Saturday, 19 April 2025
พลัฏฐ์ศิริกุลพิสุทธิ์

'พลัฏฐ์' ชี้!! 'ข้อเท็จจริง' กรณีเพิ่มจำนวนธนาคาร อาจไม่ทำให้ราคาดอกเบี้ยและค่าบริการลดลง

(3 ก.ค.66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ระบุว่า...

Players, Competition, Pricing & competitiveness

ถ้าการค้าสมัยนี้ 'ราคา' ขึ้นอยู่กับ 'กลไกตลาด' และ 'จำนวนผู้ค้า' มันก็คงดี

คุณ ศิริกัญญา หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล เสนอให้มีจำนวนธนาคารมากขึ้น เพื่อเพิ่มการแข่งขัน ให้ราคาดอกเบี้ยลดลง 

เรื่องนี้ ผมเคยหารือกับ ท่านอดีตผู้ว่า ธปท.

ข้อเท็จจริง จำนวนธนาคารที่มากขึ้น อาจไม่ได้ทำให้ราคาดอกเบี้ยและค่าบริการลดลง เพราะกลไกตลาด ทำงานไม่ปกติ

ยกกรณีเปรียบเทียบอุตสาหกรรมอื่น

>> เบียร์
ในไทยมีหลัก ๆ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ช้าง, สิงห์ (ลีโอ), ไฮเนเก้น

มีผู้เล่นระดับโลกอยากเข้ามาไทย แต่ไม่สามารถเข้ามาแข่งได้เต็มที่เพราะ...

- ไทยห้ามโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ระบบการจัดจำหน่าย ขนส่งและค้าปลีก ทำได้ยาก
- บรรจุภัณฑ์หลายประเภทอยู่ในห่วงโซ่ผู้เล่นหลัก

ต่อให้คุณเป็น Budweiser, Carlsberg, etc ก็เข้ามาทำตลาดให้ใหญ่ได้ยาก

>> ปุ๋ย
เรามีผู้เล่น มากกว่า 1,000 ราย แต่ตลาดส่วนใหญ่ 80% อยู่ในมือ 10 รายแรก ที่เหลือไม่มี Economic of scale ต้นทุนแพงจนไปต่อไม่ไหว แข่งยาก

>> บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 
เรามีผู้เล่น 4 ราย AIS, True, dtac, NT และ MVNO +/-20 ราย...การที่ True+Dtac จะทำให้การแข่งขันลดลง แม้ว่า เราจะมีผู้ให้บริการ MVNO เครือข่ายเสมือนก็มีขนาดไม่พอที่จะสู้กับรายใหญ่

>> ธนาคาร
Standard Chartered Bank เป็นผู้เล่นระดับโลก หลังจากซื้อธนาคารนครธน มาหลายปี ก็พบว่าตนเองแข่งกับ ธนาคารหลายแห่งไม่ได้ เนื่องจาก สาขา บุคลากร ฐานลูกค้าไม่พอ จึงจำกัดบริการทำแต่ Wholesale banking ลดบริการ SME and Retail bank เพราะบริการ ค้าปลีกทำไม่ไหว

ขนาด Standchart นะ ในไทยยังมี HSBC, Duetsche bank และอื่น ๆ โดย HSBC ขาย credit card business ออกเพราะไม่คุ้ม 

ธนาคารที่บริการ Universal banking ในไทยจึงมีไม่มาก เป็นทางเลือกน้อย แต่ถ้าอยากจะให้มีมากขึ้นกลับไม่ง่าย เพราะ Entry Barrier สูงมาก แถมอุตสาหกรรมการเงินกำลัง Disrupt

ผมชื่นชมความตั้งใจของคุณไหม แต่ผมว่า น้องยังไม่กว้างและลึกมากพอครับ โลกวันนี้ไม่ง่ายอย่างในหนังสือเรียนหรืองานวิจัย ขอให้ท่านหาทีมแข็ง ๆ อยู่ช่วยนะครับ

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ชี้!! เหตุผลที่หลากแบรนด์หรูคู่กำลังซื้อคนรวย เพราะมีจุดแข็งด้าน Self Esteem ที่ 'สินค้า-บริการไทย' ยังไม่มี

(7 ส.ค. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ในหัวข้อ 'Self Esteem' ระบุว่า...

