Tuesday, 22 April 2025
พระพยอม

‘พระพยอม’ ยัน พระเล่นหนังไม่ผิดธรรมวินัย หลัง ‘พระมหาไพรวัลย์’ โผล่เล่นหนังหอแต๋วแตกฯ

ดรามาวงการผ้าเหลือง! เหตุเพราะ “พระมหาไพรวัลย์” เล่นหนังหอแต๋วแตกฯ ด้าน “พระพยอม” เผย พระธรรมวินัยไม่มีบัญญัติห้าม แค่สอนธรรมะสั้นๆ ไม่น่ามีปัญหา แต่หากแสดงตามบทสมมติ ไม่ได้แน่นอน!!

กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นดรามาที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่อยู่ขณะนี้ กับภาพยนตร์ “หอแต๋วแตกแหกโควิดปังปุริเย่” ของผู้กำกับดัง พชร์ อานนท์ ที่นอกจากจะมีนักแสดงชุดเดิมอย่าง จาตุรงค์ มกจ๊ก, ติ๊ก กลิ่นสี และ โก๊ะตี๋ อารามบอย มาสร้างเสียงหัวเราะแล้ว

ยังได้นักแสดงชุดใหม่ที่เป็นคนในกระแส ทั้ง แม่หญิงลี พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ และ เจ้าทิพย์, สิตางศุ์ บัวทอง ตลอดจนนิมนต์ “พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ” พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดสร้อยทอง มาร่วมแสดงอีกด้วย

ทันทีที่เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึง ความไม่เหมาะสม ที่เอาผู้ครองผ้าเหลือง อย่างพระมหาไพรวัลย์ มาแสดงหนัง

โดยทางด้านของผู้กำกับของเรื่องนั้น กล่าวถึงกระแสที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้เอาพระมาแต่งกะเทย อยู่ที่เจตนา อย่าเพิ่งดรามา รอดูหนังก่อน

“พส.ถ่ายเสร็จไปแล้ว มันก็ดรามาทุกเรื่องแหละ เราก็เฉยๆ พระท่านมาให้พรโรงแรมเจ๊แต๋ว ก็ให้น้ำมนต์ คือ ไม่ได้มาเล่นแบบวี้ดว้าย เขาเล่นเป็นพระ ทุกคนก็กราบพระ แล้วพระก็ให้พรทุกคน

เจตนาเราให้พระสงฆ์สอนธรรมะ แต่คนส่วนใหญ่วัยรุ่นหรือใครที่ไม่ได้เข้าวัด ก็มาดูหนังได้ธรรมะกลับบ้านไป เราไม่ได้เอาพระสงฆ์มาแต่งเป็นกะเทย ไม่ได้เอาพระสงฆ์มาเล่นเป็นเจ๊แต๋ว พระสงฆ์ก็เล่นเป็นพระทุกคนก็กราบ พระก็สอนว่าเราต้องทำดี คือเรารู้เพราะเราศาสนาพุทธเหมือนกัน”

ขณะที่ความคิดเห็นของโลกโซเชียลฯ ก็แตกออกเป็นหลายแง่มุม บ้างก็มองว่า พระไม่ควรเล่นหนัง ส่วนอีกด้านก็มองว่า คนไทยดรามาได้กับทุกเรื่อง รวมไปถึงมองว่าผู้กำกับผู้นี้ ใครมีกระแสเป็นต้องจับมาเล่นหนังของตนเสียหมด

พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ซึ่งเป็นพระนักคิดนักเทศน์ชื่อดังอีกรูป โดยท่านให้ความเห็นว่า หากเป็นแค่ออกมาเพียงฉากสั้นๆ เป็นการให้ศีลให้พร และไม่ได้สวมบทบาทเป็นตัวละคร ก็ไม่น่าจะผิดอะไร

