Tuesday, 30 April 2024
ศิริราช

‘หมอประสิทธิ์’ เตือนหนาวนี้น่าห่วงระบาดซ้ำ หวั่นตามรอยยุโรป แนะเลี่ยง 3 ปัจจัยเสี่ยง 

ศิริราช เผย ยุโรป "โควิด-19" กลับมาระบาดซ้ำ แม้หลายประเทศฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มครอบคลุมประชากรจำนวนมาก ย้ำเดือน ธ.ค. ช่วงเสี่ยง เทศกาล อากาศเย็นลง แนะหลีกเลี่ยง 3 เสี่ยง ได้แก่ บุคคลเสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง สถานที่เสี่ยง เพื่อให้ "เปิดประเทศ" ปลอดภัย

ข้อมูล องค์การอนามัยโลก มีความกังวลในการแพร่ระบาดโควิด-19 ทวีปยุโรป เพราะขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นหลายประเทศในยุโรป กลับระบาด มีการคาดการณ์ว่า หากไม่มีการจัดการอะไรเลย ในเดือน มี.ค. 65 อาจจะมีผู้เสียชีวิต มากกว่า 5 แสนราย หากวิเคราะห์เหตุปัจจัย ตั้งแต่ปีก่อนและปัจจุบัน จะพบว่าเมื่อมีการแพร่ระบาดในทวีปใดทวีปหนึ่ง ไม่นานจะกระจายไปทวีปอื่นตามมา

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช พยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในงานแถลงข่าว อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเด็น สถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ระลอกใหม่ใน ยุโรป โดยระบุว่า ข้อมูล ณ วันที่ 22 พ.ย. 64 การแพร่ระบาดใหญ่เกิดขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ส่วนยุโรปชัดเจนว่า ช่วงปลาย ส.ค.- ก.ย. 64 เป็นต้นมา แนวโน้มสูงขึ้นไม่หยุด อัตราการระบาดในประเทศในยุโรปที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี ก็ไต่ขึ้น โดย ต.ค. เป็นจุดเปลี่ยน สิ่งที่น่าห่วง คือ ยุโรปเข้าหน้านาว อากาศเย็นลงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยง ขณะที่สถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แต่ในปีที่ผ่านมาการระบาดลดลงในลักษณะนี้และกลับขึ้นมา

"เมื่อถอดบทเรียนการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ตอนนี้ทวีปยุโรป กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดรอบใหม่ หลายประเทศเปิดประเทศ มีการเดินทางมากขึ้น เตือนขอให้ระวัง เพราะเดือนหน้าเป็นเดือนช่วงเวลาของการเสี่ยงการติดเชื้อ"

ประเทศออสเตรีย
เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการติดเชื้อสูงสุด (รายใหม่ 925 ต่อหนึ่งแสน) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศ จนรัฐบาลใช้มาตรการ Lockdown มีการฉีดวัคซีนแล้ว 12,937,047 โดส ฉีดวันละ 97,929 โดส (ประชากร 9,078,699 คน) 70.3% ของประชากร ได้รับ 1 โดส 65.8% ได้ครบโดส และ 13.7% ได้โดสที่สาม ยังพบคนที่ไม่ใส่หน้ากากเยอะ ทำให้รัฐบาลกำชับมาตรการส่วนบุคคล การป้องกันตนเอง การใส่หน้ากาก และผลักดันการฉีดวัคซีน

สหราชอาณาจักร
กำลังเฝ้าติดตามสายพันธุ์ Delta Plus (มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง E484K) ว่าจะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นจากการฉีดวัคซีนหรือไม่ (ยังไม่มีหลักฐาน) รายงานใน The Guardian เมื่อ 16/11/2021 ผู้ป่วย COVID-19 ที่อยู่ในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ทั่วสหราชอาณาจักร แทบทั้งหมดคือผู้ที่ยังไม่รับวัคซีนหรือรับไม่ครบ

ทั้งนี้ นอกจากตัวเลขติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น แม้จะมีการฉีดวัคซีนเยอะอัตราการเสียชีวิตก็เริ่มกลับไปในช่วง มี.ค. ที่ยังฉีดวัคซีนไม่มาก สื่อให้เห็นว่า วัคซีนที่กระตุ้นภูมิต้านทานไม่ได้ทำให้ภูมิสูงเป็นปี ปฏิกิริยาการตอบสนองจะอยู่ช่วงเวลาหนึ่งและลดลง เมื่อลดลงทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น

