Monday, 6 May 2024
อภิปรายไม่ไว้วางใจ

'ฝ่ายค้าน' โว!! ข้อมูลเชือด 10 รมต.ในศึกซักฟอก ใต้ยุทธการ 'เด็ดหัว สอยนั่งร้าน' ล้มรัฐบาลได้แน่

ฝ่ายค้าน เปิดยุทธการ 'เด็ดหัว สอยนั่งร้าน' ซักฟอก 10 รมต. 3 ป.นำทีมถูกเด็ด เผย 15 มิ.ย. พร้อมยื่น มั่นใจข้อมูลแน่น แง้ม มีใบเสร็จทางการเมืองล้มรัฐบาลได้แน่

(9 มิ.ย.) ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติร่วมกันว่าจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย.นี้ โดยกำหนดการอภิปรายครั้งนี้ว่าเป็นยุทธการ 'เด็ดหัว สอยนั่งร้าน' ดังนั้น จะเป็นการอภิปรายเด็ดหัวนายกรัฐมนตรี และครม.เป็นรายบุคคล ในประเด็นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดพลาดล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและมาตรฐานจริยธรรม ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาหรือเรื่องที่ฝ่ายค้านเคยอภิปรายทักท้วงไว้ การละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา ซึ่งในกรอบ 6 เรื่องนี้ เรามั่นใจในข้อมูลจาก 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน บวกกับพรรคไทยศรีวิไลย์ที่จะมาร่วมอภิปรายด้วย

เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้จะส่งผลให้ล้มรัฐบาลได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พิจารณาจากข้อกล่าวหาในประเด็นทุจริตทำผิดกฎหมาย เรามั่นใจ เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่ชี้ชัดลงไป เรามีใบเสร็จทางการเมืองที่จะชี้ให้เห็น จึงมีความมั่นใจ โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ทำผิดต่อกฎหมาย ส่วนนายกฯ จะเป็นผลพวงจากหน้าที่ที่ท่านกำกับดูแล 

ทั้งนี้ ยืนยันว่า เสียงของฝ่ายค้านเหนียวแน่น แม้ว่าอาจแปรปรวนไปบ้างจากการลงมติที่ผ่านมา แต่เราไม่เคยนับคนกลุ่มนั้นว่าอยู่ในกลุ่มฝ่ายค้านอยู่แล้ว

ปธ.วิปฝ่ายค้านปลง เปิดศึกซักฟอกรัฐบาล รับสภาพ 'น็อคยาก’ ได้แค่ทำให้ช้ำ

‘ปธ.วิปฝ่ายค้าน’ รับ น็อครัฐบาลไม่ง่าย เล็งใช้ข้อมูลสู้ให้ช้ำ แย้ม ‘นิพนธ์’ ไม่รอดแม้คดีอยู่ระหว่างศาล รับ เคส ‘ครูโอ๊ะ’ มาทีหลังขอฟาดตู่ ให้รับผิดชอบแทน เปรียบ รัฐบาลเหมือนเรือรูรั่วทั่งลำ จนนายกฯ ไม่รู้ต้องอุดรูไหนก่อน จับตา ปรับครม.หลังซักฟอก เดาใจ ‘บิ๊กตู่’ ลากยาว

เมื่อวันที่ (14 มิ.ย. 2565) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่า ขณะนี้จำนวนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายลงตัวแล้วคือ 1 + 9 คือนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 9 คน ทั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ดูและตรวจสอบร่างญัตติแล้ว ซึ่งทุกคนโอเค วันนี้ (14 มิถุนายน) แต่ละพรรคร่วมฝ่ายค้านจะร่วมลงชื่อก่อนนำญัตติเสนอนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในวันที่ 15 มิถุนายน เวลา 13.00 น. ส่วนหมัดเด็ดที่มั่นใจคิดว่าจะล้มรัฐบาลได้นั้นมีหลายประเด็น แต่จะน็อคได้หรือไม่ ตนคิดว่าการน็อคด้วยมือก็คงไม่ง่าย แต่หากน็อคโดยสาระและความรู้สึกของสังคม ที่จะรับไม่ได้มีหลายประเด็น

