Sunday, 8 June 2025
บิ๊กป๊อก

‘ชัชชาติ’ ปรี่ไหว้ ‘บิ๊กป๊อก-ศักดิ์สยาม’ เจ้าตัวลั่น “พร้อมช่วยทำงาน”

(3 มิ.ย.65) ที่บริเวณท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมภริยา เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2565 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.), ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทุกกระทรวง, ประธานองค์กรอิสระ, และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. ก่อนที่งานพิธีจะเริ่ม เวลา 06.50 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาถึงบริเวณพิธี ซึ่งได้รับความสนใจจากบรรดาเพื่อนข้าราชการระดับสูง อาทิ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้ามาทักทาย พูดคุย แสดงความยินดี และถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

จากนั้น เวลา 07.00 น. เมื่อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาถึง นายชัชชาติได้เดินเข้าไปหาสวัสดีทักทายเนื่องจากเป็นการพบกันครั้งแรก โดยนายชัชชาติกล่าวกับพล.อ.อนุพงษ์ ว่า “ช่วยกันครับท่าน เดี๋ยวจะไปหารือ มีอะไรให้รับใช้ ได้ครับ” ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ ได้กล่าวเพียงว่า “โอเค” จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์, นายชัชชาติ และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ถ่ายภาพร่วมกัน

จับชีพจร '2ป.พปชร' วัดบารมีลุงป้อม ในวันที่ลูกพรรคเริ่มแตกแถว 'ป๊อกร่อแร่ - ชะตาเฮ้งแย่' หลังเจอปากน้ำลอยแพ

ควันหลงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ว่ารัฐมนตรีทั้ง 11 ท่านจะรอดจากการอภิปราย ภายใต้ข้อมูลของฝ่ายค้านด้วยข้อมูลที่ 'เบาหวิว' 

แต่ศึกกันเองนี่สิ ดูแล้วน่าแอบห่วง!! เพราะภายในพรรคประชาธิปัตย์, พรรคเศรษฐกิจไทย, พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคร่วมกันเอง ต่างก็ไม่โหวตให้กัน 

ข้ามมาในส่วนฝั่งฝ่ายค้าน ก็มีงูเห่าเหมือนเดิม ทั้งพรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ส่วนพรรคที่ดูมีเอกภาพมากที่สุด มีงูเห่าโผล่มาเติมเสียงให้ คือ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเรียกได้ว่าเนื้อหอมที่สุดในยามนี้

ตัดมาที่ฉากหลักอย่าง พรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้มี 'รอยปริ' จากกลุ่มที่เคยเรียบร้อยมาตลอด อย่าง 'กลุ่มปากน้ำ' (ที่ควรจะมีตำแหน่งรัฐมนตรีสักเก้าอี้ แต่ไม่มีให้) 

โดยงวดนี้กลุ่มปากน้ำเริ่มออกฤทธิ์ ในการออกเสียงรอบนี้ เหตุเพราะมีการลือกันว่า กลุ่มนี้ไม่ได้รับความร่วมมือในการทำงานพื้นที่จากบิ๊กป๊อก หรือ รมว.มหาดไทยเลย ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เลยพากันไม่ยกมือให้ แถมยังลามไม่ยกมือให้ รมว.แรงงาน อย่างเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น จากชลบุรี ที่เป็นคนสนิทของลุงป้อม หัวหน้าพรรคด้วยอีกคน

กลุ่มปากน้ำฝ่ามติพรรค ไม่โหวตให้ 2 รัฐมนตรี น้องรักลุงป้อมงวดนี้ เหมือนกำลังวัดบารมีลุงป้อม ที่วันนี้ดูท่าจะลดลง ไม่พองฟูเหมือนเดิมแล้ว

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ลุงป๊อกจะได้ไปต่อหรือไม่ ตรงนี้นี่น่าคิดมาก เพราะเท่ากับต้องแลกกับการแตกแยกของ ส.ส.ต่อจากนี้

‘ทิพานัน’ แนะเพื่อไทย ‘มูฟออน’ ได้แล้ว อย่าทำตัวเป็น ‘วัสสการพราหมณ์ยุยง’

‘ทิพานัน’ ย้อนแสบเพื่อไทย ‘มูฟออน’ จากศึกซักฟอกได้แล้ว อย่าทำตัวเป็น ‘วัสสการพราหมณ์ยุยง’ ยุให้พรรคพลังประชารัฐแตกแยก ยันสภาฯ ไว้วางใจ ‘บิ๊กป๊อก’ ทำงานต่อ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแห้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความเห็นกรณีส.ส.พรรคประชารัฐโหวตคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 6 เสียงเป็นการส่งสัญญาณเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า... 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไปแล้ว โดยที่ไม่สามารถล้มรัฐบาลและไม่ได้มีประเด็นใดที่หวือหวาอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อ ในขณะที่รัฐบาลยังมีเสถียรภาพมั่นคง เดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนต่อไป จึงไม่ควรมโน หรือสร้างประเด็นยุยงให้เกิดแรงกระเพื่อมในรัฐบาล และในพรรคพลังประชารัฐ เพราะผลคะแนนโหวตไว้วางใจของ พล.อ.อนุพงษ์ เกินกึ่งหนึ่ง ถือว่าสอบผ่าน ได้รับฉันทามติจากสภาฯ ถือว่าได้รับความไว้วางใจจากตัวแทนพี่น้องประชาชนให้ทำงานต่อ

