Friday, 3 May 2024
ทิพานันศิริชนะ

“ทิพานัน” เผยชาวสุโขทัยซาบซึ้งนายกฯ ดำเนินการ 9 เรื่องเร่งด่วนช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายทั่วถึง-โปร่งใส เพื่อมาตรการเยียวยา ฟื้นฟูโดยเร็ว ชี้ทุกฝ่ายต้องช่วยประชาชนก่อน วอนฝ่ายค้านอย่าจ้องดิสเครดิตทางการเมือง 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุโขทัยเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมว่า โดยภาพรวม จ.สุโขทัยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ในพื้นที่เศรษฐกิจฝั่งขวา 9 อำเภอ 56 ตำบล 288 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตร 169,297 ไร่ บ่อปลา 1,326 ไร่ ถนน 118 สาย สะพาน 6 แห่ง ท่อระบายน้ำ 7 แห่ง ตลิ่งและคันกั้นน้ำ 6 แห่ง ฝาย 9 แห่ง ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประสานงานรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือเฉพาะหน้าเป็นการเร่งด่วนแล้ว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ล่าสุดสิ่งที่นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนนี้ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการ 9 ภารกิจเร่งด่วน คือ 

1.) อพยพผู้ประสบภัยและสัตว์เลี้ยงไปยังที่ปลอดภัย โดยคำนึงมาตราการป้องกันโควิด-19 ด้วย  
2.) จัดเตรียมศูนย์อพยพชั่วคราวและต้องประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าให้ผู้ประสบภัยได้ทราบและมาพักอาศัยกรณีเกิดภาวะน้ำท่วมฉุกเฉินไว้   
3.) ในส่วนพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านได้นั้น ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาอาหารแห้ง น้ำดื่มและยารักษาโรค 
4.) อำนวยความสะดวกการใช้ไฟฟ้าแก่พี่น้องประชาชนให้มีใช้อย่างเพียงพอต่อเนื่อง รวมทั้งแนะนำข้อปฏิบัติเกี่ยวกับไฟฟ้ากรณีเกิดน้ำท่วมให้มีความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด 
5.) จัดให้มีชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อนที่เร็วทางเรือเพื่อให้การรักษาพยาบาลพี่น้องประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม 
6.) สำรวจและขจัดสิ่งขวางทางน้ำไหลเพิ่มให้เหมาะสม 
7.) ด้านการคมนาคมนายกรัฐมนตรีได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแสดงสัญลักษณ์และเตือนภัยเส้นทางสัญจรที่เป็นอันตราย ไม่ควรผ่าน ให้ประชาชนได้เตรียมตัวได้ทัน มีจุดบอกระดับน้ำท่วมในจุดที่มีพี่น้องประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อความปลอดภัย 
8.) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตให้ช่วยเฝ้าระวังสัญญาณให้การได้อยู่เสมอ 
9.) ให้เร่งสำรวจความเสียหายของพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยอย่างทั่วถึงและโปร่งใส เป็นธรรม เพื่อที่รัฐบาลจะได้มีมาตรการเยียวยา และฟื้นฟูโดยเร็วที่สุดและครบถ้วน ซึ่งทุกข้อสั่งการหากติดขัดตรงไหนก็ขอให้ผู้เกี่ยวข้องรีบรายงานมาที่นายกรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนต่อไป

‘ทิพานัน’ ยก รธน.แจง ‘ประยุทธ์’เป็นนายกฯ ตามรธน.60 สวน ฝ่ายค้านอย่าทำสังคมสับสน เหน็บ กลัวปชช.เลือกพรรค ชง ‘บิ๊กตู่’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในเลือกตั้งสมัยหน้า 

