Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

‘วราวุธ’ สั่ง!! ‘ศรส.’ ตรวจ ‘สถานรับเลี้ยงเด็กออทิสติกเถื่อน’ ย่านนนทบุรี หลังได้รับเรื่องผู้ดูแลมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ฝากปชช.ช่วยเป็นหูเป็นตา

(27 ก.พ. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมเจ้าหน้าที่พม.จังหวัดนนทบุรี และตำรวจสภ.ไทรน้อย เข้าตรวจสอบหลังได้รับร้องเรียนว่ามีการเปิดบ้านเป็นสถานรับดูแลเด็กออทิสติกไม่ถูกสุขลักษณะ และผู้ดูแลมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ว่า เรื่องนี้ตนได้ขอให้ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ลงไปดำเนินการกับศูนย์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ต้องขอบคุณภาคเอกชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะตนย้ำอยู่เสมอว่าปัญหาสังคมถ้าเทียบกับหน่วยงานของกระทรวงพม. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จำนวนน้อย การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนจึงทำให้เราสามารถทำงานดูแลเด็กได้มากขึ้น

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบปัญหาสถานรับเลี้ยงเด็กค่อนข้างจะเป็นไปได้ไม่รวดเร็วเท่าที่ควร เพราะศูนย์เหล่านี้อยู่ตามชุมชน นึกจะตั้งก็ตั้งขึ้นมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเรามีจำนวนจำกัด แม้จะมีการออกตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว แต่หากพี่น้องประชาชนเห็นว่ามีศูนย์ดูแลเด็กหรือสถานดูแลผู้สูงอายุที่จัดตั้งใหม่ และมีข้อสงสัยว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ก็ขอให้แจ้งมาที่ศรส.ได้ หรือที่สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชม.
 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านการดูแลและส่งเสริมการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์ม Shopee

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการดูแลและส่งเสริมการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยผ่านเว็บไซต์ www.shopee.co.th และ แอปพลิเคชัน Shopee ผนึกกำลังเสริมสร้างแพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ เพื่อให้การจับจ่ายใช้สอยปลอดภัย ไร้สิ่งผิดกฎหมาย

วันอังคารที่ 27 ก.พ. 67 เวลา 11:00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความร่วมมือกับบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี คุณมณีรัตน์  อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) เป็นผู้แทนลงนามฯ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และ คุณการัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ 
สำหรับพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือฯ ครั้งนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ ซึ่งได้มีการซื้อขายโดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ www.shopee.co.th และแอปพลิเคชัน Shopee และเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันและปราบปรามผลิตภัณฑ์
ผิดกฎหมายบนช่องทางซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มยอดนิยมได้อย่างปลอดภัยและได้รับผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน รวมถึงการลดการเข้าถึงธุรกรรมซื้อขายผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบังคับใช้กฎหมายภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พุทธศักราช 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอีกทั้งมุ่งเน้นการเสริมสร้างความตระหนักรับรู้และความเข้าใจในการป้องกันและลดเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในอนาคต

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีซึ่งมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ จนได้รับความเดือดร้อนและมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก  จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เร่งหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังพี่น้องประชาชน อย่าให้หลงเชื่อกลโกง กลอุบายของกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งมาในรูปแบบต่างๆผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนให้ติดตามข่าวสารการเตือนภัยออนไลน์จากหน่วยงานของทางภาครัฐอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ หากมีเบาะแสหรือต้องการขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อมายังสายด่วน 1599 และ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบ.ทร. ตรวจติดตามการปรับปรุงบ้านพักข้าราชการ ทร. ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ

วันที่ 26 ก.พ.67 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เดินทางไปติดตามการซ่อมทำบ้านพักข้าราชการตามหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ หน่วยบัญชาชาการนาวิกโยธิน และศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ตรวจเยี่ยมการอบรมอาชีพให้กับพลทหารใหม่ ของศูนย์ฝึกทหารใหม่ฯ รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงตลาดเช้าฐานทัพเรือสัตหีบ

ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบนโยบายให้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นตลาดสมัยใหม่ สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้พร้อมในการเป็นตลาดของเมืองท่องเที่ยวในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ปรับปรุงร้านค้า ให้เป็นรูปแบบเดียวกัน และมีการปรับปรุงระบบการบำบัดและการระบายน้ำเสีย ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบนโยบาย เรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของกำลังพลกองทัพเรือ โดยได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ดำเนินการปรับปรุงบ้านพักและสวัสดิการ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีแก่กำลังพล ตลอดจนเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของทางรัฐบาล โดยช่วงเช้าของวันเดียวกัน (26 ก.พ.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่ตรวจบ้านพักข้าราชการกองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในพื้นที่เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 

