Friday, 24 May 2024
หลบหนีเข้าเมือง

‘ตม.ประจวบคีรีขันธ์’ คุมเข้มช่องทางธรรมชาติ สกัดโควิดระบาด!! จับกุมหนุ่มเมียนมาลักลอบนำพาแรงงานถื่อน พร้อมยาบ้า พร้อมรวบ 33 ชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองเพื่อไปทำงาน จว.สมุทรสาคร

วันนี้(15 ก.ย. 2564 ) เวลา 13.30 น.พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ แถลงผลการจับกุมบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาพร้อมด้วยของกลางยาบ้า และนำพาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ออกสืบสวนหาข่าว และตรวจสอบผู้กระทำความผิดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 14  ต.ค.64 เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์พร้อมด้วยหน่วยงานความมั่นคง ได้ตรวจพบบุคคลต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย และสามารถจับกุม นายมิวแตอู อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 10 เม็ด โดยกล่าวหาว่า”มียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้าไว้ในความครอบครองโดยผิดกฏหมายและนำหรือพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ”   และควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 33 คน ได้ที่บริเวณ ช่องทางธรรมชาติช่องชุมนุมมะละกอ ม.5 บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ

จากการสอบสวนเบื้องต้น แรงงานต่างด้าว เดินทางมาจาก มะริด 10 คน พะลอ 10 คน เมาะลำไย 5 คน มะกุย 1คน มันดาเล 3 คน พะโคะ 1 คน ทวาย 3 คน ทั้งหมดต้องการเดินทางไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร ในเบื้องต้นได้ทำการกักตัวไว้ในสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการคัดกรองหาเชื้อไวรัสโคโรน่า ( โควิด 19 ) หลังจากนี้จะได้ทำการสอบสวนขยายผลถึงขบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป

ตม.โคราช สกัดเข้มต่อเนื่อง!! สืบข่าวจนสามารถจับรถตู้ เย้ยกฎหมายขนต่างด้าวกว่า 20 ราย มุ่งเข้ากรุง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต  และทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., ได้สั่งการให้  พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์  ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 ,พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.วิทวัส บูรณะ ผกก.ตม.จว.นครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา

ตม.จว.นครราชสีมา ร่วมบูรณาการตั้งด่านจุดตรวจยานพาหนะ อ.สีคิ้ว บก.ปส.2 จับกุมคนไทย 2 คนใช้รถตู้ขนบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 7 คน และ ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และข้อหา "ขัดคำสั่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา"

ตามนโยบายของ ผบช.สตม.ให้ติดตามดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมือง เพื่อป้องกันการนำเชื้อไวรัสโคนา 2019 (โควิด-19) เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดชั้นใน พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.4 จึงสั่งการให้ ตม.จังหวัดในสังกัด บก.ตม.4 เพิ่มความเข้มในการสกัดจับกุมขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมืองมาลงโทษ โดย บก.ตม.4 ได้มีผลการปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องตลอดมา จนกระทั่ง ได้รับแจ้งจากสายลับไม่ประสงค์ออกนามว่า จะมีการลักลอบขนคนต่างด้าว โดยใช้เส้นทาง สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จึงประสาน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ตม.จว.นครราชสีมา บูรณาการร่วมกับหน่วยงานข้างเคียงดักซุ่มรอจนกระทั่งพบรถตู้ลักษณะตรงกับที่ได้รับแจ้งขับขี่ผ่านมา จึงแจ้งชุดจับกุมที่ดักซุ่มอยู่ในเส้นทางเข้าสกัดจับ ผลการตรวจสอบพบรถยนต์ตู้สาธารณะไม่ประจำทาง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กทม. บรรทุกบุคคลต่างด้าวจำนวน 20 คน

ตม.จว.ตาก ตรวจเข้มตลอด 24 ชม.!! รวบหนุ่มจีนและหนุ่มไทย ขนคนจีนหลบหนีเข้าเมือง 4 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.แมน รัตนประทีป รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ตาก และ พ.ต.ท.สุชาติ เพ็ญภู่ รอง ผกก.ตม.จว.ตาก ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

 1. เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์คล้ายคนต่างด้าวสัญชาติจีนเป็นผู้ขับขี่ เดินทางจาก อ.แม่สอด มุ่งหน้าไปยัง จว.ตาก จากการตรวจสอบผู้ขับขี่ คือ MR.LIฯ อายุ 51 ปี สัญชาติจีน

ผู้ถูกจับที่ 1 และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน 2 คน คือ MR.JENGฯ อายุ 19 ปี สัญชาติจีน

