Sunday, 19 May 2024
ฝีมือคนไทย

‘ดาวเทียม THEOS-2’ ฝีมือคนไทยดวงแรก เตรียมขึ้นสู่อวกาศ ก.ย.นี้ เพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี รองรับการเติบโตของธุรกิจอวกาศ

(14 ส.ค.66) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานะโครงการระบบดาวเทียมสำรวจพร้อมระบบภาคพื้นดิน และระบบแอปพลิเคชันภูมิสารสนเทศสำหรับโครงการระบบดาวเทียมเพื่อการพัฒนา ‘THEOS-2’ ประกอบและทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว เก็บไว้ภายใต้สภาวะควบคุมสภาพแวดล้อม ณ Airbus Test Facility เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส โดยคาดว่า จะปล่อยสู่วงโคจรได้ปลายเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน 2566 ณ ฐานปล่อยจรวดในเมืองเฟรนช์เกียนาในทวีปอเมริกาใต้

ขณะที่ดาวเทียมเล็ก THEOS-2A ประกอบและทดสอบแล้วเสร็จ เก็บไว้ภายใต้สภาวะควบคุมสภาพแวดล้อม ณ อาคารประกอบและทดสอบแห่งชาติ AIT อุทยานรังสรรค์นวัตกรรม (SKP) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี คาดว่า จะนำส่งขึ้นสู่อวกาศในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ณ ฐานปล่อยจรวดภายในศูนย์อวกาศสาธิต ธาวัน เมืองศรีหริโคตา ประเทศอินเดีย

“ดาวเทียม THEOS-2 ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรวจโลกดวงแรกของไทย มีการพัฒนาออกแบบโดยฝีมือคนไทย จะขึ้นสู่ห้วงอวกาศเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งกำหนดการสามารถเลื่อนได้ตามสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง” นางสาวรัชดา กล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ โดยดำเนินการเตรียมความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศหลายส่วนและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกิจการด้านอวกาศของประเทศ อาทิ สถานีควบคุมและรับสัญญาณดาวเทียมและการพัฒนาระบบปฏิบัติการดาวเทียมภาคพื้นดิน ระบบคลังข้อมูลจากดาวเทียมที่พร้อมใช้ ศูนย์ปฏิบัติการความเป็นเลิศและนวัตกรรมการบินและอวกาศที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานสากล

รวมถึงศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของประเทศ ตั้งอยู่ภายในอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นศูนย์ที่มีความทันสมัยได้มาตรฐานสากล เพื่อรองรับการพัฒนาชิ้นส่วนอุปกรณ์ สร้าง ประกอบ และทดสอบดาวเทียม

รวมทั้ง รัฐบาลให้ความสำคัญของการพัฒนากำลังคน เพื่อรองรับการเติบโตของกิจการด้านอวกาศ ภายใต้โครงการ THEOS-2 ซึ่งหลังจากที่วิศวกรดาวเทียมของไทย 22 คน ได้ไปฝึกฝน เรียนรู้ และลงมือปฏิบัติจริงอย่างเข้มข้น ณ สหราชอาณาจักรและกลับมาต่อยอดให้กับบุคลากรในประเทศ

จากนั้นจะมีการดำเนินการต่อในเรื่อง การสร้างวิศวกรใหม่ โดยการรับวิศวกรรุ่นใหม่ หรือที่มีความสนใจในการสร้างดาวเทียมมาร่วมทีมพัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ที่สนใจทั่วไป ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัยและประชาชนทั่วไป และในอนาคตอันใกล้เรากำลังจะสร้างดาวเทียมดวงใหม่โดยฝีมือคนไทย 100% ในนาม ‘THEOS-3’

“พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อขับเคลื่อนไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่น และมีแนวคิดที่ต้องการให้ไทยพัฒนาส่วนของเทคโนโลยีอนาคตเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งก็เพื่อการแข่งขันในโลกสมัยใหม่ เท่าทันวิวัฒนาการ และเพื่อความก้าวหน้าทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม นำพาประเทศและประชาชนให้คุ้นชินกับอุตสาหกรรมอนาคต พัฒนาสู่ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” นางสาวรัชดา กล่าว

ส่องชุดราตรี ‘นางงามเปอร์โตริโก’ Top 5 MU 2023 ผลงาน ‘คนไทย’ สวยหรูโดดเด่นสู่สายตาชาวโลก

(20 พ.ย. 66) การประกวด Miss Universe 2023 จบลงไปแล้ว โดยผู้ที่คว้ามงกุฎ Miss Universe 2023 ไปครอบครอง ได้แก่ ‘เชย์นิส ปาลาซิโอส’ (Sheynnis Palacios) สาวงามจากประเทศนิการากัว 

