Friday, 26 April 2024
นายกฯ

“ทิพานัน”โต้ “ส.ส. อุบลฯเพื่อไทย” อย่าคิดแต่การเมือง ยัน  “นายกฯ" ลงพื้นที่ แก้ปัญหาจริง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมแค่สร้างภาพ หาเสียง หรือวัดกระแสกันเองภายในพรรค ว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานอย่างจริงใจในฐานะผู้นำไม่ได้หวังหาเสียงหรือวัดกระแสภายในพรรค นอกจากกำชับให้ทุกภาคส่วนเร่งช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหา สร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชนและผู้ปฏิบัติ  เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ(กนช.)ที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และกำชับให้รัฐมนตรีของพรรคลงพื้นที่  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย โฟกัสที่พล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.ประวิตร เพื่อหวังเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งและเป็นเรื่องการเมือง อาจหวังกลบข่าวผลงานการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน แต่เชื่อว่าประชาชนไม่หลงเชื่อตามการชี้นำของนักการเมือง เพราะตนลงพื้นได้รับแต่เสียงสะท้อนชื่นชอบมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ และการลงพื้นที่จ.อุบลราชธานีอยู่ในเขตของลุ่มน้ำสำคัญทั้งลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล ที่มวลน้ำจากแม่น้ำชีจะไปบรรจบกับแม่น้ำมูลที่อ.เมืองอุบลราชธานี ช่วงวันที่ 12-21 ต.ค.นี้ จึงต้องติดตามสถานการณ์ให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พรรคเพื่อไทย มีส.ส. อุบลราชธานี น่าจะทราบดีว่ามีโครงการสำคัญของรัฐบาลหลายโครงการ จึงไปติดตามความคืบหน้ารวมถึงให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานและสอบถามข้อมูลในพื้นที่จริง ดังนี้โครงการบริหารจัดการน้ำอุบลราชธานี –โขงเจียม ระหว่างปี 2559-2564 จำนวน 34 โครงการ

โดยมีครัวเรือนที่จะได้รับประโยชน์ 63,673 ครัวเรือน มีพื้นที่รับประโยชน์ราว 557,686 ไร่  ซึ่งในนี้จะเป็นโครงการป้องกันภัยน้ำท่วม จำนวน 10 โครงการ สามารถป้องกันพื้นที่น้ำท่วม 374,896.75 ไร่ และในระหว่างปี 2565-2567 อีก 129 โครงการ โดยพื้นที่ที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 2.40 ล้านไร่ และในนี้จะเป็นโครงการป้องกันภัยน้ำท่วม จำนวน 20 โครงการ สามารถป้องกันน้ำท่วมราว 84,582 ไร่  ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้ มีผลสำเร็จและคืบหน้าอย่างไรบ้าง ติดขัดตรงไหนหรือไม่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง  ได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าและรวดเร็วที่สุด
  
 

'นายกฯ' ปาฐกถา เวที APEC CEO Summit ย้ำแนวคิด ไทยมุ่งมั่นจะทำให้ APEC เปิดกว้าง-เชื่อมโยง-สมดุล ในทุกมิติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 07.06 น. ตามเวลาประเทศไทย (หรือเวลา 13.06 น. ของเมืองโอ๊คแลนด์) ณ เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาในการประชุม APEC CEO Summit ภายใต้หัวข้อ “ประเด็นสำคัญการเป็นเจ้าภาพของไทยในปี 2565” (Thailand’s Priorities for APEC 2022) ผ่านระบบการประชุมทางไกล 

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับ ABAC นิวซีแลนด์ที่จัดการประชุมครั้งนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2564 เป็นอีกปีที่ท้ายเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี APEC ภายใต้การเป็นเจ้าภาพของนิวซีแลนด์ และด้วยจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือ ได้พิสูจน์ว่า APEC สามารถยืนหยัดเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ ฟื้นฟูการสาธารณสุข เปิดพรมแดน และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โลกที่เราอยู่อาศัย และความมั่งคั่งร่วมกัน โดยตัวอย่างความสำเร็จของ APEC คือ ความพยายามร่วมกันในการเพิ่มการเข้าถึงวัคซีน และการอำนวยความสะดวกในการขนส่งวัคซีนและเวชภัณฑ์ ซึ่งในประเด็นนี้ต้องขอขอบคุณการสนับสนุนจากภาคเอกชนด้วย

