Thursday, 9 May 2024
ปารีส

'ฝรั่งเศส' ประกาศดับไฟหอไอเฟลเร็วขึ้น 1 ชม. เนื่องจากเจอวิกฤติด้านพลังงานอย่างรุนแรง

ยุโรปกำลังอยู่ในขั้นประหยัดพลังงงานกันยกใหญ่ ล่าสุดทางฝรั่งเศสก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ร่วมประหยัดด้วยเช่นกัน โดยการประกาศดับไฟหอไอเฟลเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานด้วยเช่นกัน

ศาลากลางกรุงปารีสคาดว่าจะเสนอเรื่องในสัปดาห์นี้ว่า หอคอยแห่งนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลกควรจะดับไฟเร็วกว่าปกติมากกว่า 1 ชั่วโมง เนื่องจากยุโรปต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ทั้งนี้ ตามปกติหอไอเฟลจะส่องสว่างในเวลากลางคืนจนถึงตี 1 ด้วยระบบไฟแสงสีทองอันวิจิตรตระการตา รวมทั้งจะส่องแสงระยิบระยับเป็นเวลา 5 นาทีต่อ 1 ชั่วโมงตั้งแต่พลบค่ำ โดยใช้หลอดไฟกะพริบจำนวน 20,000 ดวง

ทางการคาดว่าจะเสนอให้ดับไฟหอคอยในเวลา 23.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อผู้เยี่ยมชมคนสุดท้ายออกไป ซึ่งหมายความว่าไฟบนหอคอยจะไม่กะพริบในตอนเที่ยงคืนอีกต่อไป

ฌอง ฟรองซัวร์ มาติน หัวหน้าฝ่ายบริหารของหอคอยกล่าวว่า “มันเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์อย่างมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน”

ทั้งนี้ แสงสว่างในเวลากลางคืนของหอคอยคิดเป็น 4% ของการใช้พลังงานประจำปี โดยหน่วยงานในเมืองอื่น ๆ กำลังลดแสงของสถานที่สำคัญในเวลากลางคืนด้วยเช่นกันอาทิ พระราชวังฟาโร เมืองมาร์กเซย ก็จะปิดไฟก่อนสิ้นเดือนกันยายนเพื่อประหยัดพลังงาน

ในขณะที่กรุงเบอร์ลินตลอดฤดูร้อนนี้ แสงไฟของอนุสาวรีย์หลายแห่งในเวลากลางคืนอย่างเสาชัยชนะ กรุงเบอร์ลิน โบสถ์อนุสรณ์ไคเซอร์วิลเฮ็ล์ม และพิพิธภัณฑ์ชาวยิว ก็ถูกลดเวลาเปิดไฟไปตาม ๆ กัน

นอกจากนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสยังเตรียมลดการบริการรถไฟเพื่อประหยัดพลังงานอีกด้วย ตามรายงานพิเศษของหนังสือพิมพ์เลอ ปาคิเซียง ระบุว่า รัฐได้สั่งให้บริษัทรถไฟแห่งชาติ SNCF พิจารณาลดจำนวนรถไฟลง

คนฝรั่งเศสไม่ทน!! เดินขบวนประท้วงกลางกรุงปารีส เหตุไม่พอใจราคาค่าครองชีพพุ่งกระฉูด

ผู้คนหลายพันคนเดินขบวนบนท้องถนนในกรุงปารีสเมื่อวันอาทิตย์ (16 ต.ค. 65) แสดงความไม่พอใจต่อค่าครองชีพที่พุ่งสูง ขณะที่สหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสยังคงผละงานประท้วงตามโรงกลั่นต่าง ๆ ซึ่งทำให้สถานีบริการเชื้อเพลิงหลายแห่งทั่วประเทศต้องปิดบริการชั่วคราว

การชุมนุมครั้งนี้จัดโดย ฌอง-ลุค เมลองชอง อดีตผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี และผู้นำพรรค France Unbowed (LFI) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย การประท้วงมีองค์กรต่าง ๆ และพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย บางส่วนในนั้นยังเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ดำเนินการจริงจังมากขึ้นกับภาวะโลกร้อน

อย่างไรก็ตาม ความกังวลทางเศรษฐกิจมาเป็นอันดับหนึ่งและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่อยู่ในใจผู้ประท้วง 