“จะต้องคิดธรรมะในขณะนั้น ต้องไม่มีเล่นบทบาทอะไร ไม่เกิน 3 นาที 5 นาที จบ ประโยคสั้นๆ แค่ให้ศีล ให้พร ให้ธรรมะ ให้ข้อคิดเตือนใจ อาจจะเป็นตัวละครนางเอก พระเอก เตือนใจผู้ร้าย อะไรต่างๆ ถ้าลักษณะอย่างนี้ มันเป็นประโยชน์ด้วยซ้ำไป

อย่างคนมันจะกินเหล้า พระอาจจะเดินผ่าน แต่มีคำทิ้งไว้ กินเหล้า เสียทั้งสติ เสียทั้งสตางค์ แล้วก็ผ่านไป แค่นี้มันไม่มีอะไร เหลือทิ้งไว้แต่การเตือนสติ มันฝากในหนัง ในละครได้ทั้งนั้น อย่างนี้ไม่มีปัญหา 100 เปอร์เซ็นต์

เพราะว่าเขาใช้ล้อต๊อกแสดง ใช้เท่งแสดง บางทีมันก็ไม่ค่อยแนบเนียน เขาไม่ได้มีสมณสัญญา แต่ถ้าให้พระ พระมีสมณสัญญา รู้ว่าตัวเองเป็นพระ แล้วก็ให้หลักธรรมที่ถูกต้อง ชัดเจน แหลมคม ลึกซึ้ง น่าจะได้ ก็จะเกิดประโยชน์

ไม่ใช่เขาคิดเขียนบทให้ทำ ไปตีบทให้พระ แสดงตามบท ต้องออกอาการอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนกับเล่นตามบทประพันธ์ อันนี้ก็จะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ถ้าเปิดฉากแรกยันจบ มันไม่ได้หรอก อันนั้นมันเกินไป ไม่ได้แน่นอน ไม่ดีแน่นอน”

“ห้ามพระเล่นหนัง” พระธรรมวินัยไม่มีบัญญัติ

‘มหาสมปอง’ เข้ากราบลา ‘พระพยอม’ เตรียมสึก หันทำธุรกิจ-งานการเมือง

(17 ธ.ค. 64) พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ชื่อดัง จากวัดสร้อยทอง เดินทางไปกราบลาพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว หลังตัดสินใจเตรียมลาสิกขา

โดยพระมหาสมปอง กล่าวว่า เบื้องต้นจะลาสิกขาในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 13.09 น. ที่วัดสระเกศ ซึ่งหลังจากลาสิกขา จะมุ่งไปทำธุรกิจเป็นหลัก แต่ก็กำลังพิจารณาเรื่องการเข้าสู่สนามการเมือง เบื้องต้นมีการพูดคุยกับคุณวัน อยู่บำรุง ที่ช่วยพูดคุยให้กับผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทย ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุย และขอออกไปทำธุรกิจสักพัก จนถึงเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน

'พระพยอม' ให้ข้อคิดเนื่องใน 'วันวาเลนไทน์' เตือนสติวัยรุ่น ระวังถูกหลอก แนะรักอย่างถูกวิธี

(13 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันพรุ่งนี้ก็จะเข้าสู่เทศกาล 'วันแห่งความรัก' หรือ 'วันวาเลนไทน์เดย์' (Valentine's Day) เป็นวันที่ 14 ก.พ. 66 นี้ ของทุก ๆ ปี ที่จะมีหนุ่มสาวและอีกหลายผู้คนทั่วโลก ออกมาแสดงสื่อถึงการบอกรักกัน หรือมอบสิ่งที่ดี ๆ ให้แก่กันและกัน เพื่อเเสดงออกถึงวันแห่งความรัก เป็นสากลกันทั่วโลกในวันนี้

'พระราชธรรมนิเทศ' หรือ 'พระพยอม กัลยาโณ' พระนักเทศน์ชื่อดัง เจ้าอาวาสแห่งวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ได้เทศน์ฝากเตือนสติหนุ่มสาวในวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์เดย์นี้ 