เวลานี้เป็นโอกาสในการเปลี่ยนทัศนคติไปสู่ “ความพอดี” สร้างสังคมหลังการแพร่ระบาดที่มีความยั่งยืนและสมดุล โดยประเทศไทยได้นำโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และโมเดลนี้จะขับเคลื่อนประเด็นสำคัญในการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทย นอกจากนี้ ไทยมุ่งมั่นสานต่อการทำงานที่ผ่านมาของ APEC และเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. 2040 โดยแปลงวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติ ผ่านปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ 3 ประการ ได้แก่ 1) การค้าและการลงทุน 2) ดิจิทัลและนวัตกรรม และ 3) ความยั่งยืนและการมีส่วนร่วม โดยการรับรองแผนปฏิบัติการของวิสัยทัศน์ปุตราจายาในคืนนี้จะเป็นความสำเร็จที่สำคัญของนิวซีแลนด์ในการแปลงวิสัยทัศน์ของผู้นำ APEC ไปสู่แผนการทำงานที่เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง

ในปี 2565 ประเทศไทยมุ่งมั่นจะทำให้ APEC “เปิดกว้าง” สำหรับทุกโอกาส “เชื่อมโยง” ในทุกมิติ และ “สมดุล” ในทุกด้าน วาระการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยจะสอดคล้องกับเป้าหมายและการดำเนินการที่มีอยู่แล้วของ APEC แต่นำเสนอภายใต้แนวคิดแบบใหม่ โดยประเด็นสำคัญมีอยู่ 3 ประการ ดังนี้

ประการแรก การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน สานต่อการเปิดตลาดผ่านการส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคี พยายามฟื้นการหารือเรื่องการจัดทำเขตการค้าเสรีในเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) หลังยุคโควิด-19 ส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล และการรับมือกับประเด็นทางการค้าใหม่ ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สาธารณสุข และการพัฒนาที่ครอบคลุม ซึ่งไทยหวังว่าจะได้ทำงานอย่างแข็งขันร่วมกับภาคเอกชนในเรื่องนี้

ประการที่สอง การฟื้นฟูความเชื่อมโยง ไทยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูการเดินทางข้ามพรมแดนที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ โดยตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ไทยได้เปิดประเทศเพื่อรับนักเดินทางทางอากาศจาก 63 ประเทศและอาณาเขต ซึ่งเขตเศรษฐกิจ APEC ส่วนใหญ่ก็รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ ความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ไทยจะผลักดัน ไทยจะดำเนินการตามคำแนะนำของ ABAC ในการจัดตั้งคณะทำงานด้านการเดินทางอย่างปลอดภัย เพื่อร่วมมือกันเชื่อมโยงภูมิภาคเข้าด้วยกันอีกครั้ง 

ประการที่สาม การส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม ไทยยืนยันว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของ APEC จะครอบคลุมและยั่งยืน โดยในที่ประชุม COP26 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้นำประเทศต่าง ๆ ได้ยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อนำไปสู่การสร้างความยั่งยืนและการมีสภาพภูมิอากาศที่ดี โดยไทยจะศึกษาโมเดลทางเศรษฐกิจ และการดำเนินการทางเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึง โมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งให้ความสำคัญกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น 

“นายกฯ” กำชับ ทุกหน่วยงานดูแลอำนวยความสะดวก ปชช.เทศกาลลอยกระทง

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถจัดงานลอยกระทงตามประเพณีได้ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และกำชับทุกหน่วยงานให้ร่วมกันอำนวยความสะดวกให้ประชาชน และดูแลให้การดำเนินการต่างๆ อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกฯ ขอให้หน่วยงานด้านคมนาคม ดูแลการเดินทางสัญจรของประชาชน ได้ประเมินว่าแม้จะไม่เป็นช่วงวันหยุดยาว และการให้จัดงานตามประเพณีในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆที่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางไปร่วมลอยกระทง โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวและการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะจำนวนมาก
จึงให้ปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของรัฐบาล ให้บริการและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนควบคู่กับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะส่วนของระบบขนส่งสาธารณะต้องมีการคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ ผู้ใช้บริการสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง รวมถึงให้ดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนทั้งบก น้ำ ราง และอากาศ โดยเฉพาะส่วนของกรมเจ้าท่าซึ่งมีหน้าที่ดูแลการจราจรทางน้ำให้มีเจ้าหน้าที่พร้อมเรือตรวจการณ์ และเรือรักษาการณ์ในคืนวันลอยกระทงที่เพียงพอสำหรับการดูแลพื้นที่จัดการและคาดการณ์ว่าประชาชนจะเดินทางสัญจรทางน้ำเพื่อร่วมงานลอยกระทงจำนวนมาก