ซึ่งการเดินทางมาตรวจบ้านพักข้าราชการกองทัพเรือของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของทหารชั้นผู้น้อย โดยจะปรับปรุงที่พักให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยเป็นอันดับแรกและในระดับสูงขึ้นในโอกาสต่อไป 

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

การปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย วันที่ 5 ยังไม่พบร่างกำลังพลที่สูญหาย

วันที่ 26 ก.พ.67 เป็นการปฏิบัติการ ค้นหาและปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัย วันที่ 5 โดยชุดปฏิบัติการร่วมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐ ฯ บนเรือ Ocean Valor ที่ลอยลำใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการดำน้ำ จำนวน 4 เที่ยว 

โดยมีภารกิจค้นหาผู้สูญหาย และตรวจสอบหลักฐานประกอบการสอบสวน บริเวณต่างๆ  ภายในตัวเรือ 
ดังนี้

เที่ยวที่ 1 บริเวณทางเข้าประตูทางเข้าห้องเครื่องจักรใหญ่จากทางท้ายเรือ 
เที่ยวที่ 2  บริเวณภายในห้องเครื่องจักรใหญ่
เที่ยวที่ 3 บริเวณภายในห้องเมสจ่า
เที่ยวที่ 4 บริเวณภายในห้องเสมียนพลาธิการ
(เที่ยวที่ 5 ได้ถูกยกเลิกเนื่องจากติดสภาพอากาศ)

โดยผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำลังพลทุกนายปลอดภัย จากการปฏิบัติการจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบผู้สูญหายติดอยู่ในเรือ สำหรับการปฏิบัติการวันรุ่งขึ้น จะมีการปฏิบัติการดำน้ำร่วมกัน จำนวน 5 เที่ยว โดยเป็นการปลดวัตถุอันตราย ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี Harpoon และระบบตอร์ปิโด ของเรือหลวงสุโขทัย  
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เผยแพร่ภาพล่าสุดของเรือหลวงสุโขทัย ภายในห้องเครื่องจักรใหญ่ เพื่อค้นหาร่างของผู้เสียชีวิต แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีการพบร่างผู้สูญหายในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

พลเรือตรี วีรุดม  ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า การปฏิบัติร่วมฯ ระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ สำรวจ ตรวจสอบวัตถุพยานและหลักฐานมาประกอบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เรืออัปปาง การค้นหาผู้สูญหายที่อาจติดอยู่ในเรือ การทำให้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ หมดความสามารถที่จะใช้งานต่อไป และการนำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางอย่าง รวมถึงการเก็บกู้สิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของกำลังพล สำหรับการปฎิบัติการร่วมกับสหรัฐฯ ในครั้งนี้จะยังไม่มีการกู้เรือทั้งลำขึ้นมาจากใต้น้ำ  

โดยการดำเนินการปัจจุบัน ยังเป็นไปตามแผนที่ได้หารือร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทัพเรือ จะรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบในโอกาสต่อไป
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

**สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ 

'รถตุ๊กตุ๊ก' แจง!! ราคาเหมาคัน 'รถตุ๊กตุ๊ก' 1,200 บาท ทั่วกรุงเก่า ยัน!! ราคาเหมาท่องเที่ยว 'โอปป้าฮง' ตามมาตรฐาน ชม.ละ 300

(27 ก.พ.67) จากกรณี โอปป้าฮง หรือ พี่ฮง แร็ปเปอร์และยูทูบเบอร์ ชื่อดังชาวเกาหลี ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอผ่าน youtube : Oppa Hong พาเที่ยวจังหวัด พระนครศรีอยุธยา โดยมีการว่าจ้างรถตุ๊กตุ๊ก ไปส่งร้านอาหารและท่องเที่ยว และมีการเรียกเก็บค่าโดยสาร 1,200 อ้างตำรวจการันตีในราคานี้ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโซเชียล ถึงการทีมีการโก่งราคาค่าโดยสารที่แพงเกินไป และไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทีมข่าวจึงได้เดินทางลงพื้นที่ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บริเวณวินรถตุ๊กตุ๊ก หน้าสถานีรถไฟที่ปรากฏในคลิป โดยได้พบกับ พ.ต.ท ธนากร ธรรม เมธา สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา กำลังสอบถาม กับ นางสมจิตร อายุ 59 ปี ภรรยาคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ที่ปรากฏอยู่ในคลิป โดย พ.ต.ท.ธนากร ได้ให้คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ชี้แจงการติดป้ายแสดงราคาที่ติดเอาไว้ ที่มีการโลโก้ของตำรวจทางหลวง ไปติดเอาไว้ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมกับแนะนำให้เอา โลโก้ ตำรวจท่องเที่ยว ออกจากป้าย เนื่องจากไม่ได้มีการ อนุญาตให้นำมาติด 