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านอ้างมาตรา 158 วรรค 4 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี มาปลุกปั่นกระแสสังคมเพื่อลดทอนความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ฝ่ายค้านถนัดและดิ้นรนจะทำ เพราะไม่สามารถหาจุดบกพร่องในการบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ได้ จึงต้องไปเอากฎหมายมาตีความกระท่อนกระแท่น เอามาบางส่วนในแต่ละมาตรามาโจมตีนายกฯ เพราะถ้าอ่านมาตรา 158 และมาตรา 264 ทั้งมาตราจะเข้าใจได้ว่า การนับอายุดำรงตำแหน่งนายกฯ เริ่มขึ้นเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลบังคับใช้ เมื่อพล.อ. ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามมาตรา 158 วรรค 2 ที่บุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า บทบัญญัติของมาตรา 158 ทั้งมาตรา มี 4 วรรค คือ วรรคหนึ่ง พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบกันเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

วรรคสอง นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคสาม ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และวรรคสี่ นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาคือมาตรา 158 วรรค 2 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 และเมื่อประกอบมาตรา 272 แล้วต้องให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ดังนั้นความมุ่งหมายของมาตรา 158 ทั้งมาตราเป็นการบัญญัติพระราชอำนาจในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งในการนับเวลา 8 ปีตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ใช่ว่าจะนับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแต่ต้องเป็นตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้และเป็นนายกฯ ที่มาตามมาตรา 158 วรรค 2 ที่ต้องผ่านขั้นตอนการเสนอชื่อโดยกระบวนการตั้งแต่ประชาชนตามมาตรา 159 ซึ่งรัฐธรรมนูญปีไหนก็ยังไม่มี เมื่อจะใช้กฎหมายมาตรานี้ก็ต้องอ่านทั้งมาตรา จะเอาวรรค 4 วรรคเดียวมาอ้างแบบกระท่อนกระแท่นบางส่วนไม่ได้ การนับเวลา 8 ปีตามมาตรา 158 วรรค 4 ต้องนับจากนายกรัฐมนตรีที่มาตามมาตรา 158 วรรค 2 ด้วย

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน 'บิ๊กตู่' สารพัดโปรเจกต์ แนะเปิดใจกว้าง อย่าโดนการเมืองบิดเบือน

'ทิพานัน' โชว์ผลงานนายกฯ พัฒนาอุดรธานีสารพัดโปรเจกต์ เห็นใจ 'สาวอุดร' โดนบรรยากาศการเมืองบิดเบือน หวังพึ่ง ส.ส. ในพื้นที่ไม่ได้

3 ธ.ค. 64 - น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีหญิงสาวอุดรธานีกล่าวกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ว่า “หากพัฒนาไม่ได้ก็ให้เกษียณเร็ว ๆ ให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน” ว่า จุดประสงค์ในการลงพื้นที่ของ พล.อ. ประยุทธ์ คือการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม นำมาดำเนินการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ตรงจุด ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ มีนโยบายในการพัฒนาประเทศในทุกจังหวัดอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเฉพาะในส่วนของ จ.อุดรธานี

นอกจากการลงพื้นที่ไปเพื่อเตรียมความพร้อมและส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่แลนด์มาร์กสำคัญที่วังนาคินทร์ คำชะโนดซึ่งอยู่ในแผนพัฒนาจังหวัดอุดรธานีปี 61-65 แล้ว นายกฯ ได้อนุมัติแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมและการขนส่ง เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการเดินทางให้มีความสะดวกต่าง ๆ มากมาย ที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เช่น โครงการขยายผิวจราจร ทางหลวงหมายเลข 2 อุดรธานี - หนองคาย, โครงการขยายผิวจราจร ทางหลวงหมายเลข 216 ถนนวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี ด้านทิศตะวันออก, โครงการขยายช่องจราจรจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 2 - พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์

‘ทิพานัน’ จี้ ‘ทักษิณ’ กลับมาสู้คดีตามกม. ลั่น ไม่มีใครกลัว ‘ทักษิณ’ กลับบ้านอีกแล้ว

‘ทิพานัน ศิริชนะ’ ขุด คดี ‘ทักษิณ’ จี้ รีบกลับมาสู้คดีตามกฎหมายเป็นของขวัญคนไทย ชี้มุกแป้ก ไม่มีใครกลัว ‘ทักษิณ’ กลับบ้านแล้ว แต่ตัว ‘ทักษิณ’ เองต่างหากที่กลัวกลับมาติดคุกเพราะมีคดีอื้อ พร้อมห่วงจะสร้างตราบาปที่ลบไม่ได้ให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ รอบสอง