ศ.ดร.นพ. ประสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ยุโรป และสหรัฐฯ มีกลุ่มต่อต้านวัคซีน แต่ก็อยากมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น มีชาวออสเตรียราว 4 คน ที่ไปร่วมกิจกรรมในตอนเหนืออิตาลี เป็นกิจกรรมที่คนติดเชื้อโควิดมาเจอกัน อยากเอาตัวเองเข้าไปเพื่อติดเชื้อโควิด-19 เพราะหากการติดเชื้อไม่อันตรายจะเกิดภูมิคุ้มกันจากติดเชื้อธรรมชาติ ดังนั้น คนเหล่านี้จึงมองว่า ไปติดเชื้อดีกว่า แต่ขณะนี้ 4 คนดังกล่าว 1 คนเสียชีวิต 3 คนอยู่ในไอซียู และในจำนวนนี้ 1 คนเป็นเด็ก แปลว่าไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุที่ตายจากโควิด คนที่ยังไม่ได้รับภูมิคุ้มกันขอความกรุณาอย่าคิดแบบนี้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าติดเชื้อแล้วภูมิจะขึ้นหรือชีวิตเราจะลด

ข้อสังเกตมาตรการประเทศต่างๆ

รัฐบาลประเทศออสเตรีย ประกาศ Lockdown ประเทศเมื่อ 22/11/2021 เพื่อควบคุมการแพร่ ระบาดของ COVID-19 (64% ของประชาชน ของออสเตรีย ได้รับการฉีดวัคซีนครบ เป็นอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป - 66%)

รัฐบาลประเทศเบลเยียม ออกประกาศเมื่อ 22/11/2021 ให้ประชาชน Work from Home อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 วัน ต้องใส่หน้ากากในสถานที่สาธารณะ สำหรับผู้ที่อายุเกิน 10 ปี ต้องใส่หน้ากากในยานขนส่งสาธารณะ ภัตตาคาร โรงภาพยนตร์ และในที่นอกอาคารที่มีกิจกรรมคนจำนวนมาก

รัฐบาลประเทศลัตเวีย (Latvia) ประกาศ Lockdown ตั้งแต่ 21/10/2021 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด (ประชาชนฉีดวัคซีนน้อย 61%) และยกเลิกเคอร์ฟิวเมื่อ 15/11/2021 แต่ยังคงจำกัดชั่วโมงทำงานในที่ทำงาน จำกัดจำนวนคนที่ร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และไม่อนุมัติให้มีกิจกรรมสันทนาการในอาคารลัตเวียมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดในยุโรป

รัฐบาลประเทศเนเธอร์แลนด์ ประกาศ Lockdown เป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อควบคุม การระบาด ปิดบาร์ ภัตตาคาร ตั้งแต่ 20.00 น. ร้านบริการต่าง ๆ เช่น ร้านตัดผม ปิด 18.00 น. แนะนำให้ทำงานที่บ้านยกเว้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จำกัดบุคคลภายนอก เข้าบ้านสูงสุดไม่เกิน 4 คน

รัฐบาลประเทศไอร์แลนด์ ประกาศเมื่อ 18/11/2021 ให้ในต์คลับ ภัตตาคารปิดเที่ยงคืน ทำงานที่บ้านยกเว้นจำเป็นอย่างยิ่งถึงจะไปทำงานในที่ทำงาน การเข้าชมภาพยนตร์ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือหายป่วย ผลสำรวจพบ 57% ของผู้ถูกสำรวจจะลดจำนวนการพบปะผู้คนจนผ่าน Christmas 45% ยกเลิกแผนการเที่ยว

‘บิ๊กตู่’ เปิดโครงการ ‘รพ.อัจฉริยะระดับโลก’! ใช้ ‘5G-AI’ ช่วยหมอ พร้อมขยายต่อรพ. ทั่วประเทศ!

นายกฯ เปิดโครงการ "ศิริราชต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลก" แห่งแรกของไทย ดึงเทคโนโลยีเครือข่าย 5G - ระบบปัญญาประดิษฐ์ ประยุกต์ใช้เพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ เตรียมขยายต่อทั่วประเทศ ระบุรับใส่เกล้าพระราโชบายในหลวง ทำให้ปชช. มีความสุขมากที่สุด

16 ธ.ค. 64 ที่ห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการ “ต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลกด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย 5G และระบบปัญญาประดิษฐ์” โดยมี นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมงาน

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญมากในการพัฒนาประสิทธิภาพทุกมิติ รวมถึงด้านสุขภาพและทางการแพทย์ รัฐบาลจึงเล็งเห็นความจำเป็นในการนำมาพัฒนาประเทศ จึงมีนโยบายนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ และตอบสนองความต้องการประชาชนได้ทั่วถึง โดยการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ทุกมิติ จึงได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ ซึ่งตั้งแต่ตนเองเข้ามาก็เดินหน้ามาตลอดตั้งแต่ 3G 4G จนมาถึง 5G ต้องเดินหน้าทุกอย่างให้เร็วทันการเปลี่ยนแปลงของโลก