"นี่ไม่ใช่การเดินขบวนเพื่อเมลองชอง" ผู้นำพรรค LFI ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ France 3 ในตอนเช้าวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) "นี่คือการเดินขบวนของประชาชนผู้หิวโหย ผู้หนาวเหน็บและต้องการได้ค่าแรงที่ดีกว่าเดิม"

"ราคาข้าวของพุ่งขึ้นจนเกินทน" มานอง ออบรี รองหัวหน้าพรรค LFI กล่าวกับเอเอฟพี "นี่คือการสูญเสียอำนาจการซื้อครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี"

อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศส ปัจจุบันอยู่ที่ 6% เกือบทุกภาคอุตสาหกรรมของประเทศมีกิจกรรมการผลิตที่ลดลงเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของอียูที่กำหนดเล่นงานเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย ลงโทษกรณีรุกรานยูเครน

ด้วยที่บิลค่าไฟภาคครัวเรือนดีดตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ฟืนไม้กลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้งในฝรั่งเศส ท่ามกลางความคาดหมายว่าประเทศแห่งนี้อาจต้องเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าดับเป็นระยะในฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน

ระหว่างการประท้วงนั้นมีรายงานการปะทะกันระหว่างพวกหัวรุนแรงซ้ายจัด ซึ่งชุมนุมกันเป็นประจำในฝรั่งเศส กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพบเห็นตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเข้าสู่พวกก่อจลาจลในชุดสีดำ

ท่ามกลางการชุมนุม อีกด้านหนึ่งสหภาพแรงงาน CGT ยังคงเดินหน้าประท้วงตามโรงกลั่นต่างๆ เรียกร้องขอขึ้นค่าแรง ทั้งนี้การประท้วงซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 3 สัปดาห์ ก่อปัญหาขาดแคลนและทำให้ต้องปันส่วนพลังงานตามสถานีบริการเชื้อเพลิงทั้งหลาย

ในวันเสาร์ (15 ต.ค.) สหภาพแรงาน CGT ปฏิเสธข้อเสนอของทางโททาลเอเนอร์จีส์ ยักษ์ใหญ่พลังงานของฝรั่งเศส ในการปรับขึ้นค่าแรงสำหรับปี 2023

'เศรษฐีนีมาเลเซีย' กรี๊ด!! แหวนราคา 36 ล้านหายในโรงแรมหรูที่ปารีส เจ้าหน้าที่พลิกโรงแรมหานาน 2 วัน สุดท้ายพบอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น

สื่อฝรั่งเศสรายงานเหตุวุ่นวายใน The Ritz โรงแรมสุดหรูในใจกลางนครปารีส ของฝรั่งเศส เมื่อมีนักท่องเที่ยวสาวชาวมาเลเซียออกมาโวยวายว่าแหวนเพชรเม็ดโต ราคาหลัก 1 ล้านเหรียญ (ประมาณ 36 ล้านบาท) ถูกขโมยจากห้องพักในโรงแรมหรูชั้นนำของฝรั่งเศส และกลายเป็นคดีที่มีการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ของฝรั่งเศสในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 

หญิงสาวชาวมาเลเซียรายนี้ ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม เป็นนักธุรกิจหญิงชั้นนำ ที่สามารถเรียกได้ว่ามีฐานะในระดับเศรษฐีนีของมาเลเซียเลยทีเดียว โดยเธอเข้าพักในโรงแรม Ritz ที่ตั้งในย่านหรูของกรุงปารีส จนเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เธอได้ถอดแหวนเพชรเม็ดโต ราคาถึง 1 ล้านเหรียญวางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างหัวนอน ก่อนที่จะออกจากโรงแรมไปชอปปิงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะกลับมาพบว่า แหวนเพชรของเธอได้หายวับไปจากห้องแล้ว 

และในวันนั้น เธอได้แจ้งตำรวจในทันที โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษก็รีบรุดมายังที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวน และประสานงานกับทางโรงแรมว่ามีบุคคลแปลกปลอมเข้ามาขโมยของในโรงแรมหรือไม่?

