Thursday, 12 June 2025
TheStatesTimes

‘ผู้จัดการ รร.จีน’ ขอโทษสังคม หลังจัดเกมโยนบ่วงชิงรางวัล รับขาดการคิดไตร่ตรอง ทำกระทบเกียรติ-ศักดิ์ศรี ‘แม่หญิงลาว’

รองผู้จัดการโรงแรมชาวจีน ที่จัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวโยนบ่วงใส่พนักงานหญิงชาวลาว เพื่อชิงรางวัล ออกคลิปขอโทษเป็นภาษาลาว ยอมรับเป็นการกระทำที่ขาดสติ ขัดต่อวัฒนธรรมอันดีงามของลาว และเข้าข่ายดูหมิ่นศักดิ์ศรีแม่หญิง ยืนยันต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว

เมื่อไม่นานนี้ นายอาหลี ชาวจีน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเวียงจันทน์แม่โขง ในนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้บันทึกคลิปกล่าวคำขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่โรงแรมเวียงจันทน์แม่โขง ได้จัดกิจกรรมโยนบ่วงคล้องพนักงานหญิงชาวลาวของโรงแรม เพื่อชิงรางวัลเมื่อคืนวาเลนไทน์ วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จนก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิกิจกรรมนี้อย่างกว้างขวางไปทั่วประเทศลาว โดยนายอาหลีได้กล่าวเป็นภาษาลาว มีรายละเอียดดังนี้

“สะบายดี ข้าพเจ้าท้าวอาหลี ในนามรองผู้จัดการโรงแรมเวียงจันทน์แม่โขง ขอแสดงความรับผิดชอบ และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่ปรากฏในสื่อสังคม สื่อออนไลน์ เฟซบุ๊ก ของวันที่ 16 ก.พ. 67 ที่ทางโรงแรมได้จัดกิจกรรมโยนบ่วงส่งมอบของขวัญ ที่ไม่ถูกต้องขึ้นด้วยการขาดสติ ขาดการค้นคิด ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของประเทศ สปป.ลาว โดยรวม โดยเฉพาะส่งผลกระทบถึงเกียรติ ศักดิ์ศรี ของผู้หญิงลาว บรรดาเผ่า กระทบถึงวัฒนธรรม ฮีตคองประเพณี ที่มีคุณค่าอันดีงามของสังคมลาว เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ

ด้วยเหตุนั้น ข้าพเจ้า รองผู้จัดการโรงแรม จึงออกคำแถลงแสดงความรับผิดชอบต่อผลเสียหาย และขอโทษต่อประชาชนลาว บรรดาเผ่า ผู้หญิงลาว บรรดาเผ่า และให้คำมั่นสัญญาว่า

1.) โรงแรมจะปฏิบัติตามกฎหมาย และนิติกรรมของ สปป.ลาว อย่างเข้มงวด

2.) จะดำเนินธุรกิจตามที่ได้รับอนุญาตอย่างเข้มงวด

3.) จะไม่ทำผิดกฎหมาย ระเบียบการ ฮีตคองประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของชาติลาว และจะไม่ให้มีเหตุการณ์ใดที่มีลักษณะแบบเก่า หรือคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วนั้นอย่างเด็ดขาด

4.) ถ้าหากมีเหตุการณ์ และการประพฤติที่ผิดต่อกฎหมาย หรือนิติกรรม ของ สปป.ลาว เกิดขึ้นอีก พวกข้าพเจ้ายินยอมให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวด รวมไปถึงการระงับ หรือปิดกิจการอย่างถาวร

หวังอย่างยิ่งว่า หน่วยงานรัฐ สังคมลาว โดยเฉพาะประชาชน และผู้หญิงลาว บรรดาเผ่า จะให้อภัยพวกข้าพเจ้ามา ณ ที่นี้ด้วย ขอขอบใจ”

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 67 ได้มีการเผยแพร่คลิปกิจกรรมของโรงแรมเวียงจันทน์แม่โขงไปทั่วชุมชนออนไลน์ของลาว ในคลิปเป็นภาพพนักงานหญิงของโรงแรมยืนเรียงเป็นกลุ่ม อยู่หน้าอาคารที่พัก แต่ละคนถือขวดเบียร์ ขวดเหล้า ขวดไวน์ฯลฯ เป็นของรางวัลให้แขกโยนบ่วงเข้าใส่ หากบ่วงตกไปคล้องเข้าที่ใคร รางวัลในมือของหญิงคนนั้นจะตกเป็นของผู้โยน

