Sunday, 20 April 2025
ภาคกลาง

รมว.สุชาติ ส่ง ‘ผู้ช่วยรัฐมนตรี’ เปิดสนามแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 29 เฟ้นหาตัวแทนเยาวชนระดับภาค กลุ่มจังหวัดภาคกลาง

วันที่ 3 สิงหาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 29 ระดับภาค กลุ่มจังหวัดภาคกลาง โดยมี นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานและหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาค 3 ชลบุรี จังหวัดชลบุรี

นายสุรชัย กล่าวว่า การแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติของไทยได้มีการดำเนินการจัดการแข่งขัน มาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดการแข่งขันมาแล้ว 28 ครั้ง และในครั้งนี้ เป็นการคัดเลือกเยาวชนในระดับภาค เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 29 เยาวชนซึ่งเป็นกำลังแรงงานที่สำคัญที่สุดของประเทศ และเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง การแข่งขันฝีมือแรงงาน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริม สนับสนุน กระตุ้นให้เยาวชนมีใจรักในงานอาชีพ และสนใจที่จะเข้ารับการเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะฝีมือของตนให้ได้มาตรฐานสากล ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภาคบริการ ผู้ใช้แรงงาน ตลอดจน นักเรียนนักศึกษาที่กำลังจบการศึกษา เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน และทำให้รูปแบบการทำงาน รูปแบบการใช้ชีวิต และการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงไปโดยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้ ในระดับนานาชาตินั้น คือ กำลังแรงงานที่มีทักษะ ความรู้ ความสามารถในระดับที่สูงขึ้น และพร้อมที่จะปรับตัวก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต การจัดงานในวันนี้ เสมือนหนึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยบูรณาการให้สถานศึกษา สถานฝึกอบรม ผู้ประกอบกิจการ สมาคมและองค์กรวิชาชีพต่าง ๆ ได้เห็นคุณค่าของเยาวชน และเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของกำลังแรงงานของไทยต่อไป

‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ‘36 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง’ เผยสัญญาณเลือกตั้งใหญ่เริ่มชัด ถึงเวลาพาไทยพ้นวิกฤต

เดินหน้าแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ‘36 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง’ ปลุกเลือกให้ยกจังหวัด จับมือตั้งรัฐบาลประชาชน เผยสัญญาณเลือกตั้งใหญ่เริ่มชัด เป็นโอกาสพาประเทศพ้นวิกฤต

พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส. และ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ภาคกลาง เบื้องต้น 36 คน ในพื้นที่ 15 จังหวัด ซึ่งเป็นการยืนยันความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ในการดูแลพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เหล่านี้ พร้อมอาสาจะมาเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย ในการดูแลรับใช้พี่น้องประชาชนและเสนอตัวเข้าสู่กระบวนการสรรหาเป็นผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป  

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ภาคกลางถือเป็นพื้นที่สำคัญของประเทศ ถือเป็นแกนกลางและเป็นหัวใจในการพัฒนาประเทศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นเสมือนจุดเชื่อมของพรรคกับพี่น้องประชาชน เพื่อไปบอกกับพี่น้องประชาชนว่า เราจะต้องช่วยกันนำพาประเทศออกจากวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ พรรคเพื่อไทย มุ่งมั่นที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขต ในพื้นที่ภาคกลาง แต่วันนี้เราขอเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ภาคกลางเบื้องต้น 36 เขตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้อาสามาเป็นตัวแทนในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ส่วนผู้สมัครในพื้นที่เขตอื่นๆ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมและจะเปิดเผยต่อไป 

