Saturday, 25 May 2024
อภิปราย152

'ลุงหนู' ยัน!! ไม่หลบซักฟอก ขอพูดในสภาดีกว่านอกสภา เหน็บ ค้านมาก็ตอบไป ไม่ฟังก็ไม่เป็นไร พูดให้ ปชช.ฟัง

'อนุทิน' ลั่น ไม่หลบซักฟอก ชี้ พูดในสภาให้ปชช.รับฟัง ดีกว่าพูดนอกสภา ไม่หวั่น ฝ่ายค้านถามมาก็ตอบไป เหน็บ คนทำงานรู้ดีกว่าคนไม่ได้ทำงาน

(7 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่ฝ่ายค้านมองว่าพรรคภูมิใจไทย มีท่าทีจะล้มหรือไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ มาตรา 152 เพราะกังวลจะถูกถล่มในสภา ว่า ถามว่าถ้าหลบแล้วจะทำให้ไม่ประชุมได้หรือไม่ ยิ่งหลบแล้วไปอภิปรายนอกสภาฯ ก็ไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงโต้แย้ง หรือโต้ข้อกล่าวหาใดๆ เลย ซึ่งเจตนารมย์ของการอภิปราย มาตรา 152 คือ การให้คำแนะนำของฝ่ายค้านต่อรัฐบาล เชื่อว่าช่วงสุดท้ายของสภาชุดนี้ฝ่ายค้านก็เตรียมใส่เราเต็มที่ ส่วนเราก็ต้องพูดให้เต็มที่ เขาอยากจะพูดอะไรก็พูด ส่วนเราอยากพูดอะไรก็พูด เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งนั้น อย่าไปกังวลอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าเวลา 8 ชั่วโมงถือว่าเพียงพอต่อการชี้แจงของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีเนื้อหาสาระก็เพียงพอ ถ้ามัวแต่ทะเลาะกันไปมาก็อย่าไปหลงในเกมของเขา เราพูดแต่ในข้อเท็จจริง ส่วนเขาพูดอะไรเราไปห้ามไม่ได้ แต่ไม่มีทางรู้มากกว่าเรา เพราะเราเป็นคนทำงาน หากพูดถึงเรื่องกระทรวงที่เราทำงาน คนที่ทำงานย่อมพูดได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำงาน ส่วนข้อมูลที่ได้ไปไม่รู้ต่อกี่ครั้งก็เป็นเรื่องที่ปราศจากความจริง มีการแต่งเติมเสริมเรื่องเข้ามา โดยรัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ตอบได้ ผลจากการลงคะแนนเห็นตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เห็นแล้วว่าคะแนนท่วมท้น กระทรวงในสังกัดพรรคภูมิใจไทย ตอบได้สบายมากอยู่แล้ว แต่หากมีการให้คำแนะนำจะดีมากเพราะพรรคภูมิใจไทย เป็นพวกที่ฟังอะไรที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง แม้จะมาจากฝ่ายค้านก็พร้อมรับฟัง และสิ่งใดที่ควรนำไปปรับปรุงแก้ไขก็จะนำไปแก้ไข เพราะการเล่นการเมืองเชิงสร้างสรรค์ คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชนและบ้านเมือง

'ชัยธวัช' ดักคอ 'ส.ส.รัฐบาล' อย่าคิดหนีอภิปราย 152 ลั่น!! 'ก้าวไกล' พร้อมจัดหนัก เช็กบิลรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง

(13 ก.พ. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล อาจไม่อยู่เป็นองค์ประชุมในการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ. ที่จะถึงนี้ เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ถ้าทำจริง จะยิ่งเปลือยประจานตนเอง กระแสเสื่อมศรัทธาต่อฝ่ายรัฐบาลจะเพิ่มสูงขึ้นทันที เพราะการอภิปรายเป็นกลไกปกติในการตรวจสอบรัฐบาล

และขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจงประเด็นที่สังคมสงสัย โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมามีหลายเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น หากการอภิปรายมาตรา 152 ครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง กลับไม่ร่วมมือแม้แต่เป็นองค์ประชุม ประชาชนจะยิ่งเห็นว่ารัฐบาลเป็นวัวสันหลังหวะ และข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเป็นความจริง