'นายกฯ' โอด อ่านเอกสารวันละ 100 แฟ้ม ขอรมต.สรุปข้อมูลให้ ประหยัดเวลา ยัน ไม่ยึดติดอำนาจแค่อยากเห็นรอยยิ้มปชช. ขอทำงานตามกรอบที่กฎหมายให้ไว้ 

ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล “DG Awards 2021” แก่หน่วยงานภารัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลระดับสูง ที่ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล(องค์การมหาชน) จัดขึ้น โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่าการเชื่อมโยงข้อมูลกลางจากหน่วยงานต่างๆ อยู่ในจุดเดียว ถือเป็นสิ่งสำคัญ หลายเรื่องที่พวกเราได้ทำมา ไม่อาจสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้ ซึ่งตนจะต้องจัดระเบียบตรงนี้เสียใหม่ ต้องมีการจัดข้อมูลว่าเรามีกลุ่มงานกี่กลุ่ม มีส่วนที่ประสบความสำเร็จแล้วกี่หน่วยงาน มีผลงานของหน่วยงานใดบ้าง แล้วจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร งานด้านการพัฒนาที่กระทรวงได้ทำในฐานะรัฐบาลจะต้องถอดแบบออกมาให้ได้

โดยตนมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนรวบรวมสิ่งที่ทำมาตลอดเวลา 2 ปีของรัฐบาลชุดนี้ แต่ข้อมูลที่ส่งเข้ามาบางครั้งเป็นตัวเลขที่นำไปใช้สื่อสารกับประชาชนได้ยากจึงขอว่าเวลาที่ทำรายงานส่งมาถึงตนช่วยทำข้อมูลสรุปให้เห็นชัดว่าอะไรมีการเปลี่ยนแปลง อะไรเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ไม่ใช่ส่งมาแต่ตัวเลขละเอียดยิบ เมื่อแต่ละหน่วยงานส่งแบบนี้เข้ามาตนก็ต้องอ่านทุกฉบับแล้วก็เขียนสั่งการแต่ละหน่วยงานว่าให้ดำเนินการอะไรต่อไปบ้าง แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันลดเวลาการอ่านเอกสารเหล่านี้ให้กับตนด้วยเพราะแต่ละวันตนอ่านเอกสารหนังสือเยอะมาก ทุกคนส่งเอกสารหนังสือเข้ามาเป็น 100 แฟ้มเป็นแบบนี้ทุกวัน 100 แฟ้มก็ 100 เรื่อง เซ็นแต่ละวัน 30-40 แฟ้มแต่ตนก็ต้องอ่านบางครั้งก็เขียนเติมข้อสั่งการลงไปบ้าง

 

“โฆษกรัฐบาล” เผย ทุนสำรองระหว่างประเทศไทย มั่นคง อยู่อันดับ 12 ของโลก ด้าน “นายกฯ" เร่ง เสริมเม็ดเงินเข้าระบบผ่านโครงสร้างพื้นฐาน-อุตสาหกรรมใหม่  ดึงภาคเอกชนร่วมลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจปี65

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงฐานะการเงินของประเทศไทย ว่ายังคงแข็งแกร่ง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผย เดือนต.ค.2564 ทุนสำรองระหว่างประเทศรวม (gross reserves) ของไทย อยู่ที่ 2.46 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นเงินบาทที่ 8.17 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลกและถือว่าอยู่ในระดับมั่นคง โดยคิดเป็นประมาณ 3 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น ทั้งนี้ประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนื้ จะขยายตัวร้อยละ 1.2 ตามคาดการณ์ และ จะขยายตัวร้อยละ 3.5 – 4.5 ไทยปี 2565 ภายใต้สถานการณ์โควิด 19 ยังคงอยู่และปรับตัวดีขึ้น

