Monday, 12 May 2025
สหพัฒน์

‘เจ้าสั่วสหพัฒน์’ เผย ห่วงนโยบายขึ้นค่าแรง ว่าที่รัฐบาลใหม่ หวั่น ผู้นำบริหารงานไม่เป็น อาจทำประเทศ เป็นเหมือนยูเครน

‘เจ้าสัวสหพัฒน์’ ให้การบ้านรัฐบาลใหม่เร่งพัฒนาเศรษฐกิจ เผยเป็นห่วงนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของ ‘ว่าที่รัฐบาลชุดใหม่’ หวั่นทำนักลงทุนย้ายฐานการผลิต ยันไม่ติดใจหากประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีอายุน้อย เชื่อสถานการณ์ความมั่งคงของไทยยังดีกว่าประเทศอื่น ห่วงผู้นำประเทศบริหารงานไม่เป็น อาจกลายเป็นเหมือนยูเครน

เมื่อไม่นานมานี้ รายงานข่าวแจ้งว่า นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ยอมรับว่าเป็นห่วงนโยบายปรับขึ้นค่าแรง 450 บาท ของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ เนื่องจากหากค่าแรงพุ่งสูงอาจส่งผลให้นักลงทุนเบนเข็มย้ายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม เช่น อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ที่ถึงแม้ไม่ได้ขึ้นค่าแรงก็มีการย้ายออกไปที่เวียดนามแล้ว อีกทั้งการขึ้นค่าแรงจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว

ส่วนนโยบายการทลายทุนผูกขาดและเก็บภาษีความมั่งคั่ง ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบต่อความมั่นใจของผู้ประกอบการ เรื่องนี้นายบุณยสิทธิ์มองว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะเป็นแนวทางที่เหมือนกันทั้งโลก ส่วนการที่พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรคตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 7 คณะ และหนึ่งในปัญหาที่จะแก้คือเรื่องเศรษฐกิจ มองว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่ยังไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาในรูปแบบใด ขณะที่การตั้งรัฐบาลที่อาจจะมีความล่าช้า มองว่าไม่น่ากังวลและไม่กระทบต่อการลงทุน และคิดว่าประเทศไทยยังดีกว่าประเทศอื่น

พร้อมกันนี้ ได้ฝากการบ้านไปยังว่าที่รัฐบาลใหม่ คือ เร่งการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ต้องพัฒนาเศรษฐกิจให้คนมีการศึกษา ให้คนมีงานทำ เช่น การพัฒนาด้านการเกษตรให้มีราคาสูงขึ้น คนที่ทำการเกษตรก็จะมีรายได้เทียบเท่ากับคนที่ทำอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไม่มีคนว่างงาน ตรงกันข้าม ถ้าราคาสินค้าเกษตรลดลง คนก็จะหนีจากต่างจังหวัดเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และก็จะมีปัญหาเรื่องค่าแรงอีก ส่วนการที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุด

นายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า คนรุ่นใหม่จะมีไอเดียแบบใหม่ ทำอะไรเร็วขึ้น ส่วนคนที่มีอายุมากก็จะมีความรอบคอบ แต่อาจทำงานช้า เพราะฉะนั้นถ้ามีคนรุ่นใหม่มาก็จะเป็นจุดเด่น ในต่างประเทศก็มีนายกรัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่ รวมถึงบางประเทศก็มีผู้หญิง ทั่วโลกก็มีการเปลี่ยนแปลง จึงเชื่อว่าเรื่องอายุไม่เกี่ยวอะไร อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศในปีนี้เปรียบเสมือนขับรถหรูรถมัสแตง แต่ยังต้องให้ความสำคัญและระวังภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ขณะที่การทำธุรกิจในยุคนี้ต้องรู้จักปรับตัว โดยบริษัทเอกชนก็สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็พร้อมที่จะร่วมมือ และปรับตัวเช่นกัน

“ปัจจัยเสี่ยงอันดับแรกของการทำธุรกิจปีนี้ คือความมั่นคงของประเทศ ส่วนสถานการณ์การเมืองของไทย เข้าใจว่าเมืองไทยยังดีกว่าประเทศอื่น ผมห่วงคนผู้นำประเทศบริหารไม่เป็นและทำให้เป็นเหมือนประเทศยูเครน” นายบุณยสิทธ์กล่าว

🔎'สหพัฒน์' เล่นใหญ่!! เซ็น MOU 18 ฉบับ ครอบคลุมธุรกิจอนาคตไกลตัวไหนบ้าง?

'สหพัฒน์' สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จัดลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน บุกธุรกิจที่มีโอกาสในอนาคตรวม 18 ฉบับ ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28

โดยนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า สหกรุ๊ปแฟร์ แอนด์ เฟส จัดระหว่าง วันที่ 27-30 มิถุนายน 2567 ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา ปีนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเครือสหพัฒน์ ที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้ง จีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน รวม 18 ฉบับ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนครั้งใหญ่ และยังเป็นการประกาศทิศทางของเครือสหพัฒน์ที่จะมุ่งไปในอนาคต

นายธรรมรัตน์ เผยอีกว่า สำหรับเนื้อหาบาง MOU เช่น ความร่วมมือกับ เอตัวล์ ไคโตะ ผู้นำค้าส่งสินค้าจากญี่ปุ่น มีเป้าหมายเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่ายขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยที่สหพัฒน์จะนำสินค้าของเอตัวล์เข้ามาขาย สินค้าขายดีเช่น ชุดชั้นใน ขนม อาหาร ส่วนเอตัวล์ก็นำสินค้าสหพัฒน์ไปจำหน่าย ในแพลตฟอร์มที่มีอยู่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ส่วนความร่วมมือกับ ฟาสต์ บิวตี้ ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เพื่อเปิดร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย วางเป้าหมาย 20 สาขาใน 3 ปี โดยจะเปิดสาขาแรกที่ทองหล่อสแตนด์อโลน ราคาบริการตั้งแต่ 1,500 – 5,000 บาท

ขณะที่ความร่วมมือกับ โตคิว คอร์เปอเรชั่น และดุสิตธานี เพื่อพัฒนาโครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และโครงการดุสิต สวีต คิงสแควร์ กรุงเทพฯ จะมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top