“8 ปีที่ผ่านมาเราสูญเสียโอกาสต่างๆ ไปเยอะมาก ทั้งในเรื่องการทำมาหากิน ปากท้อง เศรษฐกิจ ไปจนถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่ถูกทำลายไปอย่างย่อยยับ เราอยากบอกกับพี่น้องว่าขอให้ช่วยกันนำพาประเทศออกจากวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ การเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ซึ่งคาดการณ์เอาไว้ว่าอาจจะมีการยุบสภาหลังประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ในช่วงปลายปี 2565 และอาจมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในช่วงต้นปี 2566 พรรคเพื่อไทยเห็นความเป็นอยู่ของพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากเชิญชวนพี่น้องให้มาร่วมกันเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างแลนด์สไลด์ และไม่ต้องลังเล เพื่อร่วมกันช่วยกันให้ออกจากวิกฤต 8 ปีที่เรายากลำบากให้ได้ โดยแลนด์สไลด์จะเป็นกลไก ในการป้องกันอำนาจมิชอบและเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว. ที่จะตั้งนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว   

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ด้วยนโยบายที่ทำได้จริง และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนจนสามารถลืมตาอ้าปากได้ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ตามที่พรรคยึดมั่นหัวใจหลักสำคัญ คือ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง จนพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน เราพร้อมที่จะทุ่มเททุกสรรพกำลังในการทำงานดูแลพี่น้องคนไทยทุกคน เราและพี่น้องประชาชนจะจับมือกันสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน เหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตที่ทำให้เราได้รัฐบาลของประชาชนที่แท้จริง ทั้ง รัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลพลังประชาชนและรัฐบาลเพื่อไทย ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยยกจังหวัด เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทุกจังหวัด ร่วมกันสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน แล้วเราจะก้าวพ้นวิกฤต กลับคืนสู่การมีชีวิตและอนาคตที่ดีกว่าไปด้วยกัน

'สโมสรไลออนส์สากล' ภาค 310 ซี ร่วมกับ สโมสรไลออนส์ในสังกัดภูมิภาค จัดกิจกรรมวันไลออนส์สากลบริการ ปี 2565 

ที่โรงเรียนสมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ คณะผู้บริหารสโมสรไลออนส์สากล ภาค 310 ซี ร่วมกับ สโมสรไลออนส์ในสังกัดภูมิภาคที่ 1 และภูมิภาคที่ 2 ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันไลออนส์สากลบริการ ปี 2565 LIONS SERVICE DAY 2022 ก้าวเข้าสู่ปีที่ 106 

โดยมี ไลออน แมรี่ หลิว สังกัดสโมสรไลออนส์กรุงเทพ นิมิตใหม่ ในฐานะประธานจัดกิจกรรมวันไลออนส์สากลบริการภูมิภาคที่ 1 เป็นผู้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ ร่วมกับ ไลออนราตรี แสงรุ่งเรื่อง สังกัดสโมสรไลออนส์ สระแก้วอรัญประเทศ ประธานจัดกิจกรรมวันไลออนส์สากลบริการภูมิภาคที่ 2 พร้อมด้วย ไลออนสมภพ พิชัยวงศ์ ผู้ว่าการไลออนส์สากลภาค 310 ซี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมี ผอ.ไพรัตน์ ก้อนทองคำ ผู้อำนวยการโรงเรียนสมุทรปราการ กล่าวให้การต้อนรับคณะผู้บริหารไลออนส์ ตลอดจน ไลออนพงศ์ศักดิ์ เกตุสวัสดิวงศ์ อดีตกรรมการอำนวยการไลออนส์สากล ไลออนส์ สุมาลี อุ่นพงศ์เจริญสุข รองผู้ว่าการภาค 301 ซี ไลออนส์ธเนศร์ เจริญชัย รองผู้ว่าการภาค 301 ซี ตลอดจน อดีตประธานสภาฯ อดีตผู้ว่าการภาคฯ คณะกรรมการภาคฯ นายกสโมสร สมาชิกไลออนส์ และสโมสรในสังกัดพื้นที่กรุงเทพ ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี และสมุทรปราการ นำโดย ไลออนส์ ชูศรี สัตยานนท์ นายกสโมสรไลออนส์ บางพลี สมุทรปราการ รวมทั้งหมด 23 สโมสร เป็นผู้ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมเนื่องในวันไลออนส์สากรบริการ ปี 2565 