ส่วนเรื่องราคาจะถูก หรือแพงนั้น ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาจจะมีการเซ็น MOU เพื่อทำข้อตกลงกันไว้ และจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ หากพบว่ามีความผิดก็จะมีบทลงโทษ

ขณะที่ นางสมจิตร เปิดเผยว่านักท่องเที่ยว 2 คน ทราบภายหลังว่า เป็นชาวเกาหลี ได้มาเที่ยวที่อยุธยาประมาณสัปดาห์ ที่ผ่านมา ได้เข้ามาติดต่อสอบถาม หาร้านอาหาร จึงได้มีการแนะนำร้านอาหาร พร้อมกับราคาค่าโดยสาร โดยจะพาไปร้านอาหารและท่องเที่ยว แบบเหมา 4 ชั่วโมง1,200 บาท เท่ากับว่าหารกันคนละ 600 บาท ซึ่งนักท่องเที่ยวมีการเช็คราคาเปรียบ กับแกร็บคาร์ และพบว่ามีราคาที่แพงกว่า ตนเองจึงแนะนำไปว่า ถ้าจะใช้บริการ แกร็บคาร์ ต้องเดินออกไปเรียกให้ห่างจากวิน รถตุ๊กตุ๊ก แต่นักท่องเที่ยวทั้ง 2 ก็ไม่ได้ไป 

จากนั้น นักท่องเที่ยวจึงได้มีการมาตกลงให้พาไปส่งที่ร้านอาหาร และท่องเที่ยว ตนเองยืนยันว่า ตนเองกับสามี มีอาชีพขับรถตุ๊กตุ๊ก มาเกือบ 40 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียนและไม่เคยถูกตำหนิ และขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการชาร์จราคานักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นราคามาตรฐานที่มีการทำข้อตกลงกันกับทาง ขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นาย สิทธิชัย  49 ปี คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเป็นตัวแทนคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดกระแสดราม่า จนมีคนเข้าไปคอมเม้นต์ และวิพากษ์วิจารณ์ ว่ามีการคิดราคาค่าโดยสารตุ๊กตุ๊กแพงเกินจริง ซึ่งตนเองยืนยันว่า ราคาดังกล่าวเป็นราคามาตรฐาน และมีการติดป้ายแสดงราคากันอย่างชัดเจน การพุดคุยสื่อสารอาจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และคลาดเคลื่อน เนื่องจากว่าอาจจะอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง แล้วเกิดความไม่เข้าใจ ซึ่งในราคาเหมารถตุ๊กตุ๊กท่องเที่ยว ในอัตราคนไทย จะอยู่ที่ชั่วโมงละ 200 บาท และหากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะอยู่ในราคาชั่วโมงละ 300 บาท โดยจะเป็นลักษณะเช่าเหมาคัน

แต่ในกรณีนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันสองคน และมีการหารกัน จึงตกคิดอัตราค่าโดยสารหัวละ 600 บาท จนทำให้ดูว่าราคาแพง และมีการโก่งราคา ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้มองในมุมกลับกันว่า หากนักท่องเที่ยวมากัน 6-8 และเช่าเป็นชั่วโมงในลักษณะเช่าเหมาคันชั่วโมงละ 300 บาท 4 ชั่วโมงก็จะคิดไปหลายหัวในลักษณะหากันเหลือเพียง 200 ถึง 150 เท่านั้น

ต่อมาทีมข่าวสอบถามไปยัง สำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า ราคาเหมารถตุ๊กตุ๊กท่องเที่ยว ที่มีการทำข้อตกลงกันเอาไว้ ชาวต่างชาติจะคิดราคาชั่วโมงละ 300 บาท ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ฯ เข้าไปตรวจสอบ และพุดคุย พร้อมกับสอบสวนสาเหตุกับทางวินรถตุ๊กตุ๊ก และคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เพื่อให้ระมัดระวังการใช้คำพูด การอธิบายความต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หรือในลักษณะของการบีบบังคับให้ใช้บริการ และขอดูรายละเอียดภายคลิปที่ปรากฏอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป

'ตลท.' เตือนนักลงทุนเทรด 'หุ้นมิสแกรนด์' หลังถูกพักซื้อขายไปเมื่อ 23 ก.พ. ชี้!! หากจะลงทุน ต้องศึกษาข้อมูลเท็จจริง ที่สอดรับกับปัจจัยพื้นฐานก่อน

(27 ก.พ. 67) รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังหลักทรัพย์บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ถูกหยุดพักการซื้อขายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากมีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐาน โดยกลับมาซื้อขายได้ตั้งแต่ในภาคเช้าของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไปนั้น

ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและมีพื้นฐานประกอบ (material information) ก่อนเข้าซื้อ MGI เนื่องจากปัจจุบันค่า P/E และ P/BV อยู่ในระดับ 88.05 เท่า และ 22.64 เท่า ตามลำดับ (ปรับด้วยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 แล้ว) โดยเช้าวันนี้ MGI แจ้งสารสนเทศการเปิดตัวงานแกรนด์คอนเสิร์ต อิน ยูเอสเอ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจปกติของบริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้วในส่วนของธุรกิจสื่อและบันเทิง

สำหรับสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐานอีก หลักทรัพย์ MGI จะถูกหยุดพักการซื้อขายอีกเป็นเวลา 1 วัน ตามหลักการของมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 (ระดับสูงสุด) ซึ่งในปัจจุบัน MGI ยังคงอยู่ในมาตรการระดับนี้

สรุปสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MGI โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 6-22 กุมภาพันธ์ 2567 (13 วันทำการ)

- การซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น เกินปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แม้จะอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย
- ราคาเพิ่มขึ้น 74% จาก 28.75 บาท มาเป็น 50 บาท (All Time New High)
- มูลค่าการซื้อขายในช่วงก่อนเข้ามาตรการระดับสูงสุด สูงอยู่ใน 3 ลำดับแรกของ mai
- เข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ครั้ง (เข้ามาตรการระดับสูงสุด 2 ครั้ง)

‘พีระพันธุ์’ ชื่นชม ‘ครูน้อย’ สร้างนวัตกรรมใหม่ด้านพลังงาน เล็งต่อยอดหอกลั่นน้ำมันประจำอำเภอ ลดต้นทุนเกษตรกร

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ได้พบกับนายทวีชัย ไกรดวง หรือ ‘ครูน้อย’ ผู้มีความสามารถด้านนวัตกรรม สามารถผลิตสิ่งประดิษฐ์หลายอย่างที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน ตรงกับนโยบายของตน ที่มุ่งหวังจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนโดยใช้พลังงานทดแทน เช่น โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมเองในประเทศเพื่อลดต้นทุน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานน้ำ 

โดยครูน้อยสามารถผลิตน้ำมันจากยางพาราและขยะพลาสติกจากอุปกรณ์ที่คิดค้นและผลิตขึ้นเองสามารถผลิตน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลชั่วโมงละ 40 ลิตร โดยครูน้อยได้สาธิตการนำน้ำมันที่ผลิตได้ไปใช้กับรถมอเตอร์ไซค์และเครื่องมือทางการเกษตรซึ่งสามารถใช้งานได้ตามปกติ ทำให้นายพีระพันธุ์สนใจผลงานของครูน้อยที่เป็นนวัตกรรมของคนไทยเป็นอย่างมาก

โดยเมื่อ 23 ก.พ. 67 นายพีระพันธุ์ได้เชิญครูน้อยมาหารือเพิ่มเติมที่บ้านพิบูลธรรม เพื่อหาทางต่อยอดนวัตกรรมการผลิตน้ำมันจากยางพาราและขยะพลาสติกของครูน้อย และขอให้ครูน้อยช่วยออกแบบอุปกรณ์เครื่องมือผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงแดด พลังงานลม และพลังงานน้ำ สำหรับใช้ในครัวเรือนและในการเกษตรโดยจะให้เป็นเครื่องต้นแบบของกระทรวงพลังงานที่จะผลิตขายให้ประชาชนและเกษตรกรในราคาถูก

ทั้งนี้ นายทวีชัย ไกรดวง หรือ ครูน้อย ได้นำเสนอแบบการสร้างหอกลั่นน้ำมันที่สามารถผลิตน้ำมันจากยางพาราและขยะพลาสติกได้ถึงชั่วโมงละ 500 ลิตร และอยากจะให้เป็นเครื่องมืออุปกรณ์ประจำแต่ละอำเภอเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันให้แก่ประชาชนและเกษตรกร โดยนายพีระพันธุ์ได้ให้การสนับสนุนและมอบให้นายณอคุณ สิทธิพงษ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานเป็นผู้สนับสนุนพัฒนาเรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์และคุณภาพน้ำมันให้ดียิ่งขึ้น 

