(20 เม.ย. 68) ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศด้อยศักยภาพ แต่เรายัง "ปลดล็อกตัวเอง" ไม่ได้เต็มที่ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาประเทศคือ ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์
ลองจินตนาการดูว่า...
หาก “ประเทศที่มีวัฒนธรรมลึกซึ้งที่สุดในอาเซียน”
“ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติแบบไม่มีใครเทียบ”
“ประเทศที่ตั้งอยู่บนจุดตัดเศรษฐกิจโลก เรา เพื่อนบ้าน ประเทศทั้งอาเซียน จีน และอินเดียที่มีประชากรเกิน 2,000 ล้านคน”
จะดีแค่ไหนหากเราได้ปลุกศักยภาพของคนในชาติขึ้นมาพร้อมกัน
ประเทศไทยจะไม่ใช่แค่ “ประเทศน่าเที่ยว”
แต่จะกลายเป็น “ศูนย์กลางของโลก” และสิ่งที่เราต้องการมีเรื่องสำคัญ 3 ข้อดังนี้
1.คนไทยต้องมีระบบการศึกษาที่แข็งแรง ทันโลก มีนิสัยไฝ่เรียนรู้ ขยันสร้างศักยภาพทั้งความคิดและคุณธรรม
สิงคโปร์มีระบบการศึกษาแข็งแรง ญี่ปุ่นมีวินัยและสำนึกส่วนรวม แต่ถ้าไทย “รวมทั้งสองสิ่งไว้ในคนคนเดียวได้” เราจะไปได้ไกลกว่านั้น
เราต้องการเด็กที่คิดเป็น วิเคราะห์ได้ ก้าวทันเทคโนโลยี และไม่กลัวตั้งคำถาม พร้อมกันกับเป็นคนที่มีเมตตา ไม่เบียดเบียน และมีจิตสาธารณะ"
สิ่งนี้จะกลายเป็นรากฐานของผู้นำรุ่นใหม่ แรงงานรุ่นใหม่ และสังคมที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ แต่มีพลัง
2. คนไทยต้องมีจิตสำนึกในการรังเกียจการทุจริตคอร์รัปชันเป็นค่านิยมร่วม
สิงคโปร์เลิกคอร์รัปชันได้ในไม่กี่ทศวรรษ
ญี่ปุ่นมีระบบตรวจสอบที่แม้แต่นายกฯ ก็ต้องรับผิด
แต่ไทยยังอยู่ในวงจร “รู้นะว่าโกง แต่ก็จำยอม”
ถ้าเราเปลี่ยน “ความอดทน” เป็น “ความรังเกียจ”
และเปลี่ยน “ความเคยชิน” เป็น “ความกล้าทำให้มันจบ”
เราจะมีสังคมที่ไม่ต้องออกมาประท้วงทุกปี
ไม่ต้องตื่นมาเจอกับข่าวฮั้วงบ และไม่ต้องสอนลูกว่า “ถ้าอยากโตเร็ว อย่าเล่นตามกติกา”
3.ทุกคนต้องรู้และทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็ม ประสิทธิภาพ 100% และที่สำคัญต้องไม่เล่นการเมืองในที่ทำงาน
สิงคโปร์มีระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ
ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรม “ทุ่มเท” กับงานอย่างสุดกำลัง
แต่ในไทย... ยังมีการเมืองในที่ทำงาน การใช้อำนาจมากกว่าหลักการ
ถ้าพนักงานไทยทุกคนทำงานเต็มศักยภาพ
ข้าราชการไทยทำเพื่อประเทศมากกว่าตำแหน่ง
และเจ้านายเลิกเลื่อนตำแหน่งคนจากความใกล้ชิดส่วนตัว
เราจะไม่ต้องรีบวิ่งตามใคร เพราะเราจะ “ลุกขึ้นยืนในจุดที่โลกต้องหันกลับมามอง”
แล้วถ้าเรามีครบทั้ง 3 ข้อนี้จริงล่ะ?
คนเก่งแต่มีธรรมะ = ประเทศเจริญโดยไม่ทิ้งใคร
คนไม่โกง = งบประมาณไปถึงที่ควรถึง
คนทำงานเต็มที่ = งานทุกงานเปลี่ยนแปลงประเทศได้จริง
ประเทศไทยจะไม่ใช่แค่ “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม”
แต่คือ ประเทศที่ทั้งเก่ง ทั้งกล้า ทั้งดี - และเป็นจุดศูนย์กลางของโลกในยุคใหม่
ถึงเวลาแล้วที่เราจะเลิกถามว่า
“เราจะตามใครทัน?” แล้วหันมาถามว่า
“ถ้าประเทศไทยมีสิ่งนี้... โลกจะตามเราทันไหม?”