สินค้าที่ตั้งราคาแพง ๆ ที่เราเรียกว่า Ultra Luxury เขาขายอะไร และมีกระบวนการอย่างไรถึงทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

ลูกค้าที่ยืนรอหน้าร้าน Louis Vuitton, Hermes, Chanel ล้วนแต่มีฐานะ และกำลังซื้อดี บางครั้งต้องยืนรอหน้าร้านตากฝน ตากลมหนาวครั้งละนาน ๆ เพื่อเข้าไปเยี่ยมชม

Porsche, Ferrari, Rolls Royce กว่าจะได้ครอบครองแต่ละคัน ต้องจองนานมากๆ

Prof.Dennis Morrison อดีต CEO Amarni & Pierre Balmain ผู้สอนวิชา Luxury Management ที่มหาวิทยาลัย Essec ฝรั่งเศส ถามผมว่า คุณซื้อรถแพง ๆ พวกนี้คุณซื้อ อะไร...

Ferrari, Lambor = Dream
Rolls Royce = Success

Fer, Lambor เป็นรถในฝันของหนุ่ม ๆ ที่อยากมีประสบการณ์ขับขี่ อยากอวดสาว

Rolls Royce คือรถที่คนซื้อจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูง ไม่มี CEO มืออาชีพใช้ Rolls Royce พวก CEO, MD มืออาชีพ ไปใช้ BMW, Benz แต่จะไม่ใช่ Rolls Royce เขาสร้างขึ้นมาให้ เจ้าของ ให้ราชวงศ์

ทั้งหมดนี้เขาขาย Self Esteem

ภาพประกอบ กระเป๋าจาก Moynat brand อายุกว่า 100 ปีของฝรั่งเศส ถูก LVMH ซื้อกิจการมาบ่มเพาะจนกลายเป็น กระเป๋าหรูที่คนรวยตามหาเพราะคนทั่วไปเขาถือ Chanel, LV 

แต่คนใช้ Moynat หายากเพราะชั้นอยากไม่เหมือนใคร

สมองคนรวยนี่ซับซ้อนมากครับ บางครั้งอยากนอนโรงแรมแนวพระราชวังแบบ St.regis, Ritz carlton บางครั้งต้องการเรียบง่ายสงบแบบ Aman, Sovena

ประเทศไทยของเรามีสินค้าที่ขาย Self Esteem บ้างไหมครับ

ต๊ะ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์

บทความทางวิชาการ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับต้นสังกัดของข้าพเจ้า

‘มือเศรษฐกิจจุลภาค’ ซาวเสียง!! คนส่วนใหญ่หวัง Digital Wallet แต่แอบห่วงที่มาเงิน ยกคำแนะ ‘ดร.กิตติ’ แจกบางส่วน หากกระตุ้น GDP ได้ +5% มุมหนี้สาธารณะจะลดลง

(23 ต.ค. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Ta Plus Sirikulpisut’ เกี่ยวกับกรณีข้อดี-ข้อเสียของ ‘Digital Wallet’ ในปัจจุบันที่ได้ฟังจากเสียงประชาชนมากขึ้น ว่า...

วันนี้ขอแสดงความเห็นเรื่องเงิน Digital Wallet อีกครั้งครับ

หลายวันนี้ลงพื้นที่พบปะประชาชน ได้รับฟังความต้องการว่าอยากได้เงินแจก 10,000 บาท จริงครับ บางครอบครัวมีสมาชิก 4-6 คน จะได้รับแจกถึง 40,000-60,000 บาท นับเป็นเงินมากสำหรับคนตัวเล็กๆ หลายคนคิดว่าจะนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปั๊มน้ำ บางคนจะซ่อมหลังคา และหากเป็นกลุ่มเกษตรกรรวมตัวกัน เขาอยากได้เครื่องอบ เพราะช่วยไล่ความชื้น เวลาเอาของไปขายราคาจะดีขึ้น บางที่อยากรวมกันทำโรงสีขนาดเล็ก ไม่มีใครทราบเงื่อนไขว่าจะซื้ออะไรได้บ้าง แต่หากเราได้สามารถช่วยให้เขาซื้อ Durable goods หรือ อุปกรณ์เพิ่มการผลิต/คุณภาพจะยอดเยี่ยมไปเลยครับ

ข้อห่วงใย ผมเองก็ห่วงใย และได้คุยกะผู้ใหญ่หลายท่านก็ห่วงใยโดยเฉพาะด้านการคลังที่หากแหล่งที่มาของเงินดังกล่าวจะมาจากเงินกู้ ซึ่งเราติดตามได้ครับ อย่างน้อยรัฐบาลลุงตู่เองก็เก็บภาษีมาได้เกินเป้า รายสองแสนล้าน เกือบครึ่งทางของงบเงิน Digital ครับ หากแจกบางส่วนก่อนแล้วเอาภาษีที่หมุนได้มาแจกต่อ อย่างที่ท่าน ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ว่าไว้ก็ลดความเสี่ยงได้มาก และหากกระตุ้น GDP ได้ +5% หนี้สาธารณะก็ลดลงครับ

