Saturday, 7 June 2025
กองทัพรัสเซีย

‘กองทัพรัสเซีย’ กร้าว!! ไม่ปรานีกับพวกโหดร้าย แต่ ‘ปกป้อง-ปลดปล่อย-ดูแล’ ผู้ที่อ่อนแอกว่า

แม้กองกำลังติดอาวุธของสหพันธรัฐรัสเซีย จะยังคงดำเนินการปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน โดยเพิ่มความหนักหน่วงหลังจากเรือรบมอสควาโดนยิงเสียหายอย่างหนักและจมดิ่งลงในทะเลดำ ส่งผลให้เกิดการโจมตีอย่างหนักหน่วงโดยเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ระยะไกล Tupolev-22M3 

ทว่า ก่อนการใช้เครื่องบินระเบิดทางยุทธศาสตร์ Tu-22M3 ทิ้งถล่มด้วยระเบิด FAB-5000 M54 จนสร้างความเสียหายต่อเหล่านักรบอาซอฟ (Azov Battalion หน่วยรบฝักใฝ่นาซีของยูเครน) จนหลบหนีไปหลังโรงงานและห้องใต้ดินโรงงานเหล็กอาชอฟสตาล เนื้อที่ 11 ตร.กม. ในเมืองท่ามารีอูปอล ยูเครนนั้น

ทางกองทัพรัสเซีย ได้สั่งการให้ทหารโดเนตสก์, เชเชน และทหารรัสเซีย เข้าดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือเด็กและชาวบ้านที่ตกค้างอยู่ในบริเวณอาณาเขตใกล้เคียงกับโรงงานผลิตเหล็กกล้าแห่งนี้ก่อนแล้ว

ข่าวกรองสหรัฐฯ ป้อนข้อมูลลับกองทัพรัสเซีย ช่วยยูเครนสังหาร ‘นายพลรัสเซีย’ แล้วหลายนาย

สหรัฐฯ เผยให้ข้อมูลลับกองทัพรัสเซียแก่ยูเครน ช่วยยูเครนสังหารทหารรัสเซียแล้วหลายนาย

The New York Times รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือด้านข่าวกรองแก่ยูเครน ช่วยให้ยูเครนสามารถกำหนดเป้าหมายและสังหารนายพลรัสเซียได้หลายคน ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะระบุจำนวนนายพลรัสเซียที่เสียชีวิตจากความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่าได้สังหารนายพลแนวหน้าของรัสเซียไปได้แล้วประมาณ 12 นาย

รายงานระบุว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้ให้ข้อมูลลับแก่ยูเครนในหลากหลายพื้นที่ ตั้งแต่การเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียไปจนถึงข้อมูลเพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมาย ซึ่งการแบ่งปันข่าวกรองนี้เป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ยูเครน นอกเหนือไปจากอาวุธหนักและความช่วยเหลืออื่นๆ รวมมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

พลเอก มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐกล่าวกับคณะกรรมการวุฒิสภาเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า "มีข่าวกรองจำนวนมากที่สหรัฐอเมริกาส่งไปยังยูเครน"

'ปูติน' เตรียมสังคายนา 'กองทัพ' ปรับกลยุทธ์ ใช้นักวิชาการนำการทหาร

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียสร้างเสียงฮือฮาอีกครั้ง หลังจากเสร็จสิ้นงานพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียในสมัยที่ 6 ด้วยแผนการปรับโครงสร้างกองทัพครั้งใหญ่ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบเกือบ 20 ปี ด้วยการแต่งตั้ง 'อังเดร เบโรซอฟ' ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และนักรังสีเคมี ขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ โดยปูตินตัดสินใจลองใช้นักวิชาการนำการทหาร ที่จะส่งผลต่อแผนปฏิบัติการทางทหารครั้งใหม่ในยูเครนต่อจากนี้ไป