และมอบให้นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานเป็นผู้ประสานงานให้เกิดความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินการ นอกจากนี้นายพีระพันธุ์ได้มอบให้ครูน้อยไปคิดประดิษฐ์แผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอร์รี่ที่จะผลิตขึ้นเองในประเทศเพื่อทำให้ราคาระบบผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์มีราคาถูกลงอีกด้วย 

โดยนายพีระพันธุ์เห็นว่าคนไทยจำนวนมากที่มีความสามารถด้านนวัตกรรมแต่ขาดโอกาสและการสนับสนุน หากคนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจังจะสามารถมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นฝีมือของคนไทยที่น่าภาคภูมิใจ และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทุกระดับไม่ว่าจะเป็นชาวนา เกษตรกร ชาวประมง หรือประชาชนทั่วไปให้มีทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

ทำไม? ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงต้องการปราสาทขอม  ประวัติศาสตร์เรื่องอาณานิคม ที่คนรุ่นใหม่เล่าไม่ครบบริบท 

เมื่อประมาณสักหลายเดือนก่อน ผมได้ลองอ่านเรื่องประวัติศาสตร์อ่านสนุก ๆ ในโลก Social Media ซึ่งเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และปราสาทนครวัดจำลองในพื้นที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งปราสาทจำลององค์นี้ ซึ่งพระองค์มีพระราชบัญชาให้ขุนนางได้จำลองมาไว้ แต่ประเด็นที่น่าสนใจไม่ใช่เรื่องราวของการนำเอาปราสาทนครวัดมาจำลองไว้ แต่มันเกี่ยวกับเรื่องของการรื้อถอนปราสาทหินจากเขมรเพื่อนำมาไว้ในสยาม แต่ประวัติศาสตร์อ่านสนุกนั้นไม่บอกไว้ว่าทำไม ? ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔ ถึงต้องรื้อปราสาทหินมาไว้ในพระนคร นอกจากพระองค์ยังทรงต้องการที่จะให้ชาวพระนครได้ชมปราสาทหินเขมร ซึ่งมันคือ 'เรื่องปลายทาง'

จากการไม่อธิบายตรงนั้น ทำให้หลายต่อหลายคนที่ได้มาอ่านก็คิดไปกันเองโดยไม่เข้าใจว่าในหลวงรัชกาลที่ ๔ เพียงแค่ต้องการปราสาทหินมาไว้ในพระนครเพื่อแสดงความเป็นเจ้าเหนือหัวของกษัตริย์เมืองเขมรที่เป็นประเทศราช ซึ่งผมมองว่าไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก หากจะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ สมควรจะเล่าบริบทให้ครบ

'เรื่องต้นทาง'

ในช่วงรัชกาลที่ ๔  สยามเริ่มเข้าสู่ความเชี่ยวกรากของนักล่าอาณานิคมโดยเฉพาะ 'นักล่าหน้าใหม่' ซึ่งมีความกระหายในการ 'ล่าเมืองขึ้น' ไม่ให้น้อยหน้าชาติในยุโรปที่ออกมาหาเมืองขึ้นก่อนหน้านั่นก็คือฝรั่งเศส ซึ่งกระโดดเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังอังกฤษ แต่ต้องการแสดงแสนยานุภาพให้โลกเห็นว่าตนเองก็ไม่ธรรมดา และการหาเมืองขึ้นเพื่อเชื่อมโยงตั้งแต่ทะเลจีนใต้ไปถึงประเทศจีนเป็นหมุดหมายสำคัญของฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น 

หลังจากผ่านพ้นช่วงการเมืองอันวุ่นวาย ฝรั่งเศสก็มีแนวความคิดที่จะออกสู่โลกอันกว้างใหญ่เพื่อหาเมืองขึ้น โดยสร้างชมรมนักสำรวจโดยสมอ้างมันคือชมรมการสำรวจอารยธรรมเพื่อความรู้ใหม่ของชาติ แต่เอาจริง ๆ ก็คือการสำรวจเพื่อประเมินทรัพยากรก่อนเข้ายึดครองนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในการสำรวจครั้งนั้นก็มี ญวณ เขมร และลาว ซึ่งทุกประเทศล้วนเกี่ยวข้องกับสยาม ซึ่งเรื่องเล่านี้เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว 