เปิด 18 ผลงาน 'รัฐบาลลุงตู่' 8 ปีพัฒนา 'ภาคกลาง'

#จดหมายเหตุลุงตู่ #8ปีที่เปลี่ยนไป #ยุบสภา

ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศ ทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปคุณภาพชีวิตในชุมชน แก้ไขปัญหาสะสมเรื่องความไม่สงบในประเทศ ออกมาตรการทางเศรษฐกิจ มีการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  มารดาประชารัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการชิมช็อปใช้ โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนจับต้องได้ทั้งสิ้น และคนที่ได้รับประโยชน์คือประชาชนไทยทุกคน

ในส่วนภาคกลาง มีการประกาศระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก ประกอบด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อผลักดันการลงทุนของภาครัฐและเอกชนเพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งและโลจิสติกส์ เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกและตะวันตก และภาคตะวันตกกับภาคใต้ตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน

เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปอาการเกษตร การท่องเที่ยว และการพัฒนาอุตสาหกรรมมูลค่าสูง โดยสามารถพัฒนาศักยภาพในการเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศและระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC  มีโครงการที่สามารถจับต้องและเอื้อประโยชน์ต่อชาวภาคกลางดังนี้

1. โครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหาคร เพื่อขยายโครงข่ายทางพิเศษไปทางตะวันตกของ กทม

2. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา

3. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี

4. โครงการก่อสร้างทางหลวงชนบท สาย ฉ และ ค ผังเมือง รวมเมืองชัยนาท จ.ชัยนาท 

5. โครงการถนนสาย ค ผังเมืองรวมเมืองนครสวรรค์ (บริเวณถนนมหาเทพ) 

6. โครงการขยายถนนราชพฤกษ์ระยะที่ 2 (ตอนที่ 2) ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 - คลองมหาสวัสดิ์)

7. โครงการถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) ตอน NS1

8. โครงการถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) ตอน NS2

เปิด 18 ผลงาน 'รัฐบาล' 8 ปีพัฒนา 'ภาคกลาง'

ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศ ทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปคุณภาพชีวิตในชุมชน แก้ไขปัญหาสะสมเรื่องความไม่สงบในประเทศ ออกมาตรการทางเศรษฐกิจ มีการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มารดาประชารัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการชิมช็อปใช้ โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนจับต้องได้ทั้งสิ้น และคนที่ได้รับประโยชน์คือประชาชนไทยทุกคน

ในส่วนภาคกลาง มีการประกาศระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก ประกอบด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อผลักดันการลงทุนของภาครัฐและเอกชนเพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งและโลจิสติกส์ เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกและตะวันตก และภาคตะวันตกกับภาคใต้ตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน

เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปอาการเกษตร การท่องเที่ยว และการพัฒนาอุตสาหกรรมมูลค่าสูง โดยสามารถพัฒนาศักยภาพในการเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศและระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC  มีโครงการที่สามารถจับต้องและเอื้อประโยชน์ต่อชาวภาคกลางดังนี้

1. โครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหาคร เพื่อขยายโครงข่ายทางพิเศษไปทางตะวันตกของ กทม

2. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา

3. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี

4. โครงการก่อสร้างทางหลวงชนบท สาย ฉ และ ค ผังเมือง รวมเมืองชัยนาท จ.ชัยนาท

5. โครงการถนนสาย ค ผังเมืองรวมเมืองนครสวรรค์ (บริเวณถนนมหาเทพ)

6. โครงการขยายถนนราชพฤกษ์ระยะที่ 2 (ตอนที่ 2) ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 - คลองมหาสวัสดิ์)

7. โครงการถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) ตอน NS1

8. โครงการถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) ตอน NS2

9. โครงการถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) ตอน NS3

10. โครงการถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) ตอน CD Road

11. ทางหลวงหมายเลข 367 ช่วงเลี่ยงเมืองกาญจนบุรี

12. สร้างทางเดินลอยฟ้าริมแม่น้ำแควเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่

13. เชื่อมเส้นทางกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี โยงเศรษฐกิจพิเศษชายแดนกับพื้นที่เศรษฐกิจหลัก เพื่อหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างกันเชื่อมท่าเรือทวาย-แหลมฉบัง-สีหนุวิลล์

14. พัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน กาญจนบุรี จากท่าเรือทวาย-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ไปจนถึงท่าเรือวังเตา ประเทศเวียดนาม

15. พัฒนาด่านชายแดนไทย-เมียนมา บ้านพุน้ำร้อน ด่านเจดีย์สามองค์ และด่านสิงขร 

16. สร้างโครงข่ายถนนเพิ่มเติมเพื่อลดความแออัดทางการจราจรจากภาคเหนือ

17. สร้างเส้นทางคู่ขนานกับทางหลวงหมายเลข 32

18. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาอย่างยั่งยืน

จริง ๆ แล้วโครงการพัฒนาภาคกลางในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชายังมีอีกมาก แต่ยกตัวอย่างคร่าว ๆ ให้เห็นว่าพ่อแม่พี่น้องชาวภาคกลางได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร

ตำรวจ ปส. สกัดแก๊งค้ายาบ้า ขณะขนยาบ้าล็อตใหญ่ 3.2 ล้านเม็ด ส่งแก๊งค้ายาบ้าภาคกลาง

ตามนโยบายการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน หรือใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน และใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ภายใต้การอำนวยการโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยงพล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์  สอนกล้า ผบก.ปส.2 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมแก๊งค้ายาบ้า ขณะขนยาบ้าล็อตใหญ่ 3,200,000 เม็ด ส่งแก๊งค้ายาบ้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยเมื่อวันที่ 15 ต.ค.66 เวลาประมาณ 22.10 น. ตำรวจ ปส.2 ได้สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ทางภาคอีสาน จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายทศพล  หรือ อ๊อฟ อายุ 36 ปี(คนขับรถขนยาเสพติด) และนายสุริยา อายุ 38 ปี (นั่งข้างคนขับ) พร้อมของกลาง ยาบ้า 8 กระสอบ ประมาณ 3,200,000 เม็ด โดยขณะที่นายทศพล ขับขี่รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx 2235 ร้อยเอ็ด ไปถึงบริเวณสี่แยกไฟแดง ถ.สุขเกษม ต.ดงมะไฟ อำเภอเมือง จ.สกลนคร ตำรวจ ปส.2 ได้แสดงตนเข้าตรวจค้น พบยาบ้า 3,200,000 ล้านเม็ดในรถคันดังกล่าว จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อกล่าวหาจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ปส.2 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การ รับสารภาพว่า รับจ้างขนยาเสพติดเข้ามาจากจังหวัดติดแนวชายแดนทางภาคอีสาน เพื่อนำไปส่งลูกค้าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อไป

‘รมว.ปุ้ย’ จ่อยกข้อเสนอเอกชนกลางตอนล่าง 2 เข้าครม.สัญจร ผลักดันสร้างเศรษฐกิจแบบครบวงจร-เมืองสร้างสรรค์ระดับสากล

(13 พ.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (จังหวัดเพชรบุรี, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์) ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ใน 4 จุด ดังนี้...

