลุ่มนี้ว่า Exertional heat stroke

3 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด Heat Stroke ง่ายขึ้น มาจาก
การออกกำลังที่หนักในที่อากาศร้อนนานๆ, อากาศที่ร้อนมาก โดยเฉพาะการเกิด Heat Wave, การไม่ชินสภาวะ อากาศร้อน หรือมีอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน, อากาศที่ชื้นมาก เกิน 75% จนทำให้การระบายเหงื่อยากขึ้น

ดื่มน้ำไม่พอ ร่างกายขาดน้ำดื่ม เครื่องดื่ม ที่มี คาเฟอีนและ Alcohol ทำให้ร่างกายเสียน้ำจากปัสสาวะมากกว่าปกติใส่เสื้อผ้าที่หนาและไม่ระบายอากาศ

4 อาการของ Heat Stroke ที่เราต้องสังเกต
ปวดศีรษะ ขณะออกกำลัง, HR (ฮาร์ตเรต-จังหวะการเต้นของหัวใจ) ไม่ลง แม้เบาการออกกำลังลง, คลื่นไส้ อาเจียน, ผิวหนังแดง ร้อน แห้ง บางรายอาจมีเหงื่อได้, เป็นตะคริวตามกล้ามเนื้อๆ หลายๆที่, หน้ามืด เป็นลม, ถ้าเป็นหนัก จะเริ่มมีอาการทางสมอง เบลอ พูดจาสับสน ชักเกร็ง หมดสติ

ดังนั้น ถ้าเริ่มมีอาการปวดหัว HR สูงแปลกๆกว่าที่เคย คลื่นไส้ อาเจียน ขณะออกกำลัง ให้สงสัยว่า เราอาจเริ่มมีอาการของ Heat Stroke ได้ ให้หยุดออกกำลังทันที และรีบทำให้ร่างกายเย็นลง แจ้งเพื่อนๆที่ไปด้วยกันทันที

5 เราสามารถป้องกัน และลดการเกิดได้อย่างไร
ตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เวลาที่อากาศร้อนจัด เช่นเลือกเวลาออกกำลังกายตอน เช้า และเย็น ดูอุณหภูมิก่อนออกกำลังกาย ถ้าเกิน 38 องศาเซลเซียส ควรหลีกเลี่ยง หรือต้องเตรียมตัวให้พร้อม

ถ้าจำเป็นต้องฝึกซ้อม เพื่อให้ร่างกายทนความร้อน ต้องค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อฝึกให้ร่างกายปรับตัว

ดื่มน้ำให้เพียงพอ พรมน้ำตามร่างกายเป็นระยะๆ เอาแค่พอประมาณ ไม่เปียกโชก สามารถลดอุณหภูมิได้ ไม่ควรฝึกอดน้ำ หรือกินน้ำน้อยๆ ระหว่างแข่งหรือซ้อม สวม เสื้อ กางเกง ที่ระบายอากาศ ระบายความร้อนได้ดี

6 ข้อแนะนำการดื่มน้ำในวันที่อากาศร้อนมาก
แนะนำให้ดื่มน้ำ 700 ml ก่อนออกกำลัง 2 ชั่วโมง ค่อยๆดื่มเรื่อยๆ และพิจารณาดื่ม Sports Drink ประมาณ 250 ml แทนน้ำเปล่าบางส่วน
ทุก 20 นาทีของการออกกำลังกาย ให้ดื่มน้ำอย่างน้อย ประมาณ 250 ml สลับกับเกลือแร่
สังเกตสีปัสสาวะคร่าวๆ ว่าเรากินน้ำพอไหม ถ้าเข้มมาก แสดงว่าร่างกายยังขาดน้ำ

‘สกลธี’ เผย ‘พปชร.’ ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม. หนุน ประชาชนออกกำลังกาย ลดโรค-สร้างสุขภาพที่ดี