เมื่อถามว่า จะมีรายชื่อนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีคดีเรื่องการจัดซื้อเรื่องรถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทาง สมัยเป็นนายก อบจ.สงขลา ถูกอภิปรายด้วยหรือไม่ เพราะตามมารยาทหากเรื่องอยู่ในกระบวนการตรวจสอบขององค์กรอื่นก็จะไม่นำมาบรรจุในรายชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทิน กล่าวว่า ก็สามารถอภิปรายได้ ในมุมการเมือง และไม่ก้าวล่วงไปในเรื่องการพิจารณาคดี ดังนั้นเรื่องนายนิพนธ์ คิดว่า ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะหากจะอภิปรายก็สามารถทำได้

เมื่อถามย้ำว่า จะมีชื่อนายนิพนธ์ เป็น 1 ใน 10 รัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็ไม่ควรจะละเว้นได้ เพราะเป็นความผิดชัดเจน และเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องตระหนักรวมถึง รัฐมนตรีในกรณีอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกันด้วย เป็นความรับผิดชอบที่นายกฯ ต้องคิด และรับผิดชอบ

'อดีตบิ๊ก ศรภ.' วิเคราะห์ศึกซักฟอกหนสุดท้าย ยก 3 ปัจจัย การันตี 'บิ๊กตู่ - 10 รมต.' ชนะฉลุย

‘อดีตบิ๊ก ศรภ.’ รู้ทันฝ่ายค้านเทหมดหน้าตักหวังชนะศึกซักฟอก ยก 3 ปัจจัย มั่นใจ ‘บิ๊กตู่’ กับ 10 รมต. ผ่านฉลุย ต่างกันแค่เสียงโหวตไว้วางใจ เย้ยดูวอลเล่ย์สนุกกว่าเยอะ

(20 มิ.ย.65) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์­ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้สำคัญมากกว่าทุกครั้ง จนถึงขั้นพรรคเพื่อไทย ออกมาลั่นว่า “ต้องตีให้ตายคาสภา” โดยมีความมั่นใจมาจากสาเหตุดังนี้

1. นายกฯลุงตู่ ไม่สามารถยุบสภาหนีได้ ดังนั้น ส.ส.พรรคเล็ก จึงเป็นอิสระมากขึ้น “ไม่ต้องกลัวถูกยุบสภา แล้วตกงาน” สามารถไปต่อรองโหวตให้ใครก็ได้ที่ตัวเองชอบ หรือได้รับผลประโยชน์

2. ฝ่ายค้านมีข้อมูลในการอภิปรายมากกว่าทุกครั้ง

3. เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะ รัฐบาลจะอยู่ไปยาวอีกเกือบ 10 เดือน จึงจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสให้รัฐบาลสามารถทำอะไรได้อีกมาก จนอาจกลับมาครองเสียงประชาชนได้อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ฝ่ายค้านจึงจำเป็นต้องทุ่มเท “ทุกวิถีทาง” เพื่อเอาชนะให้ได้

'โฆษกรัฐฯ' เหน็บ 'ฝ่ายค้าน' มีแต่วาทกรรม เน้นหยิบเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ไม่ต่างจาก 3 ครั้งก่อน

โฆษกรัฐบาล มั่นใจ รมต.ชี้แจงได้ทุกประเด็น เหน็บฝ่ายค้านน่าผิดหวัง หยิบเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เหมือน 3 ครั้งก่อน ท้ายสุดจบไม่สวยรวยแต่สำนวน เน้นวาทกรรมสร้างความบันเทิงเหมือนซีรีส์เกาหลี

วันนี้ (19 ก.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามยุทธการเด็ดหัวสอยนั่งร้านในช่วง 4 วันนี้ ถ้ารัฐมนตรีไม่ตายในสภาก็ตายในสนามเลือกตั้ง ว่า ตนรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับการอภิปรายของนายชลน่านฯ เพราะไม่มีอะไรใหม่จริง ๆ ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเก่า ๆ เช่น การยึดอำนาจ การบริหารงานผิดพลาดล้มเหลว จงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ หรือแม้แต่การก็อบปี้คำพูดผู้นำต่างชาติก็เอามาพูดอีก เนื้อหาที่ฟังทั้งหมดจึงไม่ต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 ครั้งก่อน ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ที่เป็นการกล่าวหาโจมตีรัฐบาลแบบซ้ำไปซ้ำมา เลื่อนลอยไร้น้ำหนัก และขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ 