ทั้งนี้ได้เน้นคุณภาพบริการและรักษาพยาบาลตั้งแต่ระบบปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงระบบบริการรักษาพยาบาลอย่างเพียงพอทั่วถึง สร้างความเท่าเทียมในด้านโอกาสและเป็นธรรม โดยขยายการดำเนินการไปสู่โรงพยาบาลอื่น ๆ ต่อไปด้วย

‘อาม่าวารุณี’ บริจาคที่ดิน 25 ไร่ เงิน 200 ล้าน สร้างศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ จ.สมุทรสาคร

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่งเมื่ออาม่าวัย 72 ปี บริจาคที่ดินจำนวน 25 ไร่ พร้อมเงินสด 200 ล้าน สร้างศูนย์เวชศาสตรผู้สูงอายุ โรงพยาบาลศิริราช ที่จังหวัดสมุทรสาคร

สำหรับโครงการศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งอยู่ที่ คลองสี่วาพาสวัสดิ์ ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

โดยมีแผนจะเปิดให้ให้บริการ ในเดือนมกราคม 2566  นับเป็นความโชคดีของคนไทย โดยเฉพาะชาวสมุทรสาคร

ทั้งนี้ “ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ” สร้างบนที่ดิน 25 ไร่ ซึ่งคุณสัมพันธ์ และคุณวารุณี อยู่พูนทรัพย์ ได้บริจาคให้กับศิริราช และได้รับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดินผ่านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ

ครม.อนุมัติ 3.85 พันล้าน พัฒนา ‘สถานีศิริราช’ เป็นทั้งอาคารรักษาพยาบาลและสถานีรถไฟฟ้า

คณะรัฐมนตรี อนุมัติ 3.85 พันล้าน พัฒนาสถานีศิริราชเป็นอาคารรักษาพยาบาลและสถานีรถไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศ เชื่อมรถไฟสายสีแดงอ่อน-รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วยประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 ว่า ครม.อนุมัติการดำเนินโครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล งบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,851.27 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนค่าก่อสร้าง 2,338.27 ล้านบาท ครุภัณฑ์การแพทย์ 1,400 ล้านบาท และงบบุคลากร (หมวดเงินเดือน) 113.01 ล้านบาท โดยขออนุมัติงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 - 2569 จำนวน 2,552.50 ล้านบาท และเงินสมทบจากเงินนอกงบประมาณ จำนวน 1,298.77 ล้านบาท ในลักษณะเป็นเงินอุดหนุน

โครงการนี้เกิดขึ้นโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช เพื่อให้เป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพและสาธารณสุขแห่งแรกของประเทศไทย โดยพัฒนาจุดเชื่อมโยงการเดินทางโดยรถไฟฟ้าบริเวณโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 2 สถานี คือ สถานีศิริราช รถไฟฟ้าสายสีส้มของ รฟม. และสถานีธนบุรี - ศิริราช รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนของ รฟท. และเพิ่มประโยชน์การใช้งานนอกเหนือจากสถานีรถไฟฟ้าด้วยการบริการรักษาพยาบาล เช่น งานบริการผู้ป่วยนอก งานบริการผู้ป่วยใน งานบริการตรวจผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องพักค้าง เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาการเดินทางและลดความแออัดของผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลศิริราชด้วยการเป็น One Stop Service และ Best Integrated Care

นางสาวรัชดา กล่าวว่า โครงการนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ รฟท. ซึ่งต่อเนื่องกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี - ศิริราช ช่วงเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน เลียบคลองบางกอกน้อย โดยเป็นการเช่าที่ดินของ รฟท. บนพื้นที่ 4.67 ไร่ (7,456 ตารางเมตร) ระยะเวลาเช่า 30 ปี สำหรับลักษณะของโครงการ เป็นการก่อสร้างอาคารสูง 15 ชั้น ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น รวมความสูงของอาคารเท่ากับ 81 เมตร มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 51,853 ตารางเมตร แบ่งเป็น 1. พื้นที่โรงพยาบาล 47,537 ตารางเมตร 2. พื้นที่รถไฟสายสีแดงอ่อน 3,410 ตารางเมตร และ3. พื้นที่รถไฟฟ้าสายสีส้ม 906 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่จอดรถ 79 คัน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 32 เดือน รวมระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี

สาวเล่าชีวิตเคยจน พิการขาตั้งแต่เกิด ได้โรงพยาบาลศิริราชรักษาให้ฟรี แม่ทำงานก่อสร้างบริจาคเงินไป 20 บาท ผ่านไป 37 ปี เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น กลับมาบริจาคเงินปีละแสน 9 ปีแล้ว 