จุดที่ 1 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ณ โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีการอบรมในหลักสูตรการตัดต่อภาพ/คลิป การทำไข่เค็ม การทำยาหม่องน้ำ และการทำสบู่สมุนไพร มีผู้เข้ารับร่วมกิจกรรมจุดนี้ ประมาณ 300 คน

จุดที่ 2 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ณ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีการอบรมในหลักสูตรเค้กกล้วยหอมนึ่ง ซาลาเปานึ่ง สบู่น้ำผึ้งหัวไชเท้า และการตัดต่อภาพ มีผู้เข้ารับร่วมกิจกรรมจุดนี้ ประมาณ 300 คน

จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เดินทางไปยังจังหวัดเพชรบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ในจุดที่ 3 ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี  ซึ่งมีการอบรมในหลักสูตรการทำไข่เค็ม การทำเค้กกล้วยหอม การทำซาลาเปา และการทำสบู่สมุนไพร มีผู้เข้ารับร่วมกิจกรรมจุดนี้ ประมาณ 300 คน

จุดที่ 4 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ณ โรงเรียนบ้านลาดวิทยา อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีการอบรมในหลักสูตรการทำไข่เค็ม การทำเค้กกล้วยหอม การทำซาลาเปา และการทำสบู่สมุนไพร มีผู้เข้ารับร่วมกิจกรรมจุดนี้ ประมาณ 300 คน

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจติดตามราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ครั้งนี้ มี 4 ประเด็นสำคัญ คือ…

1) การพัฒนาเศรษฐกิจแบบครบวงจรจากฐานการค้า การลงทุน การบริการ การท่องเที่ยวและการเกษตร สู่ความมั่งคั่งยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
2) การเสริมสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยด้วยต้นทุนทางสังคม ประชาชนพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน ด้วยศาสตร์พระราชา
3) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน
4.การพัฒนาแบบมีส่วนร่วมสู่ เมืองสร้างสรรค์ระดับสากล ด้วยทุนทางศิลปะวัฒนธรรม การท่องเที่ยง บนฐานทรัพยากร อัตลักษณ์ของท้องถิ่น และศักยภาพของพื้นที่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า “สำหรับกรอบการตรวจราชการ ได้มุ่งเน้นขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยพลังแห่งภูมิภาค สู่ทักษะอาชีพที่ยั่งยืน สะท้อนให้เห็นผ่าน 4 จุดที่ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ พบว่า มีการผสมผสานศักยภาพด้านการค้า การลงทุน การบริการ การท่องเที่ยว และการเกษตรอย่างลงตัว นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเสริมพลังขับเคลื่อนสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย ให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งทั้ง 4 จุด เปรียบเสมือนเวทีแห่งการฝึกฝน ทักษะอาชีพที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งการทำไข่เค็ม เค้กกล้วยหอม ซาลาเปา สบู่สมุนไพร การตัดต่อภาพ/คลิป มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมประมาณ 1,200 คน เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เรียนรู้ทักษะใหม่ นำไปต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนนำพาพี่น้องประชาชนในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ก้าวสู่ความสำเร็จ” 

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจติดตามราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ครั้งนี้ ยังได้พิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2567 ซึ่งโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรม มี 2 โครงการ คือ 1) โครงการพัฒนาเชื่อมโยงเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ให้
กลุ่มจังหวัด ‘เพชรสมุทรคีรี’ เป็นเมืองแห่งอาหาร (Gastronomy) และยกระดับความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี 2) โครงการส่งเสริมภาคการผลิตที่ลดอัตราการเกิดก๊าซเรือนกระจกโดยการขอรับรองฉลากคาร์บอน 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำคัญตามข้อเสนอของ กรอ. จังหวัดเพชรบุรี อีก 3 โครงการ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1) โครงการส่งเสริม SMEs ไทยให้มีการบริหารจัดการธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล 2) การผลักดันการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถาบันพัฒนาอาหารด้วยนวัตกรรม เพื่อยกระดับ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (Agro-Industry) และ 3) โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จังหวัดเพชรบุรี เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

'หมอเหรียญทอง' แจง 10 ขั้นตอน รับมือได้ทันที หากเกิดภัยน้ำท่วม มั่นใจ!! ดูแลผู้ป่วย 'รพ.มงกุฎวัฒนะ' ทุกคนได้อย่างปลอดภัย