"ช่วงวาเลนไทน์ อยากจะเตือน น้อง ๆ สาว ๆ รุ่น ๆ อย่าหมกหมุ่นกับวันวาเลนไทน์ แบบเสื่ยมเสีย แบบเสียหาย เขาเรียกว่า วันหิวกระหายเสียตัว อย่าให้กิเลสตัณหา ความเป็นเสือหิว เรื่องเพศนี้เข้ามาผลักไส จนเราเข้าสู่มุมอับของชีวิต สุดท้ายถูกหลอก จากภาพหนุ่มหล่อ ๆ สาวสวย ๆ หรือของแบรนด์เนมฝรั่งหรู ๆ อะไรแบบเนี่ย มาล่อลวงติดต่อเรา ทั้งที่จริงบางทีคนติดต่อลวงเรา อาจไม่สวย หล่อ ตรงปกเหมือนภาพที่ส่งให้เราดูแต่แรก ในเมื่อก่อนวันวาเลนไทน์ ผลเสียมีไม่มาก 

แต่ช่วงนี้มีการเปลี่ยนมาจับทิศทางการหลอกลวงทางเทคโนโลยี มันวิวัฒนการไปสู่ความวินาศทางเพศ ข้อสำคัญฝากไว้ อย่าลืมหลัก ถ้าคิดจะมีรัก ต้องมีรู้ มีรักค่อยมีลูก ถ้าเรียนยังไม่ถึงไหนเลย ม.1-ม.2 ไปมีรักแล้ว รู้ก็ยังไม่รู้เลย หากพลาดพลั้งมีลูก ต้องดรอปเรียนอีก ระวังกันด้วยพวกที่อยู่ในวัยเรียน ควรจะพรากเพียรศึกษาก่อน รักรอได้ แต่ระวังอย่าให้รักเป็นต่อขึ้นตา ที่เขาว่ากัน รักทำให้คนตาบอด

'พระพยอม' ชื่นชมพระกระโดดกำแพงช่วยโยม ชี้ มีเจตนาดีไม่อาบัติ แม้ดูไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป

จากกรณีพระสงฆ์ 2 รูปใจเด็ด กระโดดข้ามกำแพงวัด ช่วยหญิงร้านขายของชำถูกคนร้าย ใช้มีดพร้าจ่อคอ ภายในร้านขายของชำใน ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพชายอายุประมาณ 60 ปี พกมีดพร้าเดินเข้าไปในร้านขายของชำ ซึ่งขณะนั้นนางสา (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี กำลังยืนจัดสิ่งของอยู่ภายในร้าน จากนั้นคนร้ายได้เดินตรงเข้าไปใช้มือล็อกคอนางสา ทำให้นางสาเสียหลักล้มลงกับพื้น จากนั้นคนร้ายจึงใช้มีดพร้าจ่อลำคอนางสา พร้อมกับส่งเสียงตะโกนว่า “มึงทำกู กูจะฆ่ามึง” นางสาจึงดิ้นรนต่อสู้ ขณะที่คนร้ายกำลังก่อเหตุ บุตรสาวของนางสา ซึ่งอยู่หลังร้าน ได้ยินเสียง จึงวิ่งออกมาหน้าร้าน และพบแม่ถูกคนร้ายกำลังจะใช้มีดพร้าปาดคอ จึงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ 

ระหว่างนั้น พระขวัญเมือง สิริธัมโม พระลูกวัดโขดหิน พร้อมกับพระลูกวัดอีกรูปหนึ่ง กำลังต่อท่อน้ำ อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงพากันกระโดดข้ามกำแพงวัด เข้าไปช่วยเหลือนางสา และเมื่อคนร้ายเห็นพระเข้ามาช่วย จึงวิ่งออกจากร้านชำ และขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

พระพยอม’ เตือน พระสงฆ์ที่ทำพิธีลงนะหน้าทองให้สีกา หากแตะเนื้อต้องตัวสีกา ถือเป็น ‘ศิษย์นอกครู-อาบัติ’