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อวยพรปีใหม่คนไทยให้ตนเองได้กลับบ้านมาช่วยงาน โดยยืนยันจะกลับมาอย่างสันติ ว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณเป็นเพียงการกลบกระแสข่าวที่กำลังถูกร้องเรียนเรื่องของการครอบงำพรรคการเมือง การที่ออกมาระบุเช่นนี้จะทำให้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่หนทางที่จะนำไปสู่ความสันติของประเทศ เป็นคำอวยพรประชาชนที่หวังประโยชน์ในทางการเมือง มากกว่าประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การนิ่งสงบของนายทักษิณจะช่วยให้ประเทศสันติมากกว่า หรือหากจะมอบของปีใหม่ก็รีบกลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เป็นของขวัญให้คนไทย ซึ่งตรงนี้จะทำให้กลับมาไทยได้ไวที่สุด มิใช่หนีเร่ร่อนอยู่เช่นนี้ 

“มุกเดิมที่คุณทักษิณมักใช้คือ ไม่ได้กลับไทยเพราะมีคนกลัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครกลัวคุณทักษิณจะกลับบ้าน แต่คุณทักษิณเองต่างหากที่กลัวเอง หนีไปเอง เพราะหากกลับมาแล้วต้องรับผิดติดคุกจากคดีความต่างๆ ที่นอกจากคดีที่ดินรัชดาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ยังมีคดีอื่นๆ อีก ทั้งคดีทุจริตโครงการหวยบนดินที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาเช่นกัน คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ปฯ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการโทรคมนาคม ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี และยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของป.ป.ช.อีก ทั้งคดีระบายข้าวจีทูจี และคดีสั่งซื้อเครื่องบินบริษัทการบินไทยไม่คุ้มค่าทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก” น.ส.ทิพานัน กล่าว

‘ทิพานัน’ ปลื้ม "พายเรือสืบศิลป์ อรุณรุ่ง ที่วัดอรุณ" หวังดึงต่างชาติ "เดิน ล่อง ท่องคลองฝั่งธน" หนุนศก.

‘ทิพานัน’ ปลื้ม ’พายเรือสืบศิลป์ อรุณรุ่ง ที่วัดอรุณ’ ชุมนุมนักพายคายัคมากที่สุดในประเทศไทย หวังบูมดึงต่างชาติ "เดิน ล่อง ท่องคลองฝั่งธน" มากขึ้น  ชี้ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ-ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม
 
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายพัฒนาและฟื้นฟูคลองเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ตนในฐานะที่ผูกพัน อยู่กับพี่น้องประชาชนในเขตจอมทองและธนบุรี ซึ่งในพื้นที่มีเส้นทางคลองจำนวนมากที่เป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญ มีแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานและวัดวาอารามมากมายริมคลอง ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และเผยแพร่ ความภาคภูมิใจนี้ ให้กับคนในชุมชนที่ตระหนักและคนทั่วไป ทั้งภายในและนอกประเทศได้ชื่นชม  และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ตนมาร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชน อันประกอบด้วย กลุ่มนิยมพาย , กลุ่มรักษ์คลองฝั่งธน, กลุ่มเที่ยวคลองต้องลองเที่ยว ,บริษัทจอยสปอร์ต จำกัด ,ชมรมพายเรือกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มต่างๆ มาร่วมกัน "พายเรือสืบศิลป์ อรุณรุ่งที่วัดอรุณ’  เพื่อส่งเสริมการพายเรือให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  โดยเป็นการรวมตัวกันของเหล่านักพายคายัคมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 200 ลำ ซึ่งได้จัดขึ้นในวันนี้ วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2565 โดยมีระยะทาง 10.34 กม.  โดยเริ่มจากวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร -วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร- คลองบางกอกใหญ่-คลองบางหลวง ผ่านตลาดบางหลวง  ผ่านคลองมอญ โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุชขและกฎความปลอดภัยทางน้ำอย่างรัดกุม