(26 ส.ค. 67) หมอเหรียญทอง แน่นหนา ได้ออกมาโพสต์ ประกาศความพร้อมปฏิบัติการสาธารณภัย ของ รพ.มงกุฎวัฒนะ หากเกิดสถานการณ์มหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง และ กรุงเทพฯ เหนือ เพื่อทราบดังต่อไปนี้

1. ระบบไฟฟ้ากำลัง (ภาพที่ 1) ของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ย้ายจากชั้นใต้ดิน อาคารเก่า (อาคาร 1) ย้ายไปยังชั้นที่ 2 อาคารใหม่ (อาคาร 3) ที่มีความสูงจากระดับ ถ.แจ้งวัฒนะมากถึง 5 เมตร หรือสูงจากระดับน้ำทะเล 6 เมตร เปิดใช้งานระบบไฟฟ้ากำลังในชั้นที่ 2 อาคารใหม่ (อาคาร 3) มาตั้งแต่ 9 ม.ค.67 แล้ว

2. ระบบไฟฟ้าสำรอง (ภาพที่ 2-3) ของ รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็นระบบเครื่องปั่นไฟสำรองคู่ [Dual Synchronizing Generator] ขนาด 820 KVA จำนวน 2 เครื่อง พร้อมเดินเครื่องปั่นไฟจ่ายไฟฟ้าสำรองให้แก่แผนกที่มีผู้ป่วยอาการหนัก เช่น ไอ ซี ยู, ห้องผ่าตัด, ห้องสวนหัวใจ, ห้องฉุกเฉิน ฯลฯ ระบบเครื่องปั่นไฟสำรองคู่สามารถเดินเครื่องพร้อมกัน หรือเดินเครื่องสลับสับเปลี่ยนกันเพื่อให้เครื่องปั่นไฟฟ้าสำรองได้พักผ่อนเครื่องได้ทำให้มีขีดความสามารถจ่ายไฟฟ้าสำรองในการรักษาผู้ป่วยอาการหนักได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา รพ.มงกุฎวัฒนะสามารถพึ่งตนเองได้ หากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้ระบบไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวงขัดข้องอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายวันหรือหลายสัปดาห์

3. ระบบการส่งต่อผู้ป่วยทางอากาศ [Aeromedevac] (ภาพที่ 4) คือ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ตามมาตรฐาน ICAO หรือองค์การการบินระหว่างประเทศ ขนาด 21.0 เมตร x 21.0 เมตร หรือ 441 ตารางเมตร พร้อมลานจอดพักเครื่อง (PARK) อีก 47.0 เมตร x 8.0 เมตร หรือ 376 ตารางเมตร รองรับน้ำหนักเฮลิคอปเตอร์ขณะทำการบินขึ้นสูงสุด หรือ MTOW [Maximum Take Off Weight] สูงสุด 2 เท่าของเฮลิคอปเตอร์ที่มีน้ำหนักรวมสัมภาระบรรทุก 3,750 กรัม ซึ่งหมายความว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพ รุ่น EC145 แล AW 149 สามารถบินขนส่งลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศมายัง รพ.มงกุฎวัฒนะได้

4. ระบบการส่งต่อผู้ป่วยทางน้ำ คือ ‘ทางเข้า รพ.มงกุฎวัฒนะด้าน ซอยแจ้งวัฒนะ 14’ , ‘ทางเข้า รพ.มงกุฎวัฒนะด้าน ซอยแจ้งวัฒนะ 12’ ที่มีระดับความสูงเหนือถนนแจ้งวัฒนะ 1.20 เมตร ตลอดจน ‘เกาะกลางถนนแจ้งวัฒนะ’ ซึ่งเคยใช้ปฏิบัติการเป็น ‘ท่าเรือ รพ.มงกุฎวัฒนะ’ มาแล้วเมื่อมหาอุทกภัย พ.ศ.2554