ผู้ที่ได้ชมคลิปนี้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของผู้หญิงลาว เข้าข่ายการใช้ความรุนแรง เสี่ยงจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย พร้อมแสดงความเป็นห่วงว่า หากผู้โยนพลาด อาจทำให้หญิงที่ยืนเป็นเป้า ปากแตก จมูกหัก หัวโน หรือตาช้ำได้

ที่ผ่านมา กิจกรรมการโยนบ่วงเพื่อเดิมพันหรือชิงของรางวัล เป็นการละเล่นที่มักจัดขึ้นตามงานเทศกาลต่างๆโดยใช้เป็ดเป็นเป้าให้คนโยนบ่วงลงไปคล้องคอเป็ด บ่วงที่นำมาโยนมีขนาดเล็ก เบา ต่างจากบ่วงที่นำมาโยนใส่พนักงานตามคลิปนี้ที่ทั้งใหญ่และหนัก สังคมจึงตั้งคำถามว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสม สอดคล้องกับวัฒนธรรมประเพณีของลาว เข้าข่ายใช้ความรุนแรง หรือเป็นกิจกรรมการตลาดที่ขาดสติหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการไม่ให้เป็นแบบอย่างแก่สังคม

ต่อมารุ่งขึ้น ในวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา โรงแรมเวียงจันทน์แม่โขง ได้มีหนังสือชี้แจงไปยังหัวหน้าตำรวจท่องเที่ยว นครหลวงเวียงจันทน์ มีเนื้อหาโดยสรุปว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นเมื่อเวลา 18.00 น.ของวันที่ 14 ก.พ. เพื่อสร้างความรื่นเริง ต้อนรับลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านอาหารของโรงแรมเท่านั้น ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น บ่วงที่นำมาโยนก็มีน้ำหนักเบา มีการทดสอบก่อนจะนำไปโยน ดังนั้น โรงแรมจึงพร้อมรับฟังคำแนะนำ เพื่อแก้ไขและป้องกันไม่ให้มีปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

โรงแรมเวียงจันทน์แม่โขงตั้งอยู่ที่บ้านโพนทัน เมืองไซเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นโรงแรมที่มีนักลงทุนชาวจีนเป็นเจ้าของ และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวลาว

ครอบครัว ‘ตะวัน-แฟรงค์’ ขอยื่นประกันตัวลูก วอนศาลเมตตา พร้อมสัญญาจะดูแลทั้งคู่ให้กลับตัวกลับใจ ทำแต่สิ่งดีๆ

(24 ก.พ. 67) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ความคืบหน้าคดีที่พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดน ได้ยื่นคำร้องฝากขัง นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ‘ตะวัน’ อายุ 22 ปี นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ ‘แฟรงค์’ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-2 ข้อหามาตรา 116, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ, ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร

กรณีเหตุการณ์ที่ น.ส.ทานตะวัน หรือ ‘ตะวัน’ ร่วมกับนายณัฐนนท์ หรือ ‘แฟรงค์’ นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง พยายามขับรถแซงขบวนเสด็จบนทางด่วน พร้อมบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จผ่าน และใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ฝากขังและไม่ให้ประกันในคดี

ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของ น.ส.ทานตะวัน ได้มายื่นขอให้ศาลอาญาพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 2 คน

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Friends Talk โพสต์คำร้องขอประกันตัวของทั้งคู่ ระบุว่า…

“ศาลที่เคารพ ขณะนี้ลูกสาวของผม นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ซึ่งถูกสั่งให้ขังอยู่ใต้ความควบคุมของเรือนจำ ป่วยหนัก ขอให้ศาลปล่อยลูกผมออกมา เพื่อให้ผมสามารถรักษาชีวิตของลูกไว้ด้วยครับ

