Thursday, 9 May 2024
นักกีฬา

นราธิวาส – สมาคมกีฬานราธิวาส มอบรางวัลให้ ‘นักกีฬาคว้าแชมป์มวยไทยสมัครเล่นชิงแชมป์โลก’ เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่นักกีฬา และบุคลากรทางการกีฬา พร้อมสนับสนุนมวยไทย

ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายทศพล สวัสดิสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธี แสดงความยกย่องยินดีและมอบรางวัลให้นักกีฬาและผู้ฝึกสอนเนื่องในโอกาสคว้าแชมป์มวยไทยสมัครเล่นชิงแชมป์โลก 2021 โดยมี ดร.สุชาติ ถาวระ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส

นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส นางสุธิดา พะลายะสุต ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนราธิวาส นายณรงค์ สังข์ประสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส นายนิรัตน์ นราฤทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนนราธิวาส ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี

นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กําหนดจัดการแข่งขันกีฬา มวยไทยสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจําปี 2564 เพื่อคัดเลือกนักกีฬามวยไทย สมัครเล่นที่ได้ตำาแหน่งชนะเลิศในแต่ละรุ่นเป็นตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทย สมัครเล่นเยาวชนชิงแชมเปี้ยนโลก ประจำปี 2564 ผลปรากฏว่านายณฐกร จีนขุ้ย นักเรียนโรงเรียนนราธิวาส มัธยมศึกษา ศึกษาปีที่ 4/4 นักมวยนักกีฬามวยไทยสมัครเล่นสังกัดสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส และผู้ฝึกสอนนาย สุเมธ จีนขุ้ย ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนนราธิวาส ประธานชมรมกีฬามวยไทยมวย สากลสมัครเล่นจังหวัดนราธิวาส สังกัดสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาสได้เข้าร่วมการแข่งขัน และสามารถคว้าแชมป์ในรุ่นอายุ 14-15 ปี น้ำหนักไม่เกิน 48 กิโลกรัมและได้เป็นตัวแทนของ ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นชิงแชมเปี้ยนโลก 2564 ในระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม 2564 ณ อาคารนิมิบุตรปทุมวัน กรุงเทพฯ

ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อนายณฐกร จีนขุ้ย ชนะคู่ชกจากประเทศลัตเวียใน รอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองแชมป์โลกให้กับประเทศไทย

ทั้งนี้ภาคส่วนต่าง ๆ โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวและกีฬา นราธิวาส สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส ที่สำคัญคือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดงาน ยกย่องเชิดชูมวยนราคว้าแชมป์โลกขึ้นในครั้งนี้ สําหรับสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส ที่ผ่านมาได้ประสานขอรับการสนับสนุน งบประมาณจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีสํานักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยนราธิวาส เป็นผู้ควบคุมดูแล และเพื่อสนับสนุนให้กับชมรมมวยไทยสมัครเล่นและมวยสากลสมัครเล่นมาโดยตลอดต่อเนื่อง ในปี 2564 เป็นจํานวนเงิน 762,570 บาทอีกด้วย

 

'บิ๊กป้อม' กำชับ 'กกท.' บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ หนุนงบฯ ปี 67 ยกระดับนักกีฬาไทย สู่ความเป็นเลิศในสากล

(22 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ที่ประชุมได้มีการหารือและรับทราบ รายงานผลการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประจำปี 66 ซึ่งได้มีการปฎิบัติตามแผนงาน ภายใต้กฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบ กกท. ประจำปี 66 ไตรมาส 1 พร้อมข้อเสนอแนะ เพื่อการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในไตรมาส 2 อาทิ การนำกระบวนการบริหารความเสี่ยง ไปใช้ในการพัฒนาตามเกณฑ์การประเมินสมาคมกีฬา ให้มีประสิทธิภาพและการทบทวนแนวทางการพัฒนากีฬาอาชีพ และกีฬาเป้าหมายให้มีความเหมาะสม เป็นต้น

‘กทม.’ ผนึก ‘มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย-ทิพยประกันภัย’ จัด ‘TIP SPIRIT’ หนุนเยาวชนเสริมทักษะกีฬา-พัฒนาตนเอง ปูทางสู่นักกีฬาอาชีพ