ผู้ถูกจับที่ 2 และ MR.WANGฯ อายุ 43 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 3 จึงขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 3 ราย ปรากฏว่าผู้ถูกจับที่ 1 MR.LIฯ มีเอกสารการเดินทางและวีซ่าถูกต้อง ส่วนต่างด้าวสัญชาติจีนอีก 2 ราย ไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดง รับว่าตนทำงานอยู่ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ จากการสอบถามคนขับรถให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากหญิงนายหน้าไม่ทราบชื่อให้มารับผู้ต้องหาหน้าเทศบาลนครแม่สอด เพื่อนำไปส่งในพื้นที่ กทม. โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 7,000 บาท แต่มาถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 3 (ช.2) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก ที่ 38/2563 ลง 20 ธ.ค.63”   รถยนต์คันของกลาง คือ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ TOYOTA สีขาว รุ่นอัลพาร์ต หมายเลขทะเบียนกรุงเทพฯ  เหตุเกิด จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

2. เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด  จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ต้องสงสัย เดินทางมาจาก อ.เมืองตาก มุ่งหน้าเข้า อ.แม่สอด จากการตรวจสอบพบ ผู้ถูกจับที่ 1 คือ นายฉัตรมงคลฯ และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน 2 คน คือ MR.WANGฯ อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 1 และ MISS.HUANGฯ อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 2 จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 2 ราย ปรากฏว่าไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดงมีเพียงภาพถ่ายหนังสือเดินทางที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือและจากการตรวจสอบระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองไม่ปรากฏการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด รับว่าตนลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติจากประเทศกัมพูชา เพื่อที่จะเดินทางมายัง อ.แม่สอด จากการสอบถามผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากชาย ชื่อนายณัฎฐกัณฐ์ฯ  ให้ไปรับคนสัญชาติจีนที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เพื่อนำมาส่งในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท แต่มาถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป    

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 3 (ช.1 ญ.1) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก ที่ 38/2563 ลง 20 ธ.ค.63” 

รถยนต์คันของกลาง คือ

1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น VELLFIRE สีดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพฯ 

2.โทรศัพท์ยี่ห้อ ONEPLUS A6013 สีดำ

เหตุเกิด จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

 

ตม.1 รวบฝรั่งหัวใส!! หลบ BLACKLIST เข้าไทย สุดท้ายไม่พ้นมือ ตม.

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1  ได้รับข้อมูลจากการสืบทราบว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติอังกฤษ ชื่อ Mr.James   ซึ่งเคยถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ แต่ต่อมาได้สัญชาติอิสราเอลและใช้หนังสือเดินทางของประเทศอิสราเอล เดินทางเข้ามาและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย 

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากระบบสารสนเทศ ตรวจคนเข้าเมือง โดยละเอียดจนพบว่า Mr.James  สัญชาติอังกฤษ ดังกล่าวถือหนังสือเดินทางเลขที่ 51XXXXXXX เกิดวันที่ 25 ก.ค.2520 สถานที่เกิด LONDON มีข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้ามและเฝ้าดู เนื่องจากเคยถูกจับดำเนินคดีในข้อหา “มีอาวุธไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธไปในเมืองฯ” มีคำพิพากษาศาลถึงที่สุด จำคุก 9 เดือน และถูกผลักดันออกนอกประเทศ เมื่อ 3 เม.ย.2558 จริง ซึ่งจากการนำข้อมูลของ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ มาตรวจสอบในระบบสารสนเทศ สตม. แล้วพบว่าตรงกับข้อมูลของชายชาวต่างชาติ สัญชาติอิสราเอล อีกรายหนึ่ง มีข้อมูลชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด และใบหน้า คล้ายและเหมือนกับ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ แตกต่างกันเพียงสัญชาติและเลขที่หนังสือเดินทางเท่านั้น

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า Mr.James  สัญชาติอิสราเอล ถือหนังสือเดินทางเลขที่ 21XXXXXX เกิด 25 ก.ค.2520 สถานที่เกิด LONDON  เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งแรก เมื่อ 23 ต.ค.2558 ครั้งสุดท้าย เมื่อ 5 ม.ค.2563 และยื่นขออยู่ต่อครั้งสุดท้ายได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรถึง 21 ก.ย.2565 ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ข้อมูล ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิดตรงกัน ต่างกันเพียงสัญชาติของคนต่างด้าวเท่านั้น ตรงตามกับข้อมูลที่สืบทราบมาจริง เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ประสาน กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อขอข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือของ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ จากฐานข้อมูลในระบบฯ เมื่อครั้งถูกส่งกลับผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไป เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2558 เพื่อส่งให้ ศท.ตม. ดำเนินการตรวจเปรียบเทียบเพื่อยืนยันกับลายพิมพ์นิ้วมือและใบหน้าของ Mr.James สัญชาติอิสราเอล จากระบบ Biometrics ในวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งล่าสุด ว่าบุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและใบหน้ายืนยันว่าบุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯจึงได้เสนอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ Mr.Jame  สัญชาติอิสราเอล และเมื่อผู้บังคับบัญชาอนุมัติ เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ทำการควบคุมตัวคนต่างด้าวส่ง กก.3 บก.สส.เพื่อดำเนินการส่งกลับผลักดันต่อไป