ภายหลังจากภาพชุดแรกของนักธรรมชาติฝรั่งเศสชื่อ อองรี มูโอต์ ได้วาดและระบายสีภาพ 'อังกอร์วัด' และเมืองโบราณาอื่น ๆ กว่า ๘๐๐ ภาพ ในช่วงปี ค.ศ. ๑๘๕๙ ก่อนนำไปตีพิมพ์ในวารสารเที่ยวรอบโลก Le Tour Du Monde ในช่วง ค.ศ. ๑๘๖๓ ซึ่งขณะที่มูโอต์ได้พบอังกอร์วัด กองทัพฝรั่งเศสได้เข้ายึดครองญวณภาคใต้ได้สำเร็จ จากญวณก็พุ่งเป้าไปยังกัมพูชาเพื่อต่อยอดแผนอันทะเยอทะยานในการมีอิทธิพลเหนือภูมิภาคนี้แต่เพียงผู้เดียว โดย นาวาตรีโบนาร์ด ข้าหลวงใหญ่แห่งโคชินไชน่า ได้เข้าไปในนครเสียมราฐอย่างเงียบ ๆ เพื่อศึกษาลู่ทางต่าง ๆ โดยเขาพบว่า 'นครวัด' อันรกร้างเหมาะจะเป็น 'สัญลักษณ์' ที่เหมาะสมที่สุดแห่งความชอบธรรมของจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส เพราะว่าฝรั่งเศสกำลังจะพลิกฟื้นซากแห่งอารยธรรมโบราณให้แก่ประเทศที่ขาดการพัฒนา เพียงแต่อังกอร์วัดยังเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนที่ชื่อว่า 'สยาม'

'เรื่องกลางทาง'

การที่ฝรั่งเศสเริ่มเข้ามาสนใจเขมรนั้น อยู่ในพระเนตรพระกรรณของในหลวงรัชกาลที่ ๔ มาตลอด พระองค์ทรงตระหนักถึงพิษภัยการคุกคามของฝรั่งเศสที่มีมากกว่าอังกฤษ แถมการทูตใด ๆ ก็ไม่สามารถระงับความอยากได้เขมรของฝรั่งเศสได้ เพราะฝรั่งเศสเดินเกมลุกอย่างหนักทั้งจากการเข้าเฝ้า 'สมเด็จพระนโรดมฯ พรหมบริรักษ์' เพื่อเสนอผลประโยชน์ที่เขมรจะได้รับหากแยกทางกับสยาม

การตอบโต้ฝรั่งเศสในครั้งนั้นของในหลวงรัชกาลที่ ๔ เพื่อตอบโต้การคุกคามของฝรั่งเศสในก็คือพระราชบัญชาให้ขุนนางไทยสำรวจปราสาทนครวัดอย่างถ้วนถี่ เพื่อรื้อถอนเข้ามายังสยาม แต่ในขณะที่สยามกำลังสำรวจนี้ ฝรั่งเศสได้ขนวัตถุโบราณออกจากเขมรไปอย่างต่อเนื่อง หลักฐานการขนสามารถดูได้จากหลักฐานของฝรั่งเศสเองซึ่งเยอะมาก ๆ 

แต่การตอบโต้แรกไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากปราสาทนครวัดนั้นใหญ่โตเกินไป แผนถัดไปจึงมีพระบรมราชโองการให้รื้อถอนปราสาทหินขนาดย่อม ๆ เข้ามาสัก ๒ หลัง โดยส่งกำลังพลถึง ๑,๐๐๐ คนเข้าไปโดยมุ่งไปที่ปราสาทพระขรรค์และปราสาทตาพรหม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถูกฝรั่งเศสเพ่งเล็งและรายงานไปยังข้าหลวงใหญ่ในโคชินไชน่าแทบจะทันที

ถ้าอ่านถึงตรงนี้หลายคนที่อ่านก็คงดรามากันแล้ว เหมือนจากเหตุต้นเรื่องที่ผมได้เล่ามา แต่พระบรมราโชบายนี้มีความลึกซึ้งกว่าที่เราจะมองเผิน ๆ ได้ เพราะเรามีปราสาทขอมในสยามที่ใกล้กรุงเทพฯ เยอะแยะ ทำไม ? ถึงต้องเอาปราสาทที่ไกลจากสยามออกถึงขนาดนั้น และไม่ใช่แค่พระองค์อยากนำปราสาทมาก่อไว้เพื่อเกียรติยศแต่อย่างใด

