Saturday, 4 May 2024
สมเกียรติ_โอสถสภา

'ดร.สมเกียรติ' ยก!! เกาหลีใต้สร้างชาติด้วยการศึกษา เน้นสายวิชาชีพ ต่อยอด ‘คน-ธุรกิจ-เทคฯ’ ระดับโลก

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาว่า ‘การสร้างการศึกษาแบบเกาหลี สร้างโรงเรียนวิชาชีพ และสร้างโรงเรียนแห่งอนาคต’ 

ทุกปีที่มีการประกาศชื่อบริษัท 500 แห่งที่มียอดขายสูงสุดในโลกของฟอร์จูน โกลบอล 500 จะมีบริษัทของเกาหลีใต้อยู่ด้วยเกิน 10 บริษัท

ทำให้มีคนสนใจว่าเกาหลีใต้ผลิตคนยังไงถึงสร้างบริษัทลำดับต้น ๆ ของโลกได้ ทั้งขนาดและยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงาน การค้าปลีก และประกันภัย

เกาหลีใต้ประเทศเล็ก แต่เป็นผู้ส่งออกวัฒนธรรมผ่านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบันเทิง คนสนใจกันไม่น้อย ว่า คุณทำยังไงถึงถีบจากประเทศที่มีสงครามและความวุ่นวายทางการเมือง ไปเป็นประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ในเวลาอันรวดเร็ว

คุณใช้ระบบการศึกษาแบบไหน ถึงได้ถีบตัวจากประเทศที่มีทรัพยากรน้อยไปสู่ประเทศที่ส่งออกสินค้าไฮเทคได้ในสัดส่วนเกือบจะร้อยละ 30 ของยอดการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมรวมเครื่องมือที่ทำให้เกาหลีใต้พุ่งขึ้นไปอย่างนี้ได้คือการพัฒนาคนผ่านระบบการศึกษาอย่างเคร่งครัดและมุ่งมั่น

พ.ศ.2551 เกาหลีใต้เอาโรงเรียนมัธยมศึกษาสายอาชีพ ที่เรียกว่า Meister High School มาใช้วางรากฐานของการสร้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา

พอถึง พ.ศ.2559 เกาหลีใต้มีโรงเรียนมัธยมศึกษาสายวิชาชีพแบบนี้มากถึง 47 แห่ง ทั้งหมดเป็นโรงเรียนที่เน้นให้คนเรียนสายเทคนิคที่มีคุณภาพสูงเพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญ

เกาหลีใต้ให้นักเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายสายวิชาชีพไปฝึกงานอุตสาหกรรมในเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ฯลฯ เพื่อให้นักเรียนฝึกปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมข้ามประเทศ ใครที่จบจากโรงเรียนมัธยมปลายสายวิชาชีพสามารถเลื่อนเกณฑ์ทหารได้นานถึง 4 ปี เพราะรัฐบาลต้องการให้คนที่จะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องมาสะดุดหยุดลงเพราะต้องไปเกณฑ์ทหาร

แต่พอถึงคราวต้องทหารเกณฑ์ก็ได้สิทธิทำงานตามความถนัดพิเศษ

ออกหลักสูตรใหม่ ๆ 'อัปเกรด' ความรู้ให้ทันโลก ไม่จบที่ 4 ปีปริญญา แต่ต้องให้เป็นลูกค้าไปตลอดชีวิต

‘ดร.สมเกียรติ’ ยกโมเดลมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เป็นทางรอดมหาวิทยาลัยยุคใหม่ เปลี่ยนบทบาทจากสอนให้จบปริญญาตรี 4 ปี เป็นสถาบันอัปเกรดความรู้ให้คนทันสมัยทันโลกยุคใหม่ตลอดเวลา

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa ว่า

บทบาท หน้าที่มหาวิทยาลัยที่เปลี่ยนไป
มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ เปลี่ยนโมเดลแล้ว ! ต่อไปลูกค้าของมหาวิทยาลัย จะไม่ใช่แค่เด็ก ๆ ที่มาเข้าเรียน 4 ปี แต่จะเป็นลูกค้าไปตลอดชีวิต