5. ระบบก๊าซออกซิเจนทางการแพทย์ (ภาพที่ 5) ที่มีขนาดบรรจุออกซิเจนเหลว (Liquid Oxygen) ขนาดใหญ่รองรับผู้ป่วยจำนวนสูงสุดมากถึง 600 เตียง พร้อมระบบการผลิตก๊าซออกซิเจนทางการแพทย์สำรอง ในกรณีที่โรงงานผู้ผลิตออกซิเจนเหลวไม่สามารถขนส่งลำเลียงออกซิเจนเหลวมายัง รพ.มงกุฎวัฒนะได้ เราก็ยังสามารถประคับประคองด้วยการผลิตอ๊ออกซิเจนสำรองบรรจุถังเพื่อพึ่งตนเองในการรักษาผู้ป่วยได้ยามจำเป็นหน้าสิ่วหน้าขวาน

6. ระบบ ไอ ซี ยู ที่มีขีดความสามารถรับผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมากถึง 90 เตียง และสามารถเพิ่มกำลังสูงสุดอีก 36 เตียงรวมขีดความสามารถสูงสุดในสถานการณ์จำเป็นมากถึง 126 เตียง ไอ ซี ยู …ไม่ได้โม้นะครับ ปฏิบัติการสำเร็จจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้วในสถานการณ์โควิด-19 ระหว่างเดือน เม.ย.- ก.ย.64

7. ระบบหอผู้ป่วยใน ทั้งห้องพิเศษเดี่ยว และหอผู้ป่วยสามัญที่พร้อมปฏิบัติการรับการส่งต่อผู้ป่วยจำนวนมากจากพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยสามารถรับผู้ป่วยสูงสุด 600 เตียง หากสถานการณ์เลวร้ายก็พร้อม ‘ปฏิบัติการ รพ.สนามขั้นสมบูรณ์อีก 400 เตียง’ รวมสูงสุด 1,000 เตียง ภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน…โม้ฉิบหายแต่ทำมาแล้วโว้ย!

8. ระบบอาหารของ รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็น ระบบ ‘Cook & Chill’ ดังนั้นเราจึงพร้อมผลิตอาหารจำนวนมาก ๆ แล้วกักตุนไว้ให้เย็น [Cold room] ให้สามารถเผชิญปัญหาการขาดวัตถุดิบในการทำอาหารได้นาน 30 วัน

9. ระบบระดมพล รพ.มงกุฎวัฒนะรวมบุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขาเข้าพักอาศัยใน รพ.มงกุฎวัฒนะทันทีที่มวลน้ำเข้าถึงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี-นนทบุรี ทั้งนี้เพื่อให้ รพ.มงกุฎวัฒนะมีความพร้อมด้านกำลังพลเต็มอัตรา ตลอดจนการรระดมพลจิตอาสา ดังเช่นปฏิบัติการ รพ.สนามพลังแผ่นดินในสถานการณ์โควิด-19 ที่เราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดมาแล้ว

10. อื่น ๆ ขอเว้น เพราะโม้มากไปแล้วครับ

รพ.มงกุฎวัฒนะจะเป็น ‘ศูนย์รับการส่งต่อผู้ป่วยจากสถานการณ์มหาอุทกภัยในทันทีที่มวลน้ำคุกคามประชาชน’ ดังนั้น รพ.มงกุฎวัฒนะขอประกาศว่า “พสกนิกรภายใต้ร่มพระบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริย์เจ้าจะได้รับการรักษาชีวิตอย่างสุดกำลังจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ โปรดอย่าตื่นตระหนกในทุกสถานการณ์ภัยพิบัติ เราคืออดีตทหารของพระราชาจอมทัพภูมิพลมหาราชที่ยังคงเป็นทหารพระราชาแห่งองค์จอมทัพมหาวชิราลงกรณ์พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ทหารเก่าแก่ที่ไม่มีวันตายไปจากพระเจ้าแผ่นดิน

ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
26 ส.ค.67 เวลา 9.35 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top