‘ทิพานัน’ ชี้ ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ คุณวุฒิด่างพร้อย ยกปม ‘ข้อสอบรั่ว’ ตราบาป ‘ทักษิณ’ ทิ้งให้ลูก

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคเพื่อไทย โชคดีที่ได้สายเลือดพันธุกรรม ที่ต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และนำพาประเทศให้เป็นที่ยอมรับแต่ถูกกลั่นแกล้งถูกทำลาย ว่า หาก นพ.ชลน่าน หมายถึงนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม เพราะทั้งคู่ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้ง แต่หลบหนีคดีออกนอกประเทศเพราะไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ทั้งที่ไม่มีใครห้ามไม่ให้กลับประเทศ แต่ไม่ยอมรับผลกรรมการทุจริตโกงชาติบ้านเมือง กลัวติดคุกจึงเลือกไม่กลับ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นายทักษิณมีคดีที่ถูกพิพากษาจำคุก ได้แก่ คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก จำคุก 2 ปี ปัจจุบันคดีหมดอายุความแล้ว, คดีหวยบนดินที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา, คดีสั่งการให้เอ็กซิม แบงค์ อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลเมียนมา เพื่อซื้อสินค้าและบริการของบมจ.ชินแซทเทลไลท์ เอื้อประโยชน์แก่ตนเอง ศาลฎีกาฯ จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา, คดีนอมินีถือหุ้นบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกิจการโทรคมนาคม โดยชินคอร์ปฯ เป็นคู่สัญญาหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา 

ส่วนยุคของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคดีทุจริตจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาฯ พิพากษา จำคุกเป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญา, กรณีป.ป.ช.ชี้มูลกรณีแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ได้ตำแหน่งผบ.ตร. ซึ่งป.ป.ช. ชี้ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีวาระซ่อนเร้น เป็นการกระทำโดยทุจริต

นอกจากนี้ทั้ง 2 คนและญาติพี่น้องตระกูลชินวัตร ยังมีคดีที่อยู่ในชั้นของป.ป.ช. คือ คดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ลอตสอง 8 สัญญา มีการแจ้งผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม คือ นายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และคดีกล่าวหาอนุมัติสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 และ A340-600 ของบมจ.การบินไทย ระหว่างปี 2545-2547 ทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น

'ทิพานัน' แจงปม โซเชียลแชร์ข้อความบิดเบือน ยัน!! 'บิ๊กป้อม' เสียใจกับเหตุกราดยิงฯ อย่างแท้จริง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีโลกออนไลน์ ตัดต่อข้อความจากบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากเหตุกราดยิงภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ จ.หนองบัวลำภู ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่า ไม่ควรฉวยโอกาสตัดตอนข้อความและบทสัมภาษณ์ นำไปสื่อสารในลักษณะที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความไม่สบายใจในสังคม ในช่วงเวลาที่อยู่ในความโศกเศร้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้

ซึ่งในความเป็นจริง สื่อมวลชนได้สอบถามกรณีคนร้ายปลิดชีพตัวเองและเสียชีวิตก่อน เป็นเรื่องดีหรือไม่ เพราะทำให้ไม่เกิดเหยื่อเสียชีวิตเพิ่มเติม โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ได้โชคดีหรอก การเสียชีวิต” และมีคำถามจากสื่ออีกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ และ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “จะให้ทำอย่างไร ก็คนติดยาเสพติด” ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามต่อว่ามีรายงานว่าติดยาเสพติดจึงให้ออกจากราชการ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ใช่ๆ ใช่”

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน EEC ดูดนักลงทุนต่างชาติ ย้อนเกล็ด!! เขตธุรกิจใหม่ 4 ภาคของ 'เพื่อไทย'

'ทิพานัน' ย้อน 'เพื่อไทย' นโยบายเศรษฐกิจล้าหลัง เลื่อนลอยล่าช้า โชว์ผลงาน EEC ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ 3 ไตรมาสแรกปี 65 มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ชู 4 ปี งบลงทุนเกินเป้า 1.8 ล้านล้านบาท เงินไหลเข้าประชาชนทุกพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม     

