Friday, 3 May 2024
ปิยะบุตร

4 เหตุผล ที่ยังไม่ควรแก้ ‘มาตรา112’

ไม่นานมานี้ คุณอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ได้เปิดเผยในรายการ Click on Clear THE TOPIC EP.81 เกี่ยวกับเหตุผลที่ ทำไม…ไม่ควรแก้ ‘มาตรา 112’ ว่า...

จุดยืนของผมและพรรคกล้า ชัดเจนว่า ‘มาตรา 112’ ไม่ควรยกเลิก และไม่ควรแก้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ เพราะว่าถ้าเราไปแก้ไข มันจะทำให้การหมิ่นเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางมากขึ้น บ่อเกิดแห่งความขัดแย้งมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม 

ประการแรก คือ หากเกิดการแก้ไขมาตรา 112 แล้วเกิดการหมิ่นมากขึ้น สิ่งที่ตามมาเป็นประการที่สอง คือ จะเกิดการชุมนุม และเกิดการปะทะกันทั้ง 2 ฝั่งมากขึ้น

ทำไมถึงจะการเกิดการปะทะกันทั้ง 2 ฝั่ง เนื่องจากผลการดำเนินคดีของมาตรา 112 ขณะนี้ที่เราเห็นอยู่มีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้อง หรือเป็นผู้กล่าวโทษ ร้องทุกข์อยู่ครึ่งหนึ่ง ถ้าเกิดมองว่าเพราะเป็นเรื่องที่รัฐเข้าแกล้ง หรือไปดำเนินการมาตรา 112 โดยตรง แต่ความเป็นจริงแล้วคนที่มาแจ้งความส่วนมากคือราษฎร นี่คือข้อเท็จจริง!!

ส่วนประการที่สามนั้น คือ โอกาสในการนำไปสู่รัฐประหารอีกครั้ง เนื่องจากว่า ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี จะอยู่ครบ 8 ปีไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ และวันที่ท่านต้องครบคือ เดือน สิงหาคม ในปีหน้า (2565) เพราะฉะนั้นวันนี้จนถึงสิงหาคมปีหน้า ผมมองว่าถ้าการเมืองไม่เกิดวิกฤตอีกระรอก เชื่อว่าท่านก็คงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว และรอติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต

ฉะนั้นถ้าเราเชื่อเรื่องกลไกของประชาธิปไตย ก็อย่าพึ่งไปทำให้เกิดแรงกระเพื่อม เพราะตอนนี้วิกฤตที่เกิดขึ้นคือ วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตโรคระบาด ไม่ใช่วิกฤตการเมือง แต่ถ้าเรามาทำให้เกิดเป็นวิกฤตการเมืองแล้วล่ะก็ ตอนเลือกตั้งทุกคนก็จะเลือกด้วยความเกลียด และความกลัว 

และนั่นก็แปลว่าเราทุกคนตกอยู่ในเครื่องมือของการแบ่งแยกคนเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งโอกาสที่การแบ่งแยกคนอีกครั้งก่อนการเลือกตั้ง มันอาจจะกลายเป็นหัวข้อว่า ใครเห็นด้วยต่อกับปฏิรูปสถาบันไปฝั่งนี้ ใครให้ไม่เห็นด้วยไปฝั่งนี้ อย่าให้ใครมาแบ่งเราแบบนี้เด็ดขาด เพราะมันจะให้เราตัดสินใจด้วยความเกลียด และความกลัว

อรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ผมจะไม่ยอมให้เรื่องสถาบันกลายเป็นประเด็นการแบ่งแยกเด็ดขาด เพราะความเข้มแข็งของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย จะเป็นองค์กรที่ยุติความขัดแย้งทางการเมืองได้ด้วย เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์มีส่วนอย่างยิ่งในการยุติและหลีกเลี่ยงการปะทะของบุคคลทั้ง 2 ฝ่ายเสมอ ดังนั้นถ้าเกิดว่าเราไปยุ่งเกี่ยวและดึงสถาบันเข้ามาข้องเกี่ยวทางการเมือง บ้านเมืองเราจะไปต่อไม่ได้ เพราะนี่คือความเข้มแข็งของรากฐานหรือรากเหง้าของคนไทย อย่าทำลายความเป็นไทยของเรา 

สำหรับกรณีกลุ่มวัยรุ่น นักเรียนหรือนักศึกษา เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองในมาตรา 112 อรรถวิชช์ ให้ความเห็นว่า...

ผมได้มีการดีเบตกับอาจารย์ ปิยะบุตร ว่าอาจารย์ปิยะบุตรไม่ได้โดนมาตรา 112 แต่ว่าเป็นน้อง ๆ ที่โดนมาตรา 112 จากการพูดบางอย่างลงไปสู่สังคมแล้วบาดใจคนที่เห็นต่าง ขณะที่อาจารย์รู้กรอบกฎหมายในการกล่าวถึงหรือวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน จึงไม่เกิดผลอันใด

นอกจากนี้ หลายคนอาจจะมองว่าตัวบทกฎหมายมาตรา 112 มีโทษที่หนัก เพราะจำคุก 3-15 ปี ทำให้มีการหยิบยกมาเปรียบเทียบกับการหมิ่นคนธรรมดา หรือหมิ่นเจ้าหน้าที่

แต่แท้จริงแล้วมาตรา 112 ครอบคลุมโทษอยู่ 3 ประเด็น ได้แก่ 1.) ดูหมิ่น 2.) หมิ่นประมาท และ 3.) อาฆาตมาดร้าย 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top