ส่วน ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2023 คว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยในการประกวดครั้งนี้ และรองอันดับ 2 คือ ‘Moraya Wilson’ นางงามจากออสเตรเลีย

ซึ่งนอกจากความภาคภูมิที่ได้รับจากสาว ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ แล้ว อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยที่ถือเป็นสีสันของเวที Miss Universe 2023 นี้ ก็คือชุดราตรีไล่เฉดสีน้ำเงิน-ม่วง-ชมพูที่สาวงามจากเปอร์โตริโกสวมใส่ในรอบ 5 คนสุดท้าย สวยสดใสสะดุดตา แท้ที่จริงแล้วเป็นฝีมือแบรนด์คนไทยที่มีชื่อว่า แบรนด์ GL GarlateDesign

โดยเฟซบุ๊ก GL GarlateDesign ได้โพสต์ภาพของชุดราตรีดังกล่าว ที่ยังคงสวมอยู่ในหุ่น พร้อมระบุข้อความว่า "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ขอบคุณทุกโอกาสที่เข้ามา ขอบคุณทีมงาน GL GarlateDesign ทุกคน ที่ช่วยกันพัฒนาผลงานเพื่อส่งต่อสู่สายตาชาวโลก ทุกคำติชมทางแบรนด์ขอน้อมรับและพัฒนาแบรนด์ต่อไป ขอบคุณครับ" 

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ไปแฟนนางงามต่างเข้ามาชื่นชม และร่วมแสดงความยินดีที่แบรนด์ไทยได้ไปปรากฏสู่สายตาคนทั่วโลก ถือว่าเป็นชุดราตรีที่มีความสวยงามโดดเด่นไม่น้อย โดยแบรนด์ GL GarlateDesign นี้ ยังเคยได้โชว์ฝีมือผ่านเวทีการประกวดมาแล้วหลากหลายเวที เช่น มิสไทยแลนด์เวิลด์ และ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ เป็นต้น

สื่อนอกตีข่าว 'ศิลปะ (แมว) บนนาข้าว' เบียนนาเล่เชียงราย เปลี่ยนผืนนา เป็น 'แลนด์มาร์ก-แหล่งท่องเที่ยว' กระหึ่มโลก

นาไทย ศิลปะไทย ดังไกลกระหึ่มโลก ภายหลังจากสำนักข่าว 'รอยเตอร์' ได้ตีข่าว 'เบียนนาเล่เชียงราย' ศิลปะบนนาข้าว 'เจ้าเหมียว' ซึ่งเป็นแมวกอดปลา หลับปุ๋ยบนปุยเมฆ จนดังไกลไปทั่วโลกแล้วในขณะนี้

(19 ธ.ค.66) 'ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว' เป็นงานศิลปะจัดวางรูปแมวกอดปลาบนนาข้าวที่บ้านขอนซุง ม.4 ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย ที่ฮือฮาแพร่หลายอยู่ในโลกออนไลน์ และสำนักข่าวอย่าง 'รอยเตอร์' ก็ได้นำไปเผยแพร่ โดยเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะระดับโลกฝีมือคนไทยที่ได้โชว์ในงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Chiangrai 2023 ซึ่งสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 9 ธ.ค. 2566 ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 5 เดือนเต็ม โดยงานศิลป์บนนาข้าวจะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่เชียงรายที่นักท่องเที่ยวเข้าชมและเช็กอินกับท้องนาสีสันสดใส ผลงานสุดมหัศจรรย์นี้จะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ธันวาคม 2566

ธันย์พงค์ ใจคำ เจ้าของพื้นที่ผู้ให้การสนับสนุนสร้างงานศิลป์ร่วมสมัย 'ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว' กล่าวว่า ศิลปะบนนาข้าวเกิดจากได้รับโอกาสจากศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในการปลูกข้าวสายพันธุ์สรรพสี ซึ่งต้นข้าวจะมีหลายสี  โดย จ.เชียงราย เป็น 1 ใน 15 พื้นที่ทั่วประเทศ จัดทำโครงการศิลปะบนแปลงนา ซึ่งสอดรับกับเชียงรายเป็นเมืองศิลปะ จึงนำโครงการนี้ไปพูดคุยกับสมาคมขัวศิลปะ เชียงราย นำมาสู่การทำงานร่วมกับศิลปินขัวศิลปะ ซึ่งชื่นชอบแมวเช่นกัน ได้แนวคิดออกแบบภาพแมวกอดปลานี้ร่วมแสดง Thailand Biennale Chiangrai แล้วยังมีภาพแมวนอนหลับ และแมวตาโต ที่ตรงกับโจทย์มหกรรมครั้งนี้ the Open World หรือ เปิดโลก

