Saturday, 18 May 2024
สรวุฒิ_เนื่องจำนงค์

‘สรวุฒิ’ รับ ‘พปชร.-รทสช.’ ไม่เป็นปรปักษ์ แต่ลงสนามเลือกตั้ง คงไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง

‘สรวุฒิ’ เผย กรรมการบริหาร พปชร. ถกหารือชื่อแคนดิเดตนายกฯ รับต้องเป็นคู่แข่ง ‘บิ๊กตู่’ ไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง แย้ม ไม่ปิดประตูจับมือหลังเลือกตั้ง

(10 ม.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ว่า ยืนยันยังทำงานร่วมกับพรรคพปชร.และที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในพรรคให้โอกาสตนมาตลอด และในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตนจะดูแลในภาคตะวันออกทั้งหมดและจะจัดวางตัวบุคคล ให้เรียบร้อยภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ สําหรับการสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค จะหารือว่าจะเสนอชื่อใคร และแต่ละคนมีจุดเด่นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ถือเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หรือไม่ นายสรวุฒิ กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาก็ต้องแข่งกัน เป็นการแข่งขันบนหลักว่าไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อกัน อาจร่วมทำงานกันในอนาคตก็ได้ แต่เมื่อลงสนามเลือกตั้งคงไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง ทุกฝ่ายต้องใส่กันเต็มที่

ครม. แต่งตั้ง ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ นั่งที่ปรึกษา ส่วน ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ นั่งเลขาฯ ‘รมว.คมนาคม’

เมื่อไม่นานมานี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 มีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ประกอบด้วย 1.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ 2.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเลขานุการ และที่ปรึกษา รมช. ของนางมนพร เจริญศรี และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นั้น จะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาแต่งตั้งในการประชุมครั้งถัดไป เนื่องจากเสนอจัดวาระการประชุมในครั้งนี้ไม่ทัน

ขณะเดียวกัน นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องฟรีวีซ่า โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 66-29 ก.พ. 67 ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการท่าอากาศยานต่าง ๆ โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) และท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) นั้น ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรองรับ และอำนวยความสะดวกทุกด้าน ให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังประเทศไทย โดยให้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และร่วมกันทำงาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ไม่เกิดปัญหาคิวผู้โดยสารหนาแน่นรอตรวจหนังสือเดินทาง

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ไม่รู้สึกกังวลใด ๆ มั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะรับมือ และดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวได้อย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบล่วงหน้าแล้ว จึงคาดว่าทุกหน่วยงานจะเตรียมความพร้อมได้อย่างดี อย่างไรก็ตามในวันที่ 15-16 ก.ย. นี้ ตนจะเดินทางพร้อมคณะของนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และในวันที่ 29 ก.ย. นี้ จะลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยก่อนเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น จะแวะตรวจเยี่ยมการให้บริการอย่างไม่เป็นทางการของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ด้วย

อย่างไรก็ดี ในการลงพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดนั้น จะตรวจสอบความพร้อมของท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงการพัฒนาสนามบินแห่งที่ 2 ของ 2 จังหวัดดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันจะลงไปดูปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต รวมถึงการพัฒนาถนนต่าง ๆ ซึ่งจะประชุมหารือร่วมกับ กรมทางหลวง (ทล.) ทางหลวงชนบท (ทช.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในโครงการต่าง ๆ ที่กำลังจะดำเนินการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยจะขอให้เร่งรัดดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน อาทิ โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง เป็นต้น ส่วนโครงการรถไฟฟ้าใน จ.ภูเก็ต และรถไฟฟ้าในต่างจังหวัดนั้น ขณะนี้ขอเร่งดำเนินการรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน

'สุริยะ' เตรียมพร้อมรับ VISA Free 'จีน-คาซัคฯ' ยืนยันทุกสนามบินมีความพร้อมรองรับผู้โดยสาร

(22 ก.ย.66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อรองรับผู้โดยสารชาวจีนและคาซัคสถานตามนโยบาย VISA Free ของรัฐบาล โดยมี นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมคมนาคม กระทรวงคมนาคม

นายสุริยะ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้กำหนดนโยบายมาตรการ VISA Free ระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวนั้น จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้เพิ่มมากขึ้น อันจะนำไปสู่การกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในช่วงปี 2566 - 2567 ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับเทศกาลวันชาติของจีน คาดการณ์ว่า จะมีเที่ยวบินจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นจากมาตรการ VISA Free ของรัฐบาล จากเดิม เฉลี่ย 72 เที่ยวบิน/วัน เป็น 96 เที่ยวบิน/วัน และปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ย จากเดิม 9,680 คน/วัน เป็น 18,656 คน/วัน โดยในปี 2566 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือในการเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุดตั้งแต่เดินทางเข้าสู่ประเทศตลอดจนถึงการเดินทางกลับออกจากประเทศไทย

"ผมได้สั่งการให้ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ รวมถึงหาแนวทางการดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต และให้ประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้กระบวนการทุกขั้นตอนมีความสะดวกรวดเร็ว ไม่ให้ผู้โดยสารเกิดความแออัด หรือใช้เวลานานหลังจากลงจากเครื่องบิน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์บัญชาการร่วม (Single Command Center) เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานร่วมของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการในทุกขั้นตอนในท่าอากาศยาน ทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามการให้บริการ และกวดขันการบริหารการจราจรบริเวณหน้าท่าอากาศยานไม่ให้เกิดความแออัดหนาแน่น และเก็บบันทึกข้อมูลการให้บริการ ภาพถ่ายกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาวิเคราะห์ประกอบการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น" รมว.คมนาคม กล่าว

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ทอท. ได้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว บริหารจัดการท่าอากาศยานให้การบริการมีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้...