วันนี้เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ได้ทำการอดอาหาร และน้ำ จนมีอาการวิกฤตอยู่ขณะนี้ ทำให้เขาสามารถเสียชีวิตในเวลาอันใกล้ ซึ่งข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมเมื่อวาน (23/2/67) เขามีอาการซีด ผอม และทรมานมาก ข้าพเจ้าจึงขอให้ศาลโปรดเมตตาในการช่วยชีวิตบุตรีของข้าพเจ้า อีกทั้งจะให้เขาได้กลับตัว กลับใจ ทำในสิ่งดีดี เพื่อลบล้างสิ่งไม่ดีในอดีต

อนึ่งขอให้ศาลโปรดเมตตา น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ บุตรีของข้าพเจ้า เพื่อได้ออกมาสู้คดีอย่างยุติธรรม

ข้าพเจ้าให้สัญญาว่าจะดูแล น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ บุตรีของข้าพเจ้า ไม่ให้มีความประพฤติที่ไม่สมควรอีก และจะนำบุตรีของข้าพเจ้ามาตามนัดของเจ้าหน้าที่และศาลอย่างเคร่งครัด

ขอให้ท่านโปรดเมตตา”

ขณะที่คำร้องขอประกันนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ ‘แฟรงค์’ ระบุว่า…

“ศาลที่เคารพ ขณะนี้ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ผู้ซึ่งเป็นพนักงานของข้าพเจ้า และได้อยู่กับข้าพเจ้า เปรียบเสมือนบุตรอีกคนของข้าพเจ้า อยู่ใต้ความควบคุมของเรือนจำ ป่วยหนัก ขอให้ศาลปล่อยนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ให้ผมสามารถรักษาชีวิตของเขาได้

วันนี้เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา การที่นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ได้ทำการอดอาหารจนอาการในขณะนี้มีวิกฤต ทำให้อาจทำให้เสียชีวิตได้ในไม่ช้า จึงขอความกรุณาจากศาลให้ท่านปล่อยตัวนายณัฐนนท์ ให้เขาได้ประพฤติตัว และแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด และทำความดีให้กับสังคมในครั้งต่อไป

ข้าพเจ้าขอให้สัญญาว่า จะอบรมสั่งสอนให้นายณัฐนนท์ไม่ให้มีความประพฤติที่ไม่สมควร และจะพามาพบเจ้าหน้าที่และศาลตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด”

‘กต.’ เล็งลงนาม ฟรีวีซ่า ‘ไทย-คาซัคสถาน’ แบบถาวร เม.ย.นี้ ตั้งเป้าดึง นทท.คาซัคฯ ทัวร์เมืองไทยปี 67 ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน

(24 ก.พ. 67) นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยวานนี้ (23 ก.พ.) ภายหลังการจัดงาน ‘Amazing Thailand Roadshow To Almaty’ ณ เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ กต. ว่า จากการเดินทางมาร่วมกิจกรรมสำรวจลู่ทางการค้าและการลงทุนในประเทศคาซัคสถานรอบนี้ ทาง กต.ได้เริ่มกระบวนการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ ‘ยกเว้นวีซ่า : Visa-Free’ (ฟรีวีซ่า) ซึ่งกันและกันอย่างถาวรระหว่างฟรีวีซ่าแล้ว แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องเอกสารระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลคาซัคสถาน ทำให้ต้องชะลอการลงนามฯ ไปก่อน

“ตามที่ทางนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้มีการเชิญนายมูรัท นูร์ตลิว รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของคาซัคสถาน เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ในเดือน เม.ย. 2567 เราตั้งเป้าว่าน่าจะเห็นการลงนามความตกลงยกเว้นวีซ่าอย่างถาวรระหว่างไทยกับคาซัคสถานอย่างแน่นอน”

หลังจากล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2567 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว ให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. - 31 ส.ค. 2567 ต่อเนื่องจากมติ ครม. ก่อนหน้านี้ที่ประกาศยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานในช่วงระหว่างวันที่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ. 2567

“นี่จึงเป็นเหตุผลที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้ ครม.มีมติขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานอีก 6 เดือนจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2567 เพื่อให้มั่นใจว่าจะครอบคลุมช่วงเวลาดำเนินการจัดทำความตกลงระหว่าง ไทยกับคาซัคสถาน ในการยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกันอย่างถาวร” นายจักรพงษ์ กล่าว

และเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ทางกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. ได้หารือร่วมกับผู้บริหารสายการบิน แอร์ อัสตานา (Air Astana) พร้อมแจ้งข่าวดีเรื่องการดำเนินการจัดทำความตกลง ไทย-คาซัคสถาน ยกเว้นวีซ่า ระหว่างกันอย่างถาวรอีกด้วย

“ทางตัวแทนผู้บริหารแอร์อัสตานาดีใจมาก จริงๆ เขาดีใจตั้งแต่รัฐบาลไทยประกาศยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวคาซัคสถานตั้งแต่รอบแรกแล้ว ยิ่งต่อรอบที่ 2 ก็ยิ่งดีใจ เพราะในมุมนักธุรกิจเขาขอแค่ภาครัฐกำหนดแผนงานให้ชัดเจน แน่นอน ที่เหลือเขาไปทำการบ้านต่อเอง โดยในปี 2567 ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการฯ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 2 แสนคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งได้ 1.7 แสนคน”

และแม้ว่าคาซัคสถานจะเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตพลังงานค่อนข้างมาก แต่ในบางจังหวะ บางเมือง ไฟฟ้าเกิดดับไปเลย 30 วันในช่วงฤดูหนาวที่อากาศติดลบกว่า 40-50 องศา ถ้าสามารถเริ่มบังคับใช้ความตกลงยกเว้นวีซ่าดังกล่าวได้เมื่อไร ชาวคาซัคสถานก็พร้อมเก็บกระเป๋าออกจากบ้าน เดินทางมาประเทศไทยได้เลย ด้วยปัจจัยสำคัญอย่างการมีเส้นทางบินตรงจากคาซัคสถานมาไทย ยิ่งสนับสนุนการเดินทางอย่างสะดวกสบาย

“นี่จึงเป็นเหตุผลที่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ให้ความสำคัญและพูดตลอดว่า การมี เที่ยวบินตรง (Direct Flight) จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก ไม่ต้องเสียเวลาต่อเครื่องบิน นี่คือ Ease of Travelling อย่างหนึ่ง” รมช.การต่างประเทศกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ด้านประเทศคาซัคสถาน ได้ประกาศยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2562 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ผู้ที่ต้องการไปเยือนคาซัคสถานสามารถพำนักในประเทศได้นานสูงสุด 30 วัน โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า

‘มหาวิทยาลัยดังของญี่ปุ่น’ ออกประกาศ ห้าม นศ.ช่วยตัวเอง หวั่นทำ ‘ท่อตัน’ ลั่น!! หากมีความต้องการเร่งด่วน โปรดแจ้ง

(24 ก.พ. 67) เรียกว่าเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เอ็กซ์ชื่อว่า bad_texter ได้โพสต์ประกาศของมหาวิทยาลัยโทโฮกุ ที่ห้ามนักศึกษาช่วยตัวเอง จนทำให้มีคนเห็นโพสต์ดังกล่าวเกือบ 16 ล้านวิว โดยประกาศดังกล่าว มีเนื้อหาว่า…

“คำเตือนเรื่องการช่วยตัวเอง

การช่วยตัวเองในห้องน้ำ (อ่างล้างมือ) ของมหาวิทยาลัยถือเป็นการละเมิดกฎของทุกคณะ ในมหาวิทยาลัยโทโฮกุ ท่อระบายน้ำไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำอสุจิ

หากมีน้ำอสุจิมากเกินไป ท่อก็จะเกิดการอุดตัน และการเปลี่ยนใหม่มีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นเยน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ จะไปปรากฏในค่าเทอมที่เพิ่มขึ้นของนักศึกษาในปีถัดไปได้

มันเป็นเงินของคุณ ดังนั้น โปรดช่วยตัวเองในห้องนอน

หากมีคำถาม หรือต้องการความช่วยเหลือในการช่วยตัวเองอย่างเร่งด่วน โปรดติดต่อเรา ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ”

โพสต์ดังกล่าว มีคนรีทวีตไปมากกว่า 6,400 ครั้ง และไลก์ไปกว่า 53,000 ครั้ง และคอมเมนต์กันรัวๆ อาทิ