มีนักวิชาการบอกว่างานวิจัยจากที่ญี่ปุ่นบ้าง ไต้หวันบ้างบอกไม่ประสบความสำเร็จ โดยญี่ปุ่นได้ตัวทวีคูณน้อย และซื้อสินค้าได้เล็กน้อยครับ

ผมต้องเรียนว่าเทียบกันไม่ได้ ไทยเรามีคนมีรายได้น้อยกว่า การแจกแบบนี้จะได้ผลลัพธ์สูงกว่า แถมของเราหลายอย่างถูกกว่าจะซื้อของเพิ่ม Productivity ได้ดีกว่าครับ 

บางคนบอกว่าเราใช้ Government กระตุ้นมากไป ผมก็เรียนว่า การที่รัฐเก็บภาษีจากประชาชนมานี่ มาจากหลายทางครั้งส่วนหนึ่งมาจากเราบริโภคแล้วเสีย Vat นี่แหละครับ เป้าหมายการเก็บภาษี ก็เพื่อไปสร้างถนน จ่ายค่าเรียนฟรี รักษาฟรี และลงทุน ฯลฯ 

แต่อีกเป้าหมายคือการลดความเหลื่อมล้ำครับ คนรวยกำไรมากก็เสียภาษี เราก็เอามาให้คนด้อยกว่าใช้ การที่อยู่ๆ เราบอกประชาชนว่าที่ผ่านมารัฐเก็บภาษีแล้วไปตัดสินใจแทนประชาชนว่าจะเอาเงินไปทำอะไร คราวนี้รัฐยกเงินภาษีของท่านให้ท่านตัดสินใจแทน เป็นการกระจายอำนาจทางการคลัง ที่ผ่านมาก็เคยทำมาก่อน 

นโยบายดังกล่าวมีข้อดี และข้อเสียเราต้องรอบคอบครับเพื่อประเทศที่เรารัก และลูกหลานของเรา

ต๊ะ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์
บทความวิชาการ ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต้นสังกัดข้าพเจ้า

‘มือเศรษฐกิจจุลภาค’ ชี้!! กระแส ‘EV’ มาแรง เขย่าวงการรถยนต์ แนะ ‘ไทย’ จับทิศทางให้ถูก รับมือการเปลี่ยนแปลงรอยต่อเทคโนโลยี

(10 ธ.ค. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Ta Plus Sirikulpisut’ เกี่ยวกับกระแสตอบรับของรถยนต์ไฟฟ้า จากงาน ‘Motor Expo 2023’ ระบุว่า…

‘Motor Expo’ คราวนี้ รถยนต์ไฟฟ้าขายดีมากๆ ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงเริ่มแล้วในไทย?

รถยนต์เป็นพาหนะที่คุ้นเคย จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่แพงขึ้น ทำให้คนเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีปัญหาในเรื่องของจุดชาร์จ แบตดับก่อนที่ Range ในจอบอกไว้ ขายต่อยาก และค่าประกันแพง

แต่ปัญหาเหล่านี้ทยอยถูกแก้ไข และที่สำคัญคือ ‘คนใช้รถ’ จะเอาเงินค่าเติมน้ำมันมาผ่อนรถได้เกือบฟรีเลย ค่าบำรุงรักษาก็น้อยมาก ยกเว้นเปลี่ยนแบตเตอรี่ การตัดสินใจตรงนี้ทำให้มีการเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น

แต่รถไฟฟ้า ไม่ใช่แค่ธุรกิจรถยนต์ มันมี 3 ธุรกิจ อยู่ในนั้น คือ ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ และยานยนต์

นั่นคือ Toyota, Panasonic และ Apple รวมกัน

เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ถ้ามีระบบที่ทำให้ชาร์จไว และวิ่งได้นานขึ้น จาก 400 Km เป็น 700 Km รถที่คุณใช้จะกลายเป็นรถตกรุ่นเหมือนโทรศัพท์ตกรุ่นทันที และถ้ารถมีเทคโนโลยีช่วยขับ คนเก่าก็ตกรุ่นทันที อีกหน่อยถ้าบินได้ยิ่งแล้วใหญ่เลย

วันนึงถ้า Apple พร้อม แล้วออกรถยนต์ไฟฟ้า Toyota, Benz, BMW, Tesla, BYD จะเจอเหมือน Nokia, Motorola, Nikon, Seiko การ Disrupt ครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น