(9 ก.ย. 66) ‘กรุงเทพมหานคร–มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย-ทิพยประกันภัย’ ร่วมจัดโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ให้เยาวชนไทยทั่วกรุงเทพฯ ได้เรียนรู้ทักษะกับโค้ชระดับตํานานฟุตบอล-วอลเลย์บอล ตั้งแต่ กันยายน-พฤศจิกายน 2566

ดร.ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ร่วมแถลงข่าวโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้องบอลรูม สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ

สำหรับ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ เป็นโครงการที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นบนแนวคิดที่ต้องการเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่มุ่งเน้นหลักธรรมาภิบาล ต้องการให้ประชาชนทุกคนได้รับการดูแล และร่วมสร้างสรรค์สังคมปลอดภัย เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางตามกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG โดยคำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ภายใต้การบริหารงานอย่างมืออาชีพ

อีกทั้งในปี พ.ศ. 2566 นี้ ยังถือเป็นโอกาสพิเศษที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 72 อยู่เคียงข้างคนไทยและสังคมไทย จึงได้มีการริเริ่มโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ขึ้นมา โดยร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ผ่านโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์ฝึกกีฬาของกรุงเทพมหานครและ มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 8-17 ปี ได้เรียนรู้ประสบการณ์การเล่นกีฬา และทักษะขั้นพื้นฐานในการเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล และวอลเลย์บอลได้อย่างถูกต้อง เพื่อมุ่งหวังให้เยาวชนไทยใช้การเล่นกีฬาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาศักยภาพตนเอง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ตลอดจนเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยในอนาคต

โครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ยังได้รับการตอบรับจากโค้ชและอดีตตำนานนักกีฬาไทยที่ให้เกียรติเข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยฝึกฝนทักษะ และแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเยาวชนไทย อาทิ น.อ. ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, สะสม พบประเสริฐ, วรวุธ ศรีมะฆะ, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย, ก้องภพ สรงกระสินธ์ คุณพ่อของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย, พ.ต. ภาณุพงศ์ ผิวอ่อน โค้ชฟุตบอลโปรไลน์เซนส์, วีระยุทธ สวัสดี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และโค้ชมากฝีมืออดีตทีมชาติไทยอีกมากมาย รวมไปถึงตำนานวอลเลย์บอลหญิงไทย ทั้งปลื้มจิตร์ ถินขาว, มลิกา กันทอง, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ และปิยะนุช แป้นน้อย และโค้ชวอลเลย์บอลจากสโมสร สุพรีม ทิพย ชลบุรี- อี.เทค

นอกจากนี้ ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ยังได้มอบกรมธรรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ ทุนประกันภัยรวม 150,000 บาท ให้กับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และสร้างความสุขให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยมี สมรักษ์ คำสิงห์, มนัส บุญจำนงค์, ปวีณา ทองสุก, วรพจน์ เพชรขุ้ม และ เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาทีมชาติไทย ผู้สร้างตำนานคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ รวมถึง สืบศักดิ์ ผันสืบ เป็นตัวแทนรับมอบให้กับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทยในกีฬาประเภทต่างๆ จำนวนกว่า 300 คน

โครงการ TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง จะจัดทั้งหมด 6 สนาม ดังนี้
- สนามที่ 1 วันที่ 16-17 กันยายน 2566 ​​ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (ฟุตบอล)
- สนามที่ 2 วันที่ 30 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566 ​ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ มีนบุรี (ฟุตบอล)
- สนามที่ 3 วันที่ 14-15 ตุลาคม 2566 ​​ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ บางมด (วอลเลย์บอล)
- สนามที่ 4 วันที่ 28-29 ตุลาคม 2566 ​​ณ ศูนย์กีฬาบางบอน (ฟุตบอล)
- สนามที่ 5 วันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2566 ​ณ โรงเรียนนนทรีวิทยา เขตยานนาวา (ฟุตบอล)
- สนามที่ 6 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ​​ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (ฟุตบอล) Final Match

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมสมัคร
1.) เยาวชนไทยที่มีอายุระหว่าง 8-17 ปีบริบูรณ์
2.) ต้องมีสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคประจำตัว ร่างกายพร้อมรับการอบรม
3.) สามารถเดินทางเข้าร่วมโครงการตามสถานที่ต่างๆ ที่ลงทะเบียนได้

