Sunday, 19 May 2024
ร้องทุกข์

'โฆษกรัฐบาล' เผย 'ปชช.' ร้องทุกข์เดือนต.ค.-ธ.ค.64 ถึง 58,344 ร้องด้านรักษาพยาบาลสูงสุด แก้ยุติแล้วกว่า 97.05 เปอร์เซ็นต์ รอพิจารณากว่า1,000เรื่อง ด้าน “บิ๊กตู่”ขอบคุณส่งกำลังใจให้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายงานสถิติการแจ้งเบาะแสเรื่องร้องทุกข์และข้อเสนอแนะผ่านช่องทางของรัฐบาล  1111  ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 6 ธ.ค. 2564 พบว่า มีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ ข้อเสนอแนะ และสอบถามข้อมูลทั้งหมด 58,344 เรื่อง แบ่งเป็นการร้องทุกข์ แจ้งเหตุ แจ้งเบาะแสเรื่องทั่วไป 10,682 เรื่อง สอบถามข้อมูลและร้องทุกข์เกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 47,662 เรื่อง แยกออกเป็น เรื่องร้องทุกข์โควิด-19 จำนวน 2,603 เรื่อง และสอบถามข้อมูลโควิด-19 จำนวน 45,059 เรื่อง สามารถยุติเรื่องได้แล้ว 56,623 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 97.05 และรอผลการพิจารณาอีก 1,721 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 2.95

นายธนกร กล่าวว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า 5 อันดับเรื่องราวร้องทุกข์ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนมากที่สุด ได้แก่ 1. ประเด็นด้านการรักษาพยาบาล เช่น เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด สายพันธุ์โอไมครอน 2. ประเด็นปัญหาการใช้ถนน เช่น ขอให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ขอให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรและป้ายเตือนชะลอรถ 3. ประเด็นเสียงรบกวน เช่น ขอให้แก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนจากการรวมกลุ่มดื่มสุรา 4. ประเด็นไฟฟ้า เช่น ขอให้แก้ไขปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างริมทางดับ ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง และ 5. ประเด็นการเมือง เช่น ขอชมเชย ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ

สำนักงานเขตสายไหม ส่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน หลังจากได้รับเรื่องร้องทุกข์ จาก สอท. เขตสายไหม

วันที่ 14 กันยายน 2565 น. อ.บัญชาพล อรัณยะนาค ผู้ประสานงานเขตสายไหม พรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้ทำหนังสือร้องทุกข์ไปยังสำนักงานเขตสายไหม เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา กรณีชุมชนเลียบคลองหกวา ฝั่งสายไหม และเคหะชุมชนออเงิน ตึก 21 ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขัง มาเป็นระยะเวลานาน ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยร่วม 1,500 คน ทั้งชีวิตความเป็นอยู่และการจราจรในบริเวณโดยรอบ 

ในวันนี้ได้รับการตอบรับจากสำนักงานเขตสายไหม ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือตามคำร้องขอ โดยช่วยสูบน้ำออกจากบริเวณดังกล่าว และร่วมสำรวจครอบครัวผู้เดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เพื่อที่จะหาวิธีในการให้ความช่วยเหลือต่อไป

บัญชีม้า! ตำรวจสืบนครบาลตามรวบหนุ่มรับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความความเสียหาย กว่า 2 ล้าน

ันที่ 12 มีนาคม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 แถลงผลชุดวิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. นำทีม พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่  จับกุม นายนิพนธ์ บุญแสง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-14 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพ  ตามหมายจับ  2 หมายจับ ศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 245/2565    
ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ความผิดฉ้อโกงทรัพย์และโดยทุจริตนำเข้าข้อมูลทางคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและศาลแขวงสุรินทร์ ที่ จ96/2565 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2565             ความผิด ร่วมกันฉ้อโกง จับตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 37 ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-14 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร กรุงเทพ        

คดีนี้มีผู้เสียหายจังหวัดปทุมธานี ร้องเรียนมายังเพจ สืบสวนนครบาลIDMB ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงิน หากตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด จะโอนเงินกลับคืนให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินไปให้ตรวจสอบ ที่หมายเลขบัญชีชื่อนายนิพนธ์ (ขอสงวนนามสกุล) รวมเป็นเงินจำนวน 340,000 บาท จากนั้นผู้เสียหายไม่ได้รับโอนเงินกลับคืนและไม่สามารถติดต่อกับผู้รับโอนได้ เชื่อว่าถูกหลอกจนเกิดความเสียหาย จึงร้องทุกข์ไว้ และอีกรายมีผู้เสียหายจังหวัดสุรินทร์ แจ้งว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้โอนเงินไปตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินไปให้ที่หมายเลขบัญชีเดียวกัน รวมเป็นเงินจำนวน 1,170,000 บาท จึงได้แจ้งความร้องทุกข์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่”