ข่าวการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำกระทรวงกลาโหมในรัสเซีย เริ่มมีมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งใหญ่ของรัสเซียเมื่อ เดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมาแล้ว แต่ไม่มีใครคาคดิคเลยว่าปูตินจะตัดสินใจให้นักวิชาการพลเรือนคนหนึ่ง ที่ไม่มีพื้นเพด้านการทหารมาก่อน มาแทน เซอร์เก ชอยกุ รัฐมนตรีกลาโหมที่อยู่คู่บุญปูตินมาถึง 12 ปี

อังเดร เบโรซอฟ เป็นชาวมอสโควโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1959 ปัจจุบันอายุ 65 ปี เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์จาก Moscow State University ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม และทำงานด้านวิชาการอย่างเข้มข้นมาตลอด 

โดยทำงานเป็นนักวิจัยในห้องปฏิบัติการจำลองระบบมนุษย์และเครื่องจักรของสถาบัน Central Economic Mathematical Institute ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าห้องปฏิบัติการในสถาบันพยากรณ์เศรษฐกิจของสถาบัน  Russian Academy of Sciences ในปี 1991 

ในขณะเดียวกัน เขาได้รับการทาบทามให้เป็นที่ปรึกษาพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาล มอสโควไปด้วย ทำงานวิชาการไปด้วย และ ยังทำวิจัยระดับปริญญาเอกไปด้วย ที่สามารถประสบความสำเร็จทั้ง 3 ด้าน เป็นนักวิชาการที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ และ เทคโนโลยีที่หาตัวจับยาก

จนเมื่อวลาดิมีร์ ปูตินขึ้นสู่อำนาจในรัสเซียในปี 2000 อังเดร เบโรซอฟ ถูกดึงตัวไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของเขา และได้รับตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ในปี 2020 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อังเดร เบโรซอฟ เป็นหนึ่งในคนสนิทข้างกายที่ปูตินไว้ใจ และมีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัสเซีย 

ดังนั้นการวางเบโรซอฟ ในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็นการสังคายนาครั้งสำคัญภายในกองทัพรัสเซีย และการเปลี่ยนมุมมองใหม่ในสถานการณ์สงครามในยูเครน ที่รัสเซียจำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการงบประมาณที่รัดกุมขึ้น เพื่อจะสามารถทำสงครามได้นานกว่าแรงสนับสนุนของชาติตะวันตกที่ส่งให้กับยูเครน 

คอนสแตนติน คาลาเชฟ นักวิเคราะห์การเมืองรัสเซียมองว่า การแต่งตั้ง อังเดร เบโรซอฟ เข้ามาคุมกระทรวงกลาโหมรัสเซียถือเป็นข่าวร้ายของพันธมิตรชาติตะวันตกเหมือนกัน เพราะถึง อังเดร เบโรซอฟ จะไม่ใช่นักการทหาร และ คงไม่ได้มีอิทธิพลในการวางแผนยุทธศาสตร์การรบของรัสเซียมากนัก แต่เขาเป็นนักการเงิน ที่จะดูแลงบประมาณทุกบาท ทุกสตางค์ในกองทัพไม่ให้รั่วไหล ตั้งแต่คลังอาวุธ ไปจนถึงเงินสวัสดิการทหาร 

เช่นเดียวกับ Rybar Telegram Channel สื่อรัสเซียที่เกาะติดข่าวในกองทัพรัสเซีย ก็รายงานว่า อังเดร เบโรซอฟ ถูกส่งมาเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและปรับโครงสร้างหลัก ในด้านการเงิน และ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพ ที่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการคอร์รัปชันอย่างมโหฬารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

และทันทีที่มีข่าวการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของนักวิชาการด้านเศรษฐกิจ ก็มีการเข้าจับกุม พลโท ยูรี คุซเนตซอฟ  ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลหลักของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นการจับกุมแบบสายฟ้าแล่บ ขณะที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน และสามารถยึดของกลางเป็นเหรียญทอง สินค้าแบรนด์เนมหรู และ เงินสดมากกว่า 100 ล้านรูเบิล (ประมาณ 36 ล้านบาท) ภายในบ้านของเขา 