- “ที่โทโฮกุ ทุกอย่างมีเหตุมีผลเสมอ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ”
- “นอกจากนี้แล้ว ฉันเกลียดเวลามีคนล้างมือและบ้วนเสมหะในตอนท้าย แล้วปิดน้ำทันที มันน่าขยะแขยง ดังนั้น ควรล้างมันออกด้วยน้ำเยอะๆ”
- “จะเกิดอะไรขึ้นหากฉันทำคำขอเร่งด่วน…?!”
- “เป็นคำเตือนที่ดี”
- “#ระวังการช่วยตัวเอง ขอช่วยตัวเองด่วนเหรอ? ? ? มันไม่ใช่การช่วยตัวเอง แต่เป็นบริการของผู้ชายใช่ไหม?”

‘สนธิญา’ ค้านประกันตัว ‘ตะวัน’ ชี้!! พฤติกรรมไม่เคยสำนึกผิด ย้อนถาม ‘พ่อ’ เป็นไม่ได้ที่จะไม่รับรู้เรื่องของลูกสาวตัวเอง

(24 ก.พ. 67) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีพ่อของ น.ส.ทานตะวัน หรือ ‘ตะวัน’ และครอบครัวของนายณัฐนนท์ หรือ ‘แฟรงค์’ นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง เข้ายื่นขอให้ศาลอาญาพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 2 คน โดยระบุว่า…

“คัดค้านการร้องขอประกันตัว ของ ‘ตะวัน’ ขวางขบวนเสด็จ ตามที่พ่อของตะวัน ออกมาเขียนคำร้องถึงศาลอาญา กรณีการที่ตะวัน ขวางขบวนเสด็จและเมื่อถูกแจ้งดำเนินคดี ก็แสดงการขัดขืนใช้วิธีการอดข้าวประท้วง และมีข้อเรียกร้องที่ไม่สำนึกในการกระทำเช่นปกติผ่านมา

การกระทำของตะวัน ผ่านมาเป็นลำดับและมีคดีผิดมาตรา 112 มาแล้ว 2 คดี และไม่สำนึก ไม่เคารพคำตกลงกับศาลอาญาในการประกันตัว และเป็นข่าวใหญ่เคลื่อนไหวตลอดมา และเป็นไปไม่ได้ที่พ่อของตะวัน จะไม่รับรู้เหตุการณ์เหล่านี้ตลอดมาปล่อยปละละเว้นให้ผู้ใต้ปกครองกระทำการที่จาบจ้วง ย่ำยีสถาบันและกฎหมายตลอดมา เป็นการท้าทายทั้งกฎหมายและความรู้สึกของสังคมอย่างรุนแรงตลอดมา ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ

ด้วยเหตุผลทั้งหมด ข้าพเจ้านาย สนธิญา สวัสดี ที่เป็นผู้ร้องแจ้งดำเนินคดีต่อ ตะวัน จำนวน 2 ครั้ง กรณี ขวางขบวนเสด็จ และร้องให้ตำรวจเสนออัยการยกเลิกการขอประกันตัว กรณีการทำผิดเงื่อนไขแบบตั้งใจของตะวัน ที่พ่อของตะวันย่อมรู้เงื่อนไขตลอดมา ในข้อตกลงของตะวัน และศาลอาญา เจ้าของคดี ด้วยเหตุผลดังกล่าว

1.) ข้าพเจ้าเรียกร้องศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวตะวัน ตามคำร้องของพ่อตะวันเรียกร้อง

2.) กรณีการอดอาหารของตะวัน ก็เป็นการแสดงการไม่ยอมรับกระบวนการกฎหมายของประเทศไทย

3.) ยังมีข้อเรียกร้องที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติไว้

4.) การอดข้าวประท้วงกฎหมายครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ของตะวัน ที่ได้รับการปฏิบัติดูแลจากราชทัณฑ์เป็นอย่างดี โดยส่งไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ด้วยเหตุผลทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงเรียกร้องไปยังศาลอาญาคัดค้านการประกันตัว ตะวัน ตามที่พ่อ ตะวันร้องขอ และในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.30 น. ข้าพเจ้าจะเดินทางไปที่ศาลอาญารัชดา เพื่อร้องคัดค้านการประกันตัว ตะวัน ต่อไป จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบครับ”

