Monday, 29 April 2024
ควาย

‘ครูเป็ด’ ให้ข้อคิด ‘ฟืนเปียก’ จุดไม่ติดก็ต้องทิ้ง แล้วเก็บไม้ขีดจุดฟืนที่พร้อมลุกโชนเป็นไฟดีกว่า

กลายเป็นอีกกระแสบนโลกโซเชียล หลังจากคุณครูท่านหนึ่งได้ออกมาตัดพ้อถึงความเป็นครูที่นักเรียนไม่แม้แต่เคารพ พร้อมเผยภาพให้เห็นข้อความหยาบคายจากเด็กนักเรียนที่ไม่พอใจ เดินตรงไปเขียนกระดานดำว่า ‘ควาย’ หลังถูกครูผู้สอนยึดโทรศัพท์มือถือกลางห้องขณะเรียน พร้อมเนื้อหาระบุว่า…

เมื่อเข้าห้องสอน บอกให้เก็บโทรศัพท์ เริ่มเข้าเนื้อหา ก็บอกให้เก็บโทรศัพท์ ทบทวนเนื้อหา ก็บอกให้เก็บโทรศัพท์ รอบที่ 3 ฉันเดินเข้าไปยึดโทรศัพท์ และบอกให้มาสอบเพื่อแลกเอาโทรศัพท์คืน (คะแนนไม่มีสักช่อง) นักเรียนลุกขึ้นยืนและเดินผ่านหน้าดิฉัน เดินผ่านดิฉันขณะสอนอยู่ เพื่อนนั่งฟังอยู่ และเดินไปทางกระดานดำ หยิบชอล์กขึ้นมาเขียน แล้วเดินกลับไป

ตอนส่งงานเอางานที่จดไม่ครบ ไม่เสร็จมาส่ง ดิฉันบอกว่า งานไม่ครบนะ อุตส่าห์เอาสมุดเพื่อนที่ครบมาเปิดให้ดู แต่นักเรียนไม่ดู เอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์และเดินสะพายกระเป๋าออกไป ม.1 ขนาดนี้ ต่อไปขนาดไหน #ครูไม่มีสิทธิดุเด็ก #ครูไม่มีสิทธิตีเด็ก #ครูไม่มีสิทธิแสดงกริยาท่าทางไม่เหมาะสมหรือรุนแรงกับเด็ก #ครูต้องเป็นผู้มีสติละวางอารมณ์ให้ได้ #ครูต้องไม่พูดจารุนแรงกับเด็ก #ครูต้องมีจรรยาบรรณ #ใช่ค่ะครูต้องเป็นผู้รู้ผู้เบิกบาน #แต่ฉันก็เป็นคนผู้หนึ่งที่มีความโลภโกรธหลงมีจิตใจเช่นกัน” 

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็มีคนแห่เข้ามาให้กำลังใจคุณครูกันอย่างล้นหลาม หนึ่งในนั้น คือ นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือ ‘ครูเป็ด’ สมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในฐานะที่เป็นครูเหมือนกัน โดยระบุว่า... 

'สาวชัยภูมิ' ผันตัวเปิดฟาร์มเลี้ยงควายไทยสวยงาม ปัจจุบันมีควาย 35 ตัว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

ดีเจสาวชาว จ.ชัยภูมิ ผันตัวเปิดฟาร์มเลี้ยงควายไทยสวยงาม ลูกค้าขอซื้อจำนวนมาก จนราคาพุ่งสูงถึงตัวละ 15 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีควายรวมกว่า 35 ตัว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

เมื่อไม่นานมานี้ ที่ 'ฟาร์มกุ้งนาง ควายงาม' เมืองพระยาแล อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ทีมผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางสาววิรัญญา ผาแดง อายุ 45 ปี ดีเจดังเมืองชัยภูมิ เจ้าของฟาร์ม กล่าวว่า เดิมทีมีอาชีพ ทำนา แต่รายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ จึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทำงานเป็นสาวโรงงานอยู่ประมาณ 7 ปี พอมีเงินเก็บได้พอประมาณจึงกลับมาอยู่บ้านเกิด ทำธุรกิจของตัวเอง โดยได้เริ่มต้นจากการไปรับงานเย็บปักเสื้อผ้าจากโรงงานในกรุงเทพฯ เพื่อมาเย็บที่จังหวัดชัยภูมิ แล้วส่งให้โรงงานโดยในช่วงแรกก็ทำเพียงคนเดียว 

ต่อมาเริ่มหาเครือข่ายมาช่วยเย็บอยู่ที่บ้าน จนธุรกิจตัวนี้เริ่มโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ต่อมาคิดว่าถ้าจะให้ธุรกิจดีขึ้น ต้องหาแนวทางประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจมีคนรู้จักกว้างขึ้น จึงได้เกิดความคิดขึ้นโดยได้ตั้งสถานีวิทยุชุมชนขึ้น และขายโฆษณาให้กับลูกค้าทั่ว ๆ ไป ต่อมาได้มีความคิดว่าอยากจะมีสินค้าของตัวเอง เพื่อมาโฆษณาขายเอง จึงได้ติดต่อโรงงานเพื่อผลิตสินค้าจำหน่ายเอง ผลออกมายอดขายสินค้าดี เกินความคาดหมาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top