 

สตม.แถลงผลจับกุมบังกลาเทศ 7 คนหลบหนีเข้าเมืองเพื่อทำงานประเทศมาเลเซีย

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงศ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.ท.กฤตกรอิชณน์ คงขำ สว.ตม.จว.ปัตตานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้ 

ขยายผลจับกุมขบวนการขนแรงงาน ตม.จว.ปัตตานี สนธิกำลัง กก.สส.บก.ตม.6, สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี, กก.6 บก.ปคม., กก.3 บก.ปส.1 จับกุมนายเลาะ (นามสมมติ) อายุ 56 ปี บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ในฐานความผิด “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร, ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” สถานที่จับกุมในพื้นที่ อ.หนองจิก จว.ปัตตานี  นำตัวส่ง พงส.สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี ดำเนินการตามกฎหมาย  

สืบเนื่องจากการขยายผลจากการจับกุม เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ตม.จว.ปัตตานี สนธิกำลังร่วมกับ สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี ทหารพราน 44 และฝ่ายปกครอง ขณะตั้งจุดตรวจความมั่นคง ด่านตรวจตอกอ อ.สายบุรี จว.ปัตตานี ได้จับกุมนายเจ๊ะอารง (นามสมมติ) อายุ 64 ปี พร้อมด้วยของกลางรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ และโทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง ในฐานความผิด “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” และจับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติบังกลาเทศ จำนวน 7 ราย ในฐานความผิด “เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยคนต่างด้าวทั้งหมดนั้นเดินทางมาจากประเทศบังกลาเทศมายังประเทศกัมพูชาด้วยสายการบิน และใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อจะไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะมีนายหน้าที่ประเทศกัมพูชา ให้ความช่วยเหลือนำคนต่างด้าวฯ ลักลอบเข้าประเทศไทย มายังจุดพักคอย ซึ่งเป็นบ้านพักที่อยู่ตามแนวชายแดนฝั่ง อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว โดยเสียค่าใช้จ่ายต่อหัวรายละ 100,000 ถึง 140,000 บาท จากการสืบสวนขยายผลพบว่านายเลาะ เป็นหนึ่งในขบวนการขนแรงงานข้ามชาติที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย 

โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์ตู้ลักลอบขนชาวบังกลาเทศจากบ้านพักคอย อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปส่งต่อให้นายเจ๊ะอารง(นามสมมติ) ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จว.ปัตตานี เพื่อนำชาวบังกลาเทศลักลอบออกทางช่องทางธรรมชาติไปประเทศมาเลเซีย พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และศาลจังหวัดปัตตานีได้อนุมัติหมายจับนายเลาะ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่านายเลาะ ได้เดินทางไปในพื้นที่ อ.หนองจิก จว.ปัตตานี จึงได้ไปสืบสวนติดตามตรวจสอบพบนายเลาะ จึงได้แสดงหมายจับและจับกุมตัวนำส่ง พงส.สภ.สายบุรี จว.ปัตตานี ดำเนินการตามกฎหมาย ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้นายเลาะ บุคคลเฝ้าระวังที่เป็นตัวการสำคัญในฐานข้อมูลขบวนการลักลอบนำพาฯ พื้นที่ บก.ตม.6 ที่พบความเคลื่อนไหวในช่วงปี 2564 จากการจับกุมเครือข่ายลักลอบนำพาฯ แรงงานชาวเมียนมา ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยทำหน้าที่ประสานงานและเคลื่อนย้ายคนต่างด้าวฯ จากพื้นที่ จว.ปัตตานี ไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน จว.นราธิวาส ก่อนที่ในปัจจุบันจะผันตัวมาลักลอบนำพาฯ ชาวบังกลาเทศ จาก จว.สระแก้ว ไปประเทศมาเลเซีย และพบว่าผู้ครอบครองรถตู้ที่ใช้กระทำความผิด มีความเกี่ยวข้องกับอดีตผู้ต้องหาในเครือข่ายลักลอบขนคนต่างด้าวฯ ของเครือข่ายนายละมอร์(นามสมมติ) ที่ลักลอบขนแรงงานชาวเมียนมาในปี 2564

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จะกขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สตม.จับกุมชาวบังกลาเทศ 19 คน 'ใช้ดวงตรา รอยตราประทับปลอม และลักลอบหลบหนีเข้าเมือง' เพื่อไปทำงานมาเลเซีย