แต่มีจุดเด่นคือการใช้วาทกรรมเสียดสีประชดประชัน สร้างความบันเทิงแบบซีรีส์เกาหลีตามสไตล์ที่ตัวเองถนัด ไม่สมราคาที่เคยคุยไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีเรื่องเด็ดและตื่นเต้น ดังนั้นนายชลน่านฯ อย่าเพิ่งมั่นใจหรือมโนไปก่อนว่าผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะเชื่อว่าพี่น้องประชาชนที่ดูอยู่ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน หรือที่จริงแล้วพรรคเพื่อไทยอยากกลับมามีอำนาจอีกครั้ง จึงทำทุกวิถีทางเพื่อบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล

ทราบดีว่า ท่านชื่นชมคนทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผมโน่นนี่ ไม่เป็นไรครับ ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน

ทราบดีว่า ท่านชื่นชมคนทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผมโน่นนี่ ไม่เป็นไรครับ ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
กล่าวชี้แจงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่อาคารรัฐสภา
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565

มีไหม? คุณสมบัติ '3 ดี' ที่ประชาชนจะได้จาก 'ฝ่ายค้าน' หนนี้!!

เพจเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ

ช่วงวันที่ 19-23 ก.ค. นี้ ผมมีภารกิจเข้าร่วมชี้แจงข้อเท็จจริง ตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ณ สัปปายะสภาสถาน (รัฐสภาแห่งใหม่) หมายถึง  "สถานที่ประกอบกรรมดี” ซึ่งการขึ้นอภิปรายของผมช่วงเช้านี้ มีสาระสำคัญดังนี้

1. ขอให้ช่วยกันขบคิด ถกแถลง ทำหน้าที่ตนให้ดีที่สุด ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ แก้ปัญหาไปด้วยกัน ละทิ้งทิฐิ อคติส่วนตน นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

2. ช่วงวิกฤตโควิด 2 ปีที่ผ่านมา เราแก้ปัญหาไปได้ด้วยดี ทำงานแบบบูรณาการ เป็นตัวอย่างที่ดีให้หลายประเทศ จนสามารถเปิดประเทศได้มากขึ้นตามลำดับ ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น โดยตัวเลขในด้านการท่องเที่ยวก็ดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวจากครึ่งปีที่ผ่านมา 2.2 ล้านคน เกิดรายได้ 1.25 ล้านบาท ไทยเที่ยวไทย 67.8 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจทุกระดับ หลายรอบ มากกว่า 4.3 แสนล้านบาท

3. ประเทศในปี 2524 ยุคโชติช่วงชัชวาล จากการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย แล้วขยายผลเป็นนิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือน้ำลึก และโครงการอิสเทิร์นซีบอร์ด ต่อมาปี 2531 ไทยขับเคลื่อนด้วยนโยบาย "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า"  มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก เปลี่ยนจาก Analogue สู่ Digital เป็นต้น เป็นยุคที่ไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ...แต่น่าเสียดาย เพราะไม่มีนโยบายที่โดดเด่นมากพอ และ 10 กว่าปีมาแล้วที่มีแต่ความขัดแย้ง จึงไปไม่ถึงจุดหมาย

4. เมื่อผมเข้ามาบริหารประเทศ จึงต้องการพลิกโฉมประเทศไทย โดยผลักดัน 3 เรื่องสำคัญ 
(1) ประกาศวิสัยทัศน์ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" 
(2)  ผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และปฏิรูปในทุกมิติ 
(3) ขับเคลื่อนนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม พร้อมทั้งส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และสร้างเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นพื้นที่การลงทุนใหม่ๆ บ่มเพาะทรัพยากรมนุษย์ยุคใหม่ ๆ  และเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนความเจริญประเทศในระยะต่อไป

'ชัยวุฒิ' โต้กลับ 'ศรัณย์' กรณีคนไทยถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศ

จากกรณีที่ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายฯนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่คนไทยถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อโทรศัพท์กลับมาหลอกคนไทย

โดย นายชัยวุฒิ ได้ชี้แจงว่า ทั้งหมดที่พูดมาเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ จึงอยากให้เข้าใจทุกประเทศมีปัญหาเช่นนี้ ขณะที่ประเทศไทยที่มีปัญหาหนัก ส่วนหนึ่งเพราะมีระบบอินเทอร์เน็ตที่ดีมาก มีคนใช้อินเทอร์เน็ตแพร่หลายไม่ต่ำ 80% ของคนไทยทั้งประเทศ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากนโยบายนายกรัฐมนตรี เรื่องไทยแลนด์ 4.0 ในการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาประเทศ ถือเป็นผลงานของรัฐบาล แต่เมื่อมีคนดีก็มีคนร้ายเข้ามาเอาเปรียบหลอกลวงสร้างปัญหาให้กับสังคม แต่รัฐบาลได้ตั้งหน่วยงานมาแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเฉพาะ พร้อมการแก้ไขคดีออนไลน์ทุกรูปแบบ 