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพพระสงฆ์ทำพิธีลงนะหน้าทองให้กับสีกาจำนวนหลายท่าน โดยมีพฤติกรรมการแตะเนื้อต้องตัว ใช้นิ้วแตะหน้าผาก และจับมือ ทำให้เกิดกระแสดราม่าในโลกโซลเชี่ยลว่าไม่เหมาะสม

(30 มี.ค.66) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566  ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับทาง พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม จั่นเพชร กลฺยาโณ กล่าวว่า การลงนะหน้าทองโดยปกติแล้วจะต้องใช้ธูปและเทียนในการทำพิธี แต่จากกรณีนี้เห็นว่าเป็นการจับด้วยมือแตะหน้าผากสีกา ตนพึ่งเห็นเป็นรายแรก แต่จะมีที่อื่นอีกหรือไม่ตนไม่ทราบแต่ครั้งนี้เห็นชัดเจน ตนจึงขอใช้คำว่าศิษย์นอกครู

พระพยอม กล่าวว่า ธรรมดาแล้วพระพุทธเจ้าเป็นพระบรมครู ครูเสก ครูสวด ครูเจิม ครูสัก เป็นครูที่นอกเหนือจากพระบรมครู ใครที่ไม่เอาพระพุทธเจ้าเป็นบรมครู แต่ไปนักถือครูอื่นแทน และมาอ้างว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าทำได้ตนมองว่าไม่ควรทำ ถ้าทำลงไปแล้วจับสีกาไปแล้วถือว่าอาบัติ ถือว่าโลกวัชชะ แต่ละวัดที่คิดจะทำแบบนี้ขอให้รักษาประเพณีเดิม เอาดอกไม้ธูปเทียน เอาดอกบัวเคาะ ก็ว่ากันไป ซึ่งทางวัดตนก็ไม่มีการทำพิธีเช่นนี้เพราะเป็นการหากิน ถ้าจะเป็นพระแค่บิณฑบาตก็ควรพอแล้ว ให้หาวิธีอื่นมาทำแทนดีกว่าจะไปจับไปแตะขนาดนั้น จะไม่มีอะไรครอบงำบุรุษนอกจากสตรี ทั้งกลิ่นเนื้อหนังและการสัมผัส และก็ไม่มีอะไรครอบงำสตรีได้นอกจากรูปงามของบุรุษเช่นเดียวกัน

"ในการที่พระสงฆ์ทำเช่นนี้เป็นการผิด ถ้าไม่เอาพระพุทธเจ้าเป็นบรมครูไปนับถือครูอื่นก็จะมีแต่ตกต่ำ จะต้องเดือดร้อนใจในภายหลัง เพราะจากที่ดูแล้วพระสงฆ์ที่ทำพิธีอายุก็ยังไม่มาก ซึ่งการทำพิธีลงนะหน้าทองมีหลายแบบและมีเยอะ อย่าเป็นผีเน่ากับโลงผุ เป็นผู้หญิงก็อย่ายื่นหน้ายื่นตาไปให้พระ เป็นพระก็อย่าหมิ่นเหม่ไปเกี่ยวข้องกับพรหมจรรย์ ทุกอย่างจะได้บริสุทธิ์และสมบรูณ์แบบ"พระพยอม กล่าว


ที่มา : https://www.naewna.com/likesara/720850

พระพยอม แจง คนว่ามาเยอะ แต่ต้องทำใจให้เหมือน 'แผ่นดิน' ที่มันหนักแน่น ชี้ คำว่าแตะสถาบัน ตีโจทย์กันยังไง ถ้าแตะแบบ ‘แก้ไขปรับปรุง’ ควรแตะได้

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค. 66) พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้กล่าวชี้แจงผ่านรายการ อมรินทร์ทีวี โดยระบุว่า..

