Tuesday, 14 May 2024
วัชระ

'วัชระ' ยื่น 'ป.ป.ช.' สอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค ทำชาวบ้านเดือดร้อน หลังปิดจ๊อบไม่คืนสภาพเดิมถนนและไฟฟ้าเกาะกลาง 

นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านนายไพโรจน์ นิยมเดชา นักสืบคดีทุจริต ถึงนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 

ขอให้สอบสวนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค เฉพาะช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 ถึงบางแค ระยะทาง 9 กิโลเมตร บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ผู้ก่อสร้างในวงเงิน 13,380 ล้านบาท กลับคืนสภาพถนนด้วยการลาดยางแทนถนนคอนกรีตให้กรุงเทพมหานครอันเป็นการผิดสัญญาการก่อสร้างว่าเป็นการผิดกฎหมายป.ป.ช.หรือกฎหมายอาญาอื่นใดหรือไม่ ข้าราชการกรุงเทพมหานคร คู่สัญญาและบริษัทเอกชนต้องรับผิดชอบตามกฎหมายหรือไม่ กรณีนี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวฝั่งธนบุรีว่าไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาการก่อสร้างคือไม่ได้คืนสภาพถนนให้กับกรุงเทพมหานครในสภาพเดิมตามที่ระบุไว้ในสัญญาและการก่อสร้างรถไฟฟ้าได้เสร็จมานานแล้วทำให้รัฐเสียประโยชน์ คือ

1. สภาพถนน เดิมเป็นถนนคอนกรีตตั้งแต่ถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 จนถึงบางแคระยะทาง 9 กิโลเมตร บริษัทก่อสร้างกลับลาดยางแทนถนนคอนกรีต โดยไม่ปรากฏว่ากรุงเทพมหานครหรือคู่สัญญามีการทักท้วงแต่อย่างใด  จึงขอให้ตรวจสอบว่าบริษัทเอกชนปฏิบัติตามสัญญาก่อสร้างครบถ้วนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนห่งประเทศไทย หรือ รฟม.และข้าราชการกรุงเทพมหานครปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือผิดกฎหมายอื่นใดของป.ป.ช.หรือไม่ 

 

‘วัชระ’ ลุย!แจกสมุด - กระเป๋าให้นักเรียนเป็นของขวัญวันเด็ก พร้อมขอผู้ใหญ่ช่วยกันปลูกฝังเด็ก รู้จักประวัติศาสตร์และวันสำคัญของชาติ อย่าให้ใครมาบิดเบือน!!

เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2565 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มอบสมุด กระเป๋าให้กับนางวาสนาวิเศษ ผอ.โรงเรียนวัดธารน้ำไหล ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนนักเรียน 67 คน 

นางภัทรภร พุทธรัตน์ ผอ.โรงเรียนวัดรัตนาราม ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี 741 คน 

นางสาวชนากานต์ หมื่นพันธ์ชู ผอ.โรงเรียนไชยาวิทยา ต.ตลาดไชยา อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนนักเรียน 1,712 คน 

นางสุภาพร วันนิยม ผอ.โรงเรียนวัดพระบรมธาตุไชยา ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนนักเรียน 216 คน 

และนายบรรชา ช่อสุวรรณ ผอ.โรงเรียนท่าชนะ ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนนักเรียน 1,250 คน 

แล้วยังบริจาคปัจจัยให้โรงเรียนแต่ละแห่งอีก2-3 พันบาทตามที่กกต.กำหนด เพื่อให้คุณครูนำไปซื้อขนมหรือไอศรีมแจกในวันเด็กแห่งชาติ 8 ม.ค.2565 ด้วย 

ศาลให้ประกันตัว’สรศักดิ์’ 1 แสนบาท!! พร้อมขอ ‘พรเพชร’ เป็นพยานคดี ’วัชระ’ ฟ้องผิดม.157,172 กรณีแจ้งเท็จ-ไม่ส่งเอกสารตามหมายเรียกของศาลอาญา