พระองค์ดำเนินพระราโชบายการรื้อถอนปราสาทหินเขมรเข้ามาเพื่อแสดงความเป็น 'เจ้าอธิราช' เหนือเขมรอย่างถูกต้องทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะฝรั่งเศสในขณะนั้นเขามาลักกินขโมยกิน ทั้ง ๆ ที่ผู้สถาปนากษัตริย์เขมรคือพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 

'เรื่องปลายทาง'

โครงการรื้อถอนปราสาทพระขรรค์และปราสาทตาพรหม ก็ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากมีทหารป่าเขมรประมาณ ๓๐๐ คน เข้ามาโจมตีขุนนางสยามจนล้มตาย บาดเจ็บไปหลายคน แต่กระนั้นในหลวงรัชกาลที่ ๔ ยังคงมีพระราชบัญชาให้ดำเนินการต่อ 'เอาเข้ามาให้จงได้' เพราะเดิมครั้งนั้นคือการเสียบ้านเสียงเมืองในส่วนของเขมรซึ่งอยู่กับสยามมาอย่างยาวนานนับเนื่องมาถึง ๔ รัชกาล 

แต่ในท้ายที่สุดเหล่าขุนนาง เสนาบดีได้เข้าชื่อทำเรื่องทูลเกล้าฯ ขอพระราชทาน 'ระงับ' เพราะเหลือกำลังที่จะรื้อ หรือถ้ารื้อมาแล้วการประกอบขึ้นใหม่ถ้าทำแล้วไม่เหมือน ไม่สมบูรณ์ ก็จะเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศไปเสียอีก ทำให้เวลาต่อมาจึงได้ทรงมีพระราชบัญชาให้สร้างปราสาทนครวัดจำลอง ย่อส่วนลงมาไว้เป็นที่ระลึกภายในพื้นที่ของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังที่เราได้เห็นกันอยู่ถึงวันนี้

นอกเหนือการนำปราสาทหินเขมรเข้าในพระนคร ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ยังคงมีสัญญาลับที่ทำกับเขมรในปี ค.ศ. ๑๘๖๓ เพื่อยังคงดำเนินการักษาอธิราชของสยามที่มีต่อเขมรไว้ แต่ฝรั่งเศสก็ขัดขวางไว้เช่นเคย โดยใช้เรือปืนมาข่มขู่สยามถึงปากน้ำเจ้าพระยาจนเราต้องยอม ส่วนทางเขมรฝรั่งเศสก็ส่งตัวแทนเข้าสู่ราชสำนักเขมรและเสนอผลประโยชน์เพื่อให้เขมรเลิกเป็นประเทศราชของสยาม และเป็นมาเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศส 

สุดท้ายเขมรก็ตกลงเพราะประโยชน์ที่ได้มันค่อนข้างจะคุ้มค่ามาก ๆ ในช่วงเวลานั้น ทำให้การลักกิน ขโมยกินของฝรั่งเศสเป็นเรื่องถูกต้องทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย สัญญาลับที่เราทำกับเขมรก็เป็นโมฆะไปโดยปริยาย แล้วฝรั่งเศสก็เดินหน้ายึดพื้นที่ไปเรื่อย ๆ จนพื้นที่ญวณ เขมร และลาวเป็นพื้นที่ในอารักขาของฝรั่งเศสไปทั้งหมด 

สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงดำเนินพระราโชบายและที่ทรงได้มีพระราชบัญชา เป็นการมองการณ์ไกล เพื่อแสดงความเป็นเจ้าอธิราชให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการรุกรานของฝรั่งเศสที่จะเกิดขึ้น เพราะหากฝรั่งเศสได้เขมร พื้นทื่อื่น ๆ ที่ติดกับเขมรย่อมต้องเสียตามไปอีกเป็นแน่แท้ แล้วการณ์ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่พระองค์คาดไว้ จากนโยบายเรือปืนของฝรั่งเศส ที่เราได้ผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องในอีกถึง ๒ รัชกาล

'จีน' ยกระดับ 184 โรงเรียน พัฒนาครั้งใหญ่ 'ฐานการศึกษา AI' บ่มเพาะความรู้ทางดิจิทัลแก่ 'ครู-เด็ก' รอบด้าน หนุนยุค AI เฟื่อง

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการของจีน ประกาศรายชื่อโรงเรียนประถมและมัธยมจำนวน 184 แห่ง ซึ่งถูกคัดเลือกเป็นฐานการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยเป้าหมายส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ให้ดียิ่งขึ้น

รายงานระบุว่าโรงเรียนประถมและมัธยมควรปรับใช้หลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีทั่วไป และหลักสูตรที่เกี่ยวข้องอื่นๆ พร้อมกับเสริมสร้างทรัพยากรการศึกษาและการเรียนการสอน และจัดการฝึกอบรมและแนะแนวครู เพื่อเกื้อหนุนการศึกษาปัญญาประดิษฐ์