( 25 เม.ย. 66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ร่วมกับ ‘อ้น’ น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 15 (คันนายาว-บึงกุ่ม) หมายเลข 8 เพื่อพบปะประชาชน โดย น.ส.ณิรินทร์ กล่าวว่า สวนเสรีไทยนี้ เป็นหนึ่งในสวนตัวอย่างของ กทม.ที่ไม่ต้องมีขนาดใหญ่มาก แต่เข้าถึงง่าย ใกล้กับหมู่บ้าน แหล่งชุมชน ผู้สูงอายุสามารถเดินออกกำลังรอบสวนได้ มีความปลอดภัยเพราะมี รปภ.ดูแลตลอด ตนจึงอยากให้มีการสร้างสวนแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกหลาย ๆ แห่งใน กทม.

นายสกลธี กล่าวว่า เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม.โดยเฉพาะการสร้างสวนขนาดเล็ก ที่ประชาชนสามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที แต่งบประมาณของท้องถิ่นอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ พรรคพลังประชารัฐจึงจะตั้งกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาทขึ้น เพื่อมาช่วยท้องถิ่นพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรค

เคล็ด (ไม่) ลับ ลดอายุผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย ง่ายๆ เพียงแค่ ‘ออกกำลังกาย’ เป็นประจำ ก็ช่วยชะลอวัย ให้ดูเด็กลงได้!!

เคล็ด (ไม่) ลับ ลดอายุผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย ง่ายๆ เพียงแค่ ‘ออกกำลังกาย’ เป็นประจำ ก็ช่วยชะลอวัย ให้ดูเด็กลงได้!!

‘พงษ์ภานุ’ วอน ภาครัฐฯ-สมาคม เร่งแก้ไขวงการกีฬาไทย แนะ เพิ่มงบหนุนเพื่อต่อยอดอุตฯ กีฬา สร้างรายได้ให้ประเทศ

(4 มิ.ย. 66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้พูดคุยในประเด็น ‘โอกาสและแนวทางในการพัฒนากีฬาไทย’ ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 โดยได้ให้มุมมองถึงเหตุผลที่วงการกีฬาไทยยังไปไม่ถึงดวงดาว รวมถึง ‘มวยไทย’ มรดกทางกีฬาและศิลปะวัฒนธรรมของชาติไทย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกมุมโลก แต่เหตุใดยังเทียบชั้นเทควันโดของเกาหลี หรือยูโดของญี่ปุ่นได้ในระดับสากลไม่ได้? และเพราะเหตุใด? มวยไทยถึงยังไม่ได้รับบรรจุเข้าเป็นชนิดกีฬาในโอลิมปิก

เมื่อพูดถึงการพัฒนาทางด้านกีฬาของประเทศไทยนั้น มีเป้าหมายหลักๆ อยู่ 3-4 ประการด้วยกัน คือ พื้นฐาน มวลชน เหรียญทองเป็นเลิศ อาชีพ และอุตสาหกรรม ได้แก่

เป้าหมายที่ 1 คือ อยากให้เด็กไทย ได้รับการศึกษาทางด้านพละศึกษาที่ถูกต้อง ออกกำลังกายอย่างถูกต้อง รู้จักชนิดของกีฬา และเล่นกีฬาเป็น

เป้าหมายที่ 2 คือ อยากให้คนไทยหันมาใส่ใจการออกกำลังกายให้มากขึ้น

เป้าหมายที่ 3 คือ อยากให้นักกีฬาไทย ได้เหรียญทองเยอะๆ จากมหกรรมการแข่งขันกีฬาต่างๆ ระหว่างประเทศ สร้างทีมชาติ สร้างนักกีฬาให้มีความสามารถ

เป้าหมายที่ 4 คือ อาชีพ และอุตสาหกรรม อยากให้นักกีฬาไทยที่เป็นมืออาชีพ ได้รางวัลเยอะๆ ได้งบสนับสนุนเยอะๆ สามารถที่จะอยู่กับอาชีพนักกีฬา เป็นฐานการใช้ชีวิต

เป้าหมายที่ 5 คือ การพัฒนาศักยภาพวงการกีฬา จนสามารถต่อยอดไปถึงอุตสาหกรรมการกีฬาได้ในอนาคต