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ย.) ของปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 436 ราย โดยในจำนวนนี้มีนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่สนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 80 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 40,555 ล้านบาท คิดเป็น 41% ของเงินลงทุนทั้งหมด สะท้อนถึงความสำเร็จของ EEC ในส่วนการดึงดูดนักลงทุน และเม็ดเงินเข้ามาลงทุนไหลเข้าสู่ประเทศ 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แม้โครงการจะเผชิญอุปสรรคปัญหาต่างๆ จากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจโลก สถานการณ์สู้รบในยูเครนและผลกระทบต่อราคาพลังงาน แต่ในพื้นที่ EEC กลับมีผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม โดยมีงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินจากเป้าหมายในแผนแรกของ EEC ที่กำหนดไว้ 1.7 ล้านล้านบาทใน 5 ปี 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในกรณีที่ พรรคเพื่อไทยโดยผอ. ศูนย์นโยบายพรรค ได้กล่าวถึงนโยบาย EEC โดยเปรียบเทียบกับนโยบาย 'เขตธุรกิจใหม่' 10 ข้อ ของพรรคเพื่อไทยนั้น จึงขอชี้แจงให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและเสียโอกาสดังนี้...

1.) อีอีซี ได้สร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบแล้ว มีการวางโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและเทคโนโลยีดิจิทัล และยังมีสิทธิประโยชน์เสนอให้นักลงทุนโดยเฉพาะ ครอบคลุมการแก้ไขตั้งแต่ต้นตอเรื่องการลงทุน มีสิทธิประโยชน์ชุดใหม่และมีกลไกแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ ที่สร้างความล่าช้าในการนำมาใช้ ตามที่เพื่อไทยเสนอที่ไม่รู้ว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตระกูลใดเป็นการเฉพาะหรือไม่ 

2.) อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซี คือกฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์และยังครอบคลุมทุกด้าน เช่น ใบอนุญาต ที่ดินทำกิน ป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันทางการค้า การนำเข้าส่งออก แรงงาน วีซ่า ภาษี สิทธิประโยชน์ ธุรกรรมการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา ระบบยุติธรรม ดังนั้นจึงขอให้ทีมงานเพื่อไทยศึกษา พรบ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 2561 ให้ละเอียดโดยเฉพาะหมวด 4 การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหมวด 5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และอีอีซีไม่มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย มีการพิจารณาปลดล็อกกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคมาโดยตลอด 

3.) อีอีซี มีการส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve industries) ที่จะสร้างศักยภาพความสามารถเทคโนโลยีของประเทศ และทักษะฝีมือของแรงงานไทยให้เพิ่มขึ้น และมีการสนับสนุน เปิดโอกาสทุนย่อย และ SMEs จึงไม่มีการผูกขาดอุตสาหกรรมใด

4.) อีอีซี มีสิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนารูปแบบและเงื่อนไข เพื่อทันต่อการใช้งานและให้เข้ากับสถานการณ์การเงินทั่วโลก เช่น ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้เตรียมทดสอบระบบเงินบาทดิจิทัลแล้

5.) อีอีซี มีแผนพัฒนา 8 แผน ครบวงจร ซึ่งแต่ละแผนจะเชื่อมโยงกัน นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่อย่างสมบูรณ์แบบเป็นรูปธรรมและยั่งยืนในทุกมิติ ดังนั้นที่กล่าวหาว่า 'อีอีซี คือจิกซอว์ไม่ครบวงจร' จึงเป็นข้อวิจารณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ขาดความรู้ สิ่งที่กล่าวอ้างว่า 'จะมี' ในเขตธุรกิจใหม่นั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลขณะนี้รองรับไว้หมดแล้ว และเกินกว่าที่เพื่อไทยคิดไปมาก ดังนั้นที่กล่าวหาว่าอีอีซีเน้นมิติเดียว ขาดกลไกนอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ในการดึงเงินต่างชาติ จึงไม่ถูกต้อง