‘โรม’ ขู่!! ไม่จบแค่อภิปราย แต่ยื่นเอาผิดทาง กม. เพียบ ไม่หวั่น!! หากสภาฯ ล่ม พร้อมอภิปรายต่อนอกสภาฯ

'โรม' ขู่ไม่จบแค่ซักฟอก ยื่นเอาผิดกฎหมายต่ออีกเพียบ ฮึ่ม!สภาล่มจะอภิปรายนอกสภาต่อ ไม่หวั่นไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ตอกรัฐบาลเย้ยข้อมูลเก่า แต่หน้าชาทุกรอบ

(15 ก.พ. 66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามาตรา 152 ว่า ในวันที่ 15 ก.พ. พรรคจะมีผู้อภิปรายจำนวน 5 คน มีเนื้อหาทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ทุจริต การอภิปรายครั้งนี้แม้จะไม่มีการลงมติ แต่ใกล้การเลือกตั้งใหญ่ เราจึงจะทำงานในระดับเดียวกับการเลือกตั้งใหญ่ มั่นใจว่าเรามีหลักฐานในการเอาผิดรัฐบาล และไม่จบแค่การซักฟอก แต่จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอีกเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายรัฐบาลออกมาระบุว่าถ้าการอภิปรายเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะประท้วง รวมถึงมีการนับองค์ประชุม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจจะทำเช่นนั้นทำไม การที่ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้ดีและเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งเมื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนแล้วรัฐบาลไม่ต้องการให้เราทำหน้าที่นี้ ตกลงรัฐบาลต้องการอะไร ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนรับรู้ข้อมูล รับรู้การทุจริตใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลกำลังยอมรับว่าตัวเองมีบาดแผลเหวอะหวะเต็มตัวใช่หรือไม่ แล้วกลัวว่าประชาชนจะรู้เลยพยายามปิดบังฝ่ายค้าน

‘พิธา’ ชี้ เกือบ 10 ปี รัฐบาลทำ ปชช. เสียโอกาสหลายอย่าง ซัด!! ใช้งบมหาศาล แต่ ‘ปากท้อง-คุณภาพชีวิต’ ไม่พัฒนา

(15 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายเปิดเป็นคนแรกของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยกล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้สำคัญกว่าการอภิปรายครั้งไหนใน 2 เรื่อง หนึ่งคือแม้ ส.ส. ลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ในการเลือกตั้ง และสอง แม้เป็นการอภิปราย 152 ครั้งสุดท้ายแต่จะเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ที่ประชาชนจะได้ฟังข้อมูลก่อนเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง

พิธา กล่าวว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในทศวรรษที่สูญหาย เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เงินภาษีประชาชนรวมกันไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับทองคำพันล้านแท่ง สามารถเอาไปชุบถนนทั่วประเทศไทยได้เกือบ 2 รอบ อย่างที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เคยบอกว่าถ้าประเทศไทยเลิกคอร์รัปชัน จะปูถนนเป็นทองคำก็ทำได้ แต่ถึงวันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีอนาคตเหมือนเดิม

สิ่งที่คนไทยได้จากการบริหารประเทศตลอดเกือบ 10 ปี ของ พล.อ. ประยุทธ์ คือ ‘การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม’ เราลงทุนไป 28 ล้านล้านบาทก็ได้อนาคตแบบเดิม อนาคตที่ประเทศไทยจะแพ้เพื่อนบ้านแบบไม่เห็นฝุ่น เป็นประเทศเดียวที่จีดีพีรั้งท้ายอาเซียนและยังไม่ฟื้นตัวจริงจากโควิด นอกจากนั้น คือเราสูญหายเวลาไปกับ 3 สิ่งสำคัญคือ (1) การศึกษา คะแนนมาตรฐานโลกอย่าง PISA ก็รั้งท้าย (2) คอร์รัปชัน ปี 2557 อันดับความโปร่งใสของเราอยู่ที่อันดับ 85 แต่ปี 2565 อยู่ที่อันดับ 110 และ (3) ภัยแล้ง ก่อนหน้านี้มีพรรครัฐบาลบอกว่า “มีลุงไม่มีแล้ง” แต่ที่ผ่านมาเกือบ 1 ทศวรรษ พื้นที่แล้งซ้ำซากในภาคอีสานเพิ่มจาก 40 ล้านไร่เป็น 49 ล้าน