นับเป็นเรื่องราวดีๆที่หลายคนเห็นแล้วยิ้มได้ เมื่อสาวรายหนึ่งใช้ติ๊กต็อกชื่อว่า bb7529  เธอเล่าผ่านคลิปว่า "37 ปีก่อน เราพิการแต่กำเนิด ตอนนั้นบ้านจน แม่ทำงานก่อสร้าง แม่บอกว่าพามารักษาขาที่ศิริราช โรงพยาบาลไม่เรียกเงิน แล้วแต่เราจะให้ แม่เลยบริจาคไป 20 บาทวันนั้น วันนี้เรามีแล้วเราเลยมาบริจาคเงินที่ศิริราชบ้าง "  และเธอยังระบุแคปชั่นว่า " พิการขาแต่กำเนิด แต่มีบุญที่ศิริราชรักษาหาย แม่ไม่มีเงินตอนนั้นบริจาคเงินไป 20 บาท เคยอธิษฐานไว้ว่าถ้าเรามีกินมีใช้เราจะมาบริจาคศิริราชทุกปี ตอนนี้มีแล้วนะ คืนให้ปีละแสน จะ 9 ปีแล้ว ขอบคุณศิริราชที่ให้ชีวิตใหม่"

รฟท. เคาะศิริราชจ่ายค่าเช่าที่ 161 ล้านบาท สร้างอาคารรักษาพยาบาลเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า

บอร์ด รฟท.เคาะเพิ่มทางเลือกให้ รพ.ศิริราชจ่ายค่าเช่าที่ดิน ‘สถานีธนบุรี’ จากรายปีเป็นงวดเดียว คิดมูลค่าที่ 161 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาอาคารรักษาพยาบาลและสถานีเชื่อมรถไฟฟ้า ‘สีแดง-สีส้ม’ คาดลงนามสัญญาเช่าได้ในก.ย. 66

นางสาวมณฑกาญจน์ ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2566 ได้มีมติเห็นชอบการปรับวิธีจ่ายค่าเช่าที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณสถานีธนบุรี ซึ่งเป็นการทบทวนมติบอร์ดรฟท.เดิม เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 จากเดิม รฟท.คิดค่าเช่าที่ดินเป็นรายปี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ รฟท. และได้ตกลงร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชแล้ว ต่อมามีการประชุมร่วมกัน โดยรพ.ศิริราชขอปรับเปลี่ยนการจ่ายค่าเช่าที่ดินจากรายปีเป็นงวดเดียว เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อใช้ในการไปดำเนินการจัดทำงบประมาณของ รพ.ศิริราช

ทั้งนี้ รพ.ศิริราชจะเช่าที่ดินของ รฟท.บริเวณสถานีธนบุรี จำนวน 4.67 ไร่ (7,456 ตารางเมตร) เพื่อดำเนินโครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีระยะเวลาเช่า 30 ปี อัตราค่าเช่า 50 ล้านบาทต่อปี ปรับขึ้น 3% ต่อปี โดยคิดมูลค่าปัจจุบัน กรณีชำระครั้งเดียวเป็นเงินประมาณ 161 ล้านบาท

“หลังจากนี้จะแจ้งมติบอร์ด รฟท.ให้ศิริราชฯ รับทราบว่าเปิดทางเลือกให้สามารถจ่ายค่าเช่าที่ดินงวดเดียวได้ด้วย ซึ่งทางศิริราชฯ จะสรุปเพื่อดำเนินการลงนามสัญญาร่วมกันต่อไป ซึ่ง รฟท.คาดว่าจะเร่งทำร่างสัญญา และลงนามการเช่าที่ดินได้ภายในเดือน ก.ย. 2566 เพื่อให้ทางศิริราชฯ นำสัญญาเช่าที่ดิน รฟท.ไปใช้ประกอบการเสนอของบประมาณประจำปี 2568” นางสาวมณฑกาญจน์กล่าว

สำหรับโครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการฯ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2565 งบประมาณรวม 3,851.27 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯ ลงทุนค่าก่อสร้าง 2,338.27 ล้านบาท ครุภัณฑ์การแพทย์ 1,400 ล้านบาท และงบฯ บุคลากร 113.01 ล้านบาท 

ก่อสร้างอาคารสูง 15 ชั้น ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น รวมความสูงของอาคารเท่ากับ 81 เมตร มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 51,853 ตารางเมตร แบ่งเป็น 1. พื้นที่โรงพยาบาล 47,537 ตารางเมตร 2. พื้นที่รถไฟสายสีแดงอ่อน 3,410 ตารางเมตร และ3. พื้นที่รถไฟฟ้าสายสีส้ม 906 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่จอดรถ 79 คัน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 32 เดือนรวมระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี

มีการพัฒนาจุดเชื่อมโยงการเดินทางโดยรถไฟฟ้าบริเวณโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 2 สถานี คือ สถานีศิริราชรถไฟฟ้าสายสีส้มของ รฟม. และสถานีธนบุรี-ศิริราช รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนของ รฟท. เพื่อให้เป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพและสาธารณสุขแห่งแรกของประเทศไทย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top