นายพงษ์ภาณุ ยังกล่าวต่อว่า วงการกีฬาไทยนับได้ว่าพัฒนาขึ้นระดับหนึ่ง หลังจากมีการปรับบทบาทและเพิ่มวงเงินกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติเมื่อปี 2558 โดยมีแหล่งรายได้จากภาษีบาปปีละกว่า 4,000 ล้านบาท ฟุตบอลไทยลีกกลายเป็นลีกฟุตบอลชั้นนำของเอเชีย นักกอล์ฟหญิงไทยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก ธุรกิจการกีฬามีรายได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่พัฒนาอย่างไรก็ไปไม่ถึงดวงดาวเสียที คนไทยมีสัดส่วนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตำ่มากเมื่อเทียบกับมาตรฐานโลก ทีมนักกีฬาไทยมีผลงานได้เหรียญแค่ที่สองในซีเกมส์ที่พนมเปญ ถูกเวียดนามทิ้งห่างทั้งๆที่เวียดนามใช้เงินรัฐฯ อุดหนุนไม่ถึงครึ่ง

ประเด็นต่อมาคือ ‘มวยไทย’ ซึ่งถือเป็นมรดกชาติและศิลปะวัฒนธรรมไทย และเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกมุมโลก แต่ในระดับสากลยังเทียบชั้นไม่ได้กับเทควันโดของเกาหลี หรือยูโดของญี่ปุ่น วันนี้มวยไทยยังไม่ได้รับบรรจุเข้าเป็นชนิดกีฬาในโอลิมปิก ด้วยเหตุที่วงการมวยไทยขาดเอกภาพและไม่มีมาตรฐานกลาง ที่เป็นที่ยอมรับสภาพวงการกีฬาไทย วันนี้สะท้อนการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งในระดับรัฐบาลและสมาคมกีฬา เงินพัฒนากีฬาซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากและมาจากภาษีอากรของประชาชน มีการบริหารจัดการที่ด้อยธรรมาิบาล สมาคมกีฬาขาดความโปร่งใสและการตรวจสอบบัญชีที่เป็นที่ยอมรับ การใช้เงินจึงขาดประสิทธผลและผลงานนักกีฬาไทยไม่เป็นตามคาดหวังทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค

“คงต้องฝากรัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ก่อนที่กีฬาไทยจะตกต่ำและเงินภาษีจะสูญเสียไปกว่านี้ รัฐฯ ต้องเสริมสร้างการกำกับดูแลสมาคมกีฬาให้มี Corporate Governance ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การพัฒนากีฬาในเชิงพาณิชย์ตามแนวทางของสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนากีฬาอย่างเต็มที่ โดยให้สิ่งจูงใจที่เหมาะสมและจัดโครงสร้างการร่วมลงทุนแบบ PPP ที่มีการกระจายความเสี่ยงและภาระค่าใช้จ่ายที่สมดุล” นายพงษ์ภาณุ กล่าวทิ้งท้าย

‘พ่อทิม พิธา’ โพสต์คลิปวิดีโอลูกสาวบังคับออกกำลังกาย ด้าน ‘แม่ต่าย ชุติมา’ คอมเมนต์แซว “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ”

กีฬาพ่อก็ไม่เบา!! พ่อลูกใครสนุกกว่ากัน ‘ต่าย ชุติมา’ ก็เข้ามาคอมเมนต์ ทิม พิธา โพสต์ลูกสาวบังคับพ่อไปออกกำลังกายบ้างคลิปสนุกสนานทั้งพ่อลูก

ค่อยมีเวลาผ่อนคลายหน่อย ทิม พิธา หลังได้ประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อย ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เลยมีเวลา นอกจากพา น้องพิพิม ลูกสาวไปเดตรับประทานอาหารมื้ออบอุ่น ก็ยังเผยโมเมนต์ความน่ารักของลูกสาว พาพ่อไปออกกำลังกาย