(1) ผู้โดยสารขาเข้า

- ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เตรียมประจำการเต็มช่องตรวจหนังสือเดินทาง ทั้ง 138 ช่อง ในชั่วโมงหนาแน่น และเตรียมเครื่องตรวจอัตโนมัติ 16 เครื่อง ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ 7,140 คนต่อชั่วโมง ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจลงตรา 1 นาทีต่อคน

- ขั้นตอนรับกระเป๋าสัมภาระ กำกับดูแลและติดตามเวลาการจัดส่งสัมภาระให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยกำชับให้ผู้ให้บริการภาคพื้นและสายการบิน จัดเตรียมอัตรากำลังและอุปกรณ์ให้เต็มขีดความสามารถและสอดคล้องกับเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้น

(1.1) ผู้โดยสารขาออก

- ขั้นตอนการเช็กอิน ประสานสายการบินจัดให้มีพนักงานให้บริการเช็กอินเต็มทั้ง 302 เคาน์เตอร์ และประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนให้ผู้โดยสารใช้บริการเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (CUSS) และใช้บริการเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (CUBD) (ใช้เวลาเฉลี่ย 1 นาทีต่อคน) นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มเติมการทำ Early Check-in

- ขั้นตอนจุดตรวจค้น จัดเจ้าหน้าที่เกลี่ยแถวผู้โดยสารให้สามารถเข้าสู่จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งมีทั้งหมด 3 โซน ในปริมาณใกล้เคียงกัน เพื่อให้การใช้อุปกรณ์ตรวจค้น ประกอบด้วย เครื่องเอกซเรย์ 25 เครื่อง ที่ได้ติดตั้งระบบ Automatic Return Tray System (ARTS) แล้ว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการตรวจค้นไม่เกิน 7 นาทีต่อคน

- ขั้นตอนการตรวจลงตรา ประสานเจ้าหน้าที่ ตม. ให้นั่งเต็ม 69 ช่องตรวจ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเร่งด่วน และเตรียมเครื่อง Auto Channel 16 เครื่อง มีพื้นที่รองรับผู้โดยสาร 2,199 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4,149 คน ซึ่งในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง ทอท. จะได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

นอกจากนี้ นายสุริยะ ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทางในประเทศไทย ประกอบด้วย การเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานในภูมิภาค การเตรียมความพร้อมการเดินทางภายในกรุงเทพมหานคร การเตรียมความพร้อมการเดินทางไปต่างจังหวัดทางรถไฟและรถโดยสาร การเตรียมความพร้อมการเดินทางในต่างจังหวัด และการเตรียมความพร้อมสำหรับความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางน้ำ โดยให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติตามหลักการเดียวกัน คือ การให้บริการที่มีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย สะอาดสวยงาม พนักงานให้บริการด้วยมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมีอัตราค่าบริการที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

'กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าบริหารจัดการทุกขั้นตอนการบริการที่เป็นประตูสู่ประเทศไทย พร้อมรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประตูและเป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาค กระตุ้นการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของประเทศ" รมว.คมนาคม ทิ้งท้าย

‘คมนาคม’ ถกแนวทางช่วยเหลือ ‘แท็กซี่-รถโดยสารประจำทาง’ บูรณาการทุกภาคส่วน แก้ปัญหา ‘ค่าโดยสาร-ก๊าซ’ ให้เหมาะสม

(19 ธ.ค. 66) ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายให้ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมหารือและรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการ สมาคม สหกรณ์ ผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ และรถโดยสารประจำทางเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และโฆษกกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ 

จากกรณีที่กลุ่มผู้ประกอบการ สมาคม สหกรณ์ ผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ และกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นหนังสือเพื่อทวงถามความคืบหน้าแนวทางการให้ความช่วยเหลือในประเด็นต่าง ๆ สรุปดังนี้

1) กรณีผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ ขอปรับอัตราค่าโดยสารนั้น กระทรวงคมนาคมมีแนวทางการให้ความช่วยเหลือ แบ่งเป็นระยะสั้น จะประสานข้อมูลให้ TDRI พิจารณาวิเคราะห์อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ขับรถแท็กซี่ และในระยะยาว กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการจ้างศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารใหม่และรูปแบบมาตรค่าโดยสารที่เหมาะสมต่อไป