กระทรวงฯ จะเสริมสร้างแนวปฏิบัติของฐานการศึกษาที่กำหนดข้างต้น สนับสนุนการมีบทบาทนำเป็นตัวอย่างในการพัฒนาหลักสูตรปัญญาประดิษฐ์ในโรงเรียน การบูรณาการรายวิชา การปฏิรูปวิธีการสอน ร่วมสร้างและแบ่งปันทรัพยากรการศึกษาทางดิจิทัล บ่มเพาะความรู้ทางดิจิทัลของครู และส่งเสริมการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' นำทีม 'พฐ.' ไขปมชาวไต้หวันถูกยิง-ทิ้งศพย่านสุวรรณภูมิ มั่นใจ!! 'ข้อมูลวัตถุพยาน-สถานที่เกิดเหตุ' พาโยงถึงผู้ก่อเหตุได้

'พิสูจน์หลักฐาน' (พฐ.) อาวุธนำวิถีของพนักงานสอบสวน!!

ตามสั่งการของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) ให้เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนและการตรวจพิสูจน์หลักฐาน กรณีมีผู้พบศพที่เพิงพักไม่มีเลขที่ ท้าย ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท้องที่ สภ.สุวรรณภูมิ ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นนาย ชิ โหมว เชียง (Mr. SHIH MOU CHIANG) ชายชาวไต้หวันถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม และนำศพไปทิ้งที่ ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานหลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ได้เดินทางไปที่พิสูจน์หลักฐาน จ.สมุทรปราการ เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ และสรุปผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในคดี รวมถึงการวางแผนบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างพิสูจน์หลักฐานและงานสืบสวนสอบสวน 

โดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.กล่าวว่า “ในคดีนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทั้งในส่วนของพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ และกลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 รวมถึงกลุ่มงานสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้บูรณาการร่วมกันในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การตรวจเก็บวัตถุพยานรวมถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ซึ่งในในการเดินทางมาประชุมสรุปในวันนี้ในส่วนของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก สามารถส่งข้อมูลให้กับทีมสืบสวนสอบสวนไปดำเนินการต่อได้ ในส่วนที่เหลือคือ การตรวจสอบวัตถุพยานซึ่งต้องใช้เทคนิคในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันลักษณะการกระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกครั้งหนึ่ง” 

หลังจากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภชัยไตรสมบูรณ์ นวท.(สบ 5) ศพฐ.1, พ.ต.อ.พรณรงค์ เจริญวัฒนวิญญู นวท.(สบ 4) พฐ.จว. สมุทรปราการ, พ.ต.อ.หญิงศิริประภา รัตตัญญู นวท.(สบ 4) กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ พฐก.และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.ท.คเชนทร์ บุญทวี รอง ผกก.สส.สภ.โคกคราม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและตรวจสถานที่เกิดเหตุเพิ่มเติมที่บ้านเช่าของผู้เสียชีวิต และที่บ้านเช่าหลังที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านหรูย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม 

โดยเบื้องต้นตรวจพบพยานหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนจำนวน 2 ปลอก ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะได้นำไปตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลอาวุธปืน (ABIS และ IBIS) เพื่อพิสูจน์ทราบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนประเภท ชนิด ขนาดใด รวมทั้งเพื่อตรวจพิสูจน์ว่ากระสุนปืนดังกล่าวใช้ยิงมาจากอาวุธปืนที่เคยมีประวัติการก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อไป

“ในคดีนี้มีสถานที่ที่เกี่ยวข้องหลายแห่งรวมทั้งพยานหลักฐานมีจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงต้องใช้ความรอบคอบและทำงานให้รวดเร็วภายใต้มาตรฐานระบบงานทั้งในส่วนของมาตรฐานการตรวจสถานที่เกิดเหตุและมาตรฐานการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานในห้อง แล็ป ซึ่งในส่วนนี้ก็จะสามารถเป็นที่มั่นใจได้ว่าวัตถุพยานหลักฐานที่ทำการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดนั้นสามารถยืนยันและเชื่อมโยงกันได้ทั้งในส่วนของผู้เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งที่อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุโดยพิสูจน์หลักฐานจะได้ประสานกับทีมสืบสวนสอบสวนในการนำผลการตรวจพิสูจน์ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดีในภายหลังเมื่อสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้” พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช. สพฐ.ตร.กล่าว

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top