เรายังสูญหายโอกาสในการปฏิรูปสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการปฏิรูปตำรวจ ภาพลักษณ์ของตำรวจตอนนี้ ประชาชนมีคำถามว่าจริงหรือไม่ที่ตำรวจมีส่วนกับทุนจีนสีเทา จริงหรือไม่ตำรวจตั้งด่านรีดไถนักท่องเที่ยวไต้หวัน แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์ราษฎรกลับเป็นส่วนหนึ่งของการทำร้ายราษฎร รวมถึงระบบเส้นสาย-ตั๋ว ที่ทำให้ตำรวจมีปัญหาสุขภาพจิต 

ส่วนกองทัพ รัฐบาลยังลอยตัว ประชาชนยังไม่ได้คำตอบ อะไรคือสาเหตุของเรือหลวงสุโขทัยล่ม ที่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยสูญเสียมากขนาดนั้น เท่าไรคือค่าใช้จ่ายที่กองทัพใช้ในการบินเครื่องบินรบ F16 ที่เอาไปดูแลกิจกรรมในครอบครัวของอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ อะไรคือสาเหตุของการบริหารในกองทัพที่ทำให้เกิดเหตุการณ์กราดยิงโคราชและความรุนแรงต่อทหารชั้นผู้น้อย

‘บิ๊กตู่’ ตอบโต้ ‘ฝ่ายค้าน’ จะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน-ตรวจสอบให้ชัด อย่ามาพูดตีกินให้เสียหาย ยันไม่เคยเอื้อประโยชน์ใคร

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย​ โพธิ์​สุ​ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรก ว่า ฟังมาตั้งแต่เช้า มีหลายท่านที่แสดงความคิดเห็น ทั้งแนะนำ กล่าวหา ติเตือน หลายอย่างอยากบอกว่าที่ท่านพูดมาทั้งหมด ด้านเศรษฐกิจทำมาหมดแล้ว แต่ยังไม่เกิดผลผูกพัน ก็เอามาตีกินกันตรงนี้ ที่พูดมาทั้งหมดเวลารัฐบาลพูดท่านก็ไม่ฟัง กระทรวงการคลังชี้แจง หน่วยงานชี้แจงก็ไม่ได้ฟังอีก

"เพราะฉะนั้นนโยบายอะไรของท่าน เมื่อท่านเป็นรัฐบาลท่านก็ทำเถอะครับ ถ้าท่านได้เป็นนะ" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน เราทำตั้งแต่ฐานราก ทั้งเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน ประชาชนที่มีรายได้น้อยมีการแก้ปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้า ท่านลองไปศึกษาดู ถ้ามันง่ายอย่างที่ท่านพูดมาก็คงทำไปนานแล้วสมัยก่อนท่านก็ทำไม่ได้

พปชร. โต้เดือด 'เจี๊ยบก้าวไกล' หลังใช้คำไม่เหมาะ ถาม 'บิ๊กตู่' พูดหมาๆ อย่างนั้นได้อย่างไร

(16 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 12.15 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามม.152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้อภิปรายตอนหนึ่งช่วง โดยเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง ทั้งมาตรา 112 มาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพ์ทั้งหมด

"เมื่อเร็วๆ นี้พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ ระบุ ว่า จะปิดประตู นิรโทษกรรม ดิฉันขอถามว่าท่านพูดหมาๆอย่างนั้นได้อย่างไร" นางอมรัตน์ กล่าว

ทำให้นายศุภชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธาน ขอให้นางอมรัตน์ ถอนคำพูด “นายกฯ พูดหมาๆ” โดยนางอมรัตน์ได้ถอนคำพูดพร้อมระบุซ้ำว่า “ขอถอนคำพูดว่านายกฯ พูดหมาๆ” นางอมรัตน์ กล่าว

นายศุภชัย จึงติงว่า ให้ถอนคำพูดก็พอไม่ต้องย้ำ ในสภาฯ แห่งนี้เป็นสภาทรงเกียรติถึงแม้เราจะไม่พอใจกันเป็นการส่วนตัวแต่ก็ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ควรจะนำคำพูดที่ไม่เหมาะสมมาใช้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top