2) กรณีค่าขอให้ช่วยเหลือด้านราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และแก๊สแอลพีจีที่ใช้กับรถแท็กซี่นั้น กระทรวงพลังงานจะพิจารณาความช่วยเหลือเรื่องต้นทุนค่าพลังงานของผู้ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะ และแจ้งผลให้กระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบกทราบ เพื่อร่วมพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาในภาพรวมร่วมกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมในการกำกับดูแลของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการด้วยความสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามหลักธรรมาภิบาล และกฎหมาย รวมถึงให้ความสำคัญกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน

'สรวุฒิ' รับฟัง 'ผู้พิการ' หาทางแก้ปัญหาการเดินทาง 'เครื่องบิน-รถสาธารณะ' ส่งสัญญาณสายการบินไม่สามารถปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น

'เลขานุการ รมว.คมนาคม' รับฟังความคิดเห็นกลุ่มคนพิการ พร้อมจัดตั้งคณะทำงานร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาการเดินทางโดยเครื่องบิน-รถสาธารณะ หวังให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวก

(12 มี.ค. 67) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่สายการบินไทยเวียตเจ็ทปฏิเสธกลุ่มคนพิการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกหนังสือตักเตือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้นั้น

ในวันนี้ (12 มี.ค. 67) ได้มีการประชุม และรับฟังความคิดเห็นกับกลุ่มคนพิการ นำโดย นายกฤษนะ ละไล พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้น-ยาว โดยขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานกระทรวงคมนาคม จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งจะประกอบไปด้วย...

1. บุคลากรระดับสูงจากกระทรวงคมนาคมจำนวน 9 ท่าน 
2. บุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 12 ท่าน และ ตัวแทนกลุ่มผู้พิการจำนวน 5 ท่าน เพื่อร่วมบูรณาการแผนงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิผลที่ควรจะเป็นในระดับสูงสุด 

ทั้งนี้เตรียมสั่งการให้สายการบินแจ้งรายละเอียดและประชาสัมพันธ์ถึงกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ต่อผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มเปราะบางทางด้านร่างกาย ซึ่งหากกฎมีความก้ำกึ่ง สายการบินไม่สามารถปฏิเสธ ผู้โดยสารได้ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น แต่หากมีความเข้าข่ายและจะส่งผลกระทบระหว่างการบิน ต้องแจ้งรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป 

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า โดยแนวทางเบื้องต้นนั้นต้องการให้ทุกสายการบิน เพิ่มช่องทางให้ใส่รายละเอียด ของกลุ่มเปราะบางทางด้านร่างกาย ในการจองตั๋วเดินทาง เพื่อให้สายการบินสามารถเตรียมการได้อย่างเหมาะสม 

ขณะที่ทาง นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการเพิ่มแนวทางอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้านอากาศ สำหรับกลุ่มผู้เปราะบางแล้ว ยังมองว่าการขนส่งทางบก มีความสำคัญอย่างมาก ต่อกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยล่าสุดได้เตรียมหารือกับทางกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อหาแนวทางในการลดหย่อนภาษี รถขนส่งมวลชนสาธารณะที่มีการดัดแปลงสำหรับผู้พิการ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนั้นยังเตรียมเข้าปรึกษาหารือกับทางหน่วยงาน กทม. เพื่อผลักดันให้กลุ่มผู้เปราะบางมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

‘สรวุฒิ’ อัด!! ‘สส.ก้าวไกล’ หลังเสนอตัดงบสร้างบ้านพักศาล ซัด!! โจมตีผิดๆ ถูกๆ แถมไม่เข้าใจโลกความเป็นจริง

(22 มี.ค. 67) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกมธ. ชี้แจงว่าบางทีการไปโจมตีการครองตนของข้าราชการตุลาการต้องระวัง เพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น เขาใช้ชีวิตอิสระแบบคนอื่นไม่ได้ บ้านพักต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ บางคนไม่เข้าใจวิธีการเป็นไปของโลกก็จะโจมตีผิด ๆ ถูก ๆ ข้าราชการตุลาการ ผู้พิพากษาต้องผดุงความยุติธรรมสูงสุด เราเองคงหาความยุติธรรมเหนือกว่านี้ไม่ได้ 

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า ในระบบทั่วโลกก็เป็นเช่นกัน ถ้าหากไม่ให้เขาสันโดษ ให้มีเพื่อนจำนวนมาก จะทำให้ไม่มีความอิสระเพราะต้องเกรงใจไปทั่ว เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาสิทธิที่เขาพึงมี มีอะไรบ้าง เช่นเดียวกับ สส. ถ้าไม่มีผู้ช่วย สส. 7-8 คน ถามว่าจะดูแลประชาชนอย่างไร ถ้าจะแก้ต้องแก้หลักใหญ่ อย่าโจมตีจุดเล็ก จะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น ยืนยันขอให้ตั้งงบตามที่คณะกมธ.แก้ไข

ด้านน.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โต้กลับว่าเห็นด้วยที่อาชีพผู้พิพากษามีเกียรติศักดิ์ศรี แต่สส.ก็มีความอันตราย มีศัตรูทางการเมืองไม่แพ้กัน แต่ไม่มีบ้านพักอาศัยที่ภาษีประชาชน และยืนยันงบประมาณสร้างบ้านพักศาลควรตัดออก เพราะไม่จำเป็น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top