‘โครงการกีฬาฟุตบอล’ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นำโดยทีมโค้ชมืออาชีพ จะมีการคัดเลือกนักกีฬาสนามละ 8 คน 4 สนาม รวม 32 คน (ยกเว้นสนามที่ 3 ซึ่งจะสอนวอลเลย์บอล) เป็นตัวแทนไปร่วมคัดเลือกเป็นสุดยอดนักกีฬา TIP SPIRIT ในโครงการสนามสุดท้าย วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 โดยจะมีการเรียนรู้ทักษะขั้นสูง และร่วมแสดงความสามารถ จากนั้นจะคัดเลือกนักกีฬาเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจำนวน 11 คน เพื่อรับรางวัลพิเศษจากโครงการ และขึ้นทะเบียนเป็นนักกีฬาของทิพยประกันภัย โดยจะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 1 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการของทิพยประกันภัยในซีซั่นต่อไป ส่วนอีก 21 คน จะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 5 แสนบาท

‘โครงการกีฬาวอลเลย์บอล’ จัดขึ้นเพื่อให้น้องๆ ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ ทั้งการฝึกซ้อมฐานต่างๆ และได้ลงทีมเพื่อแสดงความสามารถอย่างรอบด้าน ผ่านการดูแลและคำแนะนำจากโค้ชและนักกีฬาทีมชาติของสโมสร สุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค โดยจะมีการคัดเลือกนักกีฬาเยาวชน จำนวน 6 คน เพื่อรับรางวัลสุดยอดนักกีฬา TIP SPIRIT และได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 1 ล้านบาท พร้อมรับรางวัลพิเศษจากโครงการในโครงการวันสุดท้าย

ส่องคอมเมนต์ชาวเวียดนาม หลังไทยคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ การเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ ทำไมช่างดูไร้ความหมาย

(29 ก.ย. 66) ผลสรุปการแข่งขัน ‘เอเชียนเกมส์ 2022’ ครั้งที่ 19 นครหางโจว ที่ประเทศจีน

- อันดับ 1 ยังเป็น จีน เจ้าภาพที่คว้าเหรียญทอง ไปแล้ว 90 เหรียญทอง 51 เหรียญเงิน 26 เหรียญทองแดง
- อันดับ 2 เกาหลีใต้ 24 เหรียญทอง 23 เหรียญเงิน 39 เหรียญทองแดง
- อันดับ 3 ญี่ปุ่น มี 18 เหรียญทอง 30 เหรียญเงิน 30 เหรียญทองแดง

ส่วนทีมชาติไทย ได้เพิ่มมา 1 เหรียญทองแดง จากกีฬาเทนนิส ประเภทชายคู่ โดย ‘ณัฐ ปรัชญา อิสโร’ และ ‘แม็กซ์ แม็กซิมัส ภราพล โจนส์’

ล่าสุด ทีมเซปักตะกร้อหญิงไทย คว้าเหรียญทองมาให้ทัพนักกีฬาไทยเพิ่มอีก 1 เหรียญ จากการแข่งขันเซปักตะกร้อหญิง ที่ทีมชาติไทยลงสนามพบกับทีมตะกร้อหญิงเกาหลีใต้ โดยทีมชาติไทย เอาชนะเกาหลีใต้ไปได้ 2-0 เซตรวด 21-13, 21-4 คว้าเหรียญทองได้อีกสมัย

ทำให้ทัพนักกีฬาไทย ได้มา 7 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง อยู่อันดับที่ 6 บนตารางเหรียญเอเชียนเกมส์ 2022

อย่างไรก็ตาม ไทย ยังมีลุ้นเหรียญทองในวันต่อๆ ไปจากการแข่งขันกีฬาประเภทอื่น เช่น มวยสากล, แบดมินตัน, กรีฑา, วอลเลย์บอลหญิง เป็นต้น