(อนึ่งปารีส มักมีข่าวนักท่องเที่ยวถูกลักเล็ก ขโมยน้อยอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเอเชียที่ดูมีฐานะ ซึ่งถูกตั้งฉายาว่า 'Crazy Rich Asians' มักเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพอยู่เสมอ)

แต่หลังจากพลิกโรงแรมหาอยู่นานถึง 2 วัน พนักงานโรงแรมก็พบแหวนเพชรหรูของเศรษฐีนีมาเลเซียอยู่ในถุงภายในเครื่องดูดฝุ่น สร้างความโล่งใจทั้งลูกค้า ทั้งทีมตำรวจที่สามารถปิดคดีได้ และได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพ 

นับเป็นความโชคดีของเศรษฐีนีมาเลเซียที่ไม่สูญแหวนเพชรหรูของเธอในทริปที่ปารีส เพราะถึงแม้ทางโรงแรมจะยืนยัน มั่นใจเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยเพียงใดก็ตาม แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุโจรปล้นภายในโรงแรมแห่งนี้ 

เมื่อย้อนกลับไปช่วงเดือนกันยายน ปี 2018 เจ้าหญิงองค์หนึ่งแห่งราชวงศ์ซาอุฯ เคยแจ้งตำรวจว่าเครื่องเพชรมูลค่ามากกว่า 8 แสนยูโร (ประมาณ 30 ล้านบาท) ได้สูญหายไปจากห้องสูท ของโรงแรม The Ritz แห่งนี้เช่นเดียวกัน และไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ซึ่งในปีเดียวกัน ก็เคยเกิดเหตุแก็งโจรบุกปล้นร้านเครื่องเพชรที่อยู่ในโรงแรม โดยใช้ค้อนทุบตู้กระจก กวาดเครื่องเพชร และนาฬิกาแบรนด์เนมไปได้ถึง 4 ล้านยูโร (154 ล้านบาท) ก่อนจะถูกจับตัวได้ในเวลาต่อมา 

ดังนั้น ไม่มีที่ใดที่ปลอดภัย สำหรับทรัพย์สินมีค่าของคุณ แม้ว่าสถานที่นั้นจะเป็นโรงแรม 5 ดาวหรูหราที่สุด ในย่านคนรวยที่สุด แต่ถ้าคุณประมาทก็หนีไม่พ้นมือโจรอยู่ดี 

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

‘Louis Vuitton’ เปิดดีไซน์โรงแรมหรูใจกลางปารีส  ด้านชาวเน็ตไทยแห่แซว "เอ๊ะ!! ดีไซน์มันคุ้นๆ นะ"

(15 ม.ค.67) TravelNews รายงาน เมื่อไม่นานมานี้ ไมเคิล เบิร์ก ซีอีโอแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Louis Vuitton ได้เปิดเผยกับ WomansWearDaily ว่า ตึกสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ที่เขต 8 บนถนน Champs Elysees ในกรุงปารีสอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า โดยจะขยายแบรนด์สู่ธุรกิจโรงแรมหรูเป็นแห่งแรก ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปารีส และคาดว่าจะสร้างพร้อมเสร็จและเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 2026 ที่จะถึงนี้

โรงแรม Louis Vuitton จะถูกรีโนเวทอาคารสไตล์อาร์ตนูโวอันเก่าแก่ที่สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1896 เคยเป็นที่ตั้งของโรงแรม Elysée Palace และเคยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคาร HSBC Bank สามารถมองเห็นสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น หอไอเฟล และประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) ที่สวยงามของกรุงปารีสได้อย่างชัดเจน 

และหลังจากนั้นบัญชี X ของ Louis Vuitton ได้ออกมาเปิดเผยดีไซน์โรงแรมหรู Louis Vuitton แห่งแรกของโลก ซึ่งมองแว้ปแรกทำเอาชาวไทยต้องรีบกลับมาดูซ้ำเลยทีเดียว จนชาวเน็ตไทยหลายคนถึงกับต้องออกมาแซวว่าดีไซน์นี้มันคุ้นๆ นะ 

ส่องจำนวนนักกีฬา 'อาเซียน' สู้ศึก 'โอลิมปิก' ที่ปารีส

ชวนส่องจำนวนนักกีฬาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ละประเทศ ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการแข่งขัน​กีฬาโอลิมปิก​ 2024 ที่ปารีส ซึ่ง ‘ประเทศไทย’ ของเรา ​มีจำนวนนักกีฬา​มากเป็นอันดับ 1 ✨🇹🇭

