'ประชาธิปัตย์ พร้อมสู่สนามการเลือกตั้ง' เป็นประโยคของ 1 ใน 2 ของ 'ขุนพล' ประชาธิปัตย์ภาคใต้ 'นิพนธ์ บุญญามณี' ที่กล่าวกับ สื่อในส่วนกลาง เมื่อถูกถามถึงความพร้อมของการเข้าสู่ 'สนามการเลือกตั้ง'
ถามว่าทำไม 'สื่อ' ถึงให้ความสำคัญกับความพร้อมของประชาธิปัตย์ในสนามการเลือกตั้งที่ภาคใต้ เพราะสำหรับประชาธิปัตย์ ภาคใต้คือ ที่มั่น ที่สุดท้าย ที่จะต้องรักษาด้วยชีวิตกับการเลือกตั้งในครั้งที่จะถึงนี้ ส่วนสนามเลือกตั้งในภาคอื่น ๆ และแม้แต่กทม. ยังยากที่ประชาธิปัตย์จะกลับไปปักธงเพื่อได้สส. เป็นกอบเป็นกำเหมือนในอดีต
ประชาธิปัตย์ มีความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะมีการปรับขบวนทัพด้วยการเอาคนรุ่นใหม่ ลงสนามเลือกตั้งแทนนักการเมืองรุ่นเก่าที่ลาออก เพื่อย้ายไปอยู่ยังพรรคการเมืองอื่น ๆ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองจำนวนมากที่หอบกระสุนเงินเข้ามาเพื่อแย่งชิงที่นั่งของ สส.ในภาคใต้ เช่นพรรคภูมิใจไทย,พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคสร้างอนาคตไทย ที่พร้อมใจกัน ยาตราทัพ เข้ามาเพื่อทำศึกสงครามในภาคใต้ เพราะเชื่อว่ามี เปอร์เซ็นของชัยชนะที่สูงกว่าการไปทำศึกสงครามกับพรรคเพื่อไทย ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
สนามของภาคใต้สำหนรับประชาธิปัตย์จึงเป็นมวยรุมที่มีพรรคการเมืองที่มีชื่อชั้นอย่างน้อย 4 พรรคมะรุมมะตุ้ม จนกลายเป็น มวยหมู่ ที่สร้างความเหนื่อยหน่ายให้กับประชาธิปัตย์มากกว่าการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา ที่ต้องเสียที่นั่ง ให้กับพลังประชารัฐ13 ที่นั่ง และภูมิใจไทย อีก 8 ที่นั่ง และ พรรคอื่นๆอีก 7 ที่นั่ง
แต่...เชื่อว่า หลังการพ่ายแพ้อย่างยับเยินในครั้งที่แล้วในภาคใต้แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ มีการถอดบทเรียนของความพ่ายแพ้ที่ได้รับ และมีการแก้เกมมีการวางแผนในการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้อย่างรอบคอบเพื่อมิให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม เลือดเก่าไหนออกเป็นเรื่องปกติของการเมืองหลายคนออกไปกลายเป็นการขจัดจุดอ่อนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประเด็นสำคัญ ผู้รับผิดชอบในการเลือกตั้งต้องมีการเทรนบรรดาเลือดใหม่อย่างไรให้เข้าตาประชาชน เพราะจุดอ่อนของว่าที่ผู้สมัครที่สำคัญที่สุดคือขาดประสบการณ์ทางการเมืองเขี้ยวและ คม ยังไม่ลากดิน อาจเสียเชิงและเสียที่ให้กับคู่ต่อสู้ได้ง่าย
จุดอ่อนของประชาธิปัตย์ในยุคที่จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นหัวหน้าพรรคคือ งานด้านสื่อสารกับสังคมของพรรคในภาพรวมที่ขาดความโดดเด่นทั้งที่ยึดกุมกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับปากท้องของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ คือกระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรฯ ที่มีผลงานในเรื่องการประกันราคาพืชผลและในเรื่องของการค้า-การขายการสื่อสารต่อสังคมของจุรินทร์ขาดความเฉียบคมแม้แต่เรื่องของปาล์มน้ำมันที่สร้างความร่ำรวยให้เกษตรกรในภาคใต้ ซึ่งควรจะเป็นโบว์แดงของพรรค ก็ยังไม่มีการหยิบยกให้เป็นประโยชน์เพื่อชี้ให้เห็นถึงผลงานของพรรค