การปรับตัวของมหาวิทยาลัยเริ่มแล้วครับ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ซึ่งเป็น มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเอเชีย และอันดับต้น ๆ ของโลก ได้ปรับเปลี่ยนบทบาทให้ตัวเองเป็น "มหาวิทยาลัยตลอดชีวิต" ที่จะดูแลประชากร ไม่เพียงแต่ในระดับปริญญาตรี 4 ปี และโท-เอก แต่จะขอคอยดูแล คอย อัพเกรดทักษะ ความรู้ ให้ประชากรทันสมัยตลอดเวลา ... ทำให้ ลูกค้าของมหาวิทยาลัยจะขยายขนาดออกไปอีกมากโขเลยครับ

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะคอยออกหลักสูตรใหม่ ๆ เพื่อให้ เด็ก ๆ ที่จบไประยะหนึ่ง สามารถจะกลับมา "อัพเกรด" หรือ "ยกเครื่อง" ความรู้และทักษะได้อีกเรื่อย ๆ โดย มหาวิทยาลัย NUS ได้ออกโปรโมชั่น สำหรับศิษย์เก่า สามารถกลับเข้าไปเรียนเพิ่มทักษะได้ฟรี 2 โมดูล ภายใน 3 ปี ซึ่งก็จะทำให้ได้ลูกค้าใหม่ (ที่เป็นลูกค้าเก่า) กลับเข้าไปใช้บริการอยู่เรื่อย ๆ 

ซึ่งหากสะสมคอร์สให้เหมาะสม จนครบตามมาตรฐาน สามารถเปลี่ยนไปเป็นปริญญาได้ เช่น ปริญญาตรีใบใหม่ หรือ ปริญญาโทในสาขาต่างๆ อีกด้วย (ภายใต้มาตรฐานที่สูงของสิงคโปร์)

ขนาดสิงคโปร์มีมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลก แซงหน้าหลาย ๆ มหาวิทยาลัยที่ว่าดัง ๆ ในสหรัฐอเมริกา ... เขายังบอกว่า "ต้องรีบปรับตัว" !!

รัฐมนตรีศึกษาธิการ สิงคโปร์ ออกมาบอกว่า ในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ หรือ ยุค Industry 4.0 การศึกษาแบบเดิม มหาวิทยาลัยแบบเดิม กำลังจะล้าสมัย จึงต้องรีบปรับตัวด่วน

โดยสิงคโปร์มีแผนการปฏิรูปมหาวิทยาลัย เน้นการสร้างผลกระทบต่อผู้เรียนมากกว่าเกรด ผลิตคนหลากหลายตามความต้องการของผู้เรียน และเป็นมหาวิทยาลัยสำหรับทุกช่วงวัยของชีวิต

'ดร.สมเกียรติ' ยก 9 เรื่อง 'ไทย-พม่า' เตือนสติ ไทยบินล้ำน่านฟ้า-เดินข้ามเขตประจำ ไม่ถือสากัน

2 ก.ค. 2565 - ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

ไทยกับพม่า

หนึ่งไทยใช้แก๊สพม่าเยอะมาก หากพม่าปิดซ่อมไฟดับ โรงงานปิด

สอง แก๊สอ่าวไทยกำลังจะหมด ค่าแก๊สพม่าสูงกว่าแก๊สอ่าวไทย เท่าตัว

สาม ไทยจะได้พึ่งน้ำจากสาละวินเทลงเขื่อนไทย

สี่ เขื่อนศรีนครินทร์ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพอยู่ใกล้ชายแดนพม่า รักษาเขื่อนให้ดี น้ำท่วมกรุงเทพในสี่ชั่วโมง ท่วมสูง

ห้า ไทยค้าชายแดนกับพม่าเยอะ

หก พม่าช่วยป้องกันโรฮิงญา หนึ่งล้านคนในค่ายยังอยู่ครบยูเอ็นนับทุกเดือน

เจ็ด มีพม่าในไทยสี่ล้านคน พม่าคุมแบบหนึ่งต่อสิบ

'ดร.สมเกียรติ' ยัน!! ไทยรอด 'วิกฤติน้ำมันแพง-เงินเฟ้อ' ชี้!! ปล่อยให้ปัญหาถูกแก้ไปตามกลไกตลาดพอ

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ข่าวดีของประเทศไทย นี่คือคำทำนาย ที่สนุกมาก

สมัยสอนหนังสือผมรับจ้อบของยูเอ็นแทบทุกปี ไม่ได้เก่งอะไรหรอก แต่เป็นเพราะคนจ้างเป็นเพื่อนของผม มันมาหาที่จุฬาทุกอาทิตย์ เชื่อมือกัน งานหนึ่งปีผมใช้เวลาทำแค่สองเดือน มีเงินไปกินเบียร์กับเพื่อน เค้าจบ U Penn