จากการผลสรุปการแข่งขันนี้ ทำให้ชาวเวียดนามได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ไทยคว้า 7 เหรียญทองมาครองได้สำเร็จ ในศึกเอเชียนเกมส์ 2022 โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังในตัวนักกีฬาทีมชาติของเวียดนามเอง ที่ยังความพร้อมและทักษะในการแข่งขันกีฬาในระดับภูมิภาคเอเชีย อาทิ

- “ดูตารางเหรียญแล้วรู้สึกเศร้าแทนทีมกีฬาเวียดนาม”
- “เพราะเหตุใดในซีเกมส์ เวียดนามมักจะอยู่ในอันดับต้นๆอยู่เสมอ แต่ในเกมระดับเอเชียเวียดนามกลับอยู่ต่ำกว่าไทย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์เสมอเช่นเดียวกัน”
- “ผมไม่แน่ใจว่า นักกีฬาของเราจะสามารถแข่งขันในระดับทวีปได้หรือเปล่า แล้วเราจะไปโอลิมปิกได้อย่างไร”
- “บอกตามตรงนะ ผมคิดว่าเวียดนามไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอ”
- “50 เหรียญทองในซีเกมส์ยังไม่เทียบเท่ากับการได้ 1 เหรียญทองของเอเชียนเกมส์เลย นี่มันคงเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเวียดนาม ในการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันที่ไม่ใช่ระดับหมู่บ้าน”

- “ปัญหาทางด้านกีฬาของเวียดนามยังมีอยู่เป็นเวลานานแล้ว เราไม่มีการลงทุนที่เพียงพอ และที่สำคัญเราไม่สามารถเข้าถึงเงินทุน และทรัพยากรการลงทุนเหล่านั้นได้”
- “ในซีเกมส์ เวียดนามมีอันดับเหนืออินโดนีเซียและไทย แต่ทำไมในระดับเอเชียนเกมส์มันถึงแตกต่างกันมาก”
- “นี่เป็นผลจากการลงทุนน้อย และการลงทุนของเราก็เปล่าประโยชน์”
- “เมื่อออกทะเลใหญ่เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามหาสมุทรกว้างใหญ่ขนาดไหน โดยเฉพาะเมื่อเราเคยชินกับการพายเรือเล่นในหนองน้ำหมู่บ้าน”
- “ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ได้โปรดหยุดรอเวียดนามสักครู่…”

- “อยากจะเปลี่ยนเหรียญทองซีเกมส์ทั้งหมด มาเป็นเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ไม่รู้จะได้หรือเปล่า?”
- “วงการกีฬาของเวียดนามควรจะมีการเริ่มต้นลงทุนได้แล้ว”
- “ในเรื่องการกีฬาการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจิตวิทยาของนักกีฬาของบ้านเรานั้นมันอ่อนแอ”
- “ไม่แน่ใจว่าพวกเขาเต็มใจที่จะอุทิศให้กับการกีฬาของประเทศมากน้อยเพียงไหน เหรียญทองคือบทพิสูจน์ที่สำคัญที่สุด”
- “รู้สึกว่าทีมกีฬาเวียดนามในครั้งนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเป็นอย่างดีสำหรับการแข่งขันเหมือนกับครั้งที่แล้ว”

- “นักกีฬาหลายคนไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความหวังรุ่นเหรียญรางวัล”
- “เวียดนามเก่งแค่ระดับหมู่บ้านเท่านั้น”
- “ออกมาสู่ระดับเอเชีย เห็นได้ชัดเลยว่าการอยู่อันดับ 1 ในกีฬาซีเกมส์นั้นมันไม่มีความหมาย”
- “เรารู้ตัวดีว่าระดับของเวียดนามอยู่ในระดับของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
- “เวียดนามจำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์การพัฒนากีฬาของตนให้ครอบคลุมมากขึ้น ตอนนี้เวียดนามกำลังล้าหลังอยู่”

- “เราใส่ใจแต่เหรียญทองซีเกมส์จนมากเกินไป ตอนนี้เหรียญโอลิมปิกก็เลิกฝันไปได้เลย”
- “หลายประเทศมีประชากรน้อยกว่าเวียดนาม แต่พวกเขาก็ได้อันดับที่สูงกว่า และนั่นคือสิ่งที่เราต้องคิดและทบทวน”
- “กีฬาระดับนี้ เป็นตัววัดถึงความสามารถ ของนักกีฬาได้ดีกว่าในระดับซีเกมส์เป็นอย่างมาก เรามาดูกันว่าเวียดนามจะอยู่ที่อันดับไหน”
- “นี่คือระดับที่แท้จริงของกีฬาเวียดนาม”
- “ถ้ายังเป็นแบบนี้ความหวังในการคว้าเหรียญโอลิมปิกคงจะไม่เกิดขึ้น”

