Thursday, 9 May 2024
กราดยิงโคราช

'แม่ทัพภาค 2' สืบสานเจตนารมย์ 'ป๋าเปรม' มอบทุน 'บุตรหลาน' เหยื่อกราดยิงโคราช

'แม่ทัพปอง' พลโท สวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาค 2 ในฐานะ ประธานมูลนิธิเปรม ติณสูลานนท์ จังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา มูลนิธิเปรม ติณสูลานนท์ 2565 ที่ห้องเทอร์มินอล ฮอลล์ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จังหวัดนครราชสีมา 

โดยมี นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาฯ

การมอบทุนการศึกษาในปี 2565 คณะกรรมการมูลนิธิฯ มีมติให้มอบทุนฯ จำนวน 831 ทุน เป็นเงิน 2,786,300 บาท ให้กับ นักเรียน นักศึกษา บุตรหลาน ผู้ที่ได้ผลกระทบจากเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 

และมอบให้กับผู้แทนจังหวัดทั้ง 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้นำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาของแต่ละจังหวัด เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาที่เรียนดีมีความประพฤติเรียบร้อย แต่ขาดทุนทรัพย์ สนับสนุนการกีฬา ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนนักศึกษา ส่งเสริมสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ‘จ่าคลั่ง’ ก่อเหตุกราดยิงที่โคราช หนึ่งในโศกนาฏกรรม ครั้งเลวร้ายที่สุดของไทย

ครบรอบ 3 ปี เหตุการณ์ จ่าคลั่ง ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

เรียกว่ายังคงจำฝังใจคนไทย สำหรับเหตุการณ์ กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2563 เป็นเหตุกราดยิงในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กรณีจ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาและญาติถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีเข้ามาในตัวเมือง กราดยิงผู้คนตามรายทาง ก่อนเข้าไปซ่อนตัวหลบอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จับบุคคลในห้างเป็นตัวประกัน 

สำหรับเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มขึ้น เวลาประมาณ 15.30 น. 8 กุมภาพันธ์ 2563 จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชา คือ พันเอก อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี แม่ยายของพันเอก อนันต์ฐโรจน์ ถึงแก่ความตายที่บ้านพักในตำบลหนองจะบก อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่นายหน้าวิ่งหนีไป จึงถูกไล่ยิงเข้าข้างหลังแต่ไม่เสียชีวิต

จากนั้น จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ไปชิงอาวุธสงครามออกมาจากคลังอาวุธกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ตำบลไชยมงคล โดยยิงทหารเวรกองรักษาการณ์ และทหารดูแลคลังอาวุธ มีพลทหารบาดเจ็บ 1 นาย เสียชีวิตอีก 1 นาย ต่อมา จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ขับรถฮัมวีหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย มุ่งไปทางวัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล เพราะทราบว่าภรรยาของผู้บังคับบัญชาออกไปทำบุญที่วัดป่าศรัทธารวม ได้กราดยิงผู้คนตามรายทางถึงแก่ความตายรวม 9 คน คนร้ายกราดยิงกระสุนนับร้อยนัด โดยยิงคนในรถเสียชีวิตและบาดเจ็บ ยังยิงเด็กนักเรียนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์และยังเดินไปยิงซ้ำอีก จากนั้นมีตำรวจมา 2 นาย ไม่ทันลงจากรถก็ถูกยิงจนพรุนเสียชีวิต แต่ปรากฏว่า ได้ทราบว่า ภรรยาของผู้บังคับบัญชาไปกินข้าวที่เทอร์มินอล 21 โคราช

‘ก้าวไกล’ บุกศูนย์ร้องเรียนฯ ยื่นหลักฐานปมทุจริตบ้านพักทหาร ตามคำท้าของ ‘บิ๊กตู่’ จี้ หากยังนิ่งเฉย พร้อมยกระดับกดดัน

(28 ก.พ. 66) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ยื่นหลักฐานกรณีทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่เหตุกราดยิงโคราชเมื่อปี 2563 สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ที่นายปดิพัทธ์อภิปรายประเด็นดังกล่าว และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท้าให้ส่งหลักฐาน

