Sunday, 5 May 2024
หายตัว

ย้อนอดีต ‘อโนชา ปันจ้อย’ 44 ปีแห่งการหายตัวของหญิงไทย ผู้ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัว

รัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับอย่างเป็นทางการจากว่าชาวญี่ปุ่นเพียง 17 คน (ชาย 8 คนและหญิง 9 คน) ถูกลักพาตัวไป

เรื่องของ อโนชา ปันจ้อย หญิงสาวชาวไทย ผู้ซึ่งถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไปจากอาณานิคมมาเก๊าของโปรตุเกส เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2521 (วันนี้เมื่อ 44 ปีก่อน) เห็นชื่อเรื่องแล้วผู้อ่านหลายๆ ท่านคงจะสงสัยว่า เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับคนไทยด้วยหรือ เพราะข่าวส่วนใหญ่มักเกิดกับคนญี่ปุ่น โดยเฉพาะในระหว่าง ปี พ.ศ. 2520 ถึง 2526 แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับอย่างเป็นทางการว่า มีชาวญี่ปุ่นเพียง 17 คน (ชาย 8 คนและหญิง 9 คน) ถูกลักพาตัวไป แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจมีชาวญี่ปุ่นอีกหลายร้อยคนที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัว ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2545 รัฐบาลเกาหลีเหนือยอมรับว่า ได้ทำการลักพาตัวพลเมืองญี่ปุ่น และขอโทษ ในขณะเดียวกันก็สัญญาว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

รัฐบาลเกาหลีเหนือยอมรับว่า ได้ทำการลักพาตัวพลเมืองญี่ปุ่นไป 13 คน

แม้ว่า ในเดือนตุลาคมปีนั้นผู้ที่ถูกลักพาตัวชาวญี่ปุ่นห้าคนจะได้เดินทางกลับญี่ปุ่น แต่ผู้ถูกลักพาตัวชาวญี่ปุ่นที่เหลือรัฐบาลเปียงยางยังไม่ได้ให้คำอธิบายใด ๆ ที่ยอมรับได้อีกเลย ถึงแม้ว่า เกาหลีเหนือจะมีพันธะสัญญาอย่างชัดเจนจากการประชุมสุดยอดผู้นำญี่ปุ่น-เกาหลีเหนือเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 เพื่อดำเนินการสอบสวนโดยละเอียดในทันทีในการตรวจสอบจำนวนชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวทั้งหมด 

การยืนยันของเกาหลีเหนือเกี่ยวกับประเด็นการลักพาตัวนั้น เกาหลีเหนือไม่ได้ให้หลักฐานที่น่าพอใจหรือที่น่าเชื่อใดๆ ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจึงไม่ยอมรับ 

สำหรับการลักพาตัวพลเมืองญี่ปุ่นนั้น ทางรัฐบาลญี่ปุ่นถือเป็นปัญหาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่น ชีวิตและความปลอดภัยของพลเมืองญี่ปุ่น หากไม่มีการแก้ไขปัญหานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีเหนือก็จะยังไม่ถือว่าเป็นปกติ 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นให้คำมั่นแก่ชาวญี่ปุ่นที่จะพยายามอย่างที่สุดในการติดตามและนำผู้ถูกลักพาตัวทั้งหมดกลับมายังประเทศญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลเกาหลีเหนือได้ยอมรับอย่างเป็นทางการว่า ได้ลักพาตัวชาวญี่ปุ่นไป 13 คน

ชาวเกาหลีใต้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ที่ถูกลักพาตัวชาวเกาหลีใต้ระหว่างสงครามเกาหลีกว่าแปดหมื่นคน

มาที่ด้านของเกาหลีใต้ ผู้ที่ถูกลักพาตัวชาวเกาหลีใต้โดยเกาหลีเหนือ แบ่งออกเป็นสองกลุ่มได้แก่ 1.) ผู้ที่ถูกลักพาตัวในระหว่างช่วงสงครามเกาหลี และ 2.) ผู้ที่ถูกลักพาตัวหลังจากสงครามเกาหลี โดยในช่วงระหว่างสงครามเกาหลี มีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 84,532 คนถูกนำตัวไปยังเกาหลีเหนือ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีการศึกษาหรือมีทักษะอยู่แล้ว เช่น นักการเมือง ข้ารัฐการ นักวิชาการ นักการศึกษา แพทย์ ผู้พิพากษา นักข่าว หรือนักธุรกิจ ตามคำให้การของสมาชิกในครอบครัวที่เหลืออยู่ การลักพาตัวส่วนใหญ่ถูกจับกุมโดยทหารเกาหลีเหนือซึ่งมีชื่อเฉพาะและบัตรประจำตัวของผู้ที่ถูกลักพาตัวอยู่ในมืออยู่แล้วเมื่อพวกเขามาปรากฏตัวที่บ้าน อันเป็นข้อบ่งชี้ว่า การลักพาตัวเกิดขึ้นโดยเจตนาและเป็นไปในลักษณะที่มีความเป็นระบบ 

สาธุคุณ Kim Dong-shik (ผู้จัดตั้งที่พักพิงในจีนสำหรับชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์) หนึ่งในผู้ที่ถูกลักพาตัว