นายธนกร กล่าวว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศ มีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ เป็นกันชนให้ระบบเศรษฐกิจไทยในการรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน จนส่งผลกระทบต่อการนำเข้าส่งออกและราคาสินค้าซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่แท้จริงของประเทศได้  รวมทั้งยังเป็นเครื่องชี้สำคัญที่ต่างชาติใช้ประเมินความมั่นคงและเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศด้วย

 

“บิ๊กตู่” หอบคณะความมั่นคงลงพื้นที่ชายแดนใต้ รปภ.เข้ม

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี อาทิ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย  พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขา สมช.ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 56 ตำบลโคกม่วง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เพื่อปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการติดตามงานด้านความมั่นคง และงานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และติดตามการแก้ปัญหาโควิด-19 ในพื้นที่ จชต. ณ ตึกศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งใหม่

โดยจะมีการเยี่ยมชมผลงานแสดงความก้าวหน้าของการพัฒนา จังหวัดชายแดนภาคใต้ และทิศทางการพัฒนาในอนาคต เมืองแห่งพืชพลังงาน เมืองปศุสัตว์ เมืองแห่งผลไม้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชน และมีกำหนด พบปะสมาชิกกลุ่มเลี้ยงปูทะเล และประชาชนที่เชื่อมโยงกลุ่มอาชีพเลี้ยงปูทะเลไปยังอาชีพอื่น ณ ศูนย์เรียนรู้การเพาะเลี้ยงปูทะเล บ้านโต๊ะโสม ตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีการเปิดปฏิบัติการขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบแนวทาง 1 ข้าราชการ ศอ.บต. 1 ครัวเรือนยากจน

 ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ โดยใช้มาตรการการรักษาความปลอดภัยชั้นสูงสุด และแผนกนิทรรศการการให้บริการต่างๆ พร้อมทั้งการซักซ้อมขบวนรถคณะ โดยมีตำรวจ ทหาร และ อส.ในพื้นที่ คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

“นายกฯ” หารือเอกอัครราชทูตมัลดีฟส์ฯ มุ่งส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างกัน ขณะที่มัลดีฟส์ฯ ชื่นชมบทบาทผู้นำนายกฯ ไทย พร้อมขยายความร่วมมือทุกด้านที่มีศักยภาพ

ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายมุฮัมมัด จินาห์ (H.E. Mr. Mohamed Jinah) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตมัลดีฟส์ฯ ที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในไทย ซึ่งไทย-มัลดีฟส์มีความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นกว่า 40 ปี รัฐบาลไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของเอกอัครราชทูตมัลดีฟส์ฯ อย่างเต็มที่ พร้อมแสดงความยินดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมัลดีฟส์ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ครั้งที่ 76 ตลอดจนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนความร่วมมือในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ ให้มากขึ้น 

เอกอัครราชทูตมัลดีฟส์ฯ รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้ารับตำแหน่งในไทย โดยนายอิบรอฮีม มุฮัมมัด ศอลิห์ ประธานาธิบดีแห่งมัลดีฟส์ได้ฝากความปรารถนาดีมายังนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นผ่านความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งไทยถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญของมัลดีฟส์ พร้อมชื่นชมความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีและการบริหารงานของรัฐบาลไทยที่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้สถานการณ์คลี่คลายและสามารถเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ โดยเอกอัครราชทูตมัลดีฟส์ฯ ยืนยันว่าจะส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่มีศักยภาพระหว่างกันต่อไป

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ อาทิ ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ามัลดีฟส์เป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญของไทยในสาขาโรงแรม รีสอร์ต และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนหลายรายและมีแนวโน้มจะขยายการลงทุนในประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยล่าสุดบริษัทไทยได้เข้าร่วมโครงการการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนโครงการแรกของผู้ลงทุนไทยในมัลดีฟส์ ขณะที่เอกอัครราชทูตมัลดีฟส์ฯ ขอบคุณการลงทุนที่มีศักยภาพอย่างยิ่งของภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมัลดีฟส์จะอำนวยความสะดวกและดูแลการลงทุนของไทยในมัลดีฟส์อย่างเต็มที่ 