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในการอภิปรายมาตรา 152 ที่ผ่านมา ตนได้เปิดเผยหลักฐานที่ส่วนใหญ่มาจากผู้เสียหาย คือ คุณก้อยและคุณเบิร์ด (นามสมมุติ) ว่า การทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร มีการเรียกรับสินบน 5% และอมส่วนต่างค่าบ้าน จนนำไปสู่ความกดดันของทหาร ทำให้เกิดเหตุกราดยิงโคราช เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ภายในกองทัพ แต่ไม่มีการลงโทษใด ๆ

เมื่อคุณก้อยยื่นหลักฐานไปยังกรมสวัสดิการทหารบกและกระทรวงกลาโหม ก็ปรากฎว่าไม่ได้รับความยุติธรรม มีการลงโทษผู้กระทำผิดเพียงงดบำเหน็จครึ่งปี ส่วนอีกคนหนึ่งกักตัวแค่ 7 วัน ทำให้เราเห็นถึงความไม่ชอบธรรม ทั้งที่ผู้บัญชาการทหารบกน่าจะรับรู้เรื่องทั้งหมด และการที่โครงการบ้านพักทหารเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 และสิ้นสุดโครงการในปี 2564 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประยุทธ์จึงควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย

อย่างไรก็ตาม ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์หลังการอภิปรายมาตรา 152 นายกฯ ยังคงไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ กลับท้าว่าหากมีหลักฐานให้นำมายื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายพยายามยื่นเรื่องไปยังทุกช่องทางของกองทัพแล้ว การมาที่นี่วันนี้ จึงเป็นการพิสูจน์รอบสุดท้ายว่านายกฯ ได้รับเรื่องร้องเรียน และหวังว่าหลักฐานจะถึงมือนายกฯ

8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ครบรอบ 4 ปี ‘จ่าคลั่ง’ ก่อเหตุกราดยิงที่โคราช หนึ่งในโศกนาฏกรรม ครั้งเลวร้ายที่สุดของไทย

เรียกว่ายังคงจำฝังใจคนไทย สำหรับเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2563 เป็นเหตุกราดยิงในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กรณีจ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาและญาติถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีเข้ามาในตัวเมือง กราดยิงผู้คนตามรายทาง ก่อนเข้าไปซ่อนตัวหลบอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จับบุคคลในห้างเป็นตัวประกัน

สำหรับเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มขึ้น เวลาประมาณ 15.30 น. 8 กุมภาพันธ์ 2563 จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชา คือ พันเอก อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี แม่ยายของพันเอก อนันต์ฐโรจน์ ถึงแก่ความตายที่บ้านพักในตำบลหนองจะบก อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่นายหน้าวิ่งหนีไป จึงถูกไล่ยิงเข้าข้างหลังแต่ไม่เสียชีวิต

จากนั้น จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ไปชิงอาวุธสงครามออกมาจากคลังอาวุธกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ตำบลไชยมงคล โดยยิงทหารเวรกองรักษาการณ์ และทหารดูแลคลังอาวุธ มีพลทหารบาดเจ็บ 1 นาย เสียชีวิตอีก 1 นาย ต่อมา จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ขับรถฮัมวีหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย มุ่งไปทางวัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล เพราะทราบว่าภรรยาของผู้บังคับบัญชาออกไปทำบุญที่วัดป่าศรัทธารวม ได้กราดยิงผู้คนตามรายทางถึงแก่ความตายรวม 9 คน คนร้ายกราดยิงกระสุนนับร้อยนัด โดยยิงคนในรถเสียชีวิตและบาดเจ็บ และยังยิงเด็กนักเรียนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ แถมเดินไปยิงซ้ำอีก จากนั้นมีตำรวจมา 2 นาย ไม่ทันลงจากรถก็ถูกยิงจนพรุนเสียชีวิต แต่ปรากฏว่าได้ทราบว่าภรรยาของผู้บังคับบัญชาไปกินข้าวที่เทอร์มินอล 21 โคราช

จ่าสิบเอก จักรพันธ์ จึงได้ขับรถเข้าไปในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา มุ่งไปที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยกราดยิงผู้คนตามรายทาง และจับผู้คนในห้างเป็นตัวประกัน ทั้งยิงถังแก๊ส ทำให้เกิดระเบิดและเพลิงลุกไหม้ในห้าง

จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ยังถ่ายทอดสดตนเองขณะก่อเหตุลงเฟซบุ๊กของตัวเองอีกด้วย จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมในเช้าวันถัดมา สรุปมีผู้เสียชีวิต 31 คน บาดเจ็บ 58 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 32 คน เหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top