จากรูปที่ศิลปินออกแบบแล้ว ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ กำหนดตำแหน่ง ลวดลายเส้น  ทำงานกับแปลงนาข้าว ก่อนนำข้าวปักตามตำแหน่งที่ถูกต้อง โดยทยอยปลูกข้าว เริ่มตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา และเกิดเป็นงานศิลปะสามารถเข้าชมแบบไม่เป็นทางการได้บนเนื้อที่ราว 5 ไร่  ช่วงหนาวนี้ข้าวกำลังเจริญเติบโต เฉดสีเริ่มเปลี่ยน ซึ่งสีสันของผลงานจะสวยที่สุดสิ้นเดือนธันวาคม เพราะปีนี้ฤดูหนาวมาล่าช้าเป็นเดือน

สำหรับสายพันธุ์ข้าวสรรพสีเหล่านี้จะปรากฏสีบนแผ่นใบชัดเจน และสวยงามมากเมื่อปลูกในช่วงฤดูหนาว ข้าวสรรพสีมีหลากหลายสี สีพื้นบ้านเป็นสีเขียว และสีม่วงอมดำ โดยในแปลงจะมีข้าวทั้งหมด 7 สี ที่มองเห็นเฉดสีที่แสดงออกบนใบข้าวแต่ละพันธุ์ จากแถบสีแดง สีชมพู สีม่วง สีฟ้า สีส้ม สีเหลือง และสีเขียว คล้ายกับสายรุ้ง นอกจากได้ท้องนาสีสันศิลปะแต่มแต้มด้วยงานศิลป์แล้ว ใบข้าวสรรพสีมีศักยภาพสูงในการเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ เส้นใยอาหาร ธาตุอาหารรอง และกรดอะมิโนที่ดีที่สุดด้วย

ศิลปะบนนาข้าว หรือ Tanbo Art  ธันย์พงค์ บอกว่า Tanbo Art เป็นทั้งนวัตกรรมและงานศิลปะที่พบเห็นได้ในประเทศญี่ปุ่น แต่ละปีมีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวและออกแบบลวดลายบนแปลงข้าว สำหรับในประเทศไทย เป็นอีกมิติใหม่ของการทำนา ปรับปรุงความเป็นอยู่ของชาวนา ที่โดยทั่วไปอยู่ในความยากจนและด้อยโอกาส เพราะสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากผลผลิตทางการเกษตรและการท่องเที่ยว งานศิลปะนี้เปิดมุมมองให้เกษตรกรรุ่นใหม่ เปิดโลกการเรียนรู้ การปลูกข้าวสรรพสี นอกจากเมล็ดข้าวไปบริโภคแล้ว ยังมีด้านศิลปะเพื่อความสวยงาม ด้านเทคโนโลยีในการปลูก ไทยแลนด์เบียนนาเล่จะเป็นโอกาสสำคัญถ่ายทอดเรื่องนี้ ชวนทุกคนมาสัมผัสข้าวหลากสีกับผลงานศิลปะตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม ต่อเนื่องมกราคม กุมภาพันธ์ ทุ่งข้าวจะมีสีชมพูสวยงาม ก่อนจะเก็บเกี่ยวกลางเดือนมีนาคม 2567  

อากาศดีๆ ชวนไปเสพงานศิลป์ที่เชียงราย Thailand Biennale, ChaingRai 2023 ไม่ได้มีแค่แปลงนาสวยๆ รออยู่ ยังมีผลงานของ 60 ศิลปินจาก 21 ประเทศ จัดแสดงทั้งที่หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย Chiangrai International Art Museum : CIAM ใกล้กับสนามบินแม่ฟ้าหลวง งานศิลปะระดับโลกที่โชว์ทั้งอำเภอเมือง อ.เชียงแสน อ.แม่ลาว และ อ.พาน

ไทยแลนด์เบียนนาเล่นี้มีบริการข้อมูลนิทรรศการทั้งที่เป็นเอกสารและแบบสแกน QR Code พร้อมทั้งบริการรถตู้รับส่งตามเส้นทางต่างๆ นำชมนิทรรศการศิลปะในพื้นที่ รวม 6 เส้นทาง 14 จุดบริการ วันละ15 คัน จำนวน 3 รอบต่อวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 - 17.00 น. ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 เม.ย.2567 สนใจคลิกได้ที่เว็บไซต์เส้นทางให้บริการรถนำชมนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย TBC2023 https://biennalechiangrai-media-info.my.canva.site/website-tbc2023-transportation เพจและเฟซบุ๊ก Thailand Biennale,Chaing Rai 2023  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top