"มีคนว่ามาเยอะ แต่ต้องทำใจให้เหมือน 'แผ่นดิน' ที่มันหนักแน่น...ส่วนคำว่าแตะสถาบัน ตีโจทย์กันยังไง ถ้าแตะแบบ ‘แก้ไขปรับปรุง’ ควรแตะได้"

>> สามารถติดตามรายเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=C6fiKiPnX14#bottom-sheet

‘ศปปส.' บุกร้องเรียนสำนักพุทธฯ เหตุ 'พระพยอม' เชียร์พิธาเกินงาม หวั่นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม

(24 ก.ค. 66) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว และ นายนพดล พรหมภาสิต ประธานกลุ่มศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. พร้อมคณะ เดินทางมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการเรียกร้องให้ทางสำนักพุทธฯ ดำเนินการตามขั้นตอนกรณีพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พระนักเทศน์ชื่อดัง ภายหลังออกมาวิจารณ์การเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยมองว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะถูกสกัดกั้นและจะได้คะแนนสงสารเยอะมาก คราวหน้ายิ่งกว่าแลนด์สไลด์

นายนพดล พรหมภาสิต ประธาน ศชอ. ระบุว่า "การกระทำของพระพยอม เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม ด้วยพระพยอมเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง หรือพระเซเลป การแสดงความคิดเห็นของพระพยอม คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ได้กระทบในวงกว้าง หากพระพยอมยังมีพฤติกรรมวิพากษ์วิจารณ์ หรือพูดเกี่ยวกับการเมืองต่อไปเรื่อย ๆ อาจจะทำให้สังคมเกิดความแตกแยก และทำให้พุทธบริษัท 4 ไม่ว่าจะเป็น อุบาสก อุบาสิกา หรือใครอีกหลายๆคนรู้สึกไม่สบายใจ ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า การแสดงความคิดเห็นทางด้านการเมือง จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง มีทั้งฝั่งที่เห็นด้วย และฝั่งที่ไม่เห็นด้วย

พฤติกรรมของพระพยอมที่เกิดขึ้น ทำให้ถูกมองว่าพระพุทธศาสนา กำลังจะถูกโยงเข้าไปในความขัดแย้งทางการเมือง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง

พระพยอมควรระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์ ไม่ต้องตอบทุกคำถามกับนักข่าวก็ได้ ควรสงบปากสงบคำ ถ้าคำถามนั้นทำให้เกิดเป็นประเด็นทางการเมืองที่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในสังคม"

‘ศปปส.’ บุกยื่นหนังสือสอบพฤติกรรม ‘พระพยอม’ ชี้!! ทำประชาชนแตกแยก ส่ออาบัติสังฆาทิเสส

(29 ก.ค. 66) นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมตัวแทนประมาณ 10 คน เดินทางมายังวัดบัวขวัญ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เพื่อนำหนังสือร้องเรียนถึงประพฤติกรรมในการเทศน์ของ ‘พระพยอม กัลยาโณ’ ที่ทางกลุ่มมองว่าไม่เหมาะสม เพราะมีการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์และการเมืองเข้าเกี่ยวข้อง จึงยื่นหนังสือให้กับ พระเทพวชิรนันทาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบัวขวัญ ในฐานะเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ตรวจสอบและลงโทษทางวินัยกับพระพยอมต่อไป

นายอานนท์ กล่าวว่า หลังจากก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้เดินทางไปยื่นเรื่องกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาแล้วอาทิตย์หนึ่งแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ วันนี้จึงรวมตัวกันเดินทางนำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของพระพยอม กัลยาโณ มายื่นให้กับเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ในฐานะผู้ปกครอง ดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้ต่อไป

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อทางกลุ่มมาถึง ทางเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีกลับไม่ออกมารับหนังสือ เดินหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ หรือว่าท่านเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีความสำคัญ ทั้ง ๆ พระพยอมซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ไปพูดจาพาดพิงถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์และการเมือง ทำให้สังคมซึ่งเกิดความแตกแยกกันอยู่แล้ว แตกแยกกันหนักยิ่งขึ้นไปอีก