สำหรับชาวกัมพูชา​ คงจริงดังที่ชาวเน็ตกัมพูชาพูดเอาไว้ว่า "โอลิมปิกไม่สำคัญ​เท่าซีเกมส์” เพราะยังไงกัมพูชาก็ไม่มีโอกาสได้ไปโอลิมปิกแน่นอน…

'สุริยะ' เยือน 'ฝรั่งเศส' ร่วมหารือพัฒนา อุตสาหกรรมการบิน ของไทย  พร้อมชวนภาคเอกชน ร่วมลงทุน 'ธุรกิจอากาศยาน - แลนด์บริดจ์'

(10 มี.ค.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้ร่วมประชุมหารือกับนาย Damien Cazé ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (DGAC France) ณ โรงแรม Prince de Galles กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยได้หารือในหลายประเด็นสำคัญถึงความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยให้มีความก้าวหน้า และยั่งยืนในระยะยาวต่อไป 

ทั้งนี้ ตนได้แสดงความขอบคุณ DGAC France ที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน และสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (Memorandum of Understanding on Technical Cooperation) มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแก้ไขปัญหาด้านการบินในช่วงที่ผ่านมามีประสิทธิผลที่ดี อีกทั้งยังทำให้การพัฒนาระบบการบินของไทยมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาใหม่ ๆ ที่มีความสำคัญต่อบทบาทของไทยในฐานะรัฐภาคีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับการหารือครั้งนี้ ได้พิจารณาถึงการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ระบบนิเวศทางการบินในอนาคต ซึ่งจะมีอากาศยานไร้คนขับ (Drone) หลากหลายประเภทเข้ามาใช้งาน ทั้งการใช้งานสำหรับวัตถุประสงค์ทั่วไป และความท้าทายในการนำอากาศยานประเภท eVTOL (Electric Vertical Take - offand Landing) ซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ หรือ UAM (Urban Air Mobility) ที่เป็นการใช้อากาศยานขนาดเล็กในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าในระดับการบินต่ำในเขตเมืองเข้ามาใช้งาน

นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการยกระดับการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อภาคการบินในปัจจุบัน รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อมการบิน ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในภาคการบิน (Decarbonization) ผ่านการใช้เชื้อเพลิงพลังงานที่ยั่งยืน (SAF: Sustainable Aviation Fuel) ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญของโลกในปัจจุบัน และเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

ขณะเดียวกัน ในการหารือครั้งนี้ ยังได้เชิญชวนภาคเอกชั้นนำจากภูมิภาคยุโรปมาร่วมลงทุนกับประเทศไทย ได้แก่ บริษัท SATYS (ซาทิส) บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่ดําเนินกิจการด้านทําสีอากาศยาน และตกแต่งภายในอากาศยานและรถไฟ ดําเนินงานให้กับ Airbus, Boeing, Stelia Aerospace และ Air France อีกทั้งเชิญชวนบริษัท Volocopter (โวโล คอปเตอร์) บริษัทสัญชาติเยอรมันที่ดําเนินการด้านการพัฒนาการเคลื่อนย้ายทางอากาศในเขตเมืองและชานเมือง (UAM) และมีการผลิตยานพาหนะที่สามารถบินขึ้นและลงจอดในแนวดิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (eVTOL) อาทิ VoloCity และ VoloConnect หรือที่เรียกว่าแท็กซี่อากาศ (Air Taxi) ที่จะให้บริการขนส่งผู้โดยสาร และ VoloDrone ที่จะให้บริการขนส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัยและปลอดมลพิษ 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากการหารือด้านการบินแล้ว ในโอกาสนี้ ยังได้ประชุมหารือกับบริษัท CMA CGM จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งทางทะเล อันดับที่ 3 ของโลก และบริษัท Artelia จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา ออกแบบ และควบคุมงานก่อสร้างที่มีสาขากว่า 40 ประเทศทั่วโลก เพื่อนำเสนอโครงการและเชิญชวนนักลงทุน พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อนำมาพัฒนารูปแบบการลงทุนในโครงการฯ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว ได้ให้ความสนใจและสอบถามรายละเอียดโครงการฯ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยได้มีการแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อ เพื่อประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิดต่อไป

“การเดินทางมาประชุมร่วมกับฝรั่งเศสในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐฝรั่งเศสแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่ง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจกับภาคเอกชน อันจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตต่อไป” นายสุริยะ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top