‘สุริยะ’ รับลูกนโยบายนายกฯ สั่ง ‘ขบ.’ เร่งแก้ไขปัญหาแท็กซี่ทั้งระบบ พร้อมยกระดับการให้บริการขนส่ง-การเดินทางของ ปชช.ให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อการใช้บริการในระบบรถโดยสารสาธารณะรถแท็กซี่ จึงได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการแก้ไขการให้บริการรถแท็กซี่ให้ประชาชนสามารถใช้บริการที่ดี สะดวก ปลอดภัย และมีราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งเร่งหาสาเหตุปัญหารถแท็กซี่ปฏิเสธการให้บริการประชาชน ในระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน หรือในช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัดด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ขานรับของนโยบายนายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ไปดำเนินการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาคุณภาพ ในการให้บริการรถแท็กซี่ทั้งระบบ รวมถึงการวิจัยในเรื่องอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม สะท้อนต่ออัตราค่าครองชีพในปัจจุบัน และไม่เป็นการรบกวนต่อค่าครองชีพของประชาชน

สำหรับกระบวนการศึกษาในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาแผนการดำเนินการ รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมผู้บริโภค สมาคมชมรมผู้ให้บริการรถแท็กซี่ รวมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความเห็นจากทุกฝ่าย นำมาปรับปรุงพัฒนาทั้งในส่วนของการให้บริการ และในส่วนของการรับบริการ ในระบบแท็กซี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ ขบ. ไปพิจารณาถึงแนวทางอื่นๆ ควบคู่ตามไปด้วย เพื่อให้ระบบการให้บริการเป็นไปตามระบบสากล มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อไป ต่อยอดเศรษฐกิจอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดย่อมของประเทศไทยได้อย่างดีต่อไป

‘เบิร์ด ธงไชย’ เผย!! สาเหตุที่ต้องจำชื่อแอร์ฯ และสจ๊วตทุกไฟลต์ที่บิน เพราะทุกการดูแลจากพวกเขา ทำให้ “เราต้องกตัญญู-เห็นคุณค่าในน้ำใจ”

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 ได้มีกระแสในโลกโซเชียล หลังมีแอร์โฮสเตสออกมาเล่าการันตี ว่า ‘เบิร์ด ธงไชย’ ตัวจริงกับบนเวทีนิสัยเหมือนกันเป๊ะ และขอยกให้เป็นดารานิสัยดี บอกบางทีต้องจำชื่อแอร์ฯ และสจ๊วตไฟลต์นึงถึง 49 คน เผยสาเหตุที่ทำเพราะอยากกตัญญูกับลูกเรือที่คอยมาบริการตน เคยเหมาบัตรคอนเสิร์ตให้หมอ พยาบาลในห้องฉุกเฉินก็ทำมาแล้ว

เคยเป็นเรื่องที่พูดถึงกันในโซเชียล เมื่อแอร์โฮสเตสสายการบินดังได้ออกมาตอบคำถามชาวโซเชียลประเด็น ‘อยากรู้ดารานิสัยดี น่ารักมากๆ สำหรับแอร์’ ซึ่งเจ้าของคลิปและเพื่อนแอร์ฯ สาว ได้ออกมาตอบว่าดาราที่แอร์ฯ และสจ๊วตทุกคนในสายการบินชม ต้องยกให้ ‘พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์’ นักร้องซุป’ตาร์เบอร์ 1 ของเมืองไทยตลอดกาล โดยแอร์ฯ สาวเล่าว่า…

“ทุกครั้งก่อนที่พี่เบิร์ดจะขึ้นเครื่อง พี่เบิร์ดจะทำการบ้านมาก่อนว่าลูกเรือที่จะให้บริการเขาชื่อเล่นว่าอะไร แล้วพอพนักงานทักทายว่าสวัสดีพี่เบิร์ด พี่เบิร์ดจะมองหน้าแล้วตอบกลับว่า สวัสดีครับตามด้วยชื่อเล่นของคนนั้น ทำให้ทุกคนประทับใจ และพี่เบิร์ดจะยิ้มแย้มแจ่มใส ทานง่ายๆ ไม่ขออะไรมาก