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ซึ่งมติมหาเถระสมาคมเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2538 มีมติไม่ให้พระสงฆ์ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่พระพยอมกลับไปพูดถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในทำนองชื่นชมราวกับคนที่ฝักใฝ่ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดและขัดกับคำสั่งของมหาเถระสมาคมเป็นอย่างมาก แต่ทางเจ้าคณะก็ไม่ออกมารับหนังสือจากทางกลุ่ม ทั้ง ๆ ที่ได้มีการประสานเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ทางกลุ่มมาแค่ยื่นหนังสือร้องเรียนไม่ได้มาคุกคาม

นายอานนท์ กล่าวว่า นอกจากนี้ พระพยอมยังไปพูดเห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย ม.112 ของพรรคก้าวไกลในทำนองที่เห็นด้วย ทั้ง ๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความออกมาแล้วว่าการไปปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ แล้วยิ่งพระพยอมซึ่งมีผู้คนนับถือเป็นจำนวนมากมาพูดชี้นำแบบนี้ก็ทำให้ผู้คนหลงเชื่อกันไปใหญ่ ยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกตามมาก

นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า ซึ่งในกฎของสงฆ์มีข้อห้ามเอาไว้ว่า การทำให้สงฆ์แตกแยกถือเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ดังนั้นการที่พระพยอมออกมาพูดแล้วทำให้คนในสังคมเกิดความแตกแยกแบบนี้ถือเป็นอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่ กลุ่มจึงเดินทางมายื่นหนังสือกับเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรีเพื่อทำการตรวจสอบพระพยอมในเรื่องนี้

นายอานนท์ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพระพยอมเป็ยฝ่ายกองเชียร์คนเสื้อแดงมากว่า 10 ปีแล้ว แต่มาในวันนี้กลับกลายเป็นคนเสื้อส้ม ถึงขั้นเห็นด้วยกับกฎหมายที่พรรคก้าวไกลพยายามจะแก้ไข ม.112 จนถึงขั้นเอานายพิธาไปเปรียบเทียบกับอดีตพระมหากษัตริย์บางพระองค์ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แล้วหลังจากที่พระพยอมได้พูดชี้นำ พาดพิง จนกลายเป็นข่าวไปแล้วนั้น ตนยังไม่เห็นเลยว่าพระพยอมจะออกมาขอโทษกับทางสังคมเลย

นายอานนท์ กล่าวว่า มีแต่ไปพูดกับสื่ออีกว่า จะเลิกพูดเกี่ยวกับการเมืองหลังเข้าพรรษาไปแล้วแค่นั้น ตนและกลุ่มจึงเห็นว่าเรื่องนี้ทางเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ปกครองโดยตรงของพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ควรดำเนินการตรวจสอบเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป แต่ทางเจ้าคณะจังหวัดไม่ออกมารับหนังสือ ทางกลุ่มก็จะเดินทางไปยื่นและติดตามเรื่องกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไป

‘พระพยอม’ จวกยับ!! ‘ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ’ หลังมีคนปั๊มยาบ้าเป็น ‘เศียรพระ’ ลั่น!! 'คนคิดคนทำชีวิตคงไม่สูงส่งอะไร-หากินแบบหาเวรหากรรม'

จากกรณีที่ เพจหลวงพี่มาแล้ว โพสต์ภาพยาบ้าอัดเม็ดในรูปแบบใหม่ เป็นเศียรพระพุทธรูป จนมีคนเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก

(2 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถาม พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยพระพยอมมองว่า อัปยศที่สุดของความชั่วของความเลว เอายาบ้ามาทำเป็นเศียรพระพุทธรูปโดยไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษอะไรเลย สังคมสมัยนี้ศีลธรรมตกต่ำถึงสุดขีด ถึงกับเอายาบ้ามาปั๊มเป็นเศียรพระพุทธรูปได้ ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่เคารพบูชาสูงสุด คนส่วนใหญ่กราบไหว้ แต่นี่เอามาทำแบบไร้ค่า ด้อยค่าพระพุทธศาสนา คนคิดคนทำชีวิตคงไม่สูงส่งอะไร