(21ม.ค.65)ว่าที่ร้อยตรี สุทธิศักดิ์ ประศาสน์ครุการ ทนายความของนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยว่า ตามที่นายวัชระ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในฐานแจ้งความเท็จและประพฤติมิชอบ อันเป็นความผิดประมวลกฎหมายอาญาม. 157 และ 172 นั้น

 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ 702 นัดสอบคำให้การของนายสรศักดิ์ เพียรเวช จำเลยว่าจะให้การรับสารภาพผิดหรือปฏิเสธสู้คดี ซึ่งจำเลยได้ให้การปฏิเสธ โดยร้องขอต่ออัยการจากสำนักงานอัยการฝ่ายแก้ต่าง ให้มาเป็นทนายความแก้ต่างให้จำเลย พร้อมอ้างขอพยานจำนวน 8 ปากคือ นายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาฯ อ้างตนเองเป็นพยานน.ส.สิริธร ลิมปะพยอม ผอ.สำนักรายงานการประชุมฯ นายณัฐวัชร์ มังคละคุปต์ ผบ.กลุ่มงานพัฒนาระบบ นายนัฑผาสุข อดีตเลขาฯสนง.เลขาฯวุฒิสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นางอศยา วังวล ผบ.กลุ่มงานบริหารงานทั่วไป นางอารยะหญิง จอมพลาพล ผอ.สำนักบริหารงานกลาง และนายจักรพันธ์ จันทรเจริญ ผอ.สำนักกฎหมาย 

ศาลมีคำสั่งให้คู่ความดำเนินการดังต่อไปนี้ภายใน 45 วัน นับแต่วันนี้

1. ตรวจสอบพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่งและทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลว่ายอมรับหรือโต้แย้งพยานหลักฐานดังกล่าว หากโต้แย้งให้แสดงเหตุแห่งการโต้แย้งโดยชัดแจ้ง มิฉะนั้นถือว่ายอมรับพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง

2. แถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานในประเด็นที่ยังโต้แย้งกัน ทั้งพยานวัตถุ พยานเอกสาร พยานบุคคลและหลักฐานอื่นที่คู่ความจะสืบพยานให้คู่ความมาศาล เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวร่วมกับเจ้าพนักงานคดี ให้นัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงานคดีรวม 1 นัด ในวันที่ 17 ก.พ.65 เวลา 9.00 น.กรณีที่คู่ความไม่มาในวันนัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงานคดี หรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลดังกล่าว ถือว่าคู่ความมีความพร้อมดำเนินกระบวนพิจารณา และไม่มีข้อขัดข้องใด  ศาลจะพิจารณาตรวจพยานหลักฐานไปตามรูปคดีที่ปรากฎในสำนวนและตามรายงานของเจ้าพนักงานคดีต่อไป ให้ประกันตัวจำเลยโดยวางหลักทรัพย์จำนวน 1แสนบาทและให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 16 มี.ค. 65 เวลา 9.30 น. 

 

คดีนี้นายวัชระ โจทก์ได้บรรยายคำฟ้องว่า นายสรศักดิ์ เป็นหัวหน้าส่วนราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารราชการของสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบัญญัติ ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ มีอำนาจสั่งการ อนุญาต และอนุมัติ และกระทำการแทนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และยังได้รับการแต่งตั้งจากประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้เป็นคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่

‘วัชระ’ ร้อง ‘ลุงตู่’ ค้าน! ทรูควบรวมดีแทค ผูกขาดการค้าลิดรอนสิทธิ์ ปชช.!!

(31 ม.ค.65) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้กำกับดูแลให้คณะกรรมการ กสทช. และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกฉบับโดยเคร่งครัด โดยไม่ให้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกลิดรอนสิทธิ์ในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐาน จากกรณีกลุ่มบริษัทในเครือซีพี (กลุ่มบริษัททรู) จะควบรวมกิจการกับกลุ่มบริษัทในเครือเทเลนอร์ (กลุ่มบริษัทดีแทค) ซึ่งปรากฏว่ามีนักวิชาการ นักคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้แสดงความกังวลถึงสิทธิของผู้บริโภคในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานที่จะถูกลิดรอนไปอันเป็นผลจากการควบรวมกิจการดังกล่าว เนื่องจากตามข้อมูลของ กสทช.

ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 141 ล้านเลขหมาย ผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 รายใหญ่ (ไอไอเอส ทรู และดีแทค) 132 ล้านเลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดรวมกันสูงถึงร้อยละ 93 และทั้ง 3 รายล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดทั้งสิ้น แต่เมื่อมีการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทคแล้วจะเป็นรายที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 57 ซึ่งถือว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญกว่านั้นการควบรวมนี้จะทำให้กลุ่มบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะกลายเป็นผู้ถือครองคลื่นความถี่จำนวนมากที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย คือจำนวน1,260 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “มาตรา 60 ...คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ... องค์กรดังกล่าว (กสทช.) ต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจำเป็น ... ป้องกันการ กระทำที่มีผลเป็นการขัดขวางเสรีภาพในการรับรู้หรือปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลหรือข่าวสารที่ถูกต้อง ... และป้องกันมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนทั่วไป...” 

การควบรวมกิจการดังกล่าว อันเป็นการจำกัดลิดรอนสิทธิ์ของผู้บริโภค จึงถูกบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 “มาตรา 27 (11) กำหนดมาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผู้ขาดหรือก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน...” “มาตรา 27 (13) คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความถี่...” และ “มาตรา 31... ตรวจสอบการดำเนินการของผู้ประกอบกิจการฯ มิให้มีการดำเนินการใดๆ ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ...” ซึ่ง กสทช. (กทช. ในขณะนั้น) ได้ดำเนินการตามบทบัญญัติข้างต้นโดยออก ประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2559 โดยเฉพาะใน “ข้อ 8 ... การเข้าซื้อหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นจำกระทำมิได้ เว้นแต่ กสทช.จะอนุญาต และหากการดำเนินการนั้นส่งผลให้เกิดการผูกขาดหรือลดหรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการ กสทช. อาจจะสั่งห้ามการถือครองกิจการ หรือกำหนดมาตรการเฉพาะ ...” 

นอกจากนั้น พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มาตรา 21 บัญญัติให้ กสทช.ต้องกำหนดมาตรการป้องกันการผูกขาด ทำให้กลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ต้องรายงานรายละเอียดการควบรวมกิจการต่อเลขาธิการ กสทช. ก่อนการดำเนินการใด ๆ โดยต้องมีรายละเอียดเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 ข้อ 5-11ซึ่งเลขาธิการ กสทช. ต้องเสนอรายงานดังกล่าว กสทช. พิจารณาภายใน60 วัน เพื่อให้กำหนดเงื่อนไขป้องกันความเสียหายในทันทีให้เป็นไปตามมาตรา 22 ของกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยมีมาตรการป้องกันการผูกขาดหรือการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมให้เป็นไปตามประกาศข้างต้นในข้อ 12 

อีกทั้งกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ประกอบธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือไปจากกิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 “มาตรา 51 ...แจ้งผลการควบรวมธุรกิจต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าภายใน 7 วัน เว้นแต่การควบรวมจะทำให้ผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการก่อนการดำเนินการ...” โดยมีรายละเอียดตามประกาศคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะในข้อ 10 แต่กลับปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนว่าหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้ปฏิเสธการดำเนินการ และอ้างว่าไม่ใช่อำนาจของตน แต่เป็นอำนาจของ กสทช. แต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นข้อยกเว้นในมาตรา 4 (4) ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงของกฎหมายตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากทั้งสองกลุ่มบริษัทล้วนประกอบธุรกิจอย่างหลากหลายนอกเหนือจากโทรคมนาคม

