Sunday, 16 June 2024
สันติ_กีระนันทน์

‘สร้างอนาคตไทย’ ถอดรหัสเงินเฟ้อพุ่ง 7.10% ชี้!! ข้าวของที่เห็นว่าแพง ยังจะแพงต่อไปอีก

(7 มิ.ย.65) นายสันติ กีระนันทน์ ทีมเศรษฐกิจพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม หนึ่งในคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

ขอเขียนยาวหน่อยนะครับ ... ต้องอ่านให้จบครับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นถึง 7.10% สูงสุดในรอบ 13 ปี !!! 

ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงว่า เงินเฟ้อทั่วไป เดือน พ.ค. 2565 เท่ากับ 106.62 สูงขึ้น 7.10% สูงสุดในรอบ 13 ปี สาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น และหากพิจารณากลุ่มอาหารกลุ่มเดียว ก็จะพบว่า ราคาสูงขึ้นถึง 6.18% และยังสรุปว่า เดือนมิถุนายน 2565 นี้ อัตราเงินเฟ้อก็ยังมีแนวโน้มขยายตัว 

แปลความง่าย ๆ ว่า ข้าวของที่เราเห็นว่าแพงในขณะนี้ ยังจะแพงต่อไปอีกครับ !!!

ในวันพุธที่ 8 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็จะมีการประชุม ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานั้น กนง. ได้พยายามชี้แจงว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นนั้น จะเป็นภาวะชั่วคราวเท่านั้น และจะปรับตัวดีขึ้น จึงจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยให้เหตุผลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ในความเห็นข้างต้นของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ผมได้แสดงความไม่เห็นด้วยมาอย่างต่อเนื่อง (ย้ำครับว่า ผมไม่เห็นด้วย !!!) 

ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของคนในประเทศไทยที่อยู่ในระดับสูงนั้น อัตราเงินเฟ้อหรือพูดง่าย ๆ เป็นภาษาชาวบ้านว่า ข้าวของแพงขึ้นนั้น จะทำร้ายคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างรุนแรง เพราะความเหลื่อมล้ำในระดับสูงนั้น แสดงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศยังยากจนอยู่มาก ข้าวของแพงขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ประกอบกับระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงมากเกือบ 100% ของ GDP 

อย่างในขณะนี้นั้น รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีการทำงานสอดประสานกันอย่างไรเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนกลุ่มนี้ ... คำถามนี้เป็นคำถามใหญ่ และเป็นสิ่งที่นโยบายการคลัง (โดยรัฐบาล คือ กระทรวงการคลัง) และนโยบายการเงิน (โดยธนาคารแห่งประเทศไทย) ต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง มิฉะนั้นแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะอยู่อย่างไร

'สันติ' ชี้ เกียรติของทหาร ต้องได้มาด้วยการกระทำที่สุจริต ไม่ต้องไปเรียกร้อง หยุดอ้างความจงรักภักดี เพราะคนไทยที่ไม่ใช่ทหาร ก็จงรักภักดีเช่นกัน

วันนี้ (22 ก.ค.65) ดร.สันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทหาร โดยระบุว่า ทหารส่วนใหญ่ก็คงยังเป็นทหารที่มีเกียรติศักดิ์ ทรงเกียรติภูมิ เพราะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างน่ายกย่องด้วยความทุ่มเท และยึดมั่นความสุจริตเป็นที่ตั้ง ซึ่งการกระทำของทหารเหล่านั้นย่อมต้องได้รับการยกย่องสรรเสริญ โดยไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้ใครมาให้เกียรติ

“อย่าเรียกร้องให้ใครให้เกียรติ เพราะเกียรติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำอย่างสุจริตด้วยกาย วาจา และใจของผู้ที่มีเกียรติเท่านั้น” ดร.สันติ กล่าว 

ดร.สันติ ระบุต่อว่า แต่วงการทหารก็คงไม่แตกต่างจากวงการอื่น ๆ ที่มีความหลากหลายทางความคิด แม้จะมีวินัยกำกับให้การแสดงออกนั้นมีความจำกัด ซึ่งความแตกต่างทางความคิดดังกล่าวนั้น ทำให้ทหารที่ไม่มั่นคงในความสุจริต เมื่อมีโอกาสก็มีพฤติกรรมที่ทุจริต ไม่ว่าพฤติกรรมนั้นจะปรากฎหรือไม่ปรากฎ มีหลักฐานชัดเจนหรือบิดเบือนหลักฐานไปได้ก็ตาม แต่ก็ต้องนับว่าพฤติกรรมที่ทุจริตนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ผิดและลดทอนเกียรติศักดิ์และเกียรติภูมิของทหารลงไปอย่างช่วยไม่ได้

'สันติ' ถามรัฐบาลออก พ.ร.ก.ค้ำเงินกู้กองทุนน้ำมัน เพิ่มหนี้สาธารณะ จำเป็นจริงหรือ? คาใจ 3 ปม แก้พลังงานแพงไร้คำตอบ ซัด ไร้ความสามารถบริหารประเทศ ปชช.ต้องทนรับสภาพอีกนานเท่าไหร่?

วันที่ 18 ส.ค. 65 ดร.สันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นที่คาใจต่อกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา มีการพิจารณาวาระลับที่มุ่งแก้ปัญหาฐานะกองทุนน้ำมัน ที่มีหนี้สินมากกว่าสินทรัพย์รวมไปถึง 117,394 ล้านบาท (รายงานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2565) โดยมีมติอนุมัติการออก พ.ร.ก. เพื่อค้ำประกันการกู้ยืมของกองทุนน้ำมัน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท และยังอนุมัติงบกลาง 5 หมื่นล้านบาท เพื่อบริหารสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน ในระหว่างรอการออก พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าว

โดยระบุว่า เป็นที่เข้าใจได้ว่า ฐานะกองทุนน้ำมันมีปัญหาอย่างหนักในขณะนี้ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข แต่การออก พรก. ซึ่งจะสร้างภาระให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ และหากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ต้องนำพระราชกำหนดฉบับดังกล่าว เข้าพิจารณาเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ หากสภาผู้แทนราษฎรไม่ให้ความเห็นชอบ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบในการออกพระราชกำหนด อย่างไรหรือไม่

การแก้ไขปัญหาราคาพลังงานที่ผ่านมานั้น มีคำถามที่ยังค้างคาในสังคมอีกมาก ที่รัฐบาลไม่เคยอธิบายให้เกิดความชัดเจนได้ เช่น

1. โครงสร้างราคาน้ำมันบิดเบี้ยว เพราะค่าการกลั่นที่ประหลาดมหัศจรรย์ อย่างน้อยที่สุด ถ้ายอมรับว่าต้องอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นที่สิงคโปร์ เพราะเป็นตลาดซื้อขายที่มีสภาพคล่องสูง (ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นด้วยอย่างหมดใจ) แต่การบวก FIL (freight, insurance and loss) ซึ่งไม่เกิดขึ้นจริง เพราะไม่มีการขนส่งจากต่างประเทศ ทำไมไม่ลบออก ซึ่งสามารถทำได้ในระยะสั้น

2. กำไรโรงกลั่นที่เกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาลในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่า การกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่เป็นผลผลิตจากโรงกลั่น เป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนผู้บริโภคอย่างมากเกินกว่าสมควร ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ รัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสนใจในการแก้ปัญหา แต่กลับไปอ้อนวอนขอร้องให้โรงกลั่นเสียสละกำไรบางส่วน (ซึ่งเล็กน้อยมาก) เพื่อมาช่วยชดเชยการขาดดุลของกองทุนน้ำมัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top