เมื่อพี่เบิร์ดทานเสร็จจะเดินเข้าไปในครัว พร้อมบอกให้ลูกเรือทุกคนตบแป้งเติมปาก และพี่เบิร์ดยืนรอเพื่อให้ถ่ายรูปด้วยกัน ไม่ว่าพี่เบิร์ดจะเดินทางไฟลต์ไหน ถ้าทุกคนเห็นว่ามีชื่อพี่เบิร์ด จะรู้เลยว่าไฟลต์นั้นจะอบอุ่นและมีความสุขมาก”

เมื่อถามเรื่องนี้กับ เบิร์ด ธงไชย เจ้าตัวก็เล่าว่า “คือการบินไทยพอพี่เบิร์ดขึ้นเครื่องนะ ไหนจะต้องสวย ไหนจะต้องตื่นเช้า ต้องยกของหนัก ไหนจะขนตาอีก จะต้องนั่นจะต้องนี่ พี่เบิร์ดนั่งมองแล้วก็บอกเขาว่า เรากินเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวน้องไปเติมปากนะ เดี๋ยวเรามาเฮกัน อยากให้น้องมีความสุขบ้าง เขาตั้งใจอุ่นอาหารให้เรานะ เราน่าจะชื่นชมเขานะ เขาต้องมาดูแลเรา เขาหาน้ำร้อนมาให้เราทาน พี่เบิร์ดว่าพี่ก็ต้องกตัญญู ก็ต้องอย่างนี้แหละ

เรื่องชื่อพอเขาบอกปุ๊บพี่เบิร์ดจดเลย แล้วก็ท่องๆๆ ใครจะไปจำได้ ก็พี่เบิร์ดท่องเข้าไป เห็นหน้าก็จำได้ถ้าไม่ผ่ามากนะ มีเคล้าๆ พี่เบิร์ดจำได้ ถ้าเกิดว่าผ่ามากพี่เบิร์ดจำไม่ได้นะ ไฟลต์นึงต้องจำชื่อกี่คนก็แล้วแต่นะว่านั่งลำใหญ่ลำเล็ก บางทีก็ 49 คน

อีกอาชีพหนึ่งที่น่าชื่นชมคือหมอและพยาบาล พี่เบิร์ดแอบไปหาหมอตอน 5 ทุ่ม พี่เบิร์ดต้องเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พี่เบิร์ดเห็นแล้ว รู้สึกว่าน้องๆ เหล่านี้เขาจะมีความสุขกันได้ยังไง เห็นแต่เลือดเห็นแต่หนอง เสียงร้อง เสียงกรี๊ดของเราไม่เหมือนกับของเขา พี่เบิร์ดซื้อตั๋วแจกเลยครับ ให้หมอพยาบาลมาดูคอนเสิร์ต”

ยันตัวจริงและบนเวทีเหมือนกันเป๊ะ

“พี่เบิร์ดดีใจๆ เรามาถูกทางแล้ว อยากให้เขาเห็นคุณค่าในน้ำใจของพวกเราด้วยนะ เดี๋ยวนี้อะไรมันก็เร็วไปหมด อาจจะมองข้ามเรื่องน้ำใจของคนกันได้ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เราให้ได้ให้นะ (บนเวทีกับตัวจริงเหมือนกัน คนเดียวกันเลย?) คนเดียวกันเป๊ะ เป๊ะบ้านโป่งเลย” เธอกล่าวทิ้งท้าย

ผบช.ภ.4 สั่งระดมกำลังกวาดล้างน้ำกระท่อมในทุกพื้นที่

จากนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมการจำหน่ายน้ำกระท่อมที่มีการวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยและแพร่หลายบริเวณสี่แยกไฟแดงและจุดอื่นๆ ทั่วประเทศนั้น

ด้าน พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ตำรวจภาค 4 ทั้ง 12 จังหวัด คือ ภ.จว.กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, นครพนม, บึงกาฬ, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และ อุดรธานี กวาดล้างจับกุมผู้จำหน่ายน้ำกระท่อม พร้อมประสานฝ่ายปกครองช่วยกวดขันปราบปรามอย่างจริงจัง  โดยตั้งแต่วันที่ 8 – 23 ก.พ.67 ตำรวจภาค 4 ได้จับกุมผู้จำหน่ายน้ำกระท่อมไปแล้ว จำนวน 90 ราย ผู้ต้องหา 90 คน ของกลางน้ำกระท่อม 2,140 ลิตร