'วัชระ' สวนเจ็บ 'วัชระ-ชัยชนะ' ช่วยส่องผลงานรมต.ในโควต้าปชป.หน่อย บอกเห็นใจ ต้องออกมาโต้แม้ฝืนความรู้สึก แต่ต้องยอมรับ เพราะความจริงมันเจ็บปวด ฝากไว้อย่ากลัว

'สมคิด' ไม่ใช่นักการตลาดลวงโลก แต่เป็น แคนดิเดตนายกฯ ที่ตรงสเปค เหมือนดาวฤกษ์การเมืองดวงใหญ่ที่สุด 

นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงกรณีที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้ประเด็นปาฐกถาพิเศษของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ตนเข้าใจและเห็นใจทั้ง 2 คน ในฐานะลูกพรรคประชาธิปัตย์ ที่จำเป็นต้องออกมาปกป้องพรรคของตน แม้ว่าจะต้องฝืนความรู้สึกและความจริงก็ตาม เพราะนี่คือสไตล์ของคนพรรคนี้ที่ทำมาโดยตลอด

“ผมเข้าใจและเห็นใจ ส.ส ชัยชนะ และนายวัชระ เป็นอย่างมาก เพราะความเป็นจริงมันเจ็บปวดเสมอ มันก็มีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น คือยอมรับความเป็นจริงแล้วแก้ไข หรือจะดันทุรังต่อไป ผมอยากจะบอกความจริงง่ายๆ แบบนี้ครับ ถ้าคนของพรรคประชาธิปัตย์ดีจริง วันนี้ ส.ส.กรุงเทพ ของพรรคคงไม่สูญพันธุ์ และจำนวน ส.ส. ภาคใต้คงไม่หายไปกว่าครึ่ง และอีกหนึ่งคำถามที่ผมอยากจะถามนายวัชระ ก็คือ เกือบ 4 ปี ที่ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลชุดนี้ นายวัชระช่วยไปส่องหาผลงานสำคัญของรัฐมนตรีในโควต้าของพรรค ว่ามีอะไรที่เป็นเนื้อเป็นหนังบ้าง ซึ่งไม่น่าจะมีมากพอจนนายวัชระต้องไปอ้างผลงานของนายชวน หลีกภัย ซึ่งไม่ใช่รัฐมนตรีเอามาหากิน ถ้ามีผมจะได้ช่วยพูดให้อีกทางหนึ่ง” นายวัชระกล่าว

'วัชระ' ลั่นตำแหน่ง ส.ส. ไม่ใช่มรดกหรือทรัพย์สมบัติทางการเมืองของใคร ถึงเวลาแล้วที่การเมืองชัยนาทต้องเปลี่ยนโฉม

วันที่ (20 ต.ค. 65) ที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคกลาง พร้อมด้วยนายโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.ชัยนาท นายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.พระนครศรีอยุธยา และทีมงาน ลงพื้นที่พบปะพูดคุยแกนนำและกลุ่มชาวบ้าน จ.ชัยนาท โดยนายวัชระ กล่าวว่า จ.ชัยนาท ก็เป็นเหมือนหลายจังหวัดในภาคกลาง คือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทั้งการท่องเที่ยวและภาคการเกษตร อีกทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่กลับเป็นจังหวัดที่ไม่มีความเจริญมากเท่าที่ควร เพราะขาดการดูแลและขับเคลื่อนที่ไม่มากพอ ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มตามศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งตนมองว่ามาจากสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือขาดการดูแลเอาใจใส่จากภาคราชการอย่างเพียงพอ และอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือภาคการเมืองไม่ได้ดึงความเจริญหรืองบประมาณลงสู่พื้นที่มากพอและเหมาะสม ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะให้โอกาสคนใหม่และพรรคใหม่เป็นทางเลือกใหม่ได้เข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ โดยตนอยากให้พี่น้องชาว จ.ชัยนาท ให้โอกาสนายโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ และพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งถึงแม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่เป็นพรรคที่ตนมั่นใจว่ามีทีมเศรษฐกิจเก่งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งการันตีได้จากการที่พรรคมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นผู้นำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top