ตม.จว.นราธิวาส จับกุมชาวบังกลาเทศ จำนวน 19 คน โดยกล่าวหาว่า “ปลอมหรือใช้รอยตราประทับปลอมฯ, ปลอมหรือใช้เอกสารราชการปลอมฯ, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตากใบ จว.นราธิวาส ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พฤติการณ์จับกุม ก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากประชาชนว่าพบเห็นบุคคลลักษณะคล้ายคนต่างด้าว อยู่บริเวณภายในตลาดตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส จึงเดินทางไปตรวจสอบเมื่อไปถึงสถานที่ดังกล่าวพบเห็นคนต่างด้าว จำนวน 1 คน อยู่บริเวณหน้าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวคนต่างด้าว หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง โดยคนต่างด้าวดังกล่าวแจ้งว่าหนังสือเดินทางของตนอยู่ในตัวอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว และแจ้งอีกว่ายังมีคนต่างด้าวอยู่ภายในตัวอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวอีก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ให้คนต่างด้าวดังกล่าวพาเข้าไปตรวจสอบ เมื่อเข้าไปภายในตัวอาคารพบคนต่างด้าวอยู่ภายในอีกจำนวน 18 คน โดยผลการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ทั้ง 19 คน เป็นหนังสือเดินทางประเทศบังกลาเทศทั้งหมด พบว่ามีรอยตราประทับขาเข้าของด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รหัส A0370 ระบุวันที่ 2 JAN 2024 จำนวน 2 เล่ม ระบุวันที่ 8 JAN 2024 จำนวน 15 เล่ม 

ระบุวันที่ 9 JAN 2024 จำนวน 2 เล่ม และยังพบว่าทั้ง 19 เล่ม แผ่นปะตรวจลงตรา (Visa) มีลักษณะผิดปกติ จึงได้ตรวจสอบกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. ผลการตรวจสอบไม่ปรากฎข้อมูลการเดินทางเข้าราชอาณาจักรแต่อย่างใด จึงได้นำตัวมาตรวจสอบที่ สภ.ตากใบ จากการสอบถามชาวบังกลาเทศทั้ง 19 คน รับว่าพวกตนได้เดินทางมาจากประเทศบังกลาเทศและพักอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา โดยมีชาวบังกลาเทศที่อยู่ในประเทศกัมพูชาคอยช่วยเหลือสนับสนุนที่พัก รวมทั้งเอาหนังสือเดินทางของพวกตนไปดำเนินการประทับรอยตราประทับขาเข้าประเทศไทยให้ และนำมาคืนก่อนที่จะพาพวกตนลักลอบข้ามพรมแดนมายังประเทศไทยเพื่อจะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียแต่ถูกจับกุมเสียก่อน โดยได้จ่ายค่าเดินทางพร้อมค่าใช้จ่ายการประทับตราขาเข้าประเทศไทยให้กับนายหน้าแล้วทั้งหมดที่ประเทศบังกลาเทศ เป็นเงินจำนวนคนละ 400,000 - 500,000 ตากา คิดเป็นเงินไทยประมาณ 145,000 บาท เจ้าหน้าที่ ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตากใบ เพื่อดำเนินคดีตามข้อกล่าวหาดังกล่าว 

ทั้งนี้ ตม.จว.นราธิวาส และ สภ.ตากใบ จะได้ร่วมกันสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป   

ในภาพรวมขบวนการเครือข่ายลักลอบขนชาวบังกลาเทศ เริ่มพบความเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี 2566 ซึ่งทิศทางการลักลอบมาจากประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติด้านพื้นที่ จว.สระแก้ว ในช่วงต้นปี 2566 เป็นการลักลอบเดินทางโดยเครื่องบิน และมีการเก็บค่าดำเนินการกับชาวบังกลาเทศที่ลักลอบฯ ค่อนข้างสูง หลักแสนบาท ก่อนที่ขบวนการดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนวิธีการลักลอบ จากโดยสารเครื่องบิน ไปเป็นการเดินทาง 

โดยรถยนต์ ในลักษณะเคลื่อนย้ายคนต่างด้าวเป็นทอด ๆ จากชายแดนประเทศกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งแนวโน้มในการกระทำความผิดของผู้ร่วมขบวนการยังพบการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่องและมีการเปลี่ยนแผนประทุษกรรมและรูปแบบการเคลื่อนย้าย โดยช่วงหลังมีการตรวจพบเป็นลักษณะการปลอมแปลง รอยตราประทับของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและปลอมแผ่นประการตรวจลงตรา (Visa) เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ในการเดินทางออกไปประเทศมาเลเซีย 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top