พระพยอมกล่าวว่า การนำยาบ้ามาปั๊มแบบนี้น่าจะเป็นวิธีการจูงใจลูกค้า หรือคนเสพให้หันมาสนใจมากขึ้น ด้วยรูปลักษณะที่แปลกหูแปลกตา กระตุ้นให้คนอยากเสพ เพราะเห็นเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่น่าเกลียด ถ้าไปทำรูปน่าเกลียดคนก็คงไม่ซื้อ ไม่สนใจ พอมาทำเป็นเศียรพระพุทธรูปก็เหมือนเพิ่มแรงโน้มน้าว เอาศาสนาไปเป็นเครื่องมือทำมาหากินกัน หากินแบบหาเวรหากรรม

‘พระพยอม’ แจงปม ‘วัดสวนแก้ว’ เกิดเพลิงไหม้ ทำเด็กวัดดับ 3 ศพ ยัน!! ประตูกุฏิ ไม่ได้ล็อกตามสื่อบอก วอนรอผลพิสูจน์หลักฐาน

(23 พ.ค.67) จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 23.00 น. วันที่ 22 พ.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กุฏิภายในวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบชื่อคือ ด.ช.ปัณณวิชญ์ ชูติมัลตานนท์ (น้องเอ็ม) อายุ 11 ปี ด.ช.ปัณณวัฒน์ ชูติมัลตานนท์ (น้องเอส) อายุ 11 ปี (ซึ่งทั้ง 2 เป็นฝาแฝดกัน) และ ด.ช.ธีรพงษ์ รบศรี อายุ 9 ปี จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รีบรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ล่าสุดวันนี้ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.หญิง วิมลธรา พาลี ผกก.พฐ.จว.นนทบุรี นวท.(สบ 4) พ.ต.อ.ปิยวุฒิ แก้วมณี รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี รักษาการ ผกก.สภ.บางใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บริเวณกุฏิเก่าภายในวัด หลังเกิดเหตุสลด เด็กวัดถูกไฟคลอกเสียชีวิต 3 ราย เมื่อคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัด ไม่พบประตูของกุฏิถูกล็อกแต่อย่างใด ซึ่งยังพบร่องรอยของเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูที่ใช้อุปกรณ์เครื่องตัดถ่าง มาตัดบริเวณโครงเหล็กข้างกุฏิ เพื่อนำร่างเด็กทั้ง 3 ราย ออกมาจากด้านใน

พระพยอม กล่าวว่า เราเลี้ยงเด็กในวัดสวนแก้วมา 20 ถึง 30 ปี รุ่นแรก ๆ มีครอบครัว เรียนจบการศึกษาปริญญาตรี ทำงานได้ดี ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในวัด ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งเมื่อคืนเป็นวันวิสาขบูชา พออาตมาเทศน์เสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป เด็กคงเห็นโอกาสว่าไม่มีผู้ใหญ่ดูแลจึงลงจากตึกมาเล่นกันที่กุฏินี้ จึงทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่เคยนึกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เด็กรุ่นแรก ๆ อยู่กันเป็นร้อยมาก แต่ตอนนี้เหลือน้อยลงมาก ซึ่งได้มีการสอบถามเด็กที่ลงไปเล่นด้วยเมื่อคืนก่อนจะขึ้นมาด้านบน ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโชคดีที่ขึ้นมาไม่งั้นคงเกิดเหตุสลดมากกว่านี้