ยูรี คุซเนตซอฟ ถูกตั้งข้อหารับสินบน และมีสิทธิถูกจำคุกนานถึง 15 ปี นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพรัสเซียคนที่สองในรอบ 1 เดือนที่โดนจับข้อหาคอร์รัปชัน รับสินบนก้อนใหญ่ต่อจาก  ติมูร์ อิวานอฟ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม เซอร์เก ชอยกุ ที่เพิ่งถูกย้ายในวันนี้ 

หน้าที่รับผิดชอบของ อังเดร เบโรซอฟ ไม่ได้มีแค่การตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา เขาได้รับมอบหมายให้ปกป้องเศรษฐกิจรัสเซียจากผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก และยังมีบทบาทสำคัญในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีโดรนในประเทศ โดยเป้าหมายหลักของ อังเดร เบโรซอฟ คือ การส่งเสริมให้รัสเซียมีอธิปไตยทางเทคโนโลยี ที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปในอนาคต 

จึงเป็นที่น่าจับตาในยุทธศาสตร์ 'นักวิชาการนำการทหาร' ของปูตินในครั้งนี้ ที่อาจเป็นเพราะเล็งเห็นแล้วว่าสงครามยูเครนคงยืดเยื้อยาวนาน ดังนั้นจึงต้องเป็นฝ่ายที่อึดที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถพิชิตชัยในท้ายที่สุดนั่นเอง 

โดรนยูเครน ทะลวง!! ฐานทัพลึกในแดนรัสเซีย สั่นคลอน!! โครงสร้างกองทัพอากาศ ที่ทรงพลัง

(3 มิ.ย. 68) ในยามที่สงครามยูเครน–รัสเซียดำเนินเข้าสู่ปีที่สาม ท่ามกลางสมรภูมิที่ยืดเยื้อและเส้นแนวรบที่ดูเหมือนหยุดนิ่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กลับเกิดขึ้นไม่ใช่ที่แนวหน้าแต่ลึกเข้าไปในแผ่นดินรัสเซียเอง ปลายเดือนพฤษภาคม 2025 ยูเครนได้เปิดปฏิบัติการลับที่มีชื่อรหัสว่า “Operation Spider’s Web” หรือ “ปฏิบัติการใยแมงมุม” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการโจมตีที่กล้าหาญ ซับซ้อน และมีระยะลึกที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้น โดรนกว่า 100 ลำถูกส่งเข้าไปถล่มฐานทัพอากาศหลักของรัสเซียหลายแห่ง ครอบคลุมระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตรจากแนวรบ โดยมีเป้าหมายหลักคือเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแสนยานุภาพนิวเคลียร์และยุทธศาสตร์การป้องปรามของเครมลิน ความสำเร็จของยูเครนในการทำลายเครื่องบินจำนวนมากภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ไม่เพียงสั่นคลอนโครงสร้างกองทัพอากาศรัสเซียแต่ยังเผยให้เห็นจุดเปราะบางในระบบป้องกันภัยทางอากาศที่รัสเซียเคยเชื่อว่าทรงพลัง 

ปฏิบัติการ "ใยแมงมุม" ไม่ใช่แค่การโจมตีทางทหารธรรมดา แต่เป็นผลงานการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่มีการเตรียมตัวอย่างละเอียดและซับซ้อนยาวนานกว่า 18 เดือน โดยมีหน่วยข่าวกรองและฝ่ายยุทธศาสตร์ของยูเครนเป็นผู้วางแผนหลัก พร้อมการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีและวาซิล มาลยุกหัวหน้าหน่วยความมั่นคงแห่งชาติ (SBU) การวางแผนนี้ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกเป้าหมาย การสำรวจพื้นที่เป้าหมายเชิงลึกไปจนถึงการพัฒนาวิธีการลักลอบนำโดรนเข้าไปยังดินแดนรัสเซียอย่างลับๆ โดยไม่มีการตรวจจับ การเลือกเป้าหมายไม่ได้สุ่มสี่สุ่มห้าแต่เน้นไปที่ฐานทัพอากาศที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์สูงสุด 