‘บิ๊กป๊อก’ ลุยเชียงใหม่ รับฟังปัญหาการทำงานของท้องถิ่น รับปากจะเร่งแก้ปัญหาให้ ส่วนอะไรที่ทำไม่ได้จะบอกกันตรงๆ

พล.อ อนุพงษ์ ลงพื้นที่เชียงใหม่ พบ ผู้บริหาร อบต. 5,300 แห่งทั่วประเทศ ยืนยันไม่มีนัยอะไร เพราะการเมืองไม่ใช่อนาคตของตนเอง พร้อมรับปาก จะเร่งพิจารณาขึ้นค่าตอบแทน ให้ อบต. และอีกไม่กี่เดือน จะเป็นแค่ตาแก่ ไปเดินกินก๋วยเตี๋ยวขอ อบต. ดูแลด้วย ลั่นหมดไฟแล้ว พร้อมเผย สัปดาห์หน้าเงินเยียวยาน้ำท่วมเข้า ครม. สัปดาห์หน้า 

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปที่ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมสัมมนา ‘การพัฒนาศักยภาพของท้องถิ่นสู่ความเป็นเมือง ตามหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นไทย" พร้อมกล่าวปาฐกถา ‘บทบาท อบต.กับการพัฒนาฐานรากประเทศไทย’ โดยมี ผู้บริหาร อบต. 5,300 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมการสัมมนา

โดยสมาคมนายกฯ อบต. แห่งประเทศไทย เสนอข้อเรียกร้อง เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรค และสร้างความเสมอภาคของสมาชิก อบต. โดยขอให้แก้ไขปัญหาการทำงานของอบต. ทั้งการกระจายอำอาจ การบริหารงานบุคคลจากส่วนกลางให้ท้องถิ่นสรรหาบุคลากรได้เอง, ขอเพิ่มค่าตอบแทนผู้บริหาร และ สมาชิก อบต., ขอสวัสดิการเบิกค่าเล่าเรียนบุตร, เพิ่มสัดส่วนการพัฒนา ท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณ สำหรับ อบต.ที่ได้งบประมาณ ไม่ถึง 30 ล้านบาท, เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งบประมาณ โดยให้ มหาดไทย ประสานไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อสามารถคิดเลือกผู้รับจ้างงาน ในวงเงินไม่เกิน 5 ล้าน เพื่อให้ท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐใช้งบประมาณ ได้อย่างรวดเร็ว และกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการใช้งบประมาณจากภาครัฐ 

พลเอกอนุพงษ์ ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพิ่งเคยพบกับผู้นำท้องถิ่นเยอะขนาดนี้ รู้สึกภูมิใจที่ผู้บริหารท้องถิ่น ปฏิญาณตน ว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส ทำงานเพื่อประชาชน เพื่อชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพราะนั่นคือดวงใจหลักของการบริหารงานท้องถิ่น พร้อมยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญและ นึกถึงหน่วยงานท้องถิ่นเสมอ ว่ามีอุปสรรค ปัญหา ในการทำงานอย่างไรบ้าง ซึ่งก็จะต้องพูดคุย นำปัญหาต่างๆ ไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น 

พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่ได้มั่นหวังทางการเมือง ดังนั้นสามารถพูดได้ทุกอย่างอย่างเต็มที่ ยืนยันการเมืองไม่ใช่อนาคตของตนเอง และไม่มีนัยอื่น นอกจากการทำงานเป็นหลัก และงานที่ตนเองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องปรารถนาที่จะทำให้ดีที่สุด การเดินทางมาเชียงใหม่วันนี้ เพื่อรับฟังปัญหา มองการทำงานของทุกภาคส่วน ไม่ได้มีนัยอะไรทั้งสิ้น 

พลเอกอนุพงษ์ รับปากกับผู้บริหาร อบต. จะเร่งพิจารณา ปรับปรุงเพิ่มค่าตอบแทนผู้บริหารและสมาชิก อบต.ให้แน่นอน แต่เท่าไหร่ต้องไปดูกันอีกที เพราะค่าตอบแทนที่ได้ทุกวันนี้ น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมสั่งการให้ผู้บริหารท้องถิ่นทำหนังสื่อราชการ ร่างหลักเกณฑ์ การพิจารณา ค่าตอบแทน พร้อมพูดติดตลกว่า “คนที่เป็นผู้นำชุมชน ไม่มีค่าตอบแทน ก็จะมาถลกหนังหัวตนอีก” 

ส่วนเรื่องการเพิ่มบุคลลาการ ไม่น่าจะทำได้ เพราะงบประมาณสำหรับบุคลากร เต็ม 40% แล้ว หากเกินกว่านี้ สังคมจะรับไม่ได้ ข้าราชการ 1 คนตั้งแต่บรรจุจนถึงเกษียณ จะใช้งบประมาณ ถึง 30 ล้านบาท และเห็นว่า บางตำแหน่ง ท้องถิ่นไม่ควรทำเอง เพราะ ไม่ใช่งานที่ถนัด ต้องให้หน่วยงานที่ชำนาญ มาทำเพื่อให้เกิดการพัฒนา อย่างมีศักยภาพ เช่น งานด้านโยธา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top