ตามที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ได้กำหนดเป้าหมายหลักของการปฏิรูปประเทศ พร้อมทั้งได้กำหนดหลักการและแนวทางการปฏิรูปประเทศ รวมถึงมีพระราชบัญญัติ
แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560  และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนในเชิงโครงสร้าง วิธีการ และกระบวนการ หรือกฎระเบียบ
ที่สำคัญเพื่อให้การดำเนินงานของทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลอันพึงประสงค์
ตามรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ นั้น 


โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.62  ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งแต่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย 
การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภาขึ้น โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามนโยบายด้านกฎหมาย 
การบริหารงานยุติธรรม กระบวนการยุติธรรม การตำรวจ อัยการ และราชทัณฑ์ การปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกัน และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การพัฒนากลไกและวิธีการปฏิบัติงานกิจการตำรวจให้มีประสิทธิภาพ ร่วมถึงการพิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ


โดยในส่วนของคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาแจ้งความ ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดให้มีการจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวเรื่อง “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่” ขึ้น ในวันอังคาร ที่ 14 มี.ค.66 ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ชัชวาลย์  สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีฯ 

ป.ป.ช.พิจิตร ลงพื้นที่ตรวจชลประทานสร้าง ปตร.งบ20ล้านเหตุชาวบ้านร้องทุกข์อยากได้น้ำทำนา

เหมือนจะเป็นเรื่องโอละพ่อ เมื่อป.ป.ช.พิจิตร ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านด้วยความวิตกกังวล เหตุชลประทานพิจิตร ใช้งบ 20 ล้าน สร้างประตูระบายน้ำในคลอง แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จึงเกรงว่าเมื่อถึงฤดูฝน โครงการส่งน้ำฯวังบัว จะผันน้ำจากแม่น้ำปิงมาให้ทำนาไม่ได้สุดท้าย ป.ป.ช.พิจิตร ลงพื้นที่ งานนี้ไม่มีเรื่องทุจริตแต่เป็นเรื่องที่ชาวนาจาก 3 ตำบล เกรงพื้นที่ลุ่มจะเกิดน้ำท่วม จึงอยากได้น้ำทำนาเร็วๆ  

วันที่ 6 เมษายน 2566 นายวราพงษ์  อินต๊ะโมงค์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต และชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตอำเภอสามง่าม ลงพื้นที่สังเกตการณ์โครงการท่อระบายน้ำคลองหนองคล้า-รังนก บ้านไผ่ใหญ่ ม.7 ต.หนองโสน อำเภอสามง่าม จ.พิจิตร หลังได้รับทราบปัญหาจากประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างจะเกิดการล่าช้าไม่ทันช่วงการปล่อยน้ำจากคลองส่งน้ำวังบัว ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่ 3 ตำบล ฝั่งตะวันตกของพิจิตร คือ ต.หนองโสน ต.เนินปอ ต.รังนก จึงมีการร้องเรียนไปยัง สนง.ป.ป.ช.พิจิตร    

เมื่อตรวจสอบข้อมูล นายวราพงษ์  ผอ. ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพิจิตร และคณะ รวมถึงชมรมจิตพอเพียงต้านทุจริตอำเภอสามง่าม จึงได้ประชุมและลงพื้นที่ร่วมกันระหว่างตัวแทนภาคประชาชนจาก 3 ตำบลดังกล่าว พร้อมกับ นายจักรพันธ์ จารุวัฒน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัว จ.กำแพงเพชร , นายศิริวิทย์ แพงพฤกษ์ภูมิ  หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานพิจิตร , นายณัฐภูมิ อนันตภูมิ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน

ซึ่งได้ชี้แจงรายละเอียดของโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำดังกล่าวว่าเป็นโครงการก่อสร้างขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากและเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง งบประมาณก่อสร้าง 20 ล้านบาท (งานดำเนินการเองทั้งโครงการ) ในปีงบประมาณ 2566 เป็นการก่อสร้างอาคารอัดน้ำกลางคลอง พร้อมติดตั้งบานระบายขนาด 2.4x2.4 เมตร 3 บาน และส่วนประกอบ 1 แห่งและการก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก U-shape กว้าง 5x3.x140 เมตร จำนวน 1 แห่ง และการขุดลอกคลองด้านหน้าและท้ายอาคาร เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะถ่ายโอนอาคารชลประทานให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัว จ.กำแพงเพชร เพื่อดูและบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรต่อไป 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top