โดยปฏิบัติการ "ใยแมงมุม" มีเป้าหมายหลักในการโจมตีฐานทัพอากาศและศูนย์กลางยุทธศาสตร์ที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกองทัพอากาศรัสเซีย โดยเฉพาะฐานทัพที่เก็บรักษาเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลรุ่น Tu-95, Tu-160 และเครื่องบินตรวจการณ์ A-50 ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีศักยภาพในการทำลายล้างสูงและมีบทบาทสำคัญในแผนการรุกทางอากาศของรัสเซียต่อยูเครนและพันธมิตรฐานทัพที่ถูกโจมตี ได้แก่

1)    Dyagilevo — หนึ่งในฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล
2)    Belaya — ฐานทัพที่มีเครื่องบินตรวจการณ์และยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการสนับสนุนปฏิบัติการทางอากาศ
3)    Ivanovo Severny — ฐานทัพที่เชื่อมโยงกับระบบยุทธศาสตร์นิวเคลียร์
4)    Olenya — ฐานทัพที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เหนือคาบสมุทรคารา
5)    Ukrainka — ฐานทัพในแถบตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ

การเลือกโจมตีฐานทัพเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีเป้าหมายเพื่อทำลายเครื่องบินและอาวุธเท่านั้นแต่ยังเพื่อสร้างความเสียหายเชิงจิตวิทยา ทำลายความเชื่อมั่นของกองทัพรัสเซีย และแสดงศักยภาพของยูเครนในการเข้าถึงและโจมตีเป้าหมายที่ลึกและอันตรายที่สุดในดินแดนศัตรู

ตามรายงานจากทางการยูเครนปฏิบัติการนี้ทำให้เครื่องบินทิ้งระเบิดและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียได้รับความเสียหายอย่างหนักรวมกว่า 40 ลำ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 34% ของฝูงบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลทั้งหมดของรัสเซียนับเป็นการทำลายขุมกำลังทางอากาศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อศักยภาพทางทหารของรัสเซีย

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปฏิบัติการนี้ประสบความสำเร็จคือการใช้โดรนขนาดเล็กแบบ FPV (First-Person View) ที่มีความแม่นยำสูง โดยโดรนเหล่านี้มีระบบกล้องติดตั้งเพื่อให้ผู้ควบคุมสามารถมองเห็นเส้นทางแบบเรียลไทม์และนำทางโดรนเข้าโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยบางรุ่นมีการติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยในการนำทางและหลีกเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย โดรนเหล่านี้มีต้นทุนต่ำมากเมื่อเทียบกับยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ต้นทุนเฉลี่ยต่อโดรนอยู่ที่ประมาณเท่ากับ iPhone 16 Pro หนึ่งเครื่องทำให้ยูเครนสามารถผลิตและส่งโดรนออกปฏิบัติการจำนวนมากได้โดยไม่เป็นภาระหนักทางเศรษฐกิจและยังสามารถเปลี่ยนแผนหรือเพิ่มจำนวนโดรนได้อย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เพื่อให้โดรนสามารถเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายในรัสเซียได้อย่างลับ ๆ โดรนจำนวนมากถูกลักลอบขนส่งโดยซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ไม้บนรถบรรทุกที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดภายในรัสเซีย จำนวนโดรนในแต่ละตู้ประมาณ 36 ลำ โดยเมื่อถึงเวลาปฏิบัติการ หลังคาของตู้จะถูกเปิดออกโดยระบบอัตโนมัติให้โดรนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและมุ่งหน้าโจมตีเป้าหมายอย่างพร้อมเพรียง การควบคุมโดรนเป็นแบบระยะไกลโดยใช้เครือข่าย Wi-Fi ภายในพื้นที่ลับของรัสเซียเพื่อให้การสั่งการมีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการใช้การประสานงานระหว่างโดรนหลายสิบลำพร้อมกันเพื่อโจมตีเป้าหมายในหลายจุดพร้อมกัน สร้างความสับสนและล้มเหลวของระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย การผสมผสานระหว่างการวางแผนยุทธศาสตร์เชิงลึก, เทคโนโลยีโดรน ขนาดเล็กและอัจฉริยะและกลยุทธ์การลำเลียงที่แนบเนียนนี้เองที่ทำให้ Operation Spider’s Web กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสงครามยูเครน-รัสเซีย และอาจเป็นกรณีศึกษาสำคัญของสงครามยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีราคาไม่แพงแต่มีประสิทธิภาพสูงเปลี่ยนสมดุลความได้เปรียบทางทหารได้อย่างไม่คาดคิด