โดยพ่อทิมโพสต์ภาพและคลิปความน่ารักน้องพิพิมขณะสนุกสนานกับกิจกรรมการไปออกกำลังกายกับแดดดี๊ พร้อมแคปชั่นว่า “พิพิมห่วงสุขภาพพ่อ บังคับออกกำลังบ้าง พ่อไม่ค่อยอยากไปเลยครับ”

ด้าน แม่ต่ายของน้องพิพิม ต่าย ชุติมา ก็เข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ” โดยแฟนๆเข้ามากดไลก์คอมเมนต์แม่หลายพันไลก์ เชียร์แม่ไปร่วมออกกำลังกายด้วย

ส่วนแฟนๆก็เข้ามาคอมเมนต์แซวพ่อ อาทิ น้องพิพิมคือที่ชาร์จแบตพลังใจของคุณทิม ในโหมดความเป็นคุณพ่อก็เต็มที่มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ , อดทนนะลูก เดี๋ยวพ่อก็โตแล้วนะพิพิม , เก่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชู้ตบาสกลับหลัง ยังรอดห่วง , ไม่ค่อยอยาก = ดูสนุกกว่าพิพิมอีกนะคะคุณพ่อ เป็นต้น

รู้จัก 'พี่อ้อย-จงรักษ์ อมรเพชรสถาพร' สาวพันปีแห่งปากน้ำโพ สลัดบ่วงแห่งความยึดติด แล้วใช้สิทธิเสิร์ฟ 'สุข' ภาพให้ตัวเอง

จากรายการ BABY BOOM พาไปรู้จักกับ 'พี่อ้อย-จงรักษ์ อมรเพชรสถาพร' เซเลปสาวสายสุขภาพแห่งปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ บุคคลที่ชาวบ้านย่านปากน้ำโพ มักจะรู้จักเธอเป็นอย่างดี ในฐานะสาวเอวคอดสุดสมาร์ตที่ออกกำลังกายหนักได้หลากหลายรูปแบบ ยิ้มแย้ม และให้มุมมองความคิดดี ๆ แก่คนรอบข้างที่มีโอกาสได้พบเจอกับเธอยังสถานที่เสริมสุขภาพทั้งหลาย

แน่นอนว่า ด้วยวัยที่เรียกว่าใกล้จะได้เบี้ยสูงอายุในอีกไม่นาน (อุ๊บ!!) ทาง THE STATES TIMES เลยขอล้วงความลับและแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพกาย รวมถึงสภาพจิต พร้อมทั้งมุมมองการใช้ชีวิตกับคนต่างวัยในยุคต่างความคิด ที่ทำให้เธอดูดีแบบทุกวันนี้กัน...

>>แรงบันดาลใจสู่การลุกขึ้นมา ‘ดูแลตัวเอง’ ปล่อยวางจากลูก พร้อมหากิจกรรมเพื่อสุขภาพ

พี่อ้อย จงรักษ์ กล่าวว่า พี่ก็โตมาในยุคที่น้ำไม่ไหล ไฟฟ้าไม่มี เรียนหนังสือปกติ โตมาก็ทำงาน แต่งงานเป็นแม่บ้าน และก็เลี้ยงลูก ชีวิตก็มีแต่ลูก เพราะไม่ได้ทำงาน เลี้ยงลูกอย่างเดียว ไม่มีสังคมอื่นใดเลย จนกระทั่งลูกเรียนจบ เลยทำให้พี่รู้สึกเวิ้งว้าง เพราะสิ่งที่ทำมาตลอดมันสิ้นสุดแล้ว และก็ไม่รู้จะไปทำอะไรต่อ เมื่อตอนที่ลูกสาวคนเล็กเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็บอกกับพี่ว่าอยากไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งพี่ก็ยินดี ลูกก็จัดแจงเรื่องต่าง ๆ และก็ไปเที่ยวฝรั่งเศสกัน พอไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นคือพี่โดนล้วงกระเป๋า ตอนนั้นพี่สติแตกมาก ๆ แต่กลับกัน ลูกสาวพี่จัดการทุกอย่างเลย แจ้งตำรวจ อายัดบัตร ดำเนินการทุกอย่าง พอกลับมาไทยพี่ก็รู้สึกเลยว่าลูกเราโตแล้ว เขาใช้ชีวิตเองได้แล้ว พี่ก็เริ่มปล่อยวางกับลูกและหันมาดูแลตัวเอง เข้ายิม เข้าฟิตเนส