เป็นเพื่อนพี่โกร่ง ดร วีรพงษ์ ที่เพิ่งไปสวรรค์ ผมแน่ใจว่าเค้าไปชั้นที่นางฟ้าไม่ใส่เสื้อแน่นอน เค้าชอบของเค้า ผมก็ด้วยล่ะ

มีงานสองจ้อบที่ผมจำได้ดี งานหนึ่งคือ inflation ในเอเซีย อีกงานที่ตามมาหลังจากนั้นไม่กี่ปี คือ Low price in Asian Agriculture จำได้แม่น เพราะมันมาแบบมี pattern มาก

ทำเรื่องเงินเฟ้อเพิ่งจบกลายเป็นเรื่องราคาสินค้าตกต่ำซะแล้ว

เรื่องของไทยก็เหมือนกัน

หนึ่ง ราคาน้ำมันจะลดลงไปอยู่ที่ 65 เหรียญในปลายปีนี้ ปีหน้าจะลงไปที่45 เหรียญ ซิตี้แบงค์ทายไว้ ผมเชื่อ อธิบายทีหลังนะ

สอง โรงกลั่นที่สั่งน้ำมันเข้ามาจะขาดทุนยับ ไอ้ที่กำไรช่วงนี้ เก็บไว้จ่ายขาดทุนได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งเค้าหรอก

สาม ราคา commodities จะลงแรง

สี่ ดังนั้นเงินเฟ้อจะลดลงสู่สภาพปกติไม่ต้องมีนโยบายมาตรการใดดอก

รู้จัก ‘เออเก้’ แบรนด์รองเท้าจีนใจบุญ บริจาคแม้ตัวเองลำบาก จนได้ใจชาวจีน

เมื่อคุณไม่ทอดทิ้งเรา ก็อย่าหวังว่าเราจะทอดทิ้งคุณ

บริบทนี้น่าจะกลายเป็นอีกปรากฏการณ์ในสังคมที่พูดถึงกันมากขึ้น เกี่ยวกับ ‘แบรนด์คนดี’ ที่กำลังกระจายตัวมากขึ้นในสังคมโลก โดยล่าสุด ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หยิบยกปรากฏการณ์ที่เคยโด่งดังและเป็นกรณีศึกษาทางการตลาด ผ่านการทำ ‘ความดี’ ในประเทศจีน มาแชร์ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า...

กระแสฟีเว่อร์อลังการที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เริ่มต้นจากเหตุอุทกภัยในมณฑลเหอหนานของจีน 

ภาคส่วนต่าง ๆ ส่งกำลังคนและกำลังทรัพย์เข้าไปช่วยเหลือ รวมถึงบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้ากีฬาอย่าง ERKE หรือ ‘เออเก้’ 

แบรนด์นี้มีชื่อในภาษาจีนว่า ‘หงซิงเอ่อร์เค่อ’ (鸿星尔克) เรียกว่ากำลังอยู่ในสภาวะยากลำบากพอสมควร

เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสินค้ากีฬาของจีนเอง รวมถึงการเข้ามาของแบรนด์ต่างชาติดีกรีระดับโลก

ส่งผลให้อนาคตของ ‘เออเก้’ ดูไม่สดใสมีตัวเลขขาดทุนมาหลายไตรมาสติดต่อกัน

หลายคนบอกว่ารองเท้ายี่ห้อนี้กำลังจะเจ๊ง!!

แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นจากการบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นจำนวน 50 ล้านหยวน หรือประมาณ 250 ล้านบาท

ตอนแรกแทบจะไม่มีข่าวเลย เพราะชื่อเสียงของแบรนด์ไม่ได้โด่งดังมากมายนัก กระทั่งมีชาวเน็ตแอบไปเห็นโพสต์ของทางบริษัท

“เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ลงเรือลำเดียวกันแล้วต้องช่วยเหลือกัน ทางบริษัทขอบริจาค 50 ล้านหยวนให้ เหอหนาน สู้ ๆ”

มีคนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทที่กำลังขาดทุนอย่างหนัก แต่กล้าควักเงินบริจาคจำนวนมากไม่แพ้คู่แข่งรายใหญ่ ๆ 

นี่มันรองเท้ากีฬาแบรนด์จีนผู้รักชาติ พวกเราต้องสนับสนุน!!