ปฏิบัติการใยแมงมุมก่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญสามารถวิเคราะห์ได้เป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้

1) ด้านยุทธศาสตร์ทางทหาร: ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้รัสเซียต้องทบทวนและปรับปรุงระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีช่องโหว่ใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อว่าปลอดภัยจากการโจมตีลึกแบบนี้ การสูญเสียเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลจำนวนมากยังทำให้รัสเซียมีศักยภาพทางยุทธศาสตร์ที่ลดลงอย่างมากโดยเฉพาะในการโจมตีเป้าหมายระยะไกลในยุโรปและเอเชีย
2) ด้านจิตวิทยาและขวัญกำลังใจ: การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบหนักต่อขวัญกำลังใจของทหารรัสเซียและผู้นำรัฐบาล เนื่องจากแสดงให้เห็นว่ารัสเซียยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่และถูกโจมตีลึกถึงฐานทัพสำคัญ นอกจากนี้ยังสร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนรัสเซียที่ติดตามข่าวสารสงคราม
3) ด้านการเมืองระหว่างประเทศ: การโจมตีเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญก่อนการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียในอิสตันบูลเพียงหนึ่งวัน จึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของยูเครนพร้อมบีบให้รัสเซียต้องทบทวนยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจา
4) ด้านบทเรียนสงครามยุคใหม่: ปฏิบัติการนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของสงครามยุคใหม่ ที่เทคโนโลยีโดรนขนาดเล็กและราคาถูก สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อยุทโธปกรณ์ราคาแพงและระบบป้องกันภัยที่ทันสมัย

ในเบื้องต้นรัสเซียได้สั่งให้หน่วยงานความมั่นคงและกองทัพอากาศเร่งเสริมสร้างและปรับปรุงระบบป้องกันภัยทางอากาศในทุกระดับโดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนระบบเรดาร์ตรวจจับโดรนขนาดเล็กและระบบต่อต้านโดรนแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการติดตั้งระบบยิงสกัดโดรนด้วยเลเซอร์และอาวุธอัตโนมัติเพื่อสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งมากขึ้นการเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมถึงการยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบเส้นทางเข้าออกและการควบคุมการจราจรทางอากาศในพื้นที่ใกล้ฐานทัพพร้อมทั้งเพิ่มกำลังพลรักษาความปลอดภัยรอบฐานอย่างเข้มงวด