- “ระดับเอเชียทำให้เห็นว่า กีฬาของเวียดนามยังอ่อนแอมาก ไม่รู้ว่าเราจะมาลงทุนกับ Tournament อย่างซีเกมส์ทำไม ยิ่งทำแบบนั้นเราก็ไม่สามารถไล่ทันไทยอินโดนีเซียหรือว่ามาเลย์ได้”
- “ผมรู้สึกเสียใจมากกับระดับเอเชียของเรา ถึงแม้ว่าจะได้แชมป์ซีเกมส์ แต่ว่าก็อ่อนแอมากในระดับเอเชีย นี่คือความน่าผิดหวังอย่างแท้จริง”
- “เอเชียนเกมส์ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเรายังตามหลังไทย อยู่มากไม่ต้องพูดถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียเลย”
- “พอไปสนามระดับเอเชีย เวียดนามแพ้ทุกประเทศในภูมิภาค เราเก่งเฉพาะในซีเกมส์เท่านั้น 
ประเทศไทยนำโด่งไปแล้วสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
- “ประเทศเพื่อนบ้านของเราได้เหรียญทองกันหมดแล้ว แล้วเวียดนามล่ะ?”

- “เวียดนามแข็งแกร่งในกีฬาพื้นบ้าน ในขณะที่กีฬาที่มีการแข่งขันในระดับโอลิมปิกไม่สามารถสร้างผลงานให้ประสบความสำเร็จได้”
- “ได้โปรดเถิดนักกีฬาเวียดนาม โปรดสร้างผลงานอย่างเต็มที่ อย่าให้น้อยหน้าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย”
- “ไทยและอินโดนีเซียได้เหรียญทองไปแล้ว เราไม่สามารถประเมินอะไรได้เลยจากการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านอย่างซีเกมส์”
- “มันทำให้เราไม่รู้ตัวว่าเวียดนามยังไม่ดีพอ”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของชาวเวียดนามส่วนนึงเท่านั้น ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์ศักยภาพของนักกีฬา สมาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวงการกีฬาของประเทศเวียดนาม ถึงความไม่เตรียมพร้อม การบริหารจัดสรรงบประมาณ และขาดทักษะสำคัญๆ หลายประการ ในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ

‘อ.พงษ์ภาณุ’ กระตุ้นสูตรความยิ่งใหญ่กีฬาไทย อาจต้องใช้เงินภาคเอกชน ‘อุดหนุน-พาสู่ฝัน’

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'กีฬาไทย ต้องเป็นมืออาชีพและใช้เงินภาคเอกชน' เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า…

ปี 2567 จะเป็นปีที่วงการกีฬาโลกและกีฬาไทยมีความคึกคักเป็นพิเศษ เพราะจะมีมหกรรมกีฬาโอลิมปิค 2024 ที่กรุงปารีส (Paris Olympics) ฟุตบอลยูโร 2024 การแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 58 ที่ Las Vegas อาทิตย์นี้การเข้ามามีบทบทบาทในเวทีกีฬาโลกของซาอุดีอาระเบีย

ในขณะที่วงการฟุตบอลของไทยก็ได้นายกสมาคมคนใหม่ (มาดามแป้ง) มารับภาระในการพัฒนากีฬาฟุตบอล ซึ่งกำลังตกต่ำเป็นประวัติการณ์

น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่วงการกีฬาไทยจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์และความสำเร็จของประเทศอื่น วันนี้ต้องยอมรับว่ากีฬาไทยไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรการเงิน โดยเฉพาะเงินจากภาครัฐอีกต่อไป เมื่อปี 2558 รัฐบาลได้จัดสรรเงินภาษีบาป (ภาษีสุราและยาสูบ) ปีละกว่า 4,000 ล้านบาท อย่างต่อเนื่องมาเข้ากองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ทำให้มีเงินเพียงพอที่จะสามารถจัดเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาต่าง ๆ อย่างพอเพียง