ในทางกลับกันค่ายญี่ปุ่นที่เคยมองข้าม EV เพราะหลายปีก่อน มันมีทางแยกเทคโนโลยี ยุโรปพัฒนา ‘Diesel’ ส่วนญี่ปุ่นพัฒนา ‘Hybrid’ และข้ามไปสู่ ‘Hydrogen’ ในขณะที่ ‘Elon Musk’ พัฒนา EV เมื่อจีนเข้ามาเร่งปฎิกริยา EV ดูเหมือน EV จะชนะแล้ว แต่ญี่ปุ่นยังไม่ยอมแพ้ ยังไม่ทิ้ง Hydrogen การที่ไม่ยอมแพ้ทำให้ เงิน R&D กระจายไป 3 ทาง Hybrid, EV และ Hydrogen ไม่สุดสักทาง

อย่างไรก็ดี ขอให้ไทยเราจับทิศทางให้ถูกเพื่อสร้างอุตสาหกรรม เพื่อการจ้างงานในประเทศ ดูแลคนไทยในยุครอยต่อของเทคโนโลยี

‘พลัฏฐ์’ รุดตรวจสอบความเสียหาย ‘ไฟไหม้เยาวราช’ พร้อมสนับสนุน ‘น้ำ-อาหาร’ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น

เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และช่วยเหลือประชาชน จากเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนเยาวราช พื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ปลูกติดกันหลายหลังเรือน โดยเพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งชุมชน จำนวนรวม 44 หลังคาเรือน มีผู้ประสบภัย 166 ราย และในจำนวนประสบภัยส่วนหนึ่งเป็นคนต่างชาติ

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่ผู้บาดเจ็บได้ทำการส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียว และโรงพยาบาลกลาง ส่วนมากสามารถกลับบ้านได้แล้ว เพราะบาดเจ็บเล็กน้อยจากอาการสำลักควันเท่านั้น

ส่วนความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น ทางวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และวัดสัมพันธวงศ์ ได้เปิดพื้นที่ให้ผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนมากเป็นผู้เช่าและต่างด้าว ได้เข้าพักอาศัยชั่วคราว ขณะเดียวกันทางกรุงเทพมหานคร, กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และวัด ได้ดูแลในเรื่องน้ำ อาหาร และเสื้อผ้าอย่างเพียงพอแล้ว โดยตนได้นำน้ำและอาหารไปสนับสนุนด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของปัญหาเรื่องห้องอาบน้ำและห้องสุขานั้น ทาง กทม.ได้จัดสรรเพิ่มเติมแล้ว และภายหลังจากนี้ ทาง กทม. และ พม. จะดำเนินการจัดสรรห้องพักใหม่ (เช่า) เพื่อให้ผู้ที่ประสบภัยได้มีที่พักอย่างถาวรต่อไป

'พลัฏฐ์' นำทีมคนรุ่นใหม่ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เที่ยว 'งานวัดสระเกศ 2567' สักการะ!! พระบรมสารีริกธาตุ - เก้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ - ร่วมประเพณีห่มผ้าแดง

เมื่อวานนี้ (16 พ.ย. 67) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ อดีตผู้สมัคร สส. กทม. เขต 1 นำทีมคนรุ่นใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ อาทิ ร.ต.อ.หญิงอัยรดา บำรุงรักษ์ รองโฆษกพรรคและผู้ช่วยผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ, นางสาวพัชรนันท์ โกศลสมบัตินนท์ เข้าร่วม งานภูเขาทอง 2567 หรือ งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-17 พฤศจิกายน 2567 

นายพลัฏฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ว่างเว้นการจัดงานไปหลายปี เมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายลง การจัดงานภูเขาทองจึงได้กลับมาอีกครั้ง ตนและทีมคนรุ่นใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ดีใจที่ได้มาเที่ยวชมงานในวันนี้ ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และ เก้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประเพณีห่มผ้าแดง นอกจากนี้ยังมีการสืบสาน วัฒนธรรมไทย 4 ภาค พร้อมความสนุกสนานไปกับ เกมส์งานวัด, ชิงช้าสวรรค์, การแสดงดนตรีลูกทุ่งย้อนยุค, แต่งชุดไทย เดินเที่ยวตลาดย้อนยุค, ลอยประทีปเทียนหอมบูชาพระพุทธเจ้าน้อย, การออกร้านค้าชุมชนและอาหารนานาชนิด การประดับไฟตกแต่งกว่า 1 ล้านดวง

"การจัดงานในครั้งนี้ ได้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สืบทอดประเพณี วัฒนธรรมอันดีงาม กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ชุมชนโดยมีประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงร่วมกับชุมชน ออกร้านค้าจำหน่ายสินค้ามากกว่า 100 ร้านค้าตลอด 10 วันคาดว่าจะสร้างเศรษฐกิจชุมชนหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท" นายพลัฏฐ์ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top