ส่วนระบบสปายแวร์ที่มีการเข้าไปติดตามหรือดักฟังโทรศัพท์อะไรต่างๆ นั้น ยอมรับว่า มีจริงและเคยศึกษาถึงเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่า กระทรวงดีอีเอสไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ เพราะไม่มีอำนาจ โดยเท่าที่ทราบจะเป็นงานด้านความมั่นคงหรือด้านยาเสพติด เช่น ในกรณีต้องจับคนร้ายก็ต้องมีการดักฟังว่ามีการส่งยาที่ไหน เป็นต้น ซึ่งใช้ในเรื่องที่เป็นคดีพิเศษและคดีสำคัญ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับหน่วยงานที่ตนกำกับดูแลและไม่มีอำนาจ

แลกคนหมัด!! ศึกอภิปรายซักฟอกรัฐบาล

วิวาทะศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน

'หมอชลน่าน' ชม ฝ่ายค้านทำผลงานได้ดี ฉะ!! รมต. ตอบคำถามแทบไม่ได้เลย

“เมื่อวานนายศักดิ์สยาม ไม่ตอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรกๆ ไม่ใช้โอกาสทองในการตอบ ภาพจำขึ้นทุกแพลตฟอร์ม เป็นภาพจำที่ซุกหุ้น ทำนิติกรรมอำพราง ผมว่ารอฟังในศาลได้เลย” 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว 
ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) 
กล่าวเมื่อ 20 ก.ค. 65

(20 ก.ค. 65) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรก ว่าพวกเราฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีมาก โดยเฉพาะการจัดอันดับการอภิปรายเมื่อวาน เราเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายและตามยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน นั่นไม่ใช้มวย 5 ยก แต่เป็นไทยไฟต์ชก 3 ยก ดังนั้นยกแรกเราจึงจัดเต็ม ซึ่งรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเมื่อวานนี้เป็นของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถือเป็นนั่งร้านที่สำคัญ และเป็นการเรียงลำดับอภิปรายของฝ่ายค้านสอดประสานกัน เหมือนเป็นซีรีส์โดยเฉพาะเรื่องกัญชา หากติดตาม พรรค พท. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรคประชาชาติ เห็นว่าทำงานแบบสอดประสานกัน โดยนำแต่ละประเด็น และจุดเด่นของแต่ละคนมานำเสนอได้อย่างดียิ่ง

แลกหมัด!! ศึกอภิปรายซักฟอกรัฐบาล 19 กรกฎาคม 2565

>> นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง หรือหมอเก่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 
อนุทิน จงใจสร้างสุญญากาศทางกฎหมายในการควบคุมกัญชา จนทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชน เสี่ยงมีปัญหาทางการทูต การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ และที่อ้างว่า การปลดล็อกกัญชานั้นเป็นการปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ที่ผ่านมา อนุทินได้โฆษณาชวนเชื่อกับประชาชนว่าทุกคนจะปลูกกัญชาได้จนร่ำรวย สามารถนำกัญชาไปผสมอาหารหรือเสพได้ ซึ่งเหล่านี้ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกัญชาทางการแพทย์เลย 

>> อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 
ข้อกังวลที่เกิดขึ้นกับนโยบายกัญชาทางการแพทย์นั้น อยู่ในจุดที่ควบคุมได้ จึงไม่จำเป็นต้องรีรอ และทุกอย่างมันเป็นไปตามกระบวนการ สมควรแก่เหตุแล้ว ทุกคนเห็นด้วยที่จะให้กฎหมายออกมาโดยเร็ว แต่การเอาคลิปมาโจมตี ที่พูดเรื่องอนุญาตให้ใช้ในบ้านนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลก็เขียนเหมือนกัน ทั้งนี้ เรื่องคลิป ต้องการให้ดูกันทั้งคลิป อย่าเพิ่งตัดสินจากเนื้อหาเพียงบางส่วน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top