หลังจากการโจมตีฐานทัพอากาศสำคัญของรัสเซียโดยโดรนยูเครนในปฏิบัติการ "ใยแมงมุม" รัสเซียตอบโต้ด้วยความรุนแรงอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีเมืองหลวงเคียฟซึ่งกลายเป็นเป้าหมายหลักของการแก้แค้นในระดับยุทธศาสตร์ กองทัพรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธระยะไกลและขีปนาวุธนำวิถีแบบครุยซ์ (Cruise missiles) และโดรนติดระเบิด (loitering drones) จำนวนมากยิงเข้าหาเป้าหมายสำคัญในเมืองหลวงเคียฟ เช่น ระบบไฟฟ้าและพลังงานในเมืองเคียฟทำให้หลายพื้นที่ในเคียฟดับไฟฟ้าหลายชั่วโมงถึงวัน สถานีรถไฟและศูนย์กลางการคมนาคมเพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายกำลังและเสบียง อาคารสำนักงานรัฐบาลและศูนย์สื่อสารเพื่อทำลายการประสานงานและลดประสิทธิภาพของการบริหารจัดการภาวะวิกฤต พื้นที่ที่มีการรวมตัวของประชาชนและพื้นที่ทางเศรษฐกิจสำคัญเพื่อสร้างความหวาดกลัวและกดดันรัฐบาลยูเครน ผลจากการโจมตีทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากในหมู่ประชาชนพลเรือนรวมถึงการทำลายระบบสาธารณูปโภคที่ทำให้ชีวิตประจำวันของประชาชนในเคียฟเข้าสู่ภาวะวิกฤต การโจมตีนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการทำลายขวัญกำลังใจและสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนยูเครนเพื่อบีบให้รัฐบาลยูเครนต้องยอมจำนนในการเจรจาสันติภาพ นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความสามารถและความตั้งใจของรัสเซียในการใช้กำลังอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอำนาจและผลประโยชน์ของตนในมุมมองทางการทหารการโจมตีเคียฟอย่างหนักยังเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจและกำลังของยูเครนออกจากแนวรบตะวันออกและภาคใต้ เพื่อเปิดช่องให้กองทัพรัสเซียเสริมกำลังและเคลื่อนพลในพื้นที่อื่น โดยกองทัพรัสเซียได้เร่งส่งกำลังเสริมและยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่แนวหน้าพร้อมประกาศเสริมสร้างความแข็งแกร่งในแนวรบเพื่อแสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมให้ยูเครนได้เปรียบหรือปล่อยให้สถานการณ์บานปลาย 

ทางการรัสเซียได้ใช้สื่อรัฐในการรายงานและตีความเหตุการณ์ในลักษณะที่ลดทอนความเสียหายและเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของกองทัพรัสเซีย โดยมีการโจมตียูเครนในแง่ลบว่าเป็นผู้ก่อกวนและพยายามทำลายเสถียรภาพของประเทศ นอกจากนี้ยังมีการประณามชาติตะวันตกที่สนับสนุนยูเครนว่าเป็นผู้ปลุกปั่นความขัดแย้งและสนับสนุนการก่อการร้ายผ่านเทคโนโลยีโดรน จนเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับชาติพันธมิตรตะวันตกยิ่งตึงเครียดมากขึ้น

บทสรุป
ปฏิบัติการ “ใยแมงมุม” เป็นอีกบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงความชาญฉลาดและเทคโนโลยีขั้นสูงของกองทัพยูเครนในการใช้โดรนโจมตีฐานทัพอากาศลึกในรัสเซียอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพโดยผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบใช้ข้อมูลข่าวกรองขั้นสูงและระบบสื่อสารที่ซับซ้อน ทำให้สามารถทะลวงเข้าไปโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่เคยถูกมองว่าปลอดภัย ผลจากปฏิบัติการนี้ได้สร้างความเสียหายทั้งด้านกำลังรบและขวัญกำลังใจของกองทัพรัสเซีย รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้รุนแรงอย่างการโจมตีเคียฟที่หนักหน่วง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของสงครามที่ขยายวงกว้างและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนอกจากนี้ ปฏิบัติการใยแมงมุมยังเผยให้เห็นบทบาทสำคัญของพันธมิตรตะวันตกและประเทศใกล้เคียง เช่น ฟินแลนด์ที่ช่วยสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวกรองและเทคโนโลยี ทำให้ยูเครนมีเครื่องมือและความได้เปรียบในสมรภูมิทางเทคโนโลยี โดยรวมแล้วปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการโจมตีทางทหารที่มีประสิทธิภาพแต่ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำสงครามในยุคใหม่ ที่ผสมผสานเทคโนโลยี การข่าว และกลยุทธ์ระดับสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบในสมรภูมิที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top