เท่านั้นแหละ เกิดกระแสลูกค้าจำนวนมหาศาลหลั่งไหลสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ต่าง ๆ

รวมถึงรายการไลฟ์ขายรองเท้าเออเก้บนหลายๆ แพลตฟอร์ม พนักงานแทบจะขายกันไม่ทัน บริษัทต้องเร่งเติมคนเข้ามาช่วย และขอให้ทำล่วงเวลา

ชาวจีนแห่เข้ามาซื้อรองเท้าเออเก้เพื่อต้องการสนับสนุน ‘แบรนด์คนดี’ ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคง 

อุดมการณ์ร่วมกันของชาวเน็ตต้องการจะปั้นยอดขายให้ ‘เออเก้’ เท่ากับยอดเงินบริจาค 50 ล้านหยวนเป็นอย่างน้อย

“คุณบริจาคช่วยชาติเท่าไหร่ พวกเราจะอุดหนุนคุณเท่านั้น”

กระแสที่จุดติดขึ้นมา ดันยอดขายของเออเก้ ทะลุเกินตัวเลขเงินบริจาคไปแล้ว พูดง่าย ๆ คือขายรองเท้าได้เป็นร้อยล้านบาทภายในคืนเดียว!!

ทางบริษัทรีบสั่งผลิตสินค้าอย่างเร่งด่วน เพื่อเติมเข้ามาในสต๊อกที่เริ่มขาดแคลน

ด้าน CEO อย่าง ‘อู๋หรงจ้าว’ (吴荣照)ต้องมาออกรายการไลฟ์สด ขอบคุณบรรดาลูกค้าด้วยตัวเอง ที่ได้ช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่บริษัท

แต่ขณะเดียวกันได้อ้อนวอนให้ลูกค้า “กรุณาใช้เหตุผลและไตร่ตรองให้ดีในการซื้อสินค้า อย่าซื้อเพราะอยากช่วยเรา แต่ขอให้ซื้อเพราะชอบสินค้าเรา”

คือ เถ้าแก่ออกมาห้ามลูกค้าว่าอย่าซื้อเยอะ!!

>> ปรากฏโดนคนจีนด่ากลับ บอกว่า “อย่าเรื่องมาก เป็นคนขายของอย่าเยอะ ลูกค้าจะซื้อ ยุ่งอะไรด้วย”!!

หัวใจอันทรงคุณธรรมและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ของคนจีนในเวลานี้ถูกยกระดับขึ้นถึงขีดสุด

ในเมื่อบริษัท ‘เออเก้’ มีน้ำใจช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังต่อสู้กับเหตุภัยพิบัติอยู่ที่เหอหนาน

ประชาชนชาวจีนทั้งผองมีหน้าที่ส่งเสริมเออเก้ให้เจริญเติบโตสู่ระดับหัวแถว 

‘ดร.สมเกียรติ’ แนะ พ่อแม่ไม่ควรกดดันลูกเรื่องการสอบ ชี้ คนที่มีความสุข ไม่จำเป็นต้องจบหมอ - วิศวะเท่านั้น

(26 ส.ค. 2565) ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

#พ่อแม่ควรอ่าน...โรงเรียนประถมที่สิงคโปร์ ส่งจดหมายถึงผู้ปกครองก่อนสอบ...

เรียนท่านผู้ปกครอง

การสอบของลูก ๆ คุณใกล้จะมาถึงแล้ว...เรารู้ว่ามันทำให้ท่านวิตกกังวล ว่าลูกของท่านจะทำสอบได้หรือไม่

แต่โปรดจำไว้ว่า...ในกลุ่มเด็ก ๆ ที่นั่งสอบอยู่นี้

มีศิลปินที่ไม่มีความจำเป็นที่จะรู้เรื่องคณิตศาสตร์

มีนักธุรกิจที่ไม่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์

หรือการประพันธ์ภาษาอังกฤษ

มีนักคอมพิวเตอร์

ที่ไม่สนใจเรื่องคะแนนสอบวิชาเคมี

มีนักกีฬา

ที่สนใจเรื่องความสามารถทางร่างกายมากกว่าวิชาฟิสิกซ์

ถ้าลูกคุณทำคะแนนได้ท็อป

นั่นสุดยอด แต่ถ้าเค้าทำไม่ได้

ได้โปรดอย่าทำลายความเชื่อมั่น

และความนับถือตัวเองของเค้าไป

บอกเค้าว่ามัน OK

มันแค่การสอบ มันยังมีอะไรอีกมากมายในชีวิต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top