Friday, 17 May 2024
จังหวัดระยอง

'ฉางอัน ออโต' วางศิลาฤกษ์ 'โรงงานผลิต EV' ในไทย มองไกล!! ทุ่ม 2 หมื่นล้าน จ่อผลิต 2 แสนคันต่อปี

(9 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฉางอัน ออโต (Changan Auto) ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของจีน ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตยานยนต์แห่งแรกของบริษัทในไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการขยับขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 1,520 ไร่ ตั้งอยู่ที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดระยอง ประกอบด้วยหน่วยทาสี ประกอบชิ้นส่วน ประกอบเครื่องยนต์ และประกอบแบตเตอรี่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนอันจำเป็น

รายงานระบุว่าการดำเนินงานระยะแรกมีกำหนดเริ่มต้นช่วงต้นปี 2025 โดยการออกแบบเบื้องต้นกำหนดกำลังการผลิตสูงแตะ 1 แสนคันต่อปี ส่วนการดำเนินงานระยะที่ 2 จะมีการลงทุนรวมสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตสูงแตะ 2 แสนคันต่อปี

อนึ่ง ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์แห่งสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเนิ่นนาน เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านห่วงโซ่อุตสาหกรรมและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

การลงทุนของฉางอันในไทยสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลไทยที่มุ่งเพิ่มสัดส่วนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้สูงแตะร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 และจะครอบคลุมทั่วตลาดอาเซียน รวมถึงตลาดยานยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก

ด้านนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย กล่าวว่าการลงทุนของฉางอันสะท้อนศักยภาพและความพร้อมของไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคและระดับโลก

หวังฮุย รองประธานของฉางอัน ออโตโมบิล เผยว่าฉางอันมุ่งมีบทบาทเชิงรุกในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์อันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ขณะไทยเร่งปรับตัวสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว

การเข้าสู่ไทยของฉางอันไม่เพียงเสนอหลักประกันตามเป้าหมายจัดวางให้ไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคของฉางอัน แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมการบูรณาการเชิงลึกของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในจีนและไทย

ทั้งนี้ นอกเหนือจากฉางอันแล้ว กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ของจีน เช่น เกรตวอลล์ (Great Wall) และบีวายดี (BYD) ได้ก่อสร้างโรงงานและเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ในไทยเช่นกัน ด้านข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่าแบรนด์จีนครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในไทยในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้

‘กมธ.อุตฯ’ ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงโรงงานเครนถล่ม จ.ระยอง สั่งดำเนินคดีผู้กระทำผิด - ตั้ง คกก.ตรวจสอบโรงงานเพิ่มเติม

(5 เม.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมกมธ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุเครนถล่มที่โรงงานเหล็กในพื้นที่ ม.2 ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมี นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง แรงงานจังหวัดระยอง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ที่ห้องประชุม อบต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง

นายอัครเดช ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า กมธ.ได้รับการชี้แจงจากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า เหตุการณ์เครนถล่ม มีผู้เสียชีวิต 7 ราย เป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 6 ราย จีน 1 ราย ทางบริษัทได้จ่ายเงินเยียวยาให้ตามกฎหมายทุกรายแล้ว

ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยองได้ชี้แจงว่า ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตตามขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว กมธ.ได้ย้ำขอให้แรงงานจังหวัดระยองได้เข้ามาดูแลการทำงานของแรงงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และให้มีการจ้างงานถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นแรงงานต่างด้าว ต้องเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย

นายอัครเดช กล่าวว่า ส่วนที่ 2 ในเรื่องการก่อสร้างพบว่าทาวเวอร์เครนที่ล้มได้รับรายงานจากปลัดอบต.ตาสิทธิ์ว่า ไม่มีการขออนุญาตติดตั้ง ทางกมธ.จึงให้หน่วยงานไปแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน และขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหาข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่อบต.ตาสิทธิ์ ที่มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ที่ปล่อยให้มีการติดตั้งเครนโดยไม่มีการขออนุญาต ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัด จะตั้งกรรมการมาสอบสวนก่อนจะรายงานผลสอบให้กมธ.ได้ทราบต่อไป

สำหรับ ส่วนที่ 3 การติดตั้งเครื่องจักร ทางอุตสาหกรรมจังหวัดชี้แจงว่า ได้มีการขออนุญาตก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและติดตั้งเครื่องจักรตาม พ.ร.บ.โรงงานอย่างถูกต้อง แต่ กมธ.ได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบการติดตั้งเครื่องจักรให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด ไม่ควรนำเครื่องจักรที่ไม่มีความปลอดภัยและไม่ได้มาตรฐานมาติดตั้งในพื้นที่ จะส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชนโดยรอบ เป็นอันตรายต่อพนักงานที่มาปฏิบัติงานในโรงงาน และให้อุตสาหกรรมจังหวัด และแรงงานจังหวัดตรวจสอบโรงงานอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบการ เพื่อความปลอดภัยของทุกส่วน

นอกจากนั้น กมธ.ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ตั้งคณะกรรมการพิเศษจากหลายหน่วยงานขึ้นมาบูรณาการในการทำงานร่วมกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจสอบโรงงานแห่งนี้ โดยตรวจสอบการติดตั้งเครื่องจักรและการก่อสร้างให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเข้มงวด และขอให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการอีกหนึ่งชุดเพื่อตรวจสอบโรงงานทั่วจังหวัดระยองว่า มีการละเมิดกฎหมายในการติดตั้งเครนก่อสร้างในลักษณะนี้เพิ่มอีกหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม การมาของ กมธ.ครั้งนี้เชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนทั่วทั้งจังหวัดได้ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยองได้เห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการฯที่จะมีการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดดังกล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องที่แรงงานเมียนมาเคยประท้วงให้ตรวจสอบอาจจะมีการฝังศพแรงงานไว้ในพื้นที่โรงงาน นายอัครเดช กล่าวว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยองชี้แจงว่า ได้ลงไปตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครองแล้ว ไม่พบแต่อย่างใด และสภาพพื้นที่ก็ไม่สามารถนำศพไปฝังได้ แต่ถ้าประชาชนมีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแจ้งมายังกมธ.ได้ จะตรวจสอบเพิ่มเติมให้

เมื่อถามว่า เจ้าของโรงงานได้ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ตรวจสอบแล้ว เจ้าของเป็นคนจีน มีการขออนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดระยองอย่างถูกต้อง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top