6.) อีอีซี เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาคเอเชียอย่างครบวงจร ซึ่งจะเชื่อมตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว จะเห็นได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการคมนาคมแบบไร้รอยต่อทั้งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ ดังนั้นจึงเป็นการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้างว่า อีอีซี ไม่ตลาดเล็กจึงไม่จริง

7.) อีอีซี กำหนดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค ที่กำหนดประเภทอุตสาหกรรมของแต่ละภาคเพราะต้องการดึงศักยภาพที่พร้อมและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานรากตามศักยภาพในท้องถิ่นนั้น ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งประเทศเชื่อมโยงกับอีอีซีอย่างเป็นระบบ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในย่านอีอีซีจะได้โฟกัสระบบต่างเฉพาะทาง หากใช้แผนของพรรคเพื่อไทยที่เขตธุรกิจใหม่ เปิดกว้างครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมก็จะเกิดความซ้ำซ้อน สะเปะสะปะ ไม่ได้ดึงศักยภาพการใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่มาใช้เลย เป็นแผนการพัฒนาที่ลงทุนมากผลตอบแทนน้อย

8.) อีอีซี สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC เพียงเท่านั้น แต่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและภาพรวมของประเทศยังได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ที่จะได้มีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ระบบสาธารณสุข ระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย มีโอกาสมีงานทำ และรายได้ที่ดีขึ้น เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังเกิดการมีส่วนร่วม เช่น อีอีซีสแควร์ บัณฑิตอาสา เยาวชนต้นแบบ โครงการต้นแบบสวนภาษาอังกฤษ และจีน หลักสูตรอีอีซีกับการบริหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยคาดการณ์ว่าไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างน้อย 5% ต่อปี

9.) อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซี ที่เพื่อส่งเสริมการลงทุน ปลดล็อกข้อจำกัด และยังได้สิทธิประโยชน์และครอบคลุมทุกด้าน อย่างเป็นธรรมและง่ายต่อการลงทุน

10.) อีอีซี ปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนไว้แล้ว ตามนโยบายและพื้นที่การลงทุนแต่ละพื้นที่ ทำให้รองรับผู้ลงทุนและเงินลงทุนทั้งในและนอกประเทศ อย่างไร้ขีดจำกัดได้ทันที 

‘ตรีชฎา’ ซัด ‘ทิพานัน’ ใช้ตำแหน่งสาดโคลนเพื่อไทย ถาม!! หนุนคนทำรัฐประหาร ไม่ละอายใจบ้างหรือ?

‘ตรีชฎา’ สมเพช ‘ทิพานัน’ ใช้ตำแหน่งโทรโข่ง รบ.สาดโคลนใส่ร้ายพท. โวมีแต่นายกฯ จากการเลือกตั้ง ถามกลับยืนข้างคนทำรัฐประหารไม่อายบ้างหรือ

(16 พ.ย. 65) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวหาพรรคพท.ว่าด้อยค่าการจัดประชุมเอเปค 2022 ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมใส่ร้ายความเท็จผู้อื่น เอาดีเข้า พล.อ.ประยุทธ์ว่าไม่ใช้เวทีประชุมเอเปคเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตนเอง หรือ ตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่เคยโกงชาติไปว่า เป็นอีกครั้งที่น.ส.ทิพานันใช้ตำแหน่งทีมโฆษกรัฐบาลสาดโคลนโจมตีทางการเมือง น่าสมเพช หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะไม่แต่งตั้งโฆษกแบบนี้เพื่อมาทำงานลักษณะนี้ ความจริงเรื่องการทำหน้าที่ประธานในการจัดการประชุมเอแปค 2022 ภาคประชาสังคมและพรรคเพื่อไทยชี้แนะให้รัฐบาลใช้โอกาสการเป็นเจ้าภาพให้ประชาชนได้ประโยชน์ เช่น วิธีการและเป้าหมายในการบรรลุข้อตกลงร่วมแบบทวิภาคีกับกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปคเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากประเทศสมาชิก เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่ประเทศต้องสูญเสียจากการจัดงาน เป็นต้น 