อาตมาคงให้ข้อมูลได้แค่ในส่วนของทางเรา นอกนั้นต้องให้ทางพิสูจน์หลักฐานเป็นคนให้ข้อมูล ซึ่งเมื่อคืนอาจจะมีเรื่องคลาดเคลื่อนที่อาจทำให้ทั้งวัดเสียหาย ทางวัดมีรปภ.เป็น 10 คน เมื่อคืนพอเห็นไฟไหม้เจ้าหน้าที่ก็รีบวิ่งไปเอาถังดับเพลิงมาฉีด 7 ถัง ข่าวที่ออกไปว่าไปถึงแล้วเข้าไม่ได้เพราะล็อกกุญแจหน้าห้องไว้ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ล็อก เพราะหากพูดแบบนั้นพระต้องเข้าคุกแน่ เพราะฆาตกรรมเด็ก เราเลี้ยงเด็กมาหลายรุ่นผ่านมา 400-500 คนประสบความสำเร็จบ้าง ติดคุกบ้าง ตายไปบ้าง แต่ไม่เคยมีใครเกิดเหตุไฟไหม้ตาย ทางมูลนิธิวัดสวนแก้วมีทุนการศึกษารับอุปการะเด็กที่ไม่มีกำลัง อาตมาเสียดายเด็กที่เสียชีวิตไป เนื่องจากเพิ่งจะตัดชุดใหม่ได้แค่ 2 วัน พอถึงวันวิสาขบูชาก็หยุด และมาเกิดเหตุสลดดังกล่าว เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ เพราะว่าเราดูแลเด็กอย่างเต็มที่ ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าทุกอย่างใช้จ่ายโดยเงินมูลนิธิฯทั้งหมด เท่าที่ทราบเด็กกลุ่มนี้ชอบเล่นพวกแท็บเล็ต อาตมาก็จะคอยเตือนคอยห้ามว่าไม่ให้ชาร์จแบตทิ้งไว้

แต่เด็กเคยบอกกับอาตมาว่าถ้าไม่อยากให้แบตหมดก็ต้องเสียบปลั๊กคาไว้ตลอด เคยเห็นเด็กพูดคุยกัน ที่นี่เมื่อก่อนเป็นกุฏิพระและพระเหลือน้อยก็เลยไม่มี เด็กก็อาจจะไปเล่นกัน มีเด็กขึ้นไปบนกุฏิ 2 คน ไม่งั้นคงเกิดเหตุสลดทั้งหมด 5 ศพ เด็กพวกนี้เป็นเด็กที่มาอยู่ที่วัดได้ 2-3 เดือนแล้ว เพราะญาติพ่อกับแม่เด็กเลิกกัน และญาติพี่น้องก็นำมาบวชเรียนที่วัด มีเป็นฝาแฝด 2 คู่ ที่อยู่ในวัดแห่งนี้ตาย 1 คู่ และอีกคนหนึ่งเป็นคนน้องตายคนเดียว เมื่อคืนอาตมายังไม่ได้เข้าไปดูเพราะเข้านอนแล้ว มีนักข่าวบางส่วนมาที่วัดเมื่อคืนนี้ เป็นพยานได้ว่าประตูในกุฏิไม่ได้ล็อก และทางวัดก็มีคลิปที่เปิดประตูเข้าไปดับไฟ

ด้าน น.ส.เกษร อินตะ อายุ 42 ปี อาชีพพนักงานปั๊มบางจาก แม่ของ ด.ช.ปัณณวิชญ์ ชูติมัลตานนท์ (น้องเอ็ม) อายุ 11 ปี ด.ช.ปัณณวัฒน์ ชูติมัลตานนท์ (น้องเอส) อายุ 11 ปี เด็กฝาแฝด  กล่าวว่า ตนรู้ข่าวแล้วเสียใจมา อยากบอกกับลูกว่าตอนนี้ตนมาอยู่ตรงนี้แล้วมารับลูกทั้งสองคน อยากให้มาหาเสียใจที่สุดในชีวิต ใจจะมาหาลูกวันที่ 8 มิ.ย.67 แต่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เสียใจมาก ๆ ถ้าตายตามลูกไปได้จนจะตายตาม ตอนนี้ตนไปไม่เป็นไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ได้มั้ย เมื่อ 2-3 วันก่อนยังคุยกันว่าจะมาหาลูก แต่ตนต้องทำงานอยู่ ตนรู้ข่าวเมื่อเช้าตอนเวลาประมาณ 06.00 น.ที่บ้านโทรมาบอก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top