นับตั้งแต่ข้อตกลงสงบศึกเกาหลีในปี พ.ศ. 2496 เกาหลีเหนือได้ทำการลักพาตัวชาวเกาหลีใต้ราว 3,800 คน (ส่วนใหญ่ในช่วงปลายทศวรรษ 1970) ชาวเกาหลีใต้ที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวในดินแดนเกาหลีใต้หรือต่างประเทศหลังจากการสงบศึกลงนามในปี พ.ศ. 2496 เป็นที่รู้จักในชื่อเรียกว่า “ผู้ถูกลักพาตัวหลังสงคราม” โดยส่วนใหญ่จะถูกจับในขณะตกปลาใกล้เขตปลอดทหารเกาหลี (DMZ) แต่บางคนถูกลักพาตัวโดยสายลับเกาหลีเหนือในเขตเกาหลีใต้ที่ลึกเข้ามา 

เกาหลีเหนือยังคงลักพาตัวชาวเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องในยุค 2000 ดังที่เห็นได้จากกรณีของสาธุคุณ Kim Dong-shik (ผู้จัดตั้งที่พักพิงในจีนสำหรับชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์) ซึ่งถูกลักพาตัวไปเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2543 และ Jin Gyeong-suk ชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์ไปอยู่ยังเกาหลีใต้ ซึ่งถูกลักพาตัวไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ขณะที่เธอกลับไปยังเขตชายแดนจีน-เกาหลีเหนือโดยใช้หนังสือเดินทางเกาหลีใต้ ซึ่งในปี พ.ศ. 2549 ชาวเกาหลีใต้จำนวน 489 คนยังคงไม่ได้รับการปล่อยตัว 

‘ตร.’ คุมตัว 2 ต่างชาติสอบเข้ม ปม ‘นักธุรกิจเยอรมัน’ หายตัวไป ล่าสุด ‘ทีมสืบฯ’ พบพิรุธเส้นทางการเงิน คาด!! อาจเอี่ยวคดีนี้ 

(10 ก.ค. 66) ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผบก.สส.ภาค 2 นำทีมบุกตรวจค้นบ้านพัก 1 ในผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติเกี่ยวข้องการหายตัวไปของนักธุรกิจอสังหาฯ ชาวเยอรมันช่วงกลางดึกที่ผ่านมา หลังเชิญตัวชาวต่างชาติ 2 รายสอบปากคำ แต่ยังไม่ให้การใดๆ ส่วนผู้สูญหายยังไม่รู้ชะตากรรม

จากกรณีการหายตัวไปของ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค (MR.HANS PETER RALTER MACK) อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมัน พร้อมรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ คูเป้ อี 350 สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ญศ 7146 กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา จนภรรยาต้องประกาศตั้งรางวัลให้ผู้พบเห็นรถยนต์เป็นเงินจำนวน 100,000 บาท และเจอตัวผู้สูญหายจะให้รางวัลสูงถึง 3,000,000 บาท

โดยระบุว่าสามีหายไปหลังออกจากบ้านไปพูดคุยกับนายหน้าชาวต่างชาติที่รู้จักกันไม่นานเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ก่อนจะมีการตามเจอรถยนต์ซึ่งถูกนำมาจอดทิ้งที่ลานจอดรถข้างคอนโดฯ ภายในซอยเขาน้อย เมืองพัทยา และมีผู้พบเห็นว่ามีผู้หญิงนั่งมาด้วย

จนนำสู่การตรวจสอบอย่างละเอียดภายในรถเบนซ์คันดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ส่อแววร้าย เพราะพบว่าภายในรถยนต์มีการน้ำยาบางชนิดเข้ามาทำความสะอาดเบาะ และอีกหลายจุด ซึ่งเชื่อว่าเป็นความพยายามในการทำลายหลักฐาน และจากการตรวจสัญญาณโทรศัพท์มือถือครั้งสุดท้ายของผู้สูญหายพบพิกัดบริเวณแนวชายแดน จ.สระแก้ว นั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา (9 ก.ค.) พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค 2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ และเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนได้เชิญตัวชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งเดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม แต่ทั้งหมดยังคงปิดปากเงียบและยืนยันว่าจะให้ทนายความเป็นผู้จัดการเท่านั้น

โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว 1 ในผู้ต้องสงสัยเป็นหญิงชาวต่างชาติเข้ามาให้ปากคำแล้ว แต่ยังยืนยันว่าจะให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการเช่นกัน

จากนั้น พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค 2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 2 สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวดชลบุรี เจ้าหน้าที่สืบสวนตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำหมายค้นที่ 129/2566 เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 21/302 หมู่บ้านโชคชัย การ์เด้น 2 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ซึ่งเป็นบ้านของ 1ในผู้ต้องสงสัยแต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวนได้พบเส้นทางการเงินที่ผิดปกติ รวมจำนวนกว่า 2 ล้านบาท ที่อาจมีส่วนเกี่ยวโยงกับคดีดังกล่าว แต่จะต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ขณะที่ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top