'ตัวแทนคนบันเทิง'เข้าขอบคุณ'บิ๊กตู่'เยียว 5,000 'ช.อ้น'พูดต่อหน้าไม่ชอบนายกฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นำคณะคนบันเทิง ได้แก่ นายรินทร ณ บางช้าง (ช อ้น ณ บางช้าง) นายคฑาวุธ ทองไทย หรือ อาจารย์ไข่ นักร้องนำวงมาลีฮวนน่า ในฐานะประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย นางสุดา ชื่นบาน อุปนายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายบริพันธ์ ชัยภูมิ นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย

ฝอยทอง เชิญยิ้ม สมาคมศิลปินตลก (ประเทศไทย) นายวรพจน์ นิ่มวิจิตร ตัวแทนผู้จัดคอนเสิร์ต นายวีรวัฒน์ รัตนะ เลขานุการสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย และนายบริพันธ์ ชัยภูมิ นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือเยียวยาอันเนื่องมาจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และเสนอตั้งสภาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ 

“บิ๊กตู่”อวยพรคนไทยเนื่องในเทศกาลปีใหม่ ขอให้มีความสุข บ้านเมืองสงบ ก้าวข้ามผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  เชิญชวนสวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปี 2565 อีกด้วย

ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมร่วมประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 (Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapters) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานถึงการจัดกิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่าใน 5 พื้นที่ท่องเที่ยว ประกอบไปด้วย จ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่ จ.ระยอง จ.นครราชสีมา และ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ สร้างรายได้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามมาตรฐาน SHA ด้วย ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีความสุข บ้านเมืองสงบ ขอให้ทุกคนก้าวข้ามผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปด้วยกัน 

จากนั้น นายกรัฐมนตรียังร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ที่กระทรวงวัฒนธรรมมอบให้แก่ประชาชน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำคณะเด็กเยาวชน นักแสดงศิลปวัฒนธรรมเด็กเยาวชน แสดงโขนแด่นายกรัฐมนตรี พร้อมประชาสัมพันธ์กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ กิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม ส่งความสุขแบบไทย และกิจกรรมท่องเที่ยววัฒนธรรม ท่องเที่ยววิถีใหม่  โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถ ขอให้ร่วมกันรักษาวัฒนธรรมของประเทศไทยที่มีความเป็นเอกลักษณ์ พร้อมยังเชิญชวนประชาชนทุกคนสวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปี 2565 อีกด้วย

"นายกฯ" เผย "สกลธี" เข้าพบ อวยพรปีใหม่ เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน  ปัดหารือลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ขออย่าโยงการเมืองไปหมด

ที่องค์การทหารผ่านศึก (อผศ.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายสกลธี ภัททิยกุล  รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าพบเพื่อขอคำแนะนำการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ว่า  ไม่เกี่ยว เขาเข้ามาอวยพรเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ ถือว่าเป็นคนรู้จักที่คุ้นเคยกัน ก็เท่านั้นทำไมถึงมองเป็นการเมืองไปเสียหมด

เมื่อถามว่า นายสกลธี ได้ขอให้สนับสนุนในการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วตนสนับสนุนได้หรือไม่ และคงไม่ไปให้คำแนะนำอะไร เป็นเรื่องกลไกทางการเมือง หรือ การคัดเลือกผู้ว่าฯกทม.ก็ว่ากันไป

" แต่ข้อสำคัญของการเป็นผู้ว่าฯ กทม จะมาพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีผลงานปรากฏมา ประชาชนจะได้เชื่อมั่นว่าทำงานได้จริงหากโดยหลักการทุกคนก็คงจะรู้กันหมดแล้ว จะแก้ปัญหาโน่นนี่แก้ได้หรือไม่ และตามข้อเท็จจริงแก้ได้เท่าไร รัฐบาลชุดปัจจุบันแก้ปัญหามามากน้อยเท่าไหร่ อย่าง ลดพื้นที่น้ำท่วมใน กทม. การทำคันกั้นน้ำ ก็ลดไปเป็นส่วนส่วนเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงปัญหาด้านจราจร คือสิ่งที่ทำมาตลอด มันไม่ง่าย การทำอะไรจะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนบุคคลได้ทุกวันเป็นไปไม่ได้ นี่คือประชาธิปไตย"พล.อ.ประยุทธ กล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top