แต่จนแล้วจนรอดวงการกีฬาไทยก็ยังไม่พัฒนาไปถึงไหน ผลงานนักกีฬาไทยในเวทีระดับโลกและระดับภูมิภาคยังไม่เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่ารัฐบาลจะใส่เงินลงไปค่อนข้างมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคแต่ผลงานก็ยังสู้ไม่ได้แม้แต่ประเทศเวียดนาม ซึ่งใช้งบประมาณน้อยกว่ามาก กีฬาไทยยังพึ่งงบประมาณภาครัฐเป็นหลัก และแม้ว่าจะได้รับเงินจากภาษีอากรมาค่อนข้างมาก แต่การใช้เงินขาดประสิทธิภาพ เงินงบประมาณส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเดินทางไปต่างประเทศของนักกีฬาและบุคคลติดสอยห้อยตามเป็นจำนวนมาก การใช้เงินของสมาคมกีฬาขาดความโปร่งใสและไม่มีการตรวจสอบ กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติไม่มีประสิทธิภาพในการอนุมัติและบริหารการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งสะท้อนจากการร้องเรียนของสมาคมกีฬาเป็นระยะ ๆ

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว กีฬากลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถสร้างรายได้มหาศาล และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาภาครัฐและเป็นภาระต่อผู้เสียภาษี กีฬาอาชีพหลายชนิด อาทิเช่น ฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล กอล์ฟ เป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าธุรกิจบันเทิงอื่น และหลังจากซาอุดีอาระเบียเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เงินจากปิโตรเลียมได้มีส่วนกระตุ้นให้ทีม/สโมสร และผู้เล่นมีรายได้และค่าตอบแทนสูงขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งในรูปของค่าสิทธิประโยชน์ (Sponsorships) ค่าสิทธิในการถ่ายทอด (Broadcasting Rights) และค่าตัวนักกีฬา

สมาคมฟุตบอลไทยในอดีตประสบความสําเร็จเป็นอย่างสูง เรามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมพัฒนาฟุตบอลไทย คงจะไม่ยุติธรรมนักถ้าจะไม่เอ่ยชื่อคุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคม และบริษัทโตโยต้าประเทศไทย ฟุตบอลไทยได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างขนานใหญ่จากในอดีตที่เป็นแค่ทีมในสังกัดองค์กรมาเป็นสโมสรที่เป็นนิติบุคคล ไทยลีกได้พัฒนาเป็นลีกฟุตบอลชั้นนำของเอเชียไม่แพ้ J League ของญี่ปุ่น รายได้จากการประมูลสิทธิการถ่ายทอดเกมส์ฟุตบอลของไทยลีกมีจำนวนสูงถึงปีละกว่าพันล้านบาท การท่องเที่ยวเชิงกีฬาสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการเดินทางติดตามเชียร์ของแฟนคลับ

แทบไม่น่าเชื่อว่าความสำเร็จเหล่านี้ได้หายไปจากวงการกีฬาไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามานี้ วันนี้จำเป็นต้องสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนเพื่อสร้างกีฬาไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ และโดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ภายใต้นายกสมาคมคนใหม่ ที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำหลักการและบทเรียนที่ในอดีตกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อให้ความฝันบอลไทยได้ไปบอลโลก กลายเป็นความจริงเสียที

ส่องจำนวนนักกีฬา 'อาเซียน' สู้ศึก 'โอลิมปิก' ที่ปารีส

ชวนส่องจำนวนนักกีฬาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ละประเทศ ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการแข่งขัน​กีฬาโอลิมปิก​ 2024 ที่ปารีส ซึ่ง ‘ประเทศไทย’ ของเรา ​มีจำนวนนักกีฬา​มากเป็นอันดับ 1 ✨🇹🇭

สำหรับชาวกัมพูชา​ คงจริงดังที่ชาวเน็ตกัมพูชาพูดเอาไว้ว่า "โอลิมปิกไม่สำคัญ​เท่าซีเกมส์” เพราะยังไงกัมพูชาก็ไม่มีโอกาสได้ไปโอลิมปิกแน่นอน…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top