ส่อง ‘สะพานรถไฟโค้ง’ แห่งแรกในไทย  อีกไฮไลต์ทางคู่ ‘เด่นชัย-เชียงของ’

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 เพจ Progressive Thailand ได้โพสต์ภาพอัฟเดต ‘สะพานรถไฟโค้งหล่อสำเร็จ’ (BEBO Arch Bridge) เทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แห่งแรกของประเทศไทย ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่บ้านปงป่าหวาย จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ดำเนินโครงการก่อสร้างโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

รายละเอียดโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีดังนี้

▪ ระยะทาง 323 กิโลเมตร 
▪ จำนวนสถานี 26 สถานี (4 สถานีขนาดใหญ่ 9 สถานีขนาดเล็ก และ 12 ป้ายหยุดรถไฟ)
▪ ความเร็วรองรับสูงสุด 160 กม./ชม.
▪ จำนวนจังหวัด 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่, ลำปาง, พะเยา และเชียงราย
▪ ลานกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า 5 แห่ง
▪ อุโมงค์ 4 แห่ง ความยาวรวม 13.5 กิโลเมตร
▪ มูลค่าโครงการ 72,920 ล้านบาท
▪ เปิดบริการปี 2571

The first BEBO Arch Bridge in Thailand, a part of the new double-track railway line Denchai - Chiang Rai - Chiang Khong project, is under construction

The new double-track railway line  Denchai - Chiang Rai - Chiang Khong project

▪ Distance : 323 kilometers
▪ Number of station : 26 stations (4 large stations, 9 small stations, and 12 stops)
▪ Maximum supported speed : 160 km/h.
▪ Number of province : 4 provinces, Phrae, Lampang, Phayao, Chiang Rai
▪ Container yard : 5 yards
▪ 4 tunnels, total length of 13.5 kilometers
▪ Project value : 72,920 million baht
▪ Open for service in 2028

ขอบคุณภาพจาก : โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย เชียงรายเชียงของ
เนื้อหาโดย : Progressive Thailand

‘จีน’ ส่งดาวเทียม ‘Long March-5 Y7’ สู่วงโคจรสำเร็จ สานต่อการทดลอง-พัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารความเร็วสูง

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 สำนักข่าวซินหัว, เหวินชาง รายงานข่าวว่า จีนประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมทดลองเทคโนโลยีการสื่อสาร จากศูนย์ปล่อยยานอวกาศเหวินชาง มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของประเทศขึ้นสู่ห้วงอวกาศ เมื่อช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ‘จรวดขนส่งลองมาร์ช-5 วาย7’ (Long March-5 Y7) นำส่งดาวเทียมข้างต้นสู่วงโคจรที่กำหนดไว้ โดยดาวเทียมดวงนี้จะถูกใช้ทดลองเทคโนโลยีการสื่อสารความเร็วสูง และหลายย่านความถี่เป็นหลัก ส่วนการส่งดาวเทียมครั้งนี้นับเป็นภารกิจที่ 509 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช

อนึ่ง ‘ลองมาร์ช-5’ เป็นจรวดขนส่งแบบอุณหภูมิต่ำขนาดใหญ่ที่สุดที่ใช้งานในจีน พัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีจรวดขนส่งแห่งประเทศจีน ตัวแกนหลักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮโดรเจน-ออกซิเจนวายเอฟ-77 (YF -77) 2 ตัว และเครื่องยนต์ออกซิเจนเหลวและน้ำมันก๊าดวายเอฟ-100 (YF-100) 8 ตัว พร้อมแรงขับทะยานมากกว่า 1,000 ตัน

‘โหลวลู่เลี่ยง’ รองหัวหน้านักออกแบบ กล่าวว่า ปีนี้มีแนวโน้มปล่อยจรวดขนส่งลองมาร์ช-5 ราว 4-5 ครั้ง และจะรักษาความถี่นี้ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top