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า แต่ความคิดที่ฝังแน่นและท่องจำจนเป็นนิสัยติดตัว ที่พยายามใส่ร้ายและพาดพิงถึงอดีตนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นการใส่ร้ายที่น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง จึงขอฉายภาพให้น.ส.ทิพานันได้เห็นการทำหน้าที่ประธานในการจัดการประชุมเอเปคเมื่อปี 2545 ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และรัฐบาลในขณะนั้นทำหน้าที่จัดงาน ผู้นำแต่ละประเทศเห็นความสำคัญกับวาระการจัดงานของประเทศไทย ตอนนั้นผู้นำเขตเศรษฐกิจมาครบครัน ทั้งผู้นำสหรัฐฯ ผู้นำรัสเซีย รวมทั้งผู้นำของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจมากมาย มีการจัดการประชุมอย่างสมบูรณ์แบบทุกด้าน เกิดผลการเจรจาจนสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมากมาย จากนั้นยังใช้โอกาสฟื้นฟูหลังโรคซาร์ส คนไทยรู้ดีว่าเขตการค้าเสรีทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ มีแต่ น.ส.ทิพานันที่ไม่ว่าจะก้มหน้าหรือเงยหน้า ก็ท่องจำแต่เรื่องการทำเพื่อประโยชน์ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง พรรคเพื่อไทยไม่ได้ด้อยค่าการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย แต่สั่งสอนให้รู้ว่ามืออาชีพเขาทำอย่างไรมากกว่า และยังกังวลว่ารัฐบาลนี้จะสามารถเป็นเจ้าภาพได้ดี และคุ้มค่ากับสิ่งที่คนไทยไดัรับในการจัดการประชุมหรือไม่

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน 'บิ๊กตู่' ปรับกฎหมายให้ทันสมัย ปฏิวัติ 'ดอกเบี้ยโหด' ในรอบ 95 ปี ให้เป็นธรรม

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน 'พล.อ.ประยุทธ์' ปรับกฎหมายให้ทันสมัย ปฏิวัติดอกเบี้ยโหดในรอบ 95 ปีให้เป็นธรรม ชี้ปรับปรุงกม.แพ่ง ช่วยลดอัตราดอกเบี้ย-เบี้ยปรับ ประชาชนปลดหนี้ได้ไวขึ้น

(7 ธ.ค. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในปี 3 ผลการดำเนินงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าในการลดข้อจำกัดด้านกฎหมายที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการทำธุรกิจและการดำรงชีวิตของประชาชน แก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ล้าสมัย โดยการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายและแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย 87 ฉบับเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด และอีก 57 ฉบับเกี่ยวกับใบอนุญาต และยังยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นด้วย 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า หนึ่งในกฎหมายที่ส่งผลดีต่อประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง คือกฎหมายเกี่ยวกับ 'การปฏิวัติดอกเบี้ย' ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แก้ไขวิธีการคิดดอกเบี้ยใหม่ ที่ใช้มานานกว่า 95 ปี เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทยแล้วยังเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้ประกอบการทั่วประเทศได้อย่างยั่งยืน มีความเป็นธรรม คุ้มครองไม่ให้ลูกหนี้ถูกเอาเปรียบ และสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป จึงมีพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 (อัตราดอกเบี้ย) ประกาศใช้ เมื่อ 10 เมษายน 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในอัตราหรือวิธีการที่ก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้สูงเกินสมควร  โดยมีสาระสำคัญ คือ...

1. หากไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ในนิติกรรมให้ใช้อัตราร้อยละ 3 ต่อปี ซึ่งทำให้ชำระดอกเบี้ยลดลง จากเดิมร้อยละ 7.5 เหลือร้อยละ 3 ต่อปี และเพื่อให้มีการปรับปรุงให้เป็นธรรมกับลูกหนี้ สอดคล้องกับสภาพเหตุการณ์จึงกำหนดให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุก 3 ปี ให้ใกล้เคียงกับอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ด้วย

2. อัตราดอกเบี้ยผิดนัด ปรับเป็นอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยผิดนัดอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี ลดจากเดิมร้อยละ 7.5 ต่อปี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top