>>ทัศนคติในการออกกำลังกายแบบฉบับ ‘พี่อ้อย จงรักษ์’

พี่อ้อย จงรักษ์ กล่าวว่า พี่ออกกำลังกายจนกลายเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันไปแล้ว ไม่ว่าพี่ไปที่ไหน อยู่ที่ไหน พี่ก็จะมองหาทางที่จะไปออกกำลังกาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคืออย่าไปอิงคนอื่น ลองหากิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ อีกอย่างคือพี่ไม่ควบคุมอาหารนะ อาจจะเพราะร่างกายเผาผลาญได้ดีด้วย เลยทำให้หุ่นออกมาเป็นแบบนี้ แต่กินมื้อหนัก ๆ ได้แค่มื้อเดียวนะ

>>ช่องว่างระหว่างวัย ‘คนรุ่นใหม่-เก่า’ ในมุมของ ‘พี่อ้อย จงรักษ์’

พี่อ้อย จงรักษ์ กล่าวว่า พี่ว่ามีความต่างนะ และต่างกันเยอะมาก แต่ว่าสิ่งที่ต้องยอมรับเลยคือเด็กรุ่นใหม่ ฉลาด กล้าคิด กล้าเอ๊ะ (สงสัย) คือคนรุ่นพี่เขาไม่กล้าเอ๊ะนะ จะโตมาในกรอบของสังคมเลย ถ้าผู้ใหญ่บอกว่าดี เราก็จะเชื่อว่ามันดี จะไม่มีคำถามเลย แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่จะมีคำถามเยอะมาก แต่ก่อนพี่ก็รู้สึกนะว่าทำไมลูกไม่ฟัง ทำไมไม่เคารพผู้ใหญ่ แต่พอพี่เปิดใจในมองมุมที่เขาคิด เขาพูด เราก็จะเข้าใจ แต่ถ้าเราไม่เปิดใจฟัง ก็จะทำให้เราห่างเหินกับลูก

>>‘เวลา’ เป็นของคนรุ่นใหม่ 
พี่อ้อย จงรักษ์ กล่าวว่า นี่เป็นยุคของเขา เราก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เวลาเป็นของพวกเขา พี่ยกตัวอย่างนะ บางครอบครัวจะมีปัญหาความเห็นต่างทางการเมือง ทำให้เขาเลือกที่จะไม่ออกไปเลือกตั้ง เพราะเขามองว่าถ้าไปเลือกแล้วจะเกิดความขัดแย้งในบ้านของเขา พี่ก็จะแนะนำว่า อย่าไปคิดแบบนั้น ให้ออกไปใช้สิทธิ์เลย ชอบใครก็เลือกคนนั้น แต่…หากไม่รู้จะเลือกใคร ลองดูลูกเรา และเลือกตามลูก เลือกให้ลูก เพราะนั่นคืออนาคตเขา

>>จุดกึ่งกลางที่คนรุ่นใหม่-เก่า ต้อง ‘ปรับเข้าหากัน’
พี่อ้อย จงรักษ์ กล่าวว่า บางครั้งสิ่งที่เรา ‘ต้องการให้เขาทำ’ จริง ๆ แล้วมันทำให้เกิดขึ้นจริงไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องประนีประนอมกัน ปรับเข้าหากัน หลักการมีได้ แต่ในทางปฏิบัติมันก็ต้องมีการพลิกแพลงบ้าง ก็ต้องฟังกัน ไม่ใช่ว่าพอใครไม่เห็นด้วยก็ใช้วิธีต่อว่าด้วยคำรุนแรง พี่เชื่อว่าถ